หน้า 1 จาก 2 • 1, 2
- dedog
Jinn Watinpol
อาจารย์ศิลปะ
5262
+1,074 M 191 K 627
PASSPORT
:
(9911/28000)
:
MONKEY & TREE
Wed 08 Mar 2017, 01:51
MONKEY & TREE
เรื่องราวของจิณณ์และแม็กเวลในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา
ทั้งเรื่องราวดีๆ เรื่องราวเลวร้าย เรื่องราวที่คลี่คลาย เรื่องราวที่คาดไม่ถึง
เพื่อนใหม่และความสัมพันธ์ที่เหมือนจะพัฒนาไปอีกขั้น
พวกเราก็อยู่กันแบบนี้แหละ :)
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
INTRO & [1]
[2]
[3]
[4]
[5]
[6]
[7]
[8]
[9]
[10]
[11]
[12]
[13]
[14]
[15]
[16]
[17]
.
.
.
เรื่องราวของจิณณ์และแม็กเวลในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา
ทั้งเรื่องราวดีๆ เรื่องราวเลวร้าย เรื่องราวที่คลี่คลาย เรื่องราวที่คาดไม่ถึง
เพื่อนใหม่และความสัมพันธ์ที่เหมือนจะพัฒนาไปอีกขั้น
พวกเราก็อยู่กันแบบนี้แหละ :)
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
INTRO & [1]
[2]
[3]
[4]
[5]
[6]
[7]
[8]
[9]
[10]
[11]
[12]
[13]
[14]
[15]
[16]
[17]
.
.
.
- dedog
Jinn Watinpol
อาจารย์ศิลปะ
5262
+1,074 M 191 K 627
PASSPORT
:
(9911/28000)
:
Re: MONKEY & TREE
Wed 08 Mar 2017, 02:07
- [INTRO]:
- [INTRO]
อีกไม่กี่วันจะเปิดเทอมแล้ว
เพราะเป็นนักการทูตประจำโรงเรียน
แม็กเวลจึงไม่ได้ปิดเทอมอย่างครูๆคนอื่นเขา
แม้งานจะไม่เยอะเท่าช่วงเปิดเทอมแต่ก็ไม่ถึงกับว่างงาน
แต่เพราะเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงปิดเทอมนี้
ทำให้เขาได้หยุดยาวจนถึงก่อนหน้านี้ไม่กี่วันที่เพิ่งกลับมาทำงาน
และได้หยุดอีกทีในวันนี้และวันพรุ่งนี้ก่อนที่โรงเรียนจะเปิด
เสียงฉู่ฉ่าของน้ำมันเดือดดังมาจากระเบียงห้อง
เป็นเจ้าของห้องกำลังทอดปลาทูที่เจ้าตัวโฆษณานักหนา
ว่าเป็นของดีของเด่นของดังของแม่กลอง
จังหวัดอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอน
แม็กเวลผู้ไร้สกิลทางด้านการทำอาหารโดยสิ้นเชิง
เขาได้แต่ช่วยเป็นลูกมือคอยหยิบจานชามช้อนส้อมให้เพื่อน
หยิบให้ไปก็คอยฟังเสียงเวลาเขาทำอาหารไป
ฟังดูคล้ายจะน่าเบื่อแต่เขากลับชอบช่วงเวลาแบบนี้
เสียงเคาะประตูทำให้แม็กละสายตาจากเจ้าของห้องไปที่ประตูนิดหนึ่ง
เห็นจิณณ์หันมาพอดีแม็กจึงส่งสัญญาณมือบอกว่ามีคนมาหา
จิณณ์พยักหน้ารับแล้วหันไปสนใจปลาทูทอดในกระทะต่อ
...ใช่ซี่ ฉันมันไม่สำคัญเท่าปลาทูแม่กลองของนายนี่
แม็กเวลเบ้หน้านิดหน่อย ก่อนจะนึกขึ้นได้
...เขาจะมาน้อยใจอะไรกับปลาทู -_-;;
เสียงฉู่ฉ่ายังคงดังอย่างต่อเนื่อง
เห็นเพื่อนใช้มือข้างหนึ่งถือฝาหม้อมากันน้ำมันกระเด็น
ขณะที่มืออีกข้างถือตะหลิวคอยพลิกปลาไม่ให้ไหม้
มองแล้วคล้ายกำลังสู้รบกับปลาทูอยู่ยังไงชอบกล
เขาอยากหยิบมือถือมาถ่ายรูปฉากนี้เอาไว้จริงๆ
เสียงเคาะประตูอีกระลอกทำให้แม็กเวลต้องเดินไปเปิดประตู
เสียงทักทายดังมาก่อนที่จะเปิดประตูสุดบานซะอีก
“สวัสดีฮะ ไทระเอาของฝากมาให้ป๊ากับม๊าฮะ”
เป็นไทระที่ยืนยิ้มแต้อยู่อีกฟากของประตู
สองมือถือถุงกระดาษสีสันสดใส
เดาว่าคงเป็นของฝากที่เจ้าตัวพูดถึง
แม็กเวลส่งยิ้มทักทายกลับไปก่อนจะเชื้อเชิญอีกฝ่ายเข้าห้อง
ตอนที่ไทระเข้ามา จิณณ์ทอดปลาเสร็จพอดี
แม็กเวลเสียดายนิดหน่อยที่ถ่ายฉากที่เพื่อนสู้กับปลาทูเอาไว้ไม่ทัน
จิณณ์ชวนไทระกินข้าว ประโยคเชื้อเชิญไม่ต่างจากที่โฆษณาปลาทูให้แม็กฟังก่อนหน้านี้นัก
ไทระดูตื่นตาตื่นใจกับปลาทูที่จิณณ์โฆษณาว่ามีค่าดั่งทอง
ข้าวสุกหลังจากนั้นไม่นาน มื้ออาหารของพวกเขาผ่านไปอย่างเรียบง่าย
ไทระอยู่คุยกับจิณณ์และแม็กเวลอีกพักใหญ่ๆ
ก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นกองทัพตุ๊กตาลิงที่เจ้าของห้องกองเอาไว้ข้างโซฟาที่พวกเขานั่งกันอยู่
ไทระหันมามองแม็กเล็กน้อย
(ไทระ : ใครๆก็รู้นี่ฮะว่ามาสคอตของป๊าคือลิง หรือใครจะเถียงไทระ?)
ก่อนหันไปถามจิณณ์
“ตุ๊กตาใหม่เหรอฮะม๊า เยอะจังเลย”
จิณณ์ที่กินขนมอยู่พยักหน้ารับคำนั้น
ไทระก็ถามต่อไป “มีชื่อมั้ยฮะ”
คงเป็นเพราะเจ้าชมพู หมีเน่าของจิณณ์ยังมีชื่อ
ไทระจึงคาดหวังว่าตุ๊กตาเหล่านี้จะมีชื่อด้วย
จิณณ์กลืนขนมลงคอแล้วบอก
“ตัวใหญ่นั่นชื่อแม็กเวลนัมเบอร์วัน
นั่นแม็กเวลนัมเบอร์ทู
ส่วนตัวนั้นแม็กเวลนัมเบอร์ทรี
ตัวโบว์สีชมพูนั่นแม็กเวลนัมเบอร์โฟว์ ...”
แม็กเวลถึงกับสำลักขนมที่กินอยู่
ตัวต้นเหตุยังมีหน้าหันมาเตือน
“กินระวังหน่อยสิ เดี๋ยวก็ติดขอตายกันพอดี”
ไทระที่เหวออยู่กับชื่อตุ๊กตาเมื่อซักครู่ช่วยรินน้ำและส่งสายตาห่วงใยมาให้
ในขณะที่จิณณ์ช่วยตบหลังเพื่อนด้วยกลัวว่าขนมจะติดคออย่างที่เขาว่าจริงๆ
แรงตบน้ันไม่เบานัก แม็กเวลแทบจะคายปอดออกมาแทนขนม
“หายแล้วๆ”
คนโดนปฐมพยาบาลรีบบอกคนมือหนักก่อนที่หลังจะหักไปจริงๆ
จิณณ์เลิกคิ้วนิดหน่อยแล้วหันไปคุยกับไทระต่อ
“ส่วนตัวที่มีผ้าสีเขียวนั่น...”
“พอแล้ววว การตั้งชื่อมักง่ายระดับนี้คืออาร้ายยย”
แม็กรีบหยุดเพื่อนก่อนที่มันจะไปถึงแม็กเวลนัมเบอร์ต่อไป
เขารู้สึกขนลุกไปหมดกับการได้ยินชื่อตัวเองซ้ำๆในรูปแบบตุ๊กตาลิงอิริยาบทต่างๆ
เขาได้แต่กรีดร้องในใจ
ในโลกนี้แม็กเวลมีแค่คนเดียวก็พอ จะมีเป็นสิบๆแม็กเวลไปเพื่ออะไรกัน
แต่คนตั้งชื่อคล้ายจะไม่เข้าใจความหลอนนั้น เขาบอกง่ายๆ
“ก็นายซื้อมา ฉันก็ตั้งชื่อนายเป็นอนุสรณ์ไง”
“ไม่ต้องเลยยยยยยยยย!!”
“เอ้อ ม๊าฮะ”
ไทระส่งเสียงขึ้นมาแทรกก่อนที่ทั้งคู่จะทะเลาะกัน แม็กกับจิณณ์จึงหันไปมองเขา
“ไทระสังเกตว่าตรงข้อศอกม๊ามีแผลเป็นอยู่ทั้งสองข้างเลย ไทระถามได้มั้ยฮะว่าเกิดอะไรขึ้น”
จิณณ์นิ่งไปนิดหนึ่ง แม็กเองก็มองไปที่ข้อศอกของเพื่อน
มันปรากฏรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ จางลงไปบ้างแล้ว แต่ยังถือว่าค่อนข้างชัดอยู่
นี่ไงเหตุการณ์ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้นักการทูตได้หยุดยาว
อุบัติเหตุครั้งใหญ่ของจิณณ์
.
.
.
- [1]:
- [1]
ย้อนกลับไปเมื่อตอนต้นปิดเทอม
“ผอ.ค้าบบบ แม็กพาสาวน้อยจากสวีเดนมาหาแล้วครับบบ”
เสียงโหวกเหวกจากหน้าห้องผู้อำนวยการพร้อมการกดกริ่งรัวๆ
จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแม็กเวล นักการทูตประจำโรงเรียน
ข้างกันมีเด็กสาวผมสีน้ำตาลที่แม้จะดูซีดไปบ้างแต่ก็น่ารักชวนมอง
“ซักครู่นะครับ” ประตูเปิดออก
พร้อมเจ้าของห้องที่ทำไม้ทำมือบอกให้ผู้มาเยือนไปนั่งรอก่อนเพราะกำลังคุยโทรศัพท์อยู่
แม็กเวลส่งเสียงรับคำก่อนพาสาวน้อยไปนั่งในส่วนรับรองแขกตามประสาคนคุ้นเคยกับสถานที่
ได้ยินเสียงนรินทร์อยู่ไม่ไกล
“ครับ แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ”
“อ๋อ ครับๆ”
“ได้ครับได้ ลาหยุดได้จนกว่าจะหายเลยครับ”
“พี่แม็ก” คนข้างตัวสะกิดเรียก
นั่นทำให้แม็กเวลละความสนใจจากเจ้าของห้องที่ยังคงคุยโทรศัพท์อยู่
นึกแปลกใจตัวเองนิดหน่อยที่ตั้งใจฟังโทรศัพท์สายนั้นของผอ.
ทั้งที่ปกติแล้วเขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายมากนัก
…คงเพราะไม่ค่อยได้เห็นผอ.คุยโทรศัพท์กับใครเท่าไหร่ละมั้ง
แม็กคิดง่ายๆ ก่อนหันไปถามสาวน้อยที่ยังสะกิดเรียกยิกๆ “ว่าไง พ็อพ”
“ผอ.ที่นี่เป็นเอ็กซ์เมนเหรอคะ หลับตาเดินไม่ชนของได้ด้วยอ่ะ”
พ็อพ หรือ พ็อพพิ่น แจ็คสัน เด็กสาวชื่อแปลก อายุสิบแปดปี ลูกครึ่งไทย-สวีเดน
หันมาถามแม็กเวลด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ ท่าทางชื่นชมถึงขีดสุด
นั่นทำให้แม็กถึงกับหัวเราะก๊ากออกมา
“ไม่ใช่เอ็กซ์เมนหรอก ท่านมองไม่เห็นน่ะ”
พ็อพพิ่นขมวดคิ้ว “ก็ลืมตาสิคะ”
“บางคนลืมตาแล้วก็ยังมองไม่เห็นอยู่ดีนั่นแหละ”
คำตอบของแม็กทำสาวน้อยตาโต แม็กก็ยักคิ้วให้เชิงว่า ก็อย่างที่คิดนั่นแหละ
ไม่นึกว่าพ็อพพิ่นจะยิ่งส่งสายตาเป็นประกายชื่นชมสาดใส่ผอ.อีกยกใหญ่
จนกระทั่งผอ.วางสายและเดินมาคุยด้วยแล้ว
ลากยาวไปจนถึงตอนคุยจบแล้ว
ประกายตาชื่นชมของสาวน้อยก็ยังไม่ลดลงแต่อย่างใด
พวกเขาคุยกันเสร็จตอนที่รัตติกาลเอางานเข้ามาให้นรินทร์พอดี
ผู้อำนวยการจึงฝากฝังเลขาผู้ควบตำแหน่งจิตแพทย์ให้พาพ็อพพิ่นไปดูห้องพัก
เพราะมีเรื่องต้องคุยกับนักการทูตประจำโรงเรียนต่ออีกนิดหน่อย
เด็กสาวหันมามองพี่แม็กของเธอเล็กน้อย เมื่อคนพยักหน้าให้ เธอจึงยอมเดินตามคุณรัตไป
.
.
.
(NARIN PATH)
งานของวันนี้จบลงแล้ว
ผมเรียกแม็กเวลเอาไว้ก่อนที่เขาจะขอตัวออกจากห้อง
มีเรื่องบางอย่างที่ผมคิดว่าเขาต้องรู้ เพียงแต่ว่าผมไม่รู้จะบอกยังไง
ได้ยินเสียงพึ่บ!เบาๆ
คาดว่าเจ้าลูกลิงคงกระโดดขึ้นมานั่งบนโต๊ะอย่างที่เจ้าตัวชอบทำเวลามาคุยเล่นที่ห้องผม
“ผอ.มีอะไรเหรอฮะ”
ได้ยินอีกฝ่ายถามเมื่อผมไม่พูดอะไรออกไปซักที
ผมยังคงคิดคำอยู่ว่าควรจะบอกยังไงให้นุ่มนวลที่สุด
ผมเองเพิ่งทราบข่าวก็ยังตกใจ นับประสาอะไรกับเขา
ผมอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติ
ค่อยๆเรียบเรียงข้อมูลในสมองที่เพิ่งได้มาจากโทรศัพท์สายนั้น
ผมเกือบจำชื่อพ็อพพิ่นไม่ได้เพราะมัวแต่กังวลกับข่าวสารที่เพิ่งได้รับ
“ม๊าเป็นอะไรรึเปล่าฮะ”
นึกไม่ถึงว่าแม็กเวลจะถามคำถามนี้ขึ้นมา
เสียงนั้นสั่นนิดๆโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
ไม่แปลกที่เขาจะนึกถึงเรเน่ก่อน
เพราะเธอดูจะเป็นบุคคลที่ทำให้เรามีเรื่องคุยกันมากที่สุดแล้วรองจากเรื่องงาน
“เรเน่สบายดีครับ ไม่ต้องเป็นห่วง”
ผมรีบบอกก่อนที่เจ้าลูกลิงจะคิดไปไกล
ได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมบอกออกไป
“คุณจิณณ์ประสบอุบัติเหตุครับ”
พูดได้แค่นั้นคอเสื้อก็โดนกระชากจนตัวผมเอนไปตามแรง
ลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดใบหน้าทำผมใจหายวาบ
นึกไปถึงว่าอีกฝ่ายกลายเป็นอเล็กซ์ไปแล้ว
ยังไม่ทันได้ภาวนาต่อพระผู้เป็นเจ้าก็ได้ยินเสียงสั่นพร่าถามกลับมา
“คุณว่าอะไรนะ”
ใจที่หล่นไปกองกับพื้นกลับเข้าที่เดิม
ยังพูดคุยได้แบบนี้ ยังเป็นแม็กเวลอยู่สินะ
ผมแตะมือที่ยังค้างอยู่ที่คอเสื้อ
แม็กเวลที่ตอนนี้คล้ายสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวปล่อยมือและกล่าวขอโทษเบาๆ
ผมเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่กลายเป็นอเล็กซ์ผมก็แทบจะร้องฮาเลลูย่าแล้วครับตอนนี้
ผมขยับปกเสื้อให้เข้าที่ไปพลาง อธิบายไปพลาง
พยายามใช้น้ำเสียงนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้
“คุณแม่ของคุณจิณณ์โทรมาขอหยุดงานครับ
เธอบอกแค่ว่าคุณจิณณ์โดนรถชน ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลm…”
พูดไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงตุ้บเบาๆ ตามด้วยเสียงฝีเท้ากระทบพื้น
เดาได้ว่าคนลงจากโต๊ะแล้ววิ่งออกจากห้องผมไปแล้ว
นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะวิ่งกลับมา
“แม็กขอลางานนะฮะ ลายาวๆๆๆเลย”
เสียงฝีเท้าวิ่งจากไปโดยไม่รอคำอนุญาตใดๆ ทิ้งให้ผมอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น
ก่อนนี้เพิ่งคุยกันไปว่าจะไปรับเด็กที่เชียงใหม่กับลำปางในวันพรุ่งนี้และวันมะรืน
...เรเน่ครับ ลูกชายสุดที่รักของคุณโดดงานไปแล้ว
.
.
...โปรดติดตามชมตอนต่อไป
- pangkawjoaประธานนักเรียน
Taira Payakaroon
อาจารย์ภาษาไทย
3300
+611 M 722 K 265
PASSPORT
:
(2580/21000)
:
Re: MONKEY & TREE
Wed 08 Mar 2017, 09:26
ป๊าแม็กคงมีอีกหลายสิบนันเบอร์แน่ๆ 555+
ป๊าโดดงานไปหาม๊าแล้ววววว
ป๊าโดดงานไปหาม๊าแล้ววววว
- dedog
Jinn Watinpol
อาจารย์ศิลปะ
5262
+1,074 M 191 K 627
PASSPORT
:
(9911/28000)
:
Re: MONKEY & TREE
Fri 10 Mar 2017, 00:42
- [2]:
- [2]
(MAXWELL PATH)
จีพีเอสพาผมมาถึงโรงพยาบาลmในที่สุด
หลังโทรบอกผอ.ให้ช่วยเคลียร์เรื่องค่าปรับจากการฝ่าไฟแดงไปไม่ต่ำกว่าสี่รอบ
ผอ.ดูจะช็อคเล็กน้อย เขาบ่นผมเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนไปอีกนิดหน่อย
จะด้วยความเป็นห่วงหรืออะไรก็แล้วแต่ นาทีนี้ผมแทบคุยกับเขาไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ
ผมถามพยาบาลที่เคาทเตอร์จนได้เลขห้องที่เพื่อนอยู่
จนเดินไปถึงหน้าห้องแล้วสติค่อยกลับมาแล้วถามตัวเองว่าผมมาที่นี่ในฐานะอะไร
..ตัวแทนจากโรงเรียน?
ตอนนี้ผมไม่ได้ทำหน้าที่อยู่ซักหน่อย ยิ่งไปกว่านั้นของเยี่ยมหรือดอกไม้ติดไม้ติดมือมาซักหน่อยก็ไม่มี
..เพื่อนสนิท?
อีกเสียงในสมองบอก ดูจะเป็นเหตุเป็นผลที่สุดในตอนนี้ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกหน่วงๆชอบกลกับคำนี้กันนะ
ยังไม่ทันได้คิดอะไรมากกว่านั้นประตูห้องก็เปิดออกมา
พร้อมร่างสูงๆของคนที่ผมคิกว่าถ้าเพื่อนอายุมากกว่านี้อีกซักสิบยี่สิบปีจะต้องเป็นเหมือนคนคนนี้ไม่มีผิดแน่ๆ
อีกฝ่ายชะงักนิดหนึ่งก่อนจะทัก “อ้าว แจ็ค”
ทักใครครับนั่น...?
“มาเยี่ยมตาลเหรอ”
คุณป๊าไม่ให้เวลาผมสงสัยนานนัก เขายังพูดต่ออีก
“เจ้าตาลหลับอยู่ อีกซักพักน่าจะตื่น เข้ามาก่อนมั้ย”
ผมควรบอกท่านมั้ยว่าผมชื่อแม็ก ไม่ใช่แจ็ค...
เดินตามเข้ามาในห้องแล้วก็ได้ยินเสียง
“ป๊าจะไปซื้อกาแฟไม่ใช่เหรอ อ้าวนั่นเพื่อนตาลนี่ ชื่ออะไรนะ แม็กใช่มั้ย”
เห็นเป็นคุณแม่ของจิณณ์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟาไม่ไกลจากเตียงคนไข้นัก
“มาตั้งไกล เหนื่อยแย่เลย ทานอะไรมารึยังจ๊ะ”
“ไม่เป็นไรฮะ ที่นี่ไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าไหร่” ผมยิ้มให้คุณแม่ “ว่าแต่ตาลเป็นไงบ้างฮะ”
ผมเรียกชื่อเพื่อนตามที่คุณแม่เรียก
รู้สึกโหวงนิดหน่อยเมื่อไม่มีศอกหรือหมัดของเจ้าของชื่อใช้มายี่สิบกว่าปีแล้วแต่ยังเขินอยู่ซัดเข้าให้
อดตกใจตัวเองเบาๆไม่ได้เมื่อเผลอคิดแบบนี้ นี่ผมเสพติดความเจ็บปวดเหรอเนี่ย?!
“ดีหน่อยที่ไม่มีอะไรหัก”
คุณแม่พูด เบือนหน้าไปทางเตียงคนไข้
“ตื่นมาทีนึงแล้ว อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เช็คสมองไปอีกรอบแล้วเมื่อตอนเที่ยงๆ
ตอนเย็นน่าจะรู้ผลกัน ถ้าไม่เป็นไรก็คงจะดี”
คุณแม่หันมาฝืนยิ้มให้ผมทีหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าดวงตาคู่สวยนั่นคลอไปด้วยน้ำตา
ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดปลอบใจอะไรท่านก็บอกฝากผมดูแลจิณณ์ซักครู่
ก่อนที่ท่านจะเดินออกจากห้องไป
ตอนนี้เองที่ผมได้หันไปมองเพื่อนเต็มตา
สิ่งที่เห็นก่อนอย่างอื่นคือผ้าก็อตสีขาวๆที่ใช้ปิดแผล
ทั้งตรงหน้าผาก ตรงคาง ตรงศอกทั้งสองข้าง ไปจนถึงตรงฝ่ามือ
บางจุดมีเลือดซึมออกมาจางๆด้วยซ้ำ ทั้งหน้าทั้งแขนเต็มไปด้วยรอยถลอก
เพราะเพื่อนห่มผ้าเอาไว้ผมจึงไม่รู้ว่าใต้ผ้านั้นมีแผลอีกมากมายเท่าไหร่
เอาจริงๆผมไม่เคยเห็นเพื่อนเจ็บหนักจนต้องนอนโรงพยาบาล
อย่างมากก็แค่เป็นไข้ปวดหัวตัวร้อน
หรืออีกทีคือเมื่อตอนเข้าค่ายพักแรมสมัยม.ปลาย
ที่ผมลื่นไปทับเขาตอนเล่นน้ำจนได้แผลและต้องเย็บ
จนตอนนี้เวลาเห็นรอยแผลเป็นจางๆบนมือจิณณ์
ผมก็ยังอดรู้สึกผิดไม่ได้
เมื่อนึกถึงตอนม.ปลายแล้วผมก็เผลอคิดไปถึงอีกเรื่องราว
เรื่องที่ผมอีกคนกระโดดลงมาจากดาดฟ้าตึก
ฉายาไอ้หนุ่มยอดไม้ยังถูกเอามาแซวเป็นครั้งคราวหลังจากนั้น
ในตอนนั้นเป็นผมที่อยู่บนเตียง และจิณณ์ที่ยืนอยู่ในจุดนี้
ราวกับเหตุการณ์ซ้ำรอยเพียงแต่สลับตัวแสดง
ผมในตอนนี้แค่มองบาดแผลก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาจะเจ็บขนาดไหน
และเมื่อคิดว่ามันต้องเจ็บไม่แพ้บาดแผลของผมในครั้งนั้นในใจก็ปวดหนึบขึ้นมาอีกที
อดสงสัยไม่ได้จริงๆว่าเพื่อนในตอนนั้นที่ทำได้แค่ยืนมองอยู่ข้างเตียงจะรู้สึกอย่างไร
จะเสียใจ จะรู้สึกผิดที่ช่วยอะไรไม่ได้ จะรู้สึกหน่วงๆในใจเหมือนที่ผมเป็นในตอนนี้มั้ย
ทั้งที่คนเจ็บไม่ใช่ผม แต่ทำไมในใจผมถึงเจ็บขนาดนี้?
ว่าไปแล้วผมก็ไม่เคยมองจิณณ์ตอนนอนหลับมาก่อน
ดวงตาที่ปิดสนิท ริมฝีปากที่ไม่มีรอยยิ้ม
สองสิ่งนี้ผมแทบไม่เคยเห็นจากเขา
จิณณ์ยามหลับดูสงบจนออกจะแห้งแล้งเย็นชา
สำหรับผม จิณณ์เป็นเหมือนต้นไม้
จิณณ์เป็นคนนิ่ง ไม่ใช่นิ่งแบบขรึมหรือเย็นชา
เป็นความนิ่งที่ทำให้รู้สึกสงบ เทียบกับผมที่อยู่ไม่ค่อยสุขแล้ว
เขาเหมือนเป็นหลักบางอย่างที่ยึดโยงผมเอาไว้
ความนิ่งของเขามักทำให้ผมสบายใจ
เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่แค่นั่งลงใต้ร่มเงา
เอนกายมองกิ่งก้านสาขาที่แผ่ขยาย
มองใบสีเขียวพุ่มใหญ่ มองแสงแดดที่ลอดผ่านรำไร
เพียงแค่นั้นก็รู้สึกเหมือนชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
เป็นความสบายใจที่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าคืออะไรและมาจากไหน
บางทีแค่รู้ว่าเขายังคงอยู่ตรงนี้ เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
เมื่อเหนื่อย เมื่อเสียใจ เมื่อมีปัญหา
แค่มาอยู่ใกล้ๆ เพียงแค่มองก็รู้สึกราวกับได้รับการปลอบประโลม
รู้สึกว่ายังมีที่พักพิง รู้สึกว่าอีกเดี๋ยวปัญหาก็คลี่คลาย
ไม่ต้องกังวลอะไรอีกต่อไป
หรือแม้แต่ยามหิว ต้นไม้ต้นนี้ก็คล้ายออกดอกออกผล
มอบผลไม้ที่อร่อยที่สุดในโลกให้กับผมได้
เป็นต้นไม้หน้าตาธรรมดาๆที่หยั่งรากลึกถึงแกนโลก
ต้นไม้ที่ต่อให้มีพายุเฮอริเคนพัดมาก็จะยังคงอยู่ตรงนี้
ต้นไม้ที่ยืนหยัดมั่นคงราวกับจะอยู่ตรงนี้ไปอีกเป็นร้อยเป็นพันปี
เป็นต้นไม้ของผม
แล้วอย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าเจ้าต้นไม้แอบเรียกผมในใจว่าลิง
มองเพื่อนที่ตอนนี้บอบช้ำราวกับต้นไม้ที่กำลังจะตายแล้วผมก็อดรู้สึกเจ็บปวดไม่ได้
ต้นไม้พันปีของผมทำไมต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้กันนะ
นอกจากท่านพ่อ ม๊า และผอ.แล้ว จิณณ์เป็นอีกไม่กี่คนที่ผมเปิดใจให้เต็มที่
และเป็นคนส่วนน้อยจริงๆที่ผมยอมให้เข้ามานั่งอยู่ในใจ
เพราะมองอยู่ถึงได้รู้ว่าจิณณ์ตื่นแล้ว
เพื่อนไม่พูด เขากระพริบตาสามสี่ครั้ง
หลับตาไปชั่วขณะแล้วกระพริบตาอีกที
ทำแบบนี้หลายครั้ง ออกจะเป็นกริยาที่แปลกสำหรับผม
“เคืองตาเหรอ”
ผมถามเมื่อเดินเข้าไปใกล้ แตะตัวเพื่อนเล็กน้อยให้รู้ว่าผมอยู่ตรงนี้
ไม่นึกว่าเพื่อนจะสะดุ้ง “เป็นอะไรไป”
เพื่อนไม่ตอบ ตามองผมอยู่ชัดๆแต่กลับให้ความรู้สึกแปลกๆพิกล
เมื่อจับอีกทีก็เห็นได้ชัดว่าฝ่ายนั้นดูเกร็ง
ท่าทางนั้นประหลาดจนผมอดเรียกชื่อเพื่อนด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“จิณณ์?”
เพื่อนตัวสั่นคล้ายคนกำลังหวาดกลัว หน้าตาสับสนเวิ้งว้าง
แปบๆก็เปลี่ยนไปขมวดคิ้ว ดวงตาหรี่ลง
กัดฟันแน่นจนมองเห็นสันกรามขึ้นเป็นเส้น
มือก็กำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นมา
ท่าทางคล้ายพยายามควบคุมตัวเอง
ต้นไม้ของผมเป็นอะไรไป?
.
.
.
...โปรดติดตามตอนต่อไป
- dedog
Jinn Watinpol
อาจารย์ศิลปะ
5262
+1,074 M 191 K 627
PASSPORT
:
(9911/28000)
:
Re: MONKEY & TREE
Sun 12 Mar 2017, 01:03
- [3]:
- [3]
(MAXWELL PATH-ต่อ)
ระหว่างที่ผมกำลังตกใจ เพื่อนก็พูดออกมา
“ผมมองไม่เห็น” เสียงของเขาสั่น “มืดไปหมดเลย”
คำพูดนั้นทำสมองผมหยุดทำงานไปชั่วขณะ เกือบครึ่งนาทีผมถึงพูดออกไปได้
“เดี๋ยวฉันเรียกพยาบาล..”
พูดออกไปแล้วก็นึกได้ว่าเพื่อนไม่ได้ยิน โลกที่ทั้งเงียบทั้งมืดฟังดูแย่ชะมัด
ผมเอื้อมไปกดปุ่มเรียกพยาบาล โดยที่มือข้างหนึ่งจับมือข้างที่ไม่มีแผลของเพื่อนเอาไว้ ให้เขารู้ว่ายังมีใครซักคนอยู่ตรงนี้
รู้สึกว่ามือที่กำอยู่ของจิณณ์สั่นซ้ำยังเย็นเฉียบราวกับแช่อยู่ในถังน้ำแข็ง
คล้ายไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ มือของเขาคลายออกเมื่อผมจับ มองเห็นรอยเล็บอยู่บนฝ่ามือนั้น
จิณณ์ไม่ใช่คนชอบทำร้ายตัวเอง หรือพูดอีกทีคือตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเขาไม่เคยมีประวัติการทำร้ายตัวเองโดยตั้งใจมาก่อน
ครั้งนี้ก็ไม่ควรนับว่าตั้งใจ แต่รอยเล็บที่จิกลึกจนแทบจะถึงเลือดทั้งที่รู้ตัวแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้หนักสำหรับเขามากขนาดไหน
ผมใช้มือตัวเองถูมือที่เย็นเฉียบของเพื่อนจนมันอุ่นขึ้นมาบ้าง หวังอย่างยิ่งว่าความอุ่นที่มือจะส่งไปถึงส่วนอื่นๆของร่างกาย
“ป๊าเหรอฮะ” เขาถาม ยังไม่ทันได้ตอบจิณณ์ก็พูดต่อ “ผมขอโทษ ขอโทษที่เป็นภาระให้อีกแล้ว”
ผมรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนฉลาด แต่ก็ไม่นึกว่าตัวเองจะโง่จนถึงขนาดไม่รู้จะตอบเพื่อนกลับไปยังไงได้ขนาดนี้
ความรู้สึกหนักกดทับลงที่อกราวกับมีใครเอาหินก้อนใหญ่มาทับเอาไว้ ทั้งจากคำพูดของเพื่อนและจากความโง่ของตัวเอง
จิณณ์ยังคงพูดขอโทษซ้ำไปซ้ำมา ยิ่งเขาพูดยิ่งคล้ายกับน้ำหนักที่กดทับอยู่มันมากขึ้น มากขึ้นจนผมแทบจะหายใจไม่ออก
ผมทำได้เพียงจับมือเขาเอาไว้
ต้นไม้พันปีของผมดูอ่อนแอราวกับต้นหญ้า
ใจผมในตอนนี้ก็อ่อนแอไม่ต่างกัน
.
.
.
แค่แปบเดียวหลังจากนั้นก็มีพยาบาลเข้ามา
ตามด้วยป๊ากับคุณแม่ และคุณหมออีกคน ในตอนนี้จิณณ์ไม่ได้พูดอะไรอีก คล้ายรับรู้ถึงความวุ่นวายรอบๆตัว เขาดูค่อนข้างเกร็ง
พยาบาลบอกให้ผมถอยออกมา แต่คุณหมอบอกไม่เป็นไรและหยิบไฟฉายขึ้นมาส่องตาเพื่อน
ผมเห็นจิณณ์สะดุ้งนิดหน่อย มือที่ยังจับกันอยู่บีบแน่นด้วยความตกใจ ยังคงมองเห็นแสงอยู่บ้างสินะ
จากนั้นคุณหมอก็หันไปคุยกับป๊าและคุณแม่ ได้ยินคร่าวๆว่าเป็นอาการตาบอดชั่วคราวจากการกระแทก ไม่เกินเจ็ดวันน่าจะกลับมามองเห็นได้ปกติ มีโอกาสที่จะตาบอดถาวรเหมือนกันให้เตรียมใจเอาไว้บ้าง แต่เปอร์เซ็นต์น้อยมาก ช่วงนี้ก็ให้พักอยู่โรงพยาบาลไปก่อน
คล้ายก้อนหินที่ถ่วงอยู่ในใจถูกยกออกไปครึ่งหนึ่ง ยังคงเป็นกังวล แต่ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเพื่อนจะหายกลับมาเป็นปกติ
ผมถอยออกมาให้ครอบครัวได้คุยกัน ทั้งที่ก็ยังไม่รู้ว่าพวกเขาจะสื่อสารกันยังไง ผมทำได้แค่มอง
มองเห็นคุณแม่ที่กอดจิณณ์เอาไว้ ผมยังคงได้ยินเสียงเพื่อนพูดขอโทษ น้ำเสียงเจ็บปวดและรู้สึกผิด จนเห็นป๊าตีมือเขาครั้งหนึ่งก่อนจะกุมเอาไว้
จากนั้นผมเห็นพ่อของเพื่อนพยายามสื่อสารด้วยการเขียนตัวอักษรลงบนฝ่ามือ แม้จะช้า แต่ก็เหมือนจะทำให้คุยกันได้
แม้เกิดเรื่องร้าย แต่ครอบครัวก็ยังคงเป็นครอบครัว
ผมยิ้มบางให้กับภาพความอบอุ่นตรงหน้า
.
.
.
ผมบอกป๊ากับคุณแม่ของจิณณ์ว่าจะไปหาข้าวกลางวันทานและเดินออกจากห้องมา
แม้ยังไม่ได้ทานข้าวกลางวันอย่างที่บอก แต่จริงๆแล้วผมก็แค่หาเรื่องเลี่ยงออกมานอกห้องก็เท่านั้น
ตอนนี้สมองผมเวิ้งว้างไปหมดกับสิ่งที่เกิดขึ้น เวิ้งจนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอซื้อแซนวิชกับน้ำเปล่าติดมือออกมาจากร้านค้าของโรงพยาบาลมาได้ยังไง
กระทั่งตอนที่นั่งลงตรงม้าหินอ่อนบริเวณสวนหย่อมและเริ่มกินแซนวิชถึงได้รู้ว่าตัวเองหิวจัดขนาดไหน
อย่างที่บอกว่าผมไม่ค่อยชินกับการเจ็บป่วยของเพื่อน และยิ่งตอนนี้ที่ความเจ็บป่วยนั้นมันหนักกว่าที่เคย ...หนักกว่าที่ผมคิด
ปกติจิณณ์ไม่รู้หรอกว่าตัวเองขี้เก็ก
ไม่ได้ขี้เก็กแบบที่เดินเสยผมล้วงกระเป๋าทำหน้าเท่อยู่ตลอดเวลานะฮะ แต่เป็นเก็กในแง่การเก็บอารมณ์ เขามักจะปิดมันด้วยรอยยิ้ม
จะด้วยมารยาททางสังคมหรืออะไรก็แล้วแต่ เขาไม่ชอบแสดงอารมณ์ด้านลบออกมาตรงๆ อาจเรียกได้ว่าเป็นหน้ากากชนิดหนึ่ง แม้แต่ผมเองก็ชินกับหน้ากากนี้
การมองเห็นที่หายไปคล้ายกระชากหน้ากากของเขาไปด้วย ภาพความอ่อนแอของเพื่อนวันนี้ทำให้ผมปวดใจ คล้ายว่าต้นไม้พันปีของผมกำลังจะหักโค่นลง
ผมกลัวจริงๆ
รู้ตัวอีกทีผมก็โทรหาใครบางคนแล้ว
[..สวัสดีครับแม็ก คุณจิณณ์เป็นยังไงบ้างครับ?...]
“ผอ.ฮะ การมองไม่เห็นนี่มันรู้สึกยังไงเหรอ”
ปลายสายเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบเรียบๆ [...ชินแล้วแหละครับ...]
“แล้วช่วงแรกๆล่ะฮะ” ผมถาม ไม่รู้ซักนิดว่าจะเผลอไปทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่ายเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ “รู้สึกยังไงบ้าง”
[...ผมไม่รู้สึกถึงใครเลย...]
เสียงนั้นเจ็บปวดจนผมรู้สึกเหมือนเป็นคนถือมีดกรีดซ้ำลงบนแผลเก่าของเขา
[...แม็กเคยเห็นทะเลตอนกลางคืนใช่มั้ยครับ ทะเลสีดำที่กว้างใหญ่ราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด มองไปก็ไม่เห็นใคร ไม่มีใครเลย...]
“...ผอ.”
[...ยิ่งไปกว่านั้นคือมันไม่มีทางออก ไม่ว่าผมจะหาเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถออกไปได้ ไม่มีทางออกเลยจริงๆ...]
ความรู้สึกในน้ำเสียงนั้นกดทับผม น้ำหนักของมันดึงผมจมลึกจนแทบหายใจไม่ออก
น้ำตามาขังเอ่ออยู่ตรงขอบตาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และประโยคต่อมาก็ทำเอาน้ำตาของผมไหลออกมาจริงๆ
[...แต่ไม่เป็นไรแล้วแหละครับ ตอนนี้ผมมีพวกเธอ ทะเลสีดำของผมสว่างไสวขึ้นนิดหน่อยแล้ว...]
.
.
.
...โปรดติดตามชมตอนต่อไป
- pangkawjoaประธานนักเรียน
Taira Payakaroon
อาจารย์ภาษาไทย
3300
+611 M 722 K 265
PASSPORT
:
(2580/21000)
:
Re: MONKEY & TREE
Sun 12 Mar 2017, 08:45
นานๆ ทีจะเห็นป๊าดราม่า T..T
- DJ. Alex Lam
Maxwell Sonner
นักการทูตโรงเรียน
0
+150 K
Re: MONKEY & TREE
Mon 13 Mar 2017, 19:45
pangkawjoa พิมพ์ว่า:นานๆ ทีจะเห็นป๊าดราม่า T..T
บทหนักเกินหัวใตป๊าจะรับไหว
Signature ------------------------------------------------>
Reine : Plays ๐ ๐ ๐
And I will hear, though soft you tread above me,
And on my grave will warmer, sweeter be.
For you'll come and tell me that you love me,
And I will sleep in peace until you come to me.
- dedog
Jinn Watinpol
อาจารย์ศิลปะ
5262
+1,074 M 191 K 627
PASSPORT
:
(9911/28000)
:
Re: MONKEY & TREE
Tue 14 Mar 2017, 00:17
DJ. Alex Lam พิมพ์ว่า:pangkawjoa พิมพ์ว่า:นานๆ ทีจะเห็นป๊าดราม่า T..T
บทหนักเกินหัวใตป๊าจะรับไหว
ดราม่าเอยจงซับซ้อนยิ่งขึ้น
- U
Saharat Chaiyakul
นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6
823
+86 M 22 K 507
PASSPORT
:
(1475/2250)
:
Re: MONKEY & TREE
Tue 14 Mar 2017, 01:20
อ่านช่วงแรกๆ ยังเฮฮาอยู่เลย
ฮือ ครอบครัวกำลังใจดีมากๆ
พึ่งรู้ว่าครูจิณณ์ชื่อดล่นชื่อตาลนะครับ
ฮือ ครอบครัวกำลังใจดีมากๆ
พึ่งรู้ว่าครูจิณณ์ชื่อดล่นชื่อตาลนะครับ
- dedog
Jinn Watinpol
อาจารย์ศิลปะ
5262
+1,074 M 191 K 627
PASSPORT
:
(9911/28000)
:
Re: MONKEY & TREE
Tue 14 Mar 2017, 02:33
U พิมพ์ว่า:อ่านช่วงแรกๆ ยังเฮฮาอยู่เลย
ฮือ ครอบครัวกำลังใจดีมากๆ
พึ่งรู้ว่าครูจิณณ์ชื่อดล่นชื่อตาลนะครับ
จริงๆครูจิณณ์ชื่อเล่นว่าน้ำตาลฮะยู
ปกติไม่ค่อยได้ใช้ชื่อเล่นเท่าไหร่
ใช้แล้วเขินๆ รู้สึกว่าชื่อเหมือนผู้หญิง
แล้วตอนนี้ไม่ใช่แค่เหมือนผู้หญิงนะฮะ
เหมือนมิสยูนิเวอร์สไทยแลนด์เข้าไปอีก
สวยเลย 5555555
- dedog
Jinn Watinpol
อาจารย์ศิลปะ
5262
+1,074 M 191 K 627
PASSPORT
:
(9911/28000)
:
Re: MONKEY & TREE
Tue 14 Mar 2017, 02:38
- [4]:
- [4]
(MAXWELL PATH -ต่อ)
ผมคุยกับผอ.อีกซักใหญ่
เล่าสภาพคร่าวๆของเพื่อนให้เขาฟัง แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องอาการตาบอดชั่วคราวที่เกิดขึ้น ไม่รู้ทำไมเหมือนกันผมถึงได้เก็บมันเอาไว้
ผอ.ปลอบผมอีกหลายคำ รวมไปถึงฝากอวยพรให้จิณณ์หายไวๆ และบอกผมให้ลางานได้เท่าที่ต้องการ
ผมล้างหน้าล้างตาแล้วเข้าไปในห้องอีกรอบ
เห็นป๊ากับคุณแม่กำลังคุยกัน ส่วนจิณณ์นั่งบีบลูกบอลบีบหน้ายิ้มสีเหลืองอยู่เงียบๆ
มองเขานั่งบีบลูกบอล มองหน้ายิ้มสีเหลืองที่เดี๋ยวบีบเดี๋ยวคลาย มองไปแล้วผมก็คิดถึงคำพูดผอ.
จิณณ์เองก็กำลังหลงทางอยู่ในทะเลสีดำที่ไร้ทางออกเหมือนกันใช่มั้ย
คิดแบบนี้แล้วผมก็อดเศร้าไม่ได้
เมื่อผมแตะตัวจิณณ์ เขาก็สะดุ้ง
“นี่ฉันเอง” ผมบอก เขียนคำว่า M A X ลงบนมือ
“แม็กเหรอ” ต้นไม้ของผมพูด “มาไงเนี่ย นายไม่ได้อยู่สวีเดนเหรอ ทานอะไรมารึยัง”
ถามเป็นชุดแบบนี้ตอบอะไรก่อนดีเนี่ย
“เอ้อ ขอโทษ ทีละคำถามละกันนะ” เพื่อนหัวเราะแฮะๆ หน้ากากยิ้มปรากฏจางๆ “นายกลับไทยตั้งแต่เมื่อไหร่ เรื่องท้าเต้นกับพ่อของสาวสวีเดนคนนั้นเป็นไงบ้าง อืมม์.. ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ ไม่เป็นไรแล้ว”
นิสัยชอบทำเป็นเข้มแข็งนี่ก็อีกอย่าง เจ็บขนาดนี้ร้องออกมาบ้างก็ได้นะ
“ตอบอะไรบ้างสิ”
“ไม่รู้จะตอบอะไรนี่” ผมหัวเราะกับน้ำเสียงงอนๆของเขา เขียนลงไปบนมือ
ถามเยอะ ตอบยาก
“ตอบๆมาเหอะน่า” ไม่ว่าเปล่าเจ้าต้นไม้ยังปาลูกบอลในมือใส่ผม ปาถูกด้วยนะ ขนาดมองไม่เห็นนะเนี่ย
ผมก้มลงไปเก็บเจ้าลูกบอลหน้ายิ้มมายัดใส่มือเพื่อน ได้ยินคำขอบคุณเบาๆ
“สภาพฉันแย่มากใช่มั้ย”
“มากจนฉันปวดใจเลยล่ะ” ตอบพร้อมๆกับเขียน Y E S ลงบนมือเพื่อน
“เป็นห่วงมากใช่มั้ยล่ะ ขอโทษนะ” พูดแล้วคนพูดก็นิ่งไป
“เลิกขอโทษได้แล้วน่า” คราวนี้ผมจับมือเขากุมเอาไว้แล้วเขย่าเบาๆ ก่อนจะถาม
เจ็บมากมั้ย
“ไม่เจ็บหรอก มองไม่เห็นแผลนี่” จิณณ์บอก ริมฝีปากแต้มรอยยิ้มขำ “น่าจะยังชาอยู่”
กลัวมั้ย
คราวนี้เพื่อนนิ่งไป ตาคมๆของเขาหรี่ลงเล็กน้อย คล้ายกำลังครุ่นคิด ก่อนตอบกลับมาสั้นๆ
“ปวดฉี่”
ผมทำได้เพียงเหม่อมองเพื่อนที่ตัดอารมณ์กันแบบไม่ไว้หน้า เจ้าตัวยังไม่วายเสริมอีกคำ
“จริงจังนะ ทำไงดีอ่ะ”
“...”
.
.
.
...โปรดติดตามชมตอนต่อไป
- dedog
Jinn Watinpol
อาจารย์ศิลปะ
5262
+1,074 M 191 K 627
PASSPORT
:
(9911/28000)
:
Re: MONKEY & TREE
Sat 18 Mar 2017, 01:35
- [5]:
- [5]
.
.
.
(JINN PATH)
แล้วแม็กก็ต้องพาผมไปเข้าห้องน้ำ
ย้ำกับเพื่อนไปหลายคำว่าห้ามแอบดู ไม่รู้เจ้าลิงจะทำตามที่บอกรึเปล่า
แต่ก็นะ หนอนน้อยของตัวเองก็มีจะแอบมาดูพญานาคของผมทำไม
เรื่องแอบดูไม่แอบดูไม่เท่าไหร่
พอมองไม่เห็นก้าวเดินแต่ละก้าวช่างยากลำบาก
ผมไม่รู้เลยว่าก้าวเท้าไปแต่ละก้าวจะเจออะไรบ้าง จะเหยียบลงบนอะไร ข้างหน้าคืออะไร จุดหมายอยู่ที่ตรงไหน ทำได้แค่เชื่อคนพาไปก็เท่านั้น
เหมือนกลายเป็นหุ่นกระบอกที่ทำอะไรเองไม่ได้ยังไงชอบกล
เป็นความรู้สึกที่แย่เอามากๆเลยฮะ
เ...
น้ำหนักที่กดลงบนฝ่ามือทำให้ผมต้องทุ่มความสนใจไปที่จุดนั้น
ป...น...อ....ไ...ร
เป็นอะไร
ภาษาไทยของเจ้าลิงอ่อนแอจนผมตะเตือนไตเลยฮะ
“เป็นคนหล่อ”
“...”
ถ้าไม่เจ็บตัวอยู่นี่ต้องโดนโบกเข้าให้แน่ๆ นับเป็นอภิสิทธิ์ของคนป่วยแล้วกันนะฮะงานนี้ 555
ผมว่าผมตอบจริงจังก่อนสิทธิพิเศษดังกล่าวจะสลายไปจะดีกว่า “ก็รู้สึกแย่ เป็นภาระ”
ผมเพิ่งรู้ตัวว่ากลัวการเป็นภาระให้คนอื่นเขาก็วันนี้เองฮะ เพิ่งมานั่งคิดจริงๆจังๆไม่นานนี้เองด้วยซ้ำ
มันรู้สึกแย่นะฮะที่ต้องมีคนมาคอยช่วยเหลือตลอดเวลาจะทำอะไร เข้าห้องน้ำก็ต้องมีคนพาไป กินข้าวเองก็ไม่ได้ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจานข้าวอยู่ตรงไหน กะระยะอะไรไม่ถูกเลย
รู้สึกแย่กับตัวเองไม่พอ ยังเสียเวลาชีวิตคนอื่นเขาอีก เขายังไปทำอะไรได้อีกตั้งหลายอย่างนอกจากจะต้องมาดูแลผม เป็นความรู้สึกที่แย่จนบอกไม่ถูกเลยจริงๆ
เ...ต็....ม...ใ...
เต็มใจ
ผมเดาได้ก่อนเพื่อนจะเขียนเสร็จซะอีก ยังคงเป็นลิงสายซัพพอร์ตที่สรรหาคำมาปลอบใจเก่งเหมือนสมัยเป็นดีเจเสียงตามสายประจำโรงเรียนไม่มีผิด ผมทำได้แค่ยิ้มแล้วบอกไปว่า
“ขอบใจนะ”
.
.
.
...โปรดติดตามชมตอนต่อไป
- dedog
Jinn Watinpol
อาจารย์ศิลปะ
5262
+1,074 M 191 K 627
PASSPORT
:
(9911/28000)
:
Re: MONKEY & TREE
Mon 20 Mar 2017, 21:30
- [6]:
[6]
.
.
.
(MAXWELL PATH)
ผมมองรอยยิ้มของจิณณ์
รอยยิ้มที่เศร้าจนเหมือนจะมีน้ำตาไหลออกมา
นานๆทีที่เพื่อนจะพูดความรู้สึกด้านลบออกมาตรงๆ ในขณะที่ผมเองก็ทำได้แค่บอกความรู้สึกของตัวเองกลับไป ความรู้สึกที่คล้ายจะส่งไปไม่ถึง
แน่ละ เจ้าต้นไม้ขี้เก็กเกินกว่าจะร้องไห้ฟูมฟาย
เขาเรียกหาตัวบีบๆ ที่ผมเดาว่าเป็นเจ้าลูกบอลบีบหน้ายิ้มสีเหลืองนั่น พอผมส่งให้ เจ้าตัวก็นั่งบีบลูกบอลหน้ายิ้มเล่น ไม่พูดอะไรอีก คล้ายหยิบหน้ากากซักชิ้นมาใส่เพื่อปิดบังอารมณ์
ถึงจะบอกว่าจิณณ์ชอบใส่หน้ากาก แต่เขาเป็นคนตรงๆ การแสดงออกทางสีหน้าแววตาค่อนข้างชัดเจนในชั่วขณะหนึ่งก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบหน้ากากมาใส่ ขึ้นอยู่กับว่าจะจับอารมณ์เขาได้ขนาดไหน
หน้ากากที่ไม่สมบูรณ์ของเขาเกือบทำให้ผมได้เห็นน้ำตา เพียงแต่เจ้าตัวกดมันเอาไว้ และผมก็ไม่กล้าพอที่จะสะกิดให้เขาร้องไห้
นาทีนี้ใจผมไม่แข็งแรงพอจริงๆ
ผมรู้สึกเป็นไอ้โง่ไปซะทุกครั้งที่ต้นไม้ของผมพูดอะไรแบบนี้ รองรับอารมณ์คนอื่นได้ตั้งมากมาย แต่พอเป็นคนใกล้ตัว...คนใกล้ใจ กลับทำอะไรไม่ถูกไปซะอย่างนั้น
มองหน้ากากที่เพื่อนใส่อยู่แล้วผมอดโทษตัวเองไม่ได้จริงๆ
-------------------------------------------------------------------------------
ป๊ากับแม่ของจิณณ์ต้องไปต่างจังหวัดในช่วงสามสี่วันนี้
คุณพ่อของป๊า หรืออีกทีก็คือปู่ของจิณณ์ไม่สบาย จากสีหน้าของป๊าแล้วเดาว่าความไม่สบายนี้คงไม่ใช่เพียงไข้หวัดสองสามวันก็หาย
จิณณ์เองก็บอกผมว่าที่บ้านวางแผนจะไปเยี่ยมคุณปู่กันที่เชียงราย น้องสาวทั้งคู่ของเขาเดินทางไปก่อนแล้วกับญาติๆบางส่วนเมื่อวานนี้ ที่จริงแล้วเช้านี้ก็จะตามไป แต่จิณณ์ดันเกิดอุบัติเหตุซะก่อน ทั้งป๊าและคุณแม่ก็เป็นห่วงเกินกว่าจะทิ้งลูกชายของพวกท่านไว้โรงพยาบาลคนเดียวในสภาวะแบบนี้
แม้จิณณ์จะบอกว่าดูแลตัวเองได้ แต่เหมือนจะไม่มีใครเชื่อเขา ดูจากท่าทางแล้ว คนพูดยังไม่เชื่อเลยว่าจะดูแลตัวเองได้จริงๆ
เป็นผมที่อาสาจะดูแลเพื่อนในช่วงที่ป๊ากับคุณแม่ไม่อยู่
จนตอนนี้ป๊ากับคุณแม่ไปแล้ว ก่อนไปยังบอกขอบใจอีกหลายคำ บอกจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ทั้งคุณแม่ทั้งป๊าบอกลาลูกชายของพวกท่านกันอีกพักใหญ่ จนมีคนมาเรียก ทั้งคู่ถึงได้ยอมไปจริงๆ
แม้อีกฝ่ายจะบอกเกรงใจ แต่สุดท้ายด้วยความจำเป็น จิณณ์ก็ตกเป็นของผม... เอ้อ.. ตกอยู่ในการดูแลของผมอยู่ดี
.
.
.
...โปรดติดตามชมตอนต่อไป
- pangkawjoaประธานนักเรียน
Taira Payakaroon
อาจารย์ภาษาไทย
3300
+611 M 722 K 265
PASSPORT
:
(2580/21000)
:
Re: MONKEY & TREE
Tue 21 Mar 2017, 09:57
โอ๊ย ออร่ามุ้งมิ้งผสานละอองสีเทา ( ? ) ระหว่างป๊ากับม๊าคละคลุ้งมากกกกก
ป๊ากับม๊าเกิดมาเพื่อดูแลกันและกันใช่ไหมฮะ
ใช่ไหมมมมมม
ป๊ากับม๊าเกิดมาเพื่อดูแลกันและกันใช่ไหมฮะ
ใช่ไหมมมมมม
- dedog
Jinn Watinpol
อาจารย์ศิลปะ
5262
+1,074 M 191 K 627
PASSPORT
:
(9911/28000)
:
Re: MONKEY & TREE
Wed 22 Mar 2017, 04:19
pangkawjoa พิมพ์ว่า:โอ๊ย ออร่ามุ้งมิ้งผสานละอองสีเทา ( ? ) ระหว่างป๊ากับม๊าคละคลุ้งมากกกกก
ป๊ากับม๊าเกิดมาเพื่อดูแลกันและกันใช่ไหมฮะ
ใช่ไหมมมมมม
นานๆทีฮะไทระ
ผลัดกันเฮอเร่อ ผลัดกันดูแล
สนุกกก
555555555
- dedog
Jinn Watinpol
อาจารย์ศิลปะ
5262
+1,074 M 191 K 627
PASSPORT
:
(9911/28000)
:
Re: MONKEY & TREE
Wed 22 Mar 2017, 04:25
- [7]:
- [7]
(MAXWELL PATH -ต่อ)
“นายจะกลับก็ได้นะ” จู่ๆจิณณ์ก็พูดประโยคนี้ขึ้นมา “ฉัน...อยู่ได้”
“...” ผมนิ่งมองเขา เพื่อนขมวดคิ้วนิดหน่อยแล้วพูดต่อ
“อืม... น่าจะได้นะ คุณพยาบาลก็มี ไม่อยากรบกวนเวลางานนาย”
เห็นได้ชัดว่าเจ้าต้นไม้ยังคิดมากเรื่องเป็นภาระ
“บอกว่าเต็มใจก็เต็มใจสิ” ผมอดบ่นไม่ได้ เขียนคำว่า เต็มใจ ลงไปบนมือเขาอีกครั้ง
จิณณ์หลุบตาลง ตอบรับงึมงำในลำคอ
อยู่กับจิณณ์ตอนเขามองไม่เห็นก็เป็นอะไรที่แปลกๆดีเหมือนกัน
ตลอดมาก่อนหน้านี้เพื่อนเป็นคนคอยดูแลผม จะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ทั้งคอยอยู่ข้างๆ ทำอะไรให้กิน สมัยเรียนก็เป็นเขาที่จ้ำจี้จ้ำไชให้ผมอ่านหนังสือหรือทำการบ้าน ติวหนังสือให้เวลาสอบ ช่วยเก็บห้องเวลาที่ผมอีกคนปรากฏตัว บางครั้งถึงกับช่วยเอางานของผมที่ผมทำไม่ทันไปช่วยทำด้วยซ้ำ
ความใส่ใจของเขาวนเวียนอยู่รอบๆตัวผม ไม่เคยเรียกร้อง ไม่เคยนับเป็นบุญคุณต่อกัน เราอยู่กันแบบนี้จนเป็นเรื่องปกติ
ผมไม่อยากจะพูดออกมาจริงๆว่าผมดีใจ ดีใจที่ได้มีโอกาสดูแลเขาบ้าง
เห็นได้ชัดว่าเพื่อนไม่ชินกับการเป็นคนได้รับการดูแล
เขากินได้น้อยตอนที่ผมป้อนข้าว อ้อนวอนก็แล้ว บังคับก็แล้ว คะยั้นคะยอก็แล้ว เขากินได้ไม่ถึงครึ่งจานด้วยซ้ำ
จะว่าอาหารไม่อร่อยก็ไม่ใช่ เท่าที่ผมแอบชิมดูรสชาติก็ไม่เลวร้าย
เหมือนจะเป็นจิณณ์เองที่อยู่ในสภาพอารมณ์ที่เลวร้าย กระทั่งหน้ากากยิ้มก็ไม่หยิบมาใส่ด้วยซ้ำ เขากินยาหลังอาหารแล้วนั่งบีบลูกบอลเหลืองนั่นเงียบๆ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
หลังจากนั้นซักพักจิณณ์ก็หลับไป น่าจะด้วยฤทธิ์ยา ปกติเขาไม่ใช่คนนอนไวขนาดนี้
เห็นเพื่อนหลับผมก็ลงไปเอาของที่รถ พวกเสื้อผ้า แปรงสีฟัน สบู่ ยาสระผม อุปกรณ์การใช้ชีวิตนอกสถานที่ที่มีติดรถอยู่เป็นปกติได้ใช้ในโอกาสนี้เอง
ผมเห็นใกล้โรงพยาบาลมีร้านขายตุ๊กตาอยู่ ในหัวนึกถึงน้องชมพู ตุ๊กตาหมีสีชมพูมอๆ หมีเน่าของจิณณ์ที่เจ้าตัวนอนกอดอยู่ทุกคืนแล้วผมก็อดเดินเข้าร้านตุ๊กตาไม่ได้
มองเห็นตุ๊กตาลิงที่ตัวใหญ่พอๆกับน้องชมพูของเพื่อนที่เข้าไปหยิบ พอผมหันไปถามเจ้าของร้านว่าเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็ทำหน้าแปลกใจนิดหน่อยก่อนจะบอกราคากลับมา
คงไม่คิดว่าหน้าฝรั่งจ๋าอย่างผมจะพูดไทยชัดขนาดนี้ละมั้งฮะ
“ซื้อไปให้แฟนเหรอคะ” เจ้าของร้านหันมาถามขณะรับเงิน รอยยิ้มน่ารักแต้มอยู่บนหน้า
นึกถึงเจ้าต้นไม้แล้วผมก็ตอบกลับไปโดยอัตโนมัติ “ครับ”
สมอ้างไปดีกว่าที่จะต้องอธิบายยาวๆว่าซื้อไปให้เพื่อนผู้ชายตัวโตๆที่นอนป่วยอยู่ละนะ
หรือเอาเข้าจริงๆผมก็แอบอยากอยู่ในสถานะนั้นอยู่นิดๆเหมือนกัน…
เจ้าของร้านยิ้มให้ผมอีกทีเมื่อส่งเงินทอนให้
.
.
.
...โปรดติดตามตอนชมต่อไป
- dedog
Jinn Watinpol
อาจารย์ศิลปะ
5262
+1,074 M 191 K 627
PASSPORT
:
(9911/28000)
:
Re: MONKEY & TREE
Wed 05 Apr 2017, 03:26
- [8]:
- [8]
.
.
.
(MAXWELL PATH -ต่อ)
ตอนที่ผมขึ้นไปถึงห้อง เพื่อนยังหลับอยู่
จิณณ์ขยับตัวนิดหน่อยตอนผมวางตุ๊กตาลิงลงบนเตียง
เป็นอีกครั้งที่ผมได้พิจารณาเพื่อนตอนหลับ
นึกถึงตอนผมไปรับพ็อพพิ่น*ที่สวีเดน ผมไปอยู่ที่นั่นเป็นสัปดาห์ หลายครั้งที่พ็อพพิ่นถามถึงโรงเรียนควิ้นท์
เล่าไปเล่ามา ผมก็เล่าไปถึงเจ้าเพื่อนคนนี้ซะเกือบทุกครั้งไป
มีครั้งหนึ่งที่พ็อพถามผมว่าจิณณ์หล่อมั้ยและผมตอบกลับไปว่าก็พอดูได้ละมั้ง
ผมไม่รู้จริงๆว่าแบบไหนถึงเรียกว่าหล่อ มีคนบอกว่าผมหล่อ แต่จะให้ผมเอาเกณฑ์หน้าตาตัวเองไปเทียบกับเพื่อนก็ดูจะต่างเชื้อชาติกันเกินไป แค่สีผมสีตาก็ต่างกันแล้ว
ในความรู้สึกผมจิณณ์เป็นคนที่มองได้ไม่เบื่อ
ตาดุๆกับรอยยิ้มเอื่อยๆของเขาดูขัดกันแต่ดึงดูดอย่างประหลาด
คิดว่าสาวๆหลายคนก็คงคิดเหมือนผม พวกเธอหลายคนดูสนใจเพื่อนผม มีหลายคนที่พยายามเข้าหา ถึงจะไม่เท่าสาวๆที่เข้าหาผมก็เถอะ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียน
แม้แต่ตอนเป็นครูแล้วก็ยังมีนักเรียนสาวๆที่ดูจะปลื้มครูจิณณ์ถึงขนาดมีขนมมาให้ในวันวาเลนไทน์ด้วยซ้ำ แต่เฟรนด์โซนของเพื่อนก็แข็งแกร่งซะจนสาวๆเหล่านั้นกลายเป็นเพื่อนเป็นพี่น้องไปซะหมด
แล้วเจ้าตัวก็บ่นว่าไม่เห็นมีแฟนอย่างคนอื่นเขาบ้าง...
แค่เกราะเพชรเฟรนด์โซนของเพื่อนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าโล่ไวเบรเนียมของกัปตันอเมริกา บวกกับการกันท่าของผมที่กลายเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
…มีแฟนได้ก็ให้มันรู้ไปสิ
มองจนไม่รู้จะมองอะไรแล้วผมจึงเอาโน้ตบุ๊กมาเปิดดูหนังอยู่ตรงโซฟาใกล้ๆเตียงคนไข้ กะว่าจิณณ์ต้องการอะไรผมได้จัดการให้ได้ทันที
คืนนี้ผมจะนอนไม่ได้ รู้ตัวเลยว่าถ้านอน ผมอีกคนจะต้องโผล่มาแน่ๆ และในเวลานี้ผมจะให้เขาปรากฏตัวไม่ได้
อดนอนสองสามวันจะเป็นไรไป ผมต้องดูแลต้นไม้ของผม
และผมจะไม่ยอมให้อะไรมาเป็นอุปสรรคโดยเด็ดขาด!
.
.
.
...โปรดติดตามชมตอนต่อไป
พ็อพพิ่น* = สาวน้อยที่ปรากฏตัวในตอนแรกที่แม็กเวลพามาพบผอ. ก่อนที่เขาจะรู้ว่าจิณณ์เกิดอุบัติเหตุ
- dedog
Jinn Watinpol
อาจารย์ศิลปะ
5262
+1,074 M 191 K 627
PASSPORT
:
(9911/28000)
:
Re: MONKEY & TREE
Sun 23 Apr 2017, 01:31
- [9]:
- [9]
.
.
.
(JINN PATH)
อยู่กันแบบมืดๆ เงียบๆ มาสองวันแล้วฮะ
แต่ละวันผ่านไปอย่างปกติสุขจนเกือบเรียกได้ว่าน่าเบื่อ ผมยังคงมองอะไรไม่เห็น แม้จะเริ่มชินแล้วแต่ก็ยังต้องอาศัยคนช่วยอยู่ดี
แต่ละวันช่างยาวนาน ผมไม่สามารถทำงานอดิเรกอะไรในช่วงเวลาว่างนี่ได้เลย อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง หรือกระทั่งทำอาหาร ทำได้เพียงนั่งๆนอนๆอยู่ในห้อง บีบลูกบอลยาง บ้างก็นั่งกอดตุ๊กตาที่ไม่รู้ว่าเพื่อนไปสรรหามาจากไหน วันแรกก็มีแค่ตัวใหญ่ตัวเดียวหรอก วันต่อๆมาผมก็รู้สึกได้ว่ามันมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกนิดนึงผมคงได้นั่งเล่นพ่อแม่ลูกกับครอบครัวตุ๊กตานี่จริงๆแล้ว
แม็กคุยกับผมน้อยลงแบบรู้สึกได้ ยิ่งไปกว่านั้นผมรู้สึกว่าเขาทำอะไรช้าลง เหมือนสติไม่ค่อยจะมียังไงชอบกล ล่าสุดนี่แทบจะป้อนข้าวใส่จมูกผม
“นายไม่ได้นอนมากี่วันแล้วเนี่ย” ผมอดถามคนที่ยังคงกุมมือผมเอาไว้ไม่ได้ เดาว่าเพื่อนคงกลัวผมเหงา เขาเลยชอบมานั่งใกล้ๆแล้วจับมือผมเอาไว้
แม็กเขียนเลขสามลงบนฝ่ามือผม
กลิ่นกาแฟที่กรุ่นๆอยู่ในห้องไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามาจากไหน เชื่อว่าลิงโด๊ปกาแฟไปหลายแก้วจนจะกลายเป็นอแม็กริกาโน่อยู่แล้ว
“นอนหน่อยมั้ย” ผมถาม อดนอนขนาดนี้เดี๋ยวก็ได้ตายกันพอดี ผมไม่อยากออกจากโรงพยาบาลแล้วเข็นเพื่อนเข้าเมรุต่อเลยหรอกนะ
น....อ....น.... น้ำหนักเส้นที่เขียนลงบนฝ่ามือค่อนข้างสั่น แต่เขาก็เขียนจนจบ ไ.....ม่.....ไ....ด้
นอนไม่ได้
อเล็กซ์จะออกมาสินะ
เพราะเรื่องของผม แม็กถึงได้เครียดจนนอนไม่ได้ แถมยังต้องมาเหนื่อยดูแลผมอีก ทั้งที่ความจริงแล้วสามารถไปทำอะไรได้อีกตั้งหลายอย่าง ทั้งอดนอนทั้งเสียเวลา ผมอดรู้สึกแย่ขึ้นมาอีกไม่ได้จริงๆ
อ...ย่....
เพราะมีตัวอักษรมาอีกเซ็ตทำให้ผมเลิกคิดเรื่อยเปื่อยและหันไปสนใจ ถอดออกมาเป็นข้อความได้ว่า
อย่าคิดมาก เต็มใจ
ก็รู้ว่าเต็มใจ แต่อดคิดมากไม่ได้จริงๆนี่หว่า -_-“
เจ้าลิงคล้ายจะรู้ว่าผมคิดอะไร เขาเขย่ามือผมเบาๆ จนผมต้องตอบไปว่าจะไม่คิดมากแล้วถึงได้ยอมหยุด
สุดท้ายแล้วการพูดว่าจะไม่คิดมากก็ไม่ได้ทำให้ผมไม่คิดมากได้จริงๆ ผมก็ยังรู้สึกแย่กับการเป็นภาระให้เขาอยู่ดี
หลังกินข้าวเย็นเสร็จไม่นานผมก็ง่วงอีกแล้ว ยาที่หมอให้มาน่าจะมีบางตัวที่ทำให้ง่วง ซึ่งผมไม่รู้หรอกว่าตัวไหน กินอะไรเข้าไปบ้างแต่ละวันแต่ละมื้อยังไม่ค่อยแน่ใจเลยฮะ
อย่างที่บอก ช่วงนี้วันๆได้แต่กินๆนอนๆ กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็ตื่นมากิน มีคั่นด้วยรายการเช็ดตัวและล้างแผล ตรวจนู่นนี่นั่นอีกนิดหน่อย จากนั้นก็นอนและกินและกินและนอนใหม่อีกรอบ วนๆไปเช่นนี้
แม็กยังคงกุมมืออยู่ตอนที่ผมหลับไป
.
.
.
...โปรดติดตามชมตอนต่อไป
- dedog
Jinn Watinpol
อาจารย์ศิลปะ
5262
+1,074 M 191 K 627
PASSPORT
:
(9911/28000)
:
Re: MONKEY & TREE
Wed 03 May 2017, 01:10
- [10]:
- [10]
.
.
.
(MAXWELL PATH)
ผมปลดมือที่จับอยู่กับเพื่อนออก
แม้จะรู้สึกว่าอยากจับให้นานกว่านี้อีกหน่อย แต่ก็ง่วงเกินกว่านั่งนิ่งๆอยู่ตรงนี้ได้
ตอนที่ผมลุกไปล้างหน้าล้างตาฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว เพราะอดนอนมาหลายวันทำให้เริ่มแสบตา ผมจึงเดินไปปิดไฟและกลับมานั่งอยู่ตรงโซฟาที่ปัจจุบันผมลากมาไว้ข้างเตียง เปิดโน้ตบุ๊กเพื่อหาหนังดูในคืนนี้ ในมือถือกาแฟแก้วที่สี่ของวัน กินกาแฟมากจนรู้สึกได้ว่าใจสั่น แต่ก็อย่างที่บอก ผมหลับไม่ได้
เมื่อเลือกหนังได้แล้วผมก็กดให้มันเริ่มเล่น ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่จอ
มองตำรวจที่โดนลอบทำร้าย
มองตัวร้ายที่ระเบิดโรงพยาบาล
มองตำรวจคนเดิมที่เดินทางมาหาพระเอก
มองพระเอกพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนของเขา วางแผนอะไรบางอย่าง
มองพวกเขาปฏิบัติตามแผนการ
มองนางเอกที่รอคอยพระเอกอยู่ที่บ้านหลังใหญ่
มองพระเอกที่กลับมาถึงบ้านและกอดนางเอกเอาไว้
มองพวกเขาขับรถไปบนถนนสายยาว...
.
.
.
ผมเผลอหลับไปในลักษณะนี้เอง
.
.
.
...โปรดติดตามชมตอนต่อไป
- pangkawjoaประธานนักเรียน
Taira Payakaroon
อาจารย์ภาษาไทย
3300
+611 M 722 K 265
PASSPORT
:
(2580/21000)
:
Re: MONKEY & TREE
Wed 03 May 2017, 08:29
ป๊ากับม๊ายังมีออร่าความละมุนเหมือนเคยยย
และก็มีออร่าสีเทาสีควบไปด้วยฮะ กระซิกๆ
อยากให้ม๊ามองเห็นได้เร็วๆ จัง ไม่งั้นป๊าต้องเศร้ากว่านี้แน่ๆ เลย
และก็มีออร่าสีเทาสีควบไปด้วยฮะ กระซิกๆ
อยากให้ม๊ามองเห็นได้เร็วๆ จัง ไม่งั้นป๊าต้องเศร้ากว่านี้แน่ๆ เลย
Signature ------------------------------------------------>
初めまして、どうぞよろしくお願いします。
หน้า 1 จาก 2 • 1, 2
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|