Lesson 43 : ร่ำเรียนดั่งวันวาน
+2
pangkawjoa
Nearmoki-2b
6 posters
- Nearmoki-2b
Narin
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน
0
+65 M 413 K 676
Lesson 43 : ร่ำเรียนดั่งวันวาน
Fri 01 Jul 2016, 00:02
สวัสดีครับ
เนื่องจากวันที่ 29 กรกฎาคมของทุกๆปีนั้นตรงกับ 'วันภาษาไทยแห่งชาติ'
เพราะฉะนั้นทางโรงเรียนเราจึงได้จัดกิจกรรมเพื่อที่จะให้ทุกคนได้อนุรักษ์
ภาษาไทยไปด้วยกันนะครับ!!
ประกาศจากทางผู้อำนวยการ
'การเรียนการสอนทั้งหมดภายในวันที่ 29 กรกฏาคมจะถูกจัดสอนด้วย
'ภาษาไทยโบราณ' ขอให้คณะครู บุคลากร รวมทั้งนักเรียน ร่วมใจกัน
ใช้ภาษาไทยโบราณเพื่อจำลองบรรยากาศไทยยุคเก่าและอนุรักษ์
ภาษาไทยโบราณ
ป.ล. ผมแอบจัดเตรียมชุดไทยไว้ให้ อยู่ในตู้เสื้อผ้าของทุกคนนะครับ'
อยากให้ลองเล่นกันสนุกๆดูครับ ที่ไม่เคร่งเรื่องการใช้คำไทยโบราณ
เพราะผมเองก็ไม่ได้มีความรู้ทางด้านนี้มากนัก ถ้าใครมั่นใจว่าแม่นยำ
เรื่องการใช้คำไทยโบราณก็สามารถติดต่อมาช่วยเหลือผมทางหลัง
ไมค์ได้นะครับ เผื่อจะได้แบ่งปันความรู้ใหม่ๆไปด้วยกัน
✎ ผู้ที่ทำภารกิจได้เพอร์เฟ็คสูงกว่ามาตรฐานมาก (100%)
✎ ผู้ที่ทำภารกิจได้ยอดเยี่ยมกว่ามาตรฐาน (80%+)
✎ ผู้ที่ทำภารกิจได้โดดเด่นกว่ามาตรฐาน (75%+)
✎ C. ผู้ที่ทำภารกิจได้ตามมาตรฐานทั่วไป (50%+)
✎ D. ผู้ที่ทำภารกิจได้ต่ำกว่ามาตรฐานควรแก่การพัฒนา (35%+)
❤ ของรางวัลพิเศษจากผู้อำนวยการ
.....ถ้วยรางวัลแต่ละชนิดจะถูกมอบให้กับ นักเรียน-อาจารย์ ที่มีผลงานสร้างสรรค์
เกินขอบเขตของจินตนาการ โดยระดับถ้วยเกียรติยศและจำนวนที่จะมอบให้นั้นขึ้น
อยู่กับผู้อำนวยการโรงเรียนเท่านั้น แม้ผลงานที่เพอร์เฟ็คแต่ถ้าขาดความสร้างสรรค์
ก็จะไม่ได้รับถ้วยรางวัลเกียรติยศก็เป็นได้ ในทางกลับกันหากผลงานไม่ได้สวยจน
น่าตะลึง แต่ถ้าหากมีความสร้างสรรค์ผู้อำนวยการก็สามารถมอบถ้วยเกียรติยศให้ได้...
★ Spectacular Award
.....รางวัล Spectacular จะถูกมอบให้สำหรับผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานได้ประทับใจ
สปอนเซอร์จากบริษัท NOBLEMAN (EST.1990) เป็นอย่างมาก โดยผลงานนั้น
จะต้องมีเสน่ห์ในรูปแบบต่างๆที่ดึงดูดสายตาและจิตใจของสปอนเซอร์ ซึ่งไม่ได้ขึ้น
อยู่กับคุณภาพผลงานแต่อย่างใด แต่จะขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์, จินตนาการ,
เสน่ห์ของผลงาน, ความกลมกล่อมของภาพรวม เป็นต้น ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลนี้จะได้
รับการประกาศเกียรติคุณ ณ ความคิดเห็นที่ลงผลงาน และใต้ชื่อกระทู้ภารกิจในหน้า
กระดานภารกิจ พร้อมทั้งของรางวัลดังนี้...
** อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับรางวัลนี้ได้โดย "คลิ๊กที่นี่" **
❤ รางวัลโหวตขวัญใจมหาชน
เนื่องจากวันที่ 29 กรกฎาคมของทุกๆปีนั้นตรงกับ 'วันภาษาไทยแห่งชาติ'
เพราะฉะนั้นทางโรงเรียนเราจึงได้จัดกิจกรรมเพื่อที่จะให้ทุกคนได้อนุรักษ์
ภาษาไทยไปด้วยกันนะครับ!!
ประกาศจากทางผู้อำนวยการ
'การเรียนการสอนทั้งหมดภายในวันที่ 29 กรกฏาคมจะถูกจัดสอนด้วย
'ภาษาไทยโบราณ' ขอให้คณะครู บุคลากร รวมทั้งนักเรียน ร่วมใจกัน
ใช้ภาษาไทยโบราณเพื่อจำลองบรรยากาศไทยยุคเก่าและอนุรักษ์
ภาษาไทยโบราณ
ป.ล. ผมแอบจัดเตรียมชุดไทยไว้ให้ อยู่ในตู้เสื้อผ้าของทุกคนนะครับ'
ระยะเวลาภารกิจ พิมพ์ว่า:FRI 01/07/16 ; 00.00 TH - FRI 15/07/16 ; 23.59 TH
รายละเอียดภารกิจ พิมพ์ว่า:
-แต่งเรื่องบรรยากาศวันภาษาไทยโดยที่บทสนทนาตัวละครจะต้อง
พูดด้วยภาษาไทยโบราณเท่านั้น (บทบรรยายสามารถใช้ภาษาไทย
ปัจจุบันได้ตามปกติ ไม่ว่าจะใช้มุมมองที่หนึ่งหรือสามก็ตาม)
Checklist สิ่งที่ต้องมีในเนื้อหา
- ความรู้สึกของตัวละครที่ได้ใช้คำไทยโบราณ
- ความรู้สึกของตัวละครที่มีเมื่อคนรอบข้างใช้ภาษาไทยโบราณ
- ความรู้สึกและเรื่องราวของตัวละครภายในวันภาษาไทย
-วาดรูปประกอบบทบรรยาย ไม่จำกัดจำนวนรูป แต่จะต้องประกอบไปด้วยรูป
ที่มีตัวละครของตนในชุดไทย (ชุดไทยสมัยใดก็ได้)
กฏการให้สแตมป์ พิมพ์ว่า:วาดรูป 50%/เขียน 50%
ภาพและงานเขียนตรวจจากสแตนด์ดาร์ทฝีมือรายบุคคล งานเขียนให้ความ
ใส่ใจกับการถูกต้องของภาษา(การสะกดคำ) การเว้นวรรคและจัดบรรทัด
แต่ไม่เคร่งเรื่องความถูกต้องของการเลือกใช้คำไทยโบราณต่างๆ
อยากให้ลองเล่นกันสนุกๆดูครับ ที่ไม่เคร่งเรื่องการใช้คำไทยโบราณ
เพราะผมเองก็ไม่ได้มีความรู้ทางด้านนี้มากนัก ถ้าใครมั่นใจว่าแม่นยำ
เรื่องการใช้คำไทยโบราณก็สามารถติดต่อมาช่วยเหลือผมทางหลัง
ไมค์ได้นะครับ เผื่อจะได้แบ่งปันความรู้ใหม่ๆไปด้วยกัน
✎ ผู้ที่ทำภารกิจได้เพอร์เฟ็คสูงกว่ามาตรฐานมาก (100%)
S - CLASS STAMP ตราประทับระดับสูงสุดในหมวดภารกิจทั่วไป มีลักษณะเป็นดาวสีนิลสุดแสนจะคลาสสิก มีมูลค่า +100 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้เพอร์เฟ็คเป็นที่น่าประทับใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+1,500,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
✎ ผู้ที่ทำภารกิจได้ยอดเยี่ยมกว่ามาตรฐาน (80%+)
A - CLASS STAMP ตราประทับระดับสูงในหมวดภารกิจทั่วไป มีลักษณะเป็นดาวสีทับทิม สื่อถึงความหรูหรา มีมูลค่า +80 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้ยอดเยี่ยมเป็นที่น่าประทับใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+1,250,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
✎ ผู้ที่ทำภารกิจได้โดดเด่นกว่ามาตรฐาน (75%+)
B - CLASS STAMP ตราประทับระดับสูงในหมวดภารกิจทั่วไป มีลักษณะเป็นดาวสีไพลิน สื่อถึงความลึกล้ำ มีมูลค่า +75 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้ดีมากเป็นที่น่าพึงพอใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+1,000,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
✎ C. ผู้ที่ทำภารกิจได้ตามมาตรฐานทั่วไป (50%+)
C - CLASS STAMP ตราประทับระดับกลางในหมวดภารกิจทั่วไป มีลักษณะเป็นดาวสีมรกต สื่อถึงความมั่นคง มีมูลค่า +50 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้ปานกลางเป็นที่น่าพอใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+900,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
✎ D. ผู้ที่ทำภารกิจได้ต่ำกว่ามาตรฐานควรแก่การพัฒนา (35%+)
D - CLASS STAMP ตราประทับระดับต่ำในหมวดภารกิจทั่วไป มีลักษณะเป็นดาวสีแอเมทิสต์ สื่อถึงความเรียบง่าย มีมูลค่า +35 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจผ่านเกณฑ์ตามที่ได้รับมอบหมายไว้ |
+800,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
❤ ของรางวัลพิเศษจากผู้อำนวยการ
.....ถ้วยรางวัลแต่ละชนิดจะถูกมอบให้กับ นักเรียน-อาจารย์ ที่มีผลงานสร้างสรรค์
เกินขอบเขตของจินตนาการ โดยระดับถ้วยเกียรติยศและจำนวนที่จะมอบให้นั้นขึ้น
อยู่กับผู้อำนวยการโรงเรียนเท่านั้น แม้ผลงานที่เพอร์เฟ็คแต่ถ้าขาดความสร้างสรรค์
ก็จะไม่ได้รับถ้วยรางวัลเกียรติยศก็เป็นได้ ในทางกลับกันหากผลงานไม่ได้สวยจน
น่าตะลึง แต่ถ้าหากมีความสร้างสรรค์ผู้อำนวยการก็สามารถมอบถ้วยเกียรติยศให้ได้...
GOLDEN HONOR DEGREE TROPHY ถ้วยเกียรติยศทองคำแท้ มอบให้แด่ผู้ที่สามารถปฎิบัติภารกิจหรือร่วมกิจกรรมต่างๆที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นได้น่าประทับใจผู้อำนวยการเป็นอย่างมาก |
SILVER HONOR DEGREE TROPHY ถ้วยเกียรติยศเงินแท้ มอบให้แด่ผู้ที่สามารถปฎิบัติภารกิจหรือร่วมกิจกรรมต่างๆที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นได้น่าประทับใจผู้อำนวยการ |
BRONZE HONOR DEGREE TROPHY ถ้วยเกียรติยศทองแดง มอบให้แด่ผู้ที่สามารถปฎิบัติภารกิจหรือร่วมกิจกรรมต่างๆที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นได้น่าดึงดูดใจผู้อำนวยการ |
★ Spectacular Award
.....รางวัล Spectacular จะถูกมอบให้สำหรับผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานได้ประทับใจ
สปอนเซอร์จากบริษัท NOBLEMAN (EST.1990) เป็นอย่างมาก โดยผลงานนั้น
จะต้องมีเสน่ห์ในรูปแบบต่างๆที่ดึงดูดสายตาและจิตใจของสปอนเซอร์ ซึ่งไม่ได้ขึ้น
อยู่กับคุณภาพผลงานแต่อย่างใด แต่จะขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์, จินตนาการ,
เสน่ห์ของผลงาน, ความกลมกล่อมของภาพรวม เป็นต้น ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลนี้จะได้
รับการประกาศเกียรติคุณ ณ ความคิดเห็นที่ลงผลงาน และใต้ชื่อกระทู้ภารกิจในหน้า
กระดานภารกิจ พร้อมทั้งของรางวัลดังนี้...
** อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับรางวัลนี้ได้โดย "คลิ๊กที่นี่" **
+1,000,000 CHIPS เหรียญตราที่ใช้ในการชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดภายในโรงเรียนหรือการร่วมกิจกรรมพิเศษที่ทางบริษัท NOBLEMAN จัดขึ้น โดยสามารถใช้แต้มสะสมจาก Spirit Point ในการแลกได้ |
+30 QUAINT ORE แร่ธาตุพิเศษที่พบได้ในบริเวณรอบโรงเรียน สามารถนำไปใช้แลกเป็นไอเทมต่างๆที่โรงเรียนกำหนดเอาไว้ได้ แร่ธาตุชนิดนี้จะหาได้ยากเป็นพิเศษ ถ้าไม่ได้เดินรอบโรงเรียนบ่อยๆก็จะไม่มีทางที่จะเจอแร่ธาตุชนิดนี้ได้เลย |
❤ รางวัลโหวตขวัญใจมหาชน
GOLDEN HONOR DEGREE TROPHY ถ้วยเกียรติยศทองคำแท้ มอบให้แด่ผู้ที่สามารถปฎิบัติภารกิจหรือร่วมกิจกรรมต่างๆที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นได้น่าประทับใจนักเรียนกับอาจารย์และบุคลากรของโรงเรียนจนได้รับการโหวตมากกว่า 6 คนขึ้นไป |
SILVER HONOR DEGREE TROPHYถ้วยเกียรติยศทองคำแท้ มอบให้แด่ผู้ที่สามารถปฎิบัติภารกิจหรือร่วมกิจกรรมต่างๆที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นได้น่าประทับใจนักเรียนกับอาจารย์และบุคลากรของโรงเรียนจนได้รับการโหวตมากกว่า 4 คนขึ้นไป |
BRONZE HONOR DEGREE TROPHYถ้วยเกียรติยศทองคำแท้ มอบให้แด่ผู้ที่สามารถปฎิบัติภารกิจหรือร่วมกิจกรรมต่างๆที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นได้น่าประทับใจนักเรียนกับอาจารย์และบุคลากรของโรงเรียนจนได้รับการโหวตมากกว่า 2 คนขึ้นไป |
Signature ------------------------------------------------>
- ผู้มาเยือนผู้มาเยือน
Re: Lesson 43 : ร่ำเรียนดั่งวันวาน
Tue 12 Jul 2016, 18:40
วันนี้เป็นวันภาษาไทยเเห่งชาติเจ้าคะ ทางควิ้นท์จึงได้ทำการจัดกิจกรรมขึ้นเพื่อนให้ทุกท่านในโรงเรียนได้ร่วมสนุกกันเจ้าคะ
"หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยเจ้าคะ..." ดิฉันรู้สึกประหม่าเเละตื่นเต้นไม่น้อยเลยเจ้าค่ะ ที่ได้สวมชุดไทยที่สวยงามถึงเพียงนี้อีกทั้งยังได้สื่อสารด้วยภาษาโบราณอีก
"คุณหญิงกินเนสสวัสดีเจ้าค่ะ ตายเเล้วชุดคุณหญิงช่างน่ารักน่าชังมากเจ้าคะ" จู่ๆ ก็มีเสียงดังทักมาจากทางด้านหลังของดิฉัน
"อ๊ะคุณหญิงจีมิน! สวัสดีเจ้าค่ะ^^" เมื่อหันไปก็พบกับคุณหญิงจีมิน จึงกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
"คุณหญิงเองก็เเต่งกายได้เลอโฉมไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ" เมื่อเรากล่าวพูดคุยกันพอเป็นพิธี เราก็หันมาให้ความสนใจกับบรรยากาศภายในโรงเรียนดูครึกครื้นเเละช่างน่าสนุกไม่น้อยเลย ทุกท่านภายในโรงเรียนต่างเเต่งกายด้วยการสวมชุดไทย เเละสื่อสารกันด้วยการพูดภาษาไทยโบราณ คิดว่าทุกท่านเองก็คงจะตื่นเต้นด้วยเหมือนกันอย่างตัวดิฉันเองนั่นรู้สึกเขินอายน้อยๆเจ้าคะ
ขณะที่กำลังยินคิดอะไรเพลินๆสายตาก็ไปเจอะเข้ากับท่านหญิงท่านหนึ่ง...
"คุณหญิงยูมินสวัสดีเจ้าคะ" ก้เจอะเข้ากับคุณหญิงยูมินที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนัก จึงกล่าวทักทาย
"คุณหญิงวันนี้ช่างเเต่งกายได้สวยงามหยดย้อยอะไรถึงเพียงนี้ ทั้งทรงผมหรือแม้เเต่เครื่องประดับเลยเจ้าคะ" ดิฉันกล่าวเอ่ยชมความงามของคุณหญิงยูมินที่มองเเล้วช่างสบายตายิ่งนัก
"คุณหญิงกินเนสเองก็เเต่งกายได้งดงามไม่เเพ้กันหรอกเจ้าคะ^^ เเต่ท่านหญิงไม่สวมหน้ากากจะไม่เป็นอะไรหรอกหรือเจ้าค่ะ?" คุณหญิงยูมินเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เเฝงไปด้วยความเป็นห่วงเเละกังวลเล็กน้อย
"เกรงว่าจะให้คำตอบที่เเน่นอนไม่ได้ เเต่ตอนนี้อาการของดิฉันนั้นทุเลาลงบ้างเเล้วเจ้าคะ จึงอยากจะลองถอดออกดูบ้าง"
"เป็นเช่นนี้นี่เอง เเต่ถึงอย่างไรคุณหญิงก็จะต้องคอยระวังด้วยนะเจ้าค่ะ" คุณหญิงยูมินกล่าวเตือน
"ขอขอบคุณน้ำใจของคุณหญิงเป็นอย่างมากนะเจ้าค่ะ><"
"เอ๊ะ! คุณหญิงทางด้านนั้นไม่ทราบว่าคือใครรึเจ้าค่ะ?" คุณหญิงยูมินกล่าวถามถึงคุณหญิงจีมินที่ยืนอยู่ด้านข้างดิฉัน
"ท่านนี้คือคุณหญิงจีมิน เธอเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ชั้นเดียวกับเราเจ้าคะ"
"ยินดีที่ได้รู้จักคุรหญิงยูมินเจ้าค่ะ^^" คุณหญิงจีมินกล่าว
"ฝ่ายดิฉันเองก็เป็นเกียรติมากเจ้าคะ" คุณหญิงทั้งสองกล่าวทักมายทำความรู้จักกันพอเป็นพิธี ในขณะนั้นเองดิฉันก็นึกอะไรขึ้นมาได้
"ดิฉันว่า เราไปเดินดูตามเเผงต่างๆกันดีกว่าเจ้าคะ" ดิฉันกล่าวข้อเสนอ "เห็นด้วยเจ้าคะ" เมื่อเราต่างเห็นพ้องกันก็เริ่มออกเดินตามเเผงต่างๆ
"วันนี้เป็นวันที่สนุกมากเจ้าคะ ต้องขอบคุณทางควิ้นท์มากจริงๆ คุณหญิงก็เช่นกันนะเจ้าคะ" "ทางเราเองก็เช่นเดียวกันเจ้าคะ" คุณหญิงทั้ง2ท่านกล่าว
ดิฉันรู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูกเลยเจ้าคะ รู้สึกมีความสุขเเละโล่งใจไม่น้อยเลยเจ้าคะ เพราะงั้นทุกท่านก็เชิญมาร่วมควิ้นท์ของเรานะเจ้าค่ะ^^
✎ ผู้ที่ทำภารกิจได้ยอดเยี่ยมกว่ามาตรฐาน (80%+)
A - CLASS STAMP ตราประทับระดับสูงในหมวดภารกิจทั่วไป มีลักษณะเป็นดาวสีทับทิม สื่อถึงความหรูหรา มีมูลค่า +80 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้ยอดเยี่ยมเป็นที่น่าประทับใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+1,250,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
- กระดานความเห็นจากนรินทร์:
- คำผิด : การใช้ เจ้าคะ เจ้าค่ะ
ขณะที่กำลังยืนคิด - ขณะที่กำลังยืนคิด
ก้ - ก็
(๒ คำ++)
ภาพสวยสีสวยสดใส ดูหวานอ่อนช้อยมากเลยครับ
เนื้อเรื่องเองก็น่ารักดี มีการพัฒนาเนื้อเรื่องของตัวละคร
กินเนสสุขภาพดีขึ้น สนิทกับเพื่อนมากขึ้น เพื่อนเป็นห่วงเป็นใย
สิ่งที่อยากให้ลองพัฒนาในคราวหน้าคือการจัดบรรทัดนะครับ
อยากให้เว้นบรรทัดมากกว่านี้หน่อย เวลาอ่านจะได้สบายตา
มากขึ้น
อ่านวิธีการใช้ คะ-ค่ะ ได้ ที่นี่
- ผู้มาเยือนผู้มาเยือน
Re: Lesson 43 : ร่ำเรียนดั่งวันวาน
Tue 12 Jul 2016, 19:27
วันนี้ดิฉันมีความรู้สึกตื่นเต้นมากเป็นพิเศษเลยเจ้าคะ เพราะวันนี้ดิฉันจะใส่ชุดไทยและต้องใช้ภาษาโบราณในการพูดคุยเพราะเป็นวันภาษาไทยแห่งชาติทางโรงเรียนจึงอยากทำกิจกรรมนี้ เพื่อมอบความสนุกเพลิดเพลินให้กับนักเรียนทุกคนเจ้าคะ
วันนี้ตลอดทั้งวัน ดิฉันได้พูดคุยกับหลายๆท่าน ทุกท่านแต่งกายได้สวยงามละเมียดละไมมากเจ้าค่ะ ท่าทางการเดินการพูดการจาต่างๆช่างน่าฟังน่ามองเป็นอย่ายิ่งเจ้าคะ ต้องขอบคุณทางโรงเรียนและทุกๆท่านที่มอบความสุขให้ดิฉันในวันนี้เจ้าคะ
✎ ผู้ที่ทำภารกิจได้โดดเด่นกว่ามาตรฐาน (75%+)
B - CLASS STAMP ตราประทับระดับสูงในหมวดภารกิจทั่วไป มีลักษณะเป็นดาวสีไพลิน สื่อถึงความลึกล้ำ มีมูลค่า +75 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้ดีมากเป็นที่น่าพึงพอใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+1,000,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
- กระดานความเห็นจากนรินทร์:
- คำผิด : การใช้ เจ้าคะ เจ้าค่ะ
ขอบคุณสำหรับภารกิจแรกครับ อยากให้พยายามหาวิธีถ่ายรูป
ให้ชัดกว่านี้ในภารกิจหน้านะครับ ขอให้เห็นเส้นชัดเหมือนในรูป
แฟ้มประวัติก็ยังดี ส่วนวิธีการเขียนภารกิจสามารถศึกษาได้จาก
งานของเพื่อนๆภายในกระทู้นี้นะครับผม มาค่อยๆเรียนรู้ไปด้วย
กันนะ!!
อ่านวิธีการใช้ คะ-ค่ะ ได้ ที่นี่
- ผู้มาเยือนผู้มาเยือน
Re: Lesson 43 : ร่ำเรียนดั่งวันวาน
Wed 13 Jul 2016, 13:40
" ขอให้นักเรียนทุกคน แต่งกายด้วย ชุดไทยโบราณโดยพร้อมเพรียงกันในวันพรุ่งนี้ด้วยนะครับ"
เสียงลำโพงที่ดังลั่นไปทั่วทั้งโรงเรียนแห่งนี้นั้น ป่าวประกาศถึงเครื่องแต่งกาย ที่ผมต้องใส่มา
ในวันที่ 29 กรกฎาคม ซึ่งนั้น ก็ตรงกับวันภาษาไทยแห่งชาติ พอดิบพอดี
แต่ถึงจะเป็นวันที่พิเศษกว่าวันอื่นๆนิดหน่อย ก็ยังมีการเรียนการสอนตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติ คือ
เครื่องแต่งกายของแต่ละคน ที่แปลกตาไปกว่าก่อน เพราะทุกคนต้องใส่ชุดไทยโบราณ
ตามแต่ละยุคสมัย และใช้ภาษาไทยโบราณสื่อสารกัน หวังให้บรรยากาศของโรงเรียนนั้น
เหมือนดั่ง โบราณกาล
" คุณพี่กร ตื่นเช้าตรู่ เลยนะเจ้าคะ " เสียงโทรศัพท์ เอ่ยข้างกายผม สาวน้อยใส่แว่น
ใช้โปรแกรมที่เธอคิดขึ้นมาสื่อสารโดยใช้ภาษาที่กำหนดให้ใช้ภายในวันนี้เท่านั้น
เธอนั้นชื่อ รินทร์ แต่งกายเหมือนสาวใช้โบราณ หุ่นบางน่าเอ็นดู สวมผ้าเกาะอก เอวลอย
แล้วนุ่งผ้าถุงยาวตามแบบฉบับสาวใช้ในโบราณกาล เอ่ยทักผมที่ไม่ค่อยจะตื่น
ในช่วงเวลานี้เท่าไรนัก
" ใช่สิขอรับ เพลาแบบนี้ จักให้กระผมนอนตื่นสายได้เยี่ยงไรขอรับ " ผมตอบกลับ
แบบทันควัน แน่นอนครับ เวลาแบบนี้ บรรยากาศแบบนี้ เหตุการณ์แบบนี้ จะให้ผม พลาดได้ยังไงละ
ต้องเบิ่งให้เห็นกับตาตัวเองสิครับ
" นั่นสินะ เจ้าคะ "
.
.
.
จากนั้น ผมกับรินทร์ ก็ได้เดินไปที่ห้องเรียนของแต่ละคน ในการเรียนวันนี้จะเหมือนกับ การเรียนทั่วไป
เพียงแต่ว่า การเรียนนั้น จะต้องสื่อสารกันแบบไทยโบราณ แล้วอย่างนี้จะเรียนรู้เรื่องมั้ยนิ?!
.
.
.
ในการเรียนวันนี้ นอกจากจะเป็นการเรียนโดยใช้ภาษาไทยโบราณสื่อสารกันแล้ว
ภายนอกห้องเรียนตามจุดต่างๆ ก็จะมี โครงงานภาษาไทย ประวัติภาษาไทยโบราณ
ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับภาษาไทยโบราณ จัดเป็นนิทรรศการด้านนอกห้องเรียน อีกด้วย
.
.
" นักเรียนเจ้าคะ งานที่ได้รับมอบหมายไปนี้ ครูขอให้นักเรียน ไปค้นคว้าเรื่องราว มาจัดทำส่งครูนะ
เจ้าคะ " คุณครู ภาษาไทยที่สอนห้องเรียนของผม มอบหมายงานให้ทำ เป็นงานที่นักเรียนม.๓ ทุกคน
ต้องทำเสียด้วย
.
.
.
ผมเดินค้นหาข้อมูลที่ต้องการ รอบๆนิทรรศการ แต่แล้ว ก็มีมือสะกิด ที่ด้านหลังของผม ผมหันขวับ
ไปด้านหลังผมทันที
" สวัสดีกรด้วยนะ ขอรับ " ปรากฎเป็นเด็กนักเรียน รูปร่างสูง กำยำ เสยผมขึ้นไป หน้าตาหล่อเหลา นามว่า ไทระ
ที่เขียนคำทักทายในภาษาสำหรับวันนี้ ให้ผมอ่าน
" สวัสดี เช่นกันขอรับ นายไทระ " ผมทักทายกลับไปตามมารยาท เหมือนไทระ สงสัยว่าผมได้เรื่องอะไรมาค้นคว้า
" ได้เรื่องราวอันใด มาศึกษาหาเรื่องราว กันล่ะ ขอรับ "
" ประวัติท่านสุนทรภู่ ขอรับ " ผมตอบกลับไป เรื่องราวที่กระผมต้องทำนั้นเป็นเรื่องราวของบุคคลผู้เป็นกวีเอกของไทย
ในสมัยโบราณกาล และเป็นกวีที่โด่งดังไปทั่วโลก ชื่อเสียงเรียงนามดังกระฉ่อนไปทั่ว และได้รับการยกย่องอย่างเป็นทางการ
กวีเอกผู้นี้ มีนามที่เราเรียกขานเขาว่า 'สุนทรภู่' นั่นเองครับ
ไทระได้ยินดังนั้นก็ ถึงกับ ตาโตเลย เพราะข้อมูลของท่านผู้นี้ มีเป็นหมื่นเป็นแสน ซึ่งผมที่เป็นคนหาก็แสนเหมือนกัน
' แสนยากลำบากแท้หนอ '
"ถ้าเช่นนั้น กระผมจะช่วยอีกแรงนะขอรับ " ไทระให้ความช่วยเหลือ และ ยิ้มให้ด้วยความยินดี ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน
ว่าไทระได้เรื่องอะไรมาทำ
" เรื่อง พระอภัยมณี ขอรับ " ไทระตอบ โดยเขียนข้อความมาให้ผมอ่าน โป๊ะเชะ! ครับ ข้อมูลของไทระ
ก็เป็นหนึ่งในกวีเอกของสุนทรภู่ นี่นับว่า หากหาข้อมูลของสุนทรภู่ได้ ก็อาจจะหาข้อมูลของพระอภัยมณีเจอด้วยเช่นกัน
แบบนี้ ตรงกับสุภาษิตไทย ที่ว่า ' ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว ' จริงๆครับ
จากนั้น พวกเรา ผมกับไทระ ก็ช่วยกันหาข้อมูล ของพระอภัยมณีและสุนทรภู่ แล้วก็เขียนรายงานจนเสร็จ
" ขอบคุณไทระมากนะขอรับ ที่ช่วยกระผม ทำงานจนเสร็จ " ผมตอบแสดงขอบคุณให้ไทระ ไทระก็เขียนตอบกลับมาว่า
" มิเป็นไร ขอรับ ทำสองคน ย่อมดีกว่าทำคนเดียว ขอรับ "
ผมพยักหน้าตอบรับ เป็นเชิงนัยว่า ' นั่นสินะ ' แล้วผมกับไทระ ก็คุยเล่นด้วยกัน จนหมดคาบ
.
.
.
ตอนบ่าย มีเวทีประกวดชุดไทยโบราณ ผู้ที่แต่งกายได้งดงามที่สุดจะได้รับรางวัลจากผู้อำนวยการโรงเรียนอีกด้วย ผมที่ว่างอยู่
ก็ไปดูเวทีอยู่ห่างๆ แล้วบังเอิญไปเห็นร้านที่ทำ กำไลดอกไม้ ผมเห็นว่ามันสวยดี ก็เลยแวะเข้าไปดู และถามราคาจากแม่ค้า
" กำไลนี้ ราคาเท่าใด ขอรับ "
" อ่อ... ราคา ๒๐ บาท เจ้าค่าา "
ผมดูแล้วราคาก็ไม่แพงมาก จึงตัดสินใจซื้อมา สองวง
.
.
.
จากนั้น ผมก็กลับไปดูเวทีต่อ ทันใดนั้น มือเล็กสองข้างมาสะกิดไหล่ผมเบาๆ ผมตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันไปดูว่าใคร
ก็เป็นสาวน้อยใส่แว่น ในตอนเช้า ที่มาทำผมตกใจเล่น รินทร์นั่นเอง
" จ๊ะเอ๋! คุณพี่กร ทำอันใดอยู่หรือ เจ้าคะ? " เสียงโปรแกรมของรินทร์ถามถึงว่า ผู้ชายที่ตัวเองมาเล่นจ๊ะเอ๋ด้วย ทำอะไรอยู่
" อา..กระผม ก็ดูการประกวด ชุดไทยโบราณอยู่ขอรับ " ผมตอบให้กับเด็กสาวคนนั้น
" ที่นั่นหรือ เจ้าคะ? " สายตาน้อยๆและนิ้วเล็กๆชี้ไปที่เวที เพื่อให้แน่ใจ ตนเข้าใจถูก
" ใช่ ขอรับ " ผมตอบกลับ พร้อมพะยักหน้าให้รินทร์รู้
เด็กสาว ก็ดูการประกวดอย่างใจจดใจจ่อ ผมขอขัดจังหวะรินทร์สักนิดละกัน
" รินทร์ พี่มีของจะให้รินทร์นะ ขอรับ " รินทร์ได้ยินดังนั้นก็หันมาหาผม แล้วทำหน้างง เมื่อผมเอาของที่จะให้รินทร์ออกมา จากหน้าฉงน
กลายเป็นหน้าตาที่ประหลาดใจไปทันที
" พะ..พี่กร ซื้อกำไลวงนี้มาให้หรอคะ? " ความตะลึงของรินทร์ ทำเอารินทร์ลืมตัว และสื่อสารออกมาเป็นภาษาไทยในปัจจุบัน
เลยทีเดียว
" ขอรับ " ผมตอบรินทร์กลับ พร้อมกับดึงเสื้อตัวเองให้รินทร์ดู เพื่อเตือนสติรินทร์ว่า ใช้ภาษาไทยโบราณ ในการสื่อสารนะครับ
จากนั้นรินทร์ก็รับ กำไลไปสวมข้อมือของตัวเอง และสื่อสารกลับเป็นดั่งเดิม
" ข...ขอบคุณนะเจ้าคะ คุณพี่กร " รินทร์ขอบคุณผม และหันกลับไปอย่างอายๆ จากนั้นผมกับรินทร์ก็ดูการประกวด กันจนจบ
เมื่อจบการประกวด รินทร์ขอตัวไปพบปะกับเพื่อนร่วมชั้นก่อนกลับห้องพัก
วันนี้ก็เป็นวันหนึ่ง ที่มีเหตุการณ์อันน่าจดจำอีกวัน ที่ผมจะไม่มีวันลืมเลยละครับ
.
.
.
ช่วง ความรู้สึกของตัวละคร
มาสู่ช่วง ความรู้สึกของผมนะครับ ผมรู้สึกว่า การที่ผมได้ลองใช้คำโบราณนั้น มันดูสุภาพดีครับ มักจะบังคับ
ให้พูดสุภาพด้วย ซึ่งนั่นก็ดีมากครับ มีการปรับใช้คำให้ดูสวยงามน่าฟังยิ่งขึ้น ไพเราะขึ้นครับ อยากให้ทุกคนอนุรักษ์
คำไทยโบราณนี้ไว้ไม่ให้หายไปจากไทยเราครับ
ส่วนความรู้สึกของผมที่คนรอบข้างใช้คำไทยโบราณหรอครับ ก็ดีครับ ฟังแล้วแปลกๆดี ไพเราะน่าฟังครับ
แต่มีบางประโยคนะครับ ที่ต้องตีความจากที่ฟังอีกที แต่โดยรวมแล้วก็ ไพเราะ สุภาพ น่าฟังมากขึ้นครับ
ส่วนความรู้สึกที่ได้เรียนในภาษาไทยโบราณหรอครับ ผมว่าฟังยากอยู่นะครับ หรืออาจจะเป็นเพราะเราไม่เคยเรียน
ด้วยคำโบราณละมั้ง ฮ่าๆๆๆ แต่ก็แปลกดีครับ ถึงแม้จะไม่เข้าใจ และต้องไปตีความหมายอีกที โดยรวมก็ เข้ายากนะ
เพราะต้องไปตีความหมายกันอีกที แต่ก็ แล้วแต่ความสามารถของแต่ละคนครับ
และนี่ก็คือ ความรู้สึกทั้งหมดของผมครับ
✎ ผู้ที่ทำภารกิจได้ยอดเยี่ยมกว่ามาตรฐาน (80%+)
เสียงลำโพงที่ดังลั่นไปทั่วทั้งโรงเรียนแห่งนี้นั้น ป่าวประกาศถึงเครื่องแต่งกาย ที่ผมต้องใส่มา
ในวันที่ 29 กรกฎาคม ซึ่งนั้น ก็ตรงกับวันภาษาไทยแห่งชาติ พอดิบพอดี
แต่ถึงจะเป็นวันที่พิเศษกว่าวันอื่นๆนิดหน่อย ก็ยังมีการเรียนการสอนตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติ คือ
เครื่องแต่งกายของแต่ละคน ที่แปลกตาไปกว่าก่อน เพราะทุกคนต้องใส่ชุดไทยโบราณ
ตามแต่ละยุคสมัย และใช้ภาษาไทยโบราณสื่อสารกัน หวังให้บรรยากาศของโรงเรียนนั้น
เหมือนดั่ง โบราณกาล
" คุณพี่กร ตื่นเช้าตรู่ เลยนะเจ้าคะ " เสียงโทรศัพท์ เอ่ยข้างกายผม สาวน้อยใส่แว่น
ใช้โปรแกรมที่เธอคิดขึ้นมาสื่อสารโดยใช้ภาษาที่กำหนดให้ใช้ภายในวันนี้เท่านั้น
เธอนั้นชื่อ รินทร์ แต่งกายเหมือนสาวใช้โบราณ หุ่นบางน่าเอ็นดู สวมผ้าเกาะอก เอวลอย
แล้วนุ่งผ้าถุงยาวตามแบบฉบับสาวใช้ในโบราณกาล เอ่ยทักผมที่ไม่ค่อยจะตื่น
ในช่วงเวลานี้เท่าไรนัก
" ใช่สิขอรับ เพลาแบบนี้ จักให้กระผมนอนตื่นสายได้เยี่ยงไรขอรับ " ผมตอบกลับ
แบบทันควัน แน่นอนครับ เวลาแบบนี้ บรรยากาศแบบนี้ เหตุการณ์แบบนี้ จะให้ผม พลาดได้ยังไงละ
ต้องเบิ่งให้เห็นกับตาตัวเองสิครับ
" นั่นสินะ เจ้าคะ "
.
.
.
จากนั้น ผมกับรินทร์ ก็ได้เดินไปที่ห้องเรียนของแต่ละคน ในการเรียนวันนี้จะเหมือนกับ การเรียนทั่วไป
เพียงแต่ว่า การเรียนนั้น จะต้องสื่อสารกันแบบไทยโบราณ แล้วอย่างนี้จะเรียนรู้เรื่องมั้ยนิ?!
.
.
.
ในการเรียนวันนี้ นอกจากจะเป็นการเรียนโดยใช้ภาษาไทยโบราณสื่อสารกันแล้ว
ภายนอกห้องเรียนตามจุดต่างๆ ก็จะมี โครงงานภาษาไทย ประวัติภาษาไทยโบราณ
ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับภาษาไทยโบราณ จัดเป็นนิทรรศการด้านนอกห้องเรียน อีกด้วย
.
.
" นักเรียนเจ้าคะ งานที่ได้รับมอบหมายไปนี้ ครูขอให้นักเรียน ไปค้นคว้าเรื่องราว มาจัดทำส่งครูนะ
เจ้าคะ " คุณครู ภาษาไทยที่สอนห้องเรียนของผม มอบหมายงานให้ทำ เป็นงานที่นักเรียนม.๓ ทุกคน
ต้องทำเสียด้วย
.
.
.
ผมเดินค้นหาข้อมูลที่ต้องการ รอบๆนิทรรศการ แต่แล้ว ก็มีมือสะกิด ที่ด้านหลังของผม ผมหันขวับ
ไปด้านหลังผมทันที
" สวัสดีกรด้วยนะ ขอรับ " ปรากฎเป็นเด็กนักเรียน รูปร่างสูง กำยำ เสยผมขึ้นไป หน้าตาหล่อเหลา นามว่า ไทระ
ที่เขียนคำทักทายในภาษาสำหรับวันนี้ ให้ผมอ่าน
" สวัสดี เช่นกันขอรับ นายไทระ " ผมทักทายกลับไปตามมารยาท เหมือนไทระ สงสัยว่าผมได้เรื่องอะไรมาค้นคว้า
" ได้เรื่องราวอันใด มาศึกษาหาเรื่องราว กันล่ะ ขอรับ "
" ประวัติท่านสุนทรภู่ ขอรับ " ผมตอบกลับไป เรื่องราวที่กระผมต้องทำนั้นเป็นเรื่องราวของบุคคลผู้เป็นกวีเอกของไทย
ในสมัยโบราณกาล และเป็นกวีที่โด่งดังไปทั่วโลก ชื่อเสียงเรียงนามดังกระฉ่อนไปทั่ว และได้รับการยกย่องอย่างเป็นทางการ
กวีเอกผู้นี้ มีนามที่เราเรียกขานเขาว่า 'สุนทรภู่' นั่นเองครับ
ไทระได้ยินดังนั้นก็ ถึงกับ ตาโตเลย เพราะข้อมูลของท่านผู้นี้ มีเป็นหมื่นเป็นแสน ซึ่งผมที่เป็นคนหาก็แสนเหมือนกัน
' แสนยากลำบากแท้หนอ '
"ถ้าเช่นนั้น กระผมจะช่วยอีกแรงนะขอรับ " ไทระให้ความช่วยเหลือ และ ยิ้มให้ด้วยความยินดี ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน
ว่าไทระได้เรื่องอะไรมาทำ
" เรื่อง พระอภัยมณี ขอรับ " ไทระตอบ โดยเขียนข้อความมาให้ผมอ่าน โป๊ะเชะ! ครับ ข้อมูลของไทระ
ก็เป็นหนึ่งในกวีเอกของสุนทรภู่ นี่นับว่า หากหาข้อมูลของสุนทรภู่ได้ ก็อาจจะหาข้อมูลของพระอภัยมณีเจอด้วยเช่นกัน
แบบนี้ ตรงกับสุภาษิตไทย ที่ว่า ' ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว ' จริงๆครับ
จากนั้น พวกเรา ผมกับไทระ ก็ช่วยกันหาข้อมูล ของพระอภัยมณีและสุนทรภู่ แล้วก็เขียนรายงานจนเสร็จ
" ขอบคุณไทระมากนะขอรับ ที่ช่วยกระผม ทำงานจนเสร็จ " ผมตอบแสดงขอบคุณให้ไทระ ไทระก็เขียนตอบกลับมาว่า
" มิเป็นไร ขอรับ ทำสองคน ย่อมดีกว่าทำคนเดียว ขอรับ "
ผมพยักหน้าตอบรับ เป็นเชิงนัยว่า ' นั่นสินะ ' แล้วผมกับไทระ ก็คุยเล่นด้วยกัน จนหมดคาบ
.
.
.
ตอนบ่าย มีเวทีประกวดชุดไทยโบราณ ผู้ที่แต่งกายได้งดงามที่สุดจะได้รับรางวัลจากผู้อำนวยการโรงเรียนอีกด้วย ผมที่ว่างอยู่
ก็ไปดูเวทีอยู่ห่างๆ แล้วบังเอิญไปเห็นร้านที่ทำ กำไลดอกไม้ ผมเห็นว่ามันสวยดี ก็เลยแวะเข้าไปดู และถามราคาจากแม่ค้า
" กำไลนี้ ราคาเท่าใด ขอรับ "
" อ่อ... ราคา ๒๐ บาท เจ้าค่าา "
ผมดูแล้วราคาก็ไม่แพงมาก จึงตัดสินใจซื้อมา สองวง
.
.
.
จากนั้น ผมก็กลับไปดูเวทีต่อ ทันใดนั้น มือเล็กสองข้างมาสะกิดไหล่ผมเบาๆ ผมตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันไปดูว่าใคร
ก็เป็นสาวน้อยใส่แว่น ในตอนเช้า ที่มาทำผมตกใจเล่น รินทร์นั่นเอง
" จ๊ะเอ๋! คุณพี่กร ทำอันใดอยู่หรือ เจ้าคะ? " เสียงโปรแกรมของรินทร์ถามถึงว่า ผู้ชายที่ตัวเองมาเล่นจ๊ะเอ๋ด้วย ทำอะไรอยู่
" อา..กระผม ก็ดูการประกวด ชุดไทยโบราณอยู่ขอรับ " ผมตอบให้กับเด็กสาวคนนั้น
" ที่นั่นหรือ เจ้าคะ? " สายตาน้อยๆและนิ้วเล็กๆชี้ไปที่เวที เพื่อให้แน่ใจ ตนเข้าใจถูก
" ใช่ ขอรับ " ผมตอบกลับ พร้อมพะยักหน้าให้รินทร์รู้
เด็กสาว ก็ดูการประกวดอย่างใจจดใจจ่อ ผมขอขัดจังหวะรินทร์สักนิดละกัน
" รินทร์ พี่มีของจะให้รินทร์นะ ขอรับ " รินทร์ได้ยินดังนั้นก็หันมาหาผม แล้วทำหน้างง เมื่อผมเอาของที่จะให้รินทร์ออกมา จากหน้าฉงน
กลายเป็นหน้าตาที่ประหลาดใจไปทันที
" พะ..พี่กร ซื้อกำไลวงนี้มาให้หรอคะ? " ความตะลึงของรินทร์ ทำเอารินทร์ลืมตัว และสื่อสารออกมาเป็นภาษาไทยในปัจจุบัน
เลยทีเดียว
" ขอรับ " ผมตอบรินทร์กลับ พร้อมกับดึงเสื้อตัวเองให้รินทร์ดู เพื่อเตือนสติรินทร์ว่า ใช้ภาษาไทยโบราณ ในการสื่อสารนะครับ
จากนั้นรินทร์ก็รับ กำไลไปสวมข้อมือของตัวเอง และสื่อสารกลับเป็นดั่งเดิม
" ข...ขอบคุณนะเจ้าคะ คุณพี่กร " รินทร์ขอบคุณผม และหันกลับไปอย่างอายๆ จากนั้นผมกับรินทร์ก็ดูการประกวด กันจนจบ
เมื่อจบการประกวด รินทร์ขอตัวไปพบปะกับเพื่อนร่วมชั้นก่อนกลับห้องพัก
วันนี้ก็เป็นวันหนึ่ง ที่มีเหตุการณ์อันน่าจดจำอีกวัน ที่ผมจะไม่มีวันลืมเลยละครับ
.
.
.
ช่วง ความรู้สึกของตัวละคร
มาสู่ช่วง ความรู้สึกของผมนะครับ ผมรู้สึกว่า การที่ผมได้ลองใช้คำโบราณนั้น มันดูสุภาพดีครับ มักจะบังคับ
ให้พูดสุภาพด้วย ซึ่งนั่นก็ดีมากครับ มีการปรับใช้คำให้ดูสวยงามน่าฟังยิ่งขึ้น ไพเราะขึ้นครับ อยากให้ทุกคนอนุรักษ์
คำไทยโบราณนี้ไว้ไม่ให้หายไปจากไทยเราครับ
ส่วนความรู้สึกของผมที่คนรอบข้างใช้คำไทยโบราณหรอครับ ก็ดีครับ ฟังแล้วแปลกๆดี ไพเราะน่าฟังครับ
แต่มีบางประโยคนะครับ ที่ต้องตีความจากที่ฟังอีกที แต่โดยรวมแล้วก็ ไพเราะ สุภาพ น่าฟังมากขึ้นครับ
ส่วนความรู้สึกที่ได้เรียนในภาษาไทยโบราณหรอครับ ผมว่าฟังยากอยู่นะครับ หรืออาจจะเป็นเพราะเราไม่เคยเรียน
ด้วยคำโบราณละมั้ง ฮ่าๆๆๆ แต่ก็แปลกดีครับ ถึงแม้จะไม่เข้าใจ และต้องไปตีความหมายอีกที โดยรวมก็ เข้ายากนะ
เพราะต้องไปตีความหมายกันอีกที แต่ก็ แล้วแต่ความสามารถของแต่ละคนครับ
และนี่ก็คือ ความรู้สึกทั้งหมดของผมครับ
" ภาษาไทยกำลังจะวิบัติ หากใช้ไม่ถูกต้อง ถ้าเราไม่รักษา แล้วลูกหลานของเราจะใช้ภาษาอะไร "
เก็บไว้เอาไปคิด ช่วยๆกันสักนิดนะครับ
เก็บไว้เอาไปคิด ช่วยๆกันสักนิดนะครับ
✎ ผู้ที่ทำภารกิจได้ยอดเยี่ยมกว่ามาตรฐาน (80%+)
A - CLASS STAMP ตราประทับระดับสูงในหมวดภารกิจทั่วไป มีลักษณะเป็นดาวสีทับทิม สื่อถึงความหรูหรา มีมูลค่า +80 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้ยอดเยี่ยมเป็นที่น่าประทับใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+1,250,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
- กระดานความเห็นจากนรินทร์:
- คำผิด :
ซึ่งนั้นก็ตรงกับวันภาษาไทยแห่งชาติ - ซึ่งนั่นก็ตรงกับวันภาษาไทยแห่งชาติ
พะยักหน้า-พยักหน้า
หรอ - เหรอ
ปรากฎ – ปรากฏ ( ใช้ ฏ ปฏัก )
(๔ คำ)
เนื้อเรื่องผิด:
ไทระได้ยินดังนั้นก็ ถึงกับ ตาโตเลย - ไทระไม่ได้ยิน
เนื้อหาดี มีการพูดภึงภาษาไทยโบราณ มีข้อคิดดีๆให้ปิดท้าย
รอบนี้เว้นบรรทัดกำลังพอดีเลยครับ แต่อยากให้ปรับปรุงเรื่อง
การเว้นวรรคนะครับ ค่อนข้างแปลกใจว่าปกติกรไม่ได้เว้นวรรค
แบบนี้ ครั้งนี้เว้นวรรคค่อนข้างถี่เลยครับ
ตัวอย่าง
"ขอให้นักเรียนทุกคน แต่งกายด้วย ชุดไทยโบราณโดยพร้อมเพรียงกันในวันพรุ่งนี้ด้วยนะครับ"
เสียงลำโพงที่ดังลั่นไปทั่วทั้งโรงเรียนแห่งนี้นั้น ป่าวประกาศถึงเครื่องแต่งกาย ที่ผมต้องใส่มา
ในวันที่ 29 กรกฎาคม ซึ่งนั้น ก็ตรงกับวันภาษาไทยแห่งชาติ พอดิบพอดี
ผมลองแก้ให้
"ขอให้นักเรียนทุกคนแต่งกายด้วยชุดไทยโบราณโดยพร้อมเพรียงกันในวันพรุ่งนี้ด้วยนะครับ"
เสียงลำโพงที่ดังลั่นไปทั่วทั้งโรงเรียนแห่งนี้นั้น ป่าวประกาศถึงเครื่องแต่งกายที่ผมต้องใส่มา
ในวันที่ 29 กรกฎาคม ซึ่งนั้นก็ตรงกับวันภาษาไทยแห่งชาติพอดิบพอดี
ถ้าอยากรู้ว่าเว้นวรรคยังไงถึงจะพอดี ให้ลองออกเสียงตามที่เขียนก็จะสามารถจับจุด
ได้มากขึ้นนะครับ เราเว้นวรรคเมื่อปิดประโยคและเมื่อที่เว้นจังหวะจังหวะหายใจ
(กรณีที่ออกเสียง) เพราะฉะนั้นการลองออกเสียงประโยคจึงช่วยได้มากครับ
- pangkawjoaประธานนักเรียน
Taira Payakaroon
อาจารย์ภาษาไทย
3258
+601 M 722 K 265
PASSPORT
:
(2380/21000)
:
Re: Lesson 43 : ร่ำเรียนดั่งวันวาน
Wed 13 Jul 2016, 15:40
...ผมไม่เคยคิดเลยว่าการเป็นลูกครึ่งจะทำให้เจอกับความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง...
เมื่อวันก่อนอาจารย์ประจำวิชาภาษาไทยบอกว่าต้องการส่งคนเข้าประกวด ‘การแต่งกายชุดไทย’ ที่จะจัดขึ้นใน ‘วันงานภาษาไทย’ ตอนแรกอาจารย์จะส่งกรเข้าประกวดเพราะหน้าตาสื่อความเป็นไทยออกมาได้ดี แต่เจ้าตัวบอกว่าติดเข้าประกวดกับรินทร์แล้ว เพราะงั้นแจ๊คพอตเลยมาตกอยู่ที่ผมกับรันเดล ด้วยความที่เพื่อนๆ บอกว่า...
‘ลองส่งคนที่ไม่ใช่ไทยแท้ไปประกวดดีไหม ทุกคนจะได้เห็นว่าชาวต่างชาติก็ชอบภาษาไทยเหมือนกัน’
ครับ...นั่นแหละ เลยทำให้ผมกับรันเดลต้องเข้าประกวดอย่างเลี่ยงไม่ได้ และผู้หญิงที่มาประกวดเป็นคู่ผมคือเมอิน ส่วนคู่ของรันเดลก็คือฮิโซกะ นี่ผมจะดีใจหรือเสียใจดีเนี่ยที่ผู้เข้าประกวดเป็นลูกครึ่งตั้งสามคน!
ไอ้เรื่องเป็นลูกครึ่งไม่เท่าไหร่ แต่ที่ผมหนักใจก็คือตอนประกวดจะต้องมีการพูดภาษาไทยโบราณด้วยน่ะสิ ที่จริงจากที่เรียนการอ่านปากมาจากครูพี่จิณณ์กับพี่แม็กก็ทำให้ผมกล้าพูดบ้างแล้ว แต่ก็ยังพูดไม่เก่งอยู่ดี และเพราะพวกเราพูดกันไม่คล่องนี่แหละ อาจารย์เลยช่วยสอนภาษาไทยโบราณให้อย่างเข้มงวดตั้งแต่วันที่รู้ว่าจะต้องเข้าประกวด จนกระทั่งมาถึงวันนี้...วันงานภาษาไทย!
แต่ผมก็ยังจำไม่ค่อยได้อยู่ดี ผมรู้สึกว่าเวลาพูดคำโบราณแล้วมันดูเป็นทางการมากแถมบางคำก็ออกเสียงยาก ตอนฝึกผมยังเคยออกเสียงคำว่า ‘ขอรับ’เป็น ‘ขอหลับ’ เลยครับ จนอาจารย์แซวว่า ‘ไทระจะไปลักหลับใครคะ?’ ทำเอาเพื่อนๆ หัวเราะกันลั่นเลยล่ะครับ
ถึงผมจะยังมีอาการพูดภาษาไทยไม่ชัดแต่ก็ยังน่าห่วงน้อยกว่ารันเดลนะ รายนั้นปกติเป็นคนขี้อายและไม่ค่อยกล้าพูดเลยทำให้ยังไม่แน่ใจว่าเขาพูดคล่องแล้วหรือยัง เอาจริงๆ ผมก็ไม่แน่ใจหรอกว่ารันเดลไม่ค่อยพูดหรือช่างพูดกันแน่ เพราะบางทีผมก็ผมเขาหันไปทางที่ไม่มีใครอยู่แล้วช่วงนี้ก็ชอบพูดว่า
‘คำไทยโบราณช่างยากแท้ คุณซีโร่ก็คิดเยี่ยงนั้นหรือไม่ขอรับ’
อืม...ช่วยบอกผมที ใครคือซีโร่ครับ!?
เวลารันเดลหันไปคุยกับ ‘ซีโร่’ ทีไรทำเอาผมขนลุกแล้วพาลนึกถึงตอนเห็นผอ.คุยกับรูมเมททั้งที่ผอ.แกน่าจะไม่มีใครร่วมห้องด้วยแท้ๆ สงสัยในควิ้นท์คงมีสิ่งลี้ลับอีกมากมายที่ผมยังไม่รู้แน่ๆ เอาเป็นว่าปล่อยเจ้าพวกนั้นไว้ก่อนเถอะครับ ตอนนี้ผมเห็นรันเดลคุยกับซีโร่อีกแล้ว จากที่พยายามอ่านปากเขาก็ตีความได้ว่า
“กระผมมิสันทัดเรื่องการประกวดเอาเสียเลย แต่กระนั้นกระผมก็จะพยายาม คุณซีโร่คอยให้กำลังใจด้วยนะขอรับ”
ผมคิดว่าถึงรันเดลจะไม่ถนัดแต่ก็มีความตั้งใจ แถมเวลาพูดภาษาโบราณก็ดูน่ารักมากเลยครับ เห็นเขาพูดแล้วผมก็รู้สึกมีกำลังใจในการพูดขึ้นมาเหมือนกัน ในเมื่อรันเดลตั้งใจขนาดนั้นผมเองก็ไม่ยอมแพ้หรอก จะพยายามดูสักตั้งครับ!
พอคิดแบบนั้นผมก็กลับมาตั้งใจเรียนภาษาโบราณกับอาจารย์ต่อ ช่วงเช้าของวันนี้มีการเรียนปกติและช่วงบ่ายก็จะถึงเวลาของการประกวด อาจารย์เลยพยายามเร่งสอนพวกเราภายในหนึ่งชั่วโมง แล้วผมก็ยังโดนให้พูดคำที่ยังพูดไม่ชัดตามเคย
“กระ...ผม...มี...”
“พ่อไทระอย่าพูดติดขัดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจะมิงาม”
“อ๊ะ...ขอหลับ” ผมรีบตอบรับคำ อาจารย์เขาให้ผมลองแนะนำตัวดูแต่ก็อย่างที่บอกว่าผมยังไม่ค่อยกล้าพูดเยอะเท่าไหร่ ยกเว้นตอนที่อยู่กับครูพี่จิณณ์และพี่แม็กซ์ถึงจะกล้าพูดเยอะ ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาอิดออดเพราะทั้งครูทั้งเพื่อนต่างตั้งความหวังไว้กับความผม ผมเว้นช่วงทำสมาธิเล็กน้อยก่อนจะเปล่งเสียงออกมา “กระผมมีนามว่าไทระขอหลับ”
เยส! ในที่สุดผมก็พูดรวดเดียวได้แล้ว!
พอเห็นว่าผมพูดได้จบประโยค อาจารย์ก็ยิ้มกริ่มทันทีก่อนที่เธอจะตบไหล่ผมเบาๆ ราวกับต้องการให้กำลังใจ “ดีมากเจ้าค่ะ ทว่าต้องพูด ‘ขอรับ’ มิใช่ ‘ขอหลับ’ นะเจ้าคะ”
ให้ตายเถอะ...ผมพูดคำนั้นพูดอีกแล้ว แต่ก็ถือว่าพูดเก่งขึ้นเยอะเมื่อเทียบกับช่วงแรกๆ การได้ลองเรียนภาษาไทยโบราณอย่างจริงจังมันก็สนุกดีเหมือนกันนะ ทำให้ผมรู้คำศัพท์เพิ่มอีกตั้งหลายคำแน่ะ
จากนั้นอาจารย์ก็สอนพวกผมแบบถึงพริกถึงขิง แต่ผมก็ยังตกม้าตายกับคำเดิมอยู่ดี
++++++++++++++++++++++++++++++
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนหมดเวลาสอน อาจารย์ต้องไปดูแลความเรียบร้อยในงานเลยปล่อยให้พวกผมเตรียมตัวกันเอง ฮิโซกะกับเมอินขอตัวไปเตรียมชุด ส่วนรันเดลก็หายตัวไปตั้งแต่เมื่อกี้แล้วล่ะครับ ผมเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลืออยู่เลยกะจะลองไปทบทวนคำโบราณที่ห้องตัวเอง แล้วระหว่างที่กำลังจะกลับไปที่หอพักก็เจอพี่แม็กซ์พอดี
จริงสิ! ผมว่าลองขอให้พี่แม็กซ์พาครูพี่จิณณ์มาช่วยสอนพูดคำโบราณอีกทีดีกว่า เพื่อความมั่นใจน่ะนะ
ว่าแล้วผมก็เดินเข้าไปทักทายพี่แม็กซ์แล้วก็บอกความต้องการไป พี่แม็กซ์ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญสักนิดแถมยังดูจะยินดีมากด้วย พอเราตกลงกันได้แล้วพี่แม็กซ์ก็พาผมมาที่ห้องพักของครูพี่จิณณ์ พี่แม็กซ์หยิบคีย์การ์ดขึ้นมาเปิดห้องของครูพี่จิณณ์หน้าตาเฉยแสดงถึงความสนิทสนม ที่จริงผมก็พอเดาออกว่าสองคนนี้คงมีซัมติงกันแน่นอน โดยเฉพาะพี่แม็กซ์ที่ดูอยากจะเป็นมากกว่าเพื่อนน่ะครับ ฮ่า!
พอเปิดประตูเข้ามาในห้องก็เห็นครูพี่จิณณ์กำลังจ้องชุดไทยของตัวเองที่ผอ.เอาให้อาจารย์ทุกคน อ่านจากสีหน้าแล้วคงกำลังลังเลว่าจะใส่ดีไหม ผมว่าถ้าครูพี่จิณณ์ใส่ชุดนั้นคงดูดีมีสง่าและทำให้สาวหลงได้หลายคนเลยล่ะ พี่แม็กซ์เดินเข้าไปในห้องโดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาต ผมไม่รู้ว่าพี่แม็กซ์พูดอะไรเพราะเขาหันหลังให้เลยอ่านปากไม่ได้แต่ดูจากหน้าครูพี่จิณณ์แล้วคิดว่าพี่แม็กซ์คงหยอกอะไรอีกแน่ เมื่อโดนหยอกเล่นมากๆ เข้าครูพี่จิณณ์ก็กระทุ้งศอกใส่พี่แม็กซ์ไปหนึ่งทีก่อนจะเดินมาหาผม
“พ่อไทระมาหาเพลานี้ด้วยเหตุอันใดหรือ” ครูพี่จิณณ์ส่งยิ้มไมตรีมาให้ ผมเลยเล่าเรื่องให้ฟังคร่าวๆ “โอเค เดี๋ยวครูสอน...”
“เฮ้ย! จิณณ์ นายอย่าลืมใช้คำโบราณดิ่”
“เออ! นายก็ลืมเหมือนกันแหละเว้ย!”
ผมยืนนิ่งกะพริบตาปริบมองครูพี่จิณณ์ที่หันไปเถียงพี่แม็ก จะเรียกว่าเถียงก็กระไรอยู่เพราะบรรยากาศระหว่างทั้งสองมันดูนุ่มนวลและอบอุ่นอย่างประหลาด งั้นขอเรียกว่าเย้าหยอกกันอย่างกระหนุงกระหนิง ( ? ) แล้วกันครับ ผมสงสัยว่าพี่แม็กซ์จะหยอกสู้ไม่ได้ เขาเลยจับครูพี่จิณณ์ถอยไปแล้วเดินมายื่นหน้าเข้าใกล้หน้าผม จากนั้นพี่เขาก็ขยับปากเหมือนต้องการให้ผมพูดตาม
“เดี๋ยวพี่จะสั่งสอนคำสุดยอดเยี่ยมให้พ่อไทระนะขอรับ” ผมตีความได้ประมาณนี้แหละ “พ่อไทระจดจำให้แม่นยำ”
ผมไม่ได้ตอบเพียงแต่พยักหน้าหงึกหงัก คำไทยโบราณของพี่แม็กซ์ฟังดูปะแล่มๆ ชอบกลแฮะ แต่ก็น่ารักไปอีกแบบ
“กล่าวตามพี่ขอรับ” พี่แม็กซ์ยิ้มมีเลศนัยก่อนจะขยับปากช้าๆ เพื่อให้ผมอ่านได้ง่ายๆ “ป๊าแม็กซ์”
“หะ!?” ผมถึงกับอุทานเป็นภาษาปัจจุบันเลยทีเดียว แต่พี่แม็กซ์ก็ยังทำหน้าจริงจังราวกับรอให้ผมพูดอยู่ ส่วนครูพี่จิณณ์ก็ได้แต่ยืนสงสัยว่าทำอะไรกันเพราะพี่แม็กซ์ยืนบังผมไว้เลยทำให้ครูเขาอ่านปากไม่ได้ ผมเหล่ไปมองครูพี่จิณณ์นิดหนึ่งแล้วเบนสายตากลับมาหาพี่แม็กซ์ จากนั้นก็ “เอ่อ...ป๊าแม็กซ์?”
พี่แม็กซ์ก็ยิ้มร่าในบัดดล ผมนี่อยากถามมากว่าคำนี้มันเป็นภาษาโบราณตรงไหนแต่ก่อนจะได้ถามอะไรพี่เขาก็ให้ผมพูดอีกคำ
“ต่อไปคำนี้ขอรับ” พี่แม็กซ์ยิ่งยิ้มเจ้าเล่ห์ “ม๊าจิณณ์”
“เอ่อ...ม๊าจิณณ์...”
“ยอดเยี่ยมมากขอรับ!” พี่แม็กซ์ยกนิ้วโป้งให้ “ตั้งแต่บัดนี้ขอให้พ่อไทระเรียกพวกพี่ว่า ‘ป๊าแม็กซ์’ กับ ‘ม๊าจิณณ์’ ขอรับ”
“...” ผมควรตอบตกลงไหม?
“เข้าใจหรือไม่ขอรับ?” พี่แม็กซ์ย้ำอีกรอบพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้มากจนผมตกใจเผลอตอบรับ
“ขอรับ!!!”
พี่แม็กซ์ยิ้มอีกแล้ว...อ๊ะ! จะว่าไปผมพูดคำว่า ‘ขอรับ’ ได้แล้วนี่นา ก็ไม่รู้ว่านี่จะเรียนการสอนได้ไหมแต่มันก็ทำให้ผมพูดคำที่ไม่ถนัดได้ รู้สึกดีจริงๆ ที่ได้มาเรียนกับพี่แม็กซ์และครูพี่จิณณ์ ไม่สิ...ต้องพูดว่าดีจริงๆ ที่ได้มาเรียนกับป๊าแม็กซ์และม๊าจิณณ์!
++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากที่เรียนกับป๊าแม็กซ์และม๊าจิณณ์ก็ถึงเวลาที่ผมต้องไปแต่งตัว ผมขอบคุณทั้งสองคนก่อนจะมุ่งหน้าไปห้องแต่งตัวที่นัดกับรันเดลไว้ ถึงรันเดลจะขี้อายและชอบอยู่คนเดียวแต่เขาก็ตอบรับคำชวนของผมที่บอกว่าอยากจะช่วยกันแต่งตัว ก็จะให้ทำยังไงล่ะครับ ครั้นจะให้ฮันน่ามาช่วยผมแต่งตัวก็คงไม่ใช่อ่ะ ส่วนรูมเมทของรันเดลคือพี่พี แกก็ติดงานอีก พวกผมสองคนเลยต้องพึ่งตัวเองเนี่ย
เราสองคนช่วยกันแต่งตัวอย่างเงอะงะแล้วสักพักรันเดลก็ยื่นเจลมาให้ผม
“คุณซีโร่บอกว่าควรจัดแจงทรงผมให้เรียบร้อยขอรับ”
คงหมายถึงให้เอาเจลใส่ผมแล้วเสยผมขึ้นสินะ ผมเลยทำตามและรันเดลก็ทำไปพร้อมกับผมด้วย จะว่าไป...ผมเพิ่งสังเกตว่ารันเดลยังไม่ได้ติดกระดุมเสื้อเลยแฮะ
“คุณรันเดลยังมิติดกระดุมหรือขอรับ” ผมยังเสยผมอยู่แล้วกะใช้มือข้างที่เหลือไปติดกระดุมให้รันเดลเพราะคิดว่าเขาอาจจะติดไม่ถนัด “ประเดี๋ยวกระผมช่วย...”
ผมกำลังจะเอื้อมมือไปติดกระดุมให้รันเดลแต่ก็รู้สึกเหมือนโดนจ้อง พอหันไปมองทิศทางที่รู้สึกก็เห็นว่าฮิโซกะกับเมอินยืนมองพวกเราอยู่ ไม่รู้ว่าสองคนนั่นมาตอนไหนแต่คงมาตามพวกเราเพื่อไปเตรียมตัว พอเห็นพวกเราในชุดไทยเท่านั้นแหละ สองสาวก็ยื่นนิ่งไปเลยแล้วฮิโซกะก็โพล่งออกมาว่า
“ลูกครึ่งหล่อคือบิดาของลูกดิฉันเจ้าค่ะ!!!”
ฮิโซกะเล่นโพล่งมาแบบนั้นผมนี่แทบจะระเบิดหัวเราะเลยครับ แต่ก็กลั้นเอาไว้ได้ คำพูดนั้นของฮิโซกะยืนยันได้ดีเลยว่าทั้งผมทั้งรันเดลต่างเหมาะกับชุดไทย ความมั่นใจเพิ่มขึ้นมาเยอะเลยแฮะ
และแล้วก็ถึงเวลาการประกวด
แต่ละคู่ที่เข้าร่วมประกวดจะต้องเดินโชว์ตัวบนเวที จากนั้นจะมีช่วงให้แนะนำตัวสั้นๆ โดยใช้ภาษาไทยโบราณ ทั้งคู่ผมกับเมอินหรือคู่ของรันเดลกับฮิโซกะก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่น ที่จริงผมก็ประหม่าอยู่ไม่น้อยนะ แต่อาจเพราะเห็นผอ.กับครูพี่ไอน์ที่นั่งอยู่ไกลๆ กำลังยิ้มก็ได้ เลยทำให้ความประหม่าของผมลดลง ก็ขนาดผู้ที่มองไม่เห็นอย่างทั้งสองยังยิ้มแย้มนั่นแสดงว่าการประกวดครั้งนี้ราบรื่นดี ผมขอบคุณผอ.กับครูพี่ไอน์มากนะครับที่ส่งกำลังใจให้ผม ( โดยที่ทั้งสองคงไม่รู้ตัวหรอก ฮ่ะๆ )
การประกวดมาถึงรอบสุดท้าย ทุกคู่จะต้องพูดกล่าวขอบคุณสำหรับการจัดงานนี้เพื่อเป็นการเรียกคะแนนครั้งสุดท้าย ถึงตาผมพูดแล้วล่ะ
“กระผมขอขอบพระคุณทุกท่านที่จัดงานนี้ขึ้นมาขอรับ” อ่า...ผมจะพูดยังไงต่อดีนะ ไม่ได้เตรียมไว้เลยแฮะ แล้วผมก็เว้นช่วงไปครู่หนึ่งก่อนที่สายตาจะเหลือบเห็นป๊ากับม๊ายืนอยู่ไกลๆ ไม่รู้เพราะอะไรแต่คำพูดมันก็ผุดขึ้นมา “กระผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคำไทยโบราณ การเข้าสังคม การช่วยเหลือและการรับความช่วยเหลือจากผู้อื่น ขอบพระคุณครูบาอาจารย์ที่คอยเคี่ยวเข็ญกระผมให้พูดคำว่า ‘ขอรับ’ แม้ว่ากระผมยังพูด ‘ขอหลับ’ ก็ตาม”
พูดถึงตรงนี้ทุกท่านก็หัวเราะกันเกรียวเชียว ผมยิ้มแล้วพูดต่อ
“ฉะนั้นกระผมต้องขอบพระคุณอีกสองท่านที่ช่วยขัดเกลาให้กระผมพูดคำนั้นได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ” ผมหันไปทางป๊าแม็กและม๊าจิณณ์ที่ยืนอยู่ “ขอบคุณป๊าแม็กซ์กับม๊าจิณณ์มากครับ!!!”
ขวับ!
พอผมตะโกนออกไปเท่านั้นแหละ ทุกคนหันไปหาสองคนที่ผมเรียกทันที เอ๊ะ...นี่ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่านะ ดูสิ...ม๊าจิณณ์ทำหน้าเหวอเลย แล้วคนที่ช่วยคลายสงสัยให้ผมก็คือรันเดลที่ยืนอยู่ข้างๆ
“คุณไทระขอรับๆ” รันเดลกระซิบ “ป๊ากับม๊านั้นมิใช่คำโบราณขอรับ”
จริงด้วย! แบบนี้นี่เองเลยทำให้ทุกคนตกใจที่ผมดันหลุดพูดคำไทยปกติ งั้นผมต้องแก้ใหม่ ผมพยักหน้าขอบคุณรัลเดลแล้วเริ่มพูดอีกครั้ง
“เมื่อสักครู่กระผมกล่าวผิดไปขอรับ” ทุกคนหันมาทางผมอีกครั้ง “ที่ถูกต้องกล่าวว่า...”
ทุกคนตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“ขอขอบพระคุณเจ้าคุณพ่อแม็กซ์และคุณหญิงแม่จิณณ์มากขอรับ!!!”
ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกที่รีบเปลี่ยนคำพูดทัน แต่ม๊าจิณณ์กลับทำหน้าตกใจตรงข้ามกับป๊าแม็กซ์ที่หัวเราะร่า ยิ่งโดนมองเท่าไหร่ม๊าจิณณ์ก็ยิ่งทำหน้าเหวอ จนกระทั่งผมเห็นคล้ายๆ ว่าป๊าแม็กซ์หันไปพูดอะไรบางอย่าง แล้วป๊าก็โดนม๊าดึงหูลากออกไปเลยครับ...
✎ ผู้ที่ทำภารกิจได้เพอร์เฟ็คสูงกว่ามาตรฐานมาก (100%)
S - CLASS STAMP ตราประทับระดับสูงสุดในหมวดภารกิจทั่วไป มีลักษณะเป็นดาวสีนิลสุดแสนจะคลาสสิก มีมูลค่า +100 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้เพอร์เฟ็คเป็นที่น่าประทับใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+1,500,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
- กระดานความเห็นจากนรินทร์:
- คำผิด:
ไม่รู้ว่าสองคนนั่นมาตอนไหน - สองคนนั้น
ครูและเพื่อนต่างตั้งความหวังไว้กับความผม - กับผม
(๒ คำ)
รูปวิ้งวับมากครับ ครั้งนี้ไทระเริ่มกล้าลงสีเงามากขึ้นแล้ว
จะเห็นความแตกต่างของพื้นที่ที่แสงส่องถึงและไม่ถึง
ความนี้มีเงาแล้ว ต่อไปลองใส่แสงดูเพิ่มนะครับ
ใช้สีเหลืองอ่อนๆปาดที่ที่แสงกระทบ น่าจะวิ้งวับได้
มากกว่านี้อีกครับ ส่วนเรื่องเนื้อหารอบนี้ยาวกว่าปกติ
อาจจะเพราะใช้ตัวละครเยอะกว่าปกติ แต่งบรรยากาศ
ระหว่างนักเรียนชั้นม.3ได้น่ารักมากเลยครับ แต่เพราะ
กระจายบทกันไทระเลยเด่นเท่าๆกับคนอื่น(ซึ่งมีหลายคน)
รอบหน้าขอบทไทระมากกว่านี้หน่อยนะครับ
- gotspinner
Rin Sukho
นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4
691
+14 M 550 K 921
PASSPORT
:
(400/2000)
:
Re: Lesson 43 : ร่ำเรียนดั่งวันวาน
Thu 14 Jul 2016, 22:04
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านแผ่นกระจกใสเข้ามาในห้อง สาวน้อยขยับตัวให้ลุกขึ้นเมื่ออุณหภูมิอุ่นๆ จากแสงแดดกระทบใบหน้า ขี้ตาที่เกาะหนาหลังจากที่ตื่นนอนทำให้เธอต้องใช้มือมือแกะออกอยู่ซักพัก
“อือ… เช้าแล้วรึ?” เธอนึกในใจพลางหันหน้าไปทางหน้าต่างที่แสงจ้ามาแยงตาเธอ
“กี่โมงแล้วนะ” เธอเอื้อมมือไปหยิบแว่นตาที่วางอยู่โต๊ะข้างเตียงมาใส่ ปรับแว่นให้เข้ากับหน้าแล้วเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาปลุกที่วางอยู่ที่เดียวกันกับที่แว่นวางอยู่เมื่อกี้นี้
“หกโมงครึ่ง ทำไมยังรู้สึกง่วงอยู่เลย อืม… ยังทันน่า ขอต่ออีกแปป…” เธอหลับต่อโดยไม่ได้เอะใจเลยว่าเธอลืมตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตั้งแต่เมื่อคืนและเช้านี้มันก็ไม่ได้ปลุก และขณะที่เธอกำลังเอนตัวลงนอนอีกครั้งโดยที่หัวยังไม่ถึงหมอน มือข้างหนึ่งก็ฉุดแขนเธอไว้เพื่อไม่ให้หัวเธอสัมผัสกับหมอนได้
“จะนอนไปถึงไหนริน แสงตะวันจะแยงตูดอยู่แล้ว ตื่นสายเยี่ยงนี้จักไปทันงานทันการได้เยี่ยงใดเล่า ลุกไปอาบน้ำแต่งเนื้อแต่งตัวได้แล้ว เอ็งจักไปสายเอานา” เสียงพูดภาษาไทยโบราณดังขึ้นจากผู้ที่ฉุดแขนของคนขี้เซา เสียงที่ฟังดูแปลกๆที่ไม่น่าจะได้ยินในยุคปี 2016 ทำให้สาวน้อยลืมตาโพลง
“อ๊า!!! ลืมเลย วันนี้วันภาษาไทย ผอ.ให้แต่งชุดไทยไปเรียนและต้องพูดภาษาไทยโบราณด้วย” เสียงคำไทยโบราณจากกร สะกิดให้สมองสาวน้อยสว่างขึ้นมาทันที เธอรีบลุกจากเตียงและปัดผ้าห่มออกจากตัวอย่างรวดเร็ว จนผ้าห่มไปคลุมตัวของกร โดยที่เธอก็ไม่ได้มองเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะหลังจากลุกแล้วเธอก็ไม่สนใจอะไรแล้วรีบวิ่งไปคว้าผ้าเช็ดตัวและหายเข้าห้องน้ำไป
“ปึง!!!” เสียงรินเปิดประตูออกมาแล้วรีบไปคว้าไอแพดมาจิ้มๆ
“[พี่กร พี่ไปก่อนเลยก็ได้นา เดี๋ยวรินจักขออาบน้ำแต่งเนื้อแต่งตัวซักพักแล้วจักตามไป อ้อ! ขอบคุณพี่กรมากที่ปลุกริน]” รินพิมพ์แล้วแปลงเป็นเสียงในไอแพดเพื่อขอบคุณที่กรปลูกและบอกให้กรไปเรียนก่อนได้ และรินก็หายเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง
.
.
.
ปกติฉันตื่นแต่เช้านะ และมักจะเป็นคนปลุกพี่กรก่อนด้วย แต่เมื่อคืนฉันนอนดึกเพราะนั่งดูหนังบางระจันทั้งภาคแรกและภาคสองจนถึงประมาณเกือบตีหนึ่ง เลยทำให้นอนไม่ค่อยอยากตื่น แต่ก็ขอบคุณพี่กรที่ช่วยปลุกฉันและภาษาที่พี่กรพูดเป็นภาษาไทยโบราณ ทำให้ฉันได้สติว่าวันนี้เป็นวันอะไร ใช่… มันคือวันภาษาไทย ซึ่ง ผอ.นรินทร์ ประกาศให้นักเรียนแต่งตัวด้วยชุดไทยโบราณและสื่อสารกันด้วยภาษาไทยโบราณ หลังจากที่ฉันได้ยินประกาศ ฉันรู้สึกแบบว่า ‘โอว… แต่งชุดไทยโบราณ พูดภาษาไทยโบราณ ฉันอยากจะทำแบบนี้มานานแล้ว’ ฉันชื่นชอบการพูดภาษาไทยโบราณมาก อาจจะเป็นเพราะมาจากการที่ฉันชอบดูภาพยนตร์ไทยย้อนยุคที่มีการสื่อสารด้วยภาษาไทยโบราณจริงๆ เช่น บางระจัน ขุนศึกเสมา และฉันดูหนังแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จักเบื่อ และบางครั้งฉันติดเอามาใช้ในการพิมพ์ผ่านไอแพดสื่อสารกับคนอื่นๆ และเมื่อคืนก็เช่นกัน ฉันดูหนังบางระจันซ้ำอีกไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไหร่แล้ว และพูดกับพี่กรด้วยภาษาไทยโบราณ
“พี่กร จักนอนแล้วรึ มิมาดูบางระจันกับน้องหน่อยหรือ วันรุ่งจักเป็นวันภาษาไทยที่จักต้องพูดเป็นภาษาไทยโบราณแล้วนา” ฉันชวนพี่กรมาดูหนังบางระจันด้วยกันและเป็นการเก็บข้อมูลคำพูดไปในตัวด้วย
“คงมิได้ดอกนี่ก็กี่เพลาแล้ว พี่ไปซ้อมพูดมาแล้วล่ะ ว่าแต่เอ็งเถอะริน จักหลับจักนอนกันเมื่อไหร่ กี่โมงกี่ยามแล้ว ประเดี๋ยวจักตื่นสายเอานา” พี่กรบอกปฏิเสธกับฉันพลางชี้ไปที่นาฬิกาซึ่งเป็นเวลาประมาณห้าทุ่มกว่าแล้ว และประโยคที่พี่กรพูดออกมาทำให้ฉันติดสตั้นไปสามวิ พี่กรไปฝึกพูดตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นเท่าไหร่ ฉันรู้สึกว่าฉันจะได้คนคุยภาษาไทยโบราณแบบออกรสออกชาด
ฉันดูหนังบางระจันรอบนี้รู้สึกตื่นเต้นและสนุกกว่าทุกครั้ง เพราะพรุ่งนี้ฉันจะได้สื่อสารด้วยภาษาไทยโบราณ และถ้ามีหลายๆคนที่พูดกับฉันด้วยภาษาไทยโบราณ มันคงจะรู้สึกเหมือน โอวววว ฉันได้ย้อนอดีตมาอยู่ยุคสมัยบางระจันยังไงยังงั้น มันคงจะฟินน่าดู :3
.
.
.
หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็จัดการแต่งตัว ฉันได้เตรียมชุดไทยโบราณไว้ตั้งแต่วันที่ ผอ.นรินทร์ประกาศ ตอนแรกก็อยากจะแต่งชุดไทยสไบเฉียงแล้วประดับตกแต่งด้วยเครื่องประดับต่างๆ ให้เริดหรูอลังการ แต่วันนั้นฉันก็มาดูหนังบางระจัน(ซึ่งไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไหร่แล้ว) ทำให้ฉันนึกอยากแต่งแบบหญิงบ้านๆ เหมือนอีแตงอ่อน ก็เลยหาผ้าธรรมดาๆมาเตรียมไว้
หลังจากแต่งตัวเสร็จ ฉันก็ยืนดูตัวเองที่หน้ากระจก
“อืม… หญิงสมัยก่อนเขาไว้ผมทรงมหาดไทยนี่นะ” ฉันนึกในใจพลางพลางมองที่ผมตัวเองว่ามันก็เริ่มยาวเลยบ่าลงมาหน่อยแล้ว “ตัดเลยดีไหมนะ… ก็ว่าไปนั่น แต่ถ้าจะตัดจริงๆ นี่ก็สายแล้วจะเอาเอาไหนไปตัด 55555” ฉันนึกขำตัวเองและหยิบยางรัดผมที่วางอยู่ในช่องวางแป้งและของจุกจิกต่างๆ ใต้กระจก มามัดผมรวบไปด้านหลัง
“อืม ว่าจะอยากให้เหมือนอีแตงอ่อน แต่ทรงผมไม่ได้นี่สิ” หางตาฉันก็เหลือบไปเห็นปิ่นปักผมที่วางอยู่บนหัวเตียง “หืม… ปิ่นปักผม… ไม่เคยจำได้ว่าเราซื้อปิ่นปักผมมาด้วยนะ” ฉันเดินไปหยิบปิ่นปักผมซึ่งทำจากไม้แกะสลักลายแบบง่ายๆบริเวรด้านหัวของปิ่น ซึ่งก็สงสัยอยู่ว่าฉันอาจจะเคยซื้อมาแล้วมาวางไว้ตรงนี้จนลืม แล้วฉันก็เดินมาหยุดที่หน้ากระจกตามเดิม มองดูผมตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง “อืม… เอาปักไว้ตรงโคนหางม้าหน่อยก็ดีนะ ดูสวยไปอีกแบบ ถึงจะห่างไกลความเหมือนอีแตงอ่อนไปมากแล้วก็เถอะ”
หลังจากฉันแต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินไปหยิบไอแพดซึ่งก่อนหน้านี้ฉันได้ทำการอัพเดทตกแต่งแอพด้วยการทำสกิลหน้าจอที่แสดงข้อความเป็นกระดานชนวนเพื่อช่วยเพิ่มอรรถรสในการสื่อสารภาษาไทยให้มากยิ่งขึ้น ระหว่างที่กำลังจะเดินออกจากห้องฉันก็มองดูตัวเองในกระจกอีกรอบ
“คงห่างไกลความเหมือนอีแตงอ่อนไปมากโขเลยล่ะ สมัยนั้นอีแตงอ่อนมันคงมิใส่แว่นดอก ฮ่าๆๆๆๆ”
ฉันพูดกับตัวเองและมองดูไอแพด ซึ่งเวลาที่แสดงขึ้นหน้าจอเป็นเวลา 7.40 น.
“อ๊า!!! สายแล้วๆ”
.
.
.
หลังจากการเรียนในภาคเช้าจบลง ฉันก็เดินไปตามทางเดินเพื่อที่จะไปกินข้าวที่โรงอาหาร ระหว่างทางก็มีห้องเรียนต่างๆ และป้ายนิทรรศการเกี่ยวกับวันภาษาไทย ฉันก็เดินชมไปเรื่อยเปื่อย และฉันก็มาหยุดอ่านที่บอร์ดนิทรรศการบอร์ดหนึ่งที่จัดเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและความสำคัญของวันภาษาไทย และที่สะดุดตาฉันมากที่สุดคือ พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
“อ่าว! ริน ทำอะไร กินข้าวแล้วรึ?” เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นขณะที่ฉันกำลังจะอ่านข้อความ
“[อ่าว! พี่กร รินยังมิทันได้กินข้าวเที่ยงเลย พอดีเดินผ่านป้ายกระดานนี้ เกิดสนใจ เลยหยุดอ่าน ประเดี๋ยวจักลงไปกินข้าว]” ฉันพิมพ์ผ่านแอพแปลงเสียงในไอแพดที่หน้าสกิลแอพเป็นรูปกระดานชนวน
“พี่กำลังว่าจะไปกินพอดี จักไปด้วยกันหรือไม่”
“[เดี๋ยวขอรินอ่านข้อความนี้ก่อน แล้วเราก็ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันนะ พี่กรก็มาอ่านด้วยกันสิ]”
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวความว่า…
“...เราโชคดีที่มีภาษาของตนเองแต่โบราณกาล จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะรักษาไว้ ควรจะใช้คำเก่าๆ ที่เรามีอยู่แล้ว ไม่ควรจะมาตั้งศัพท์ใหม่ให้ยุ่งยาก… ปัญหาเฉพาะในด้านรักษาภาษาก็มีหลายประการ อย่างหนึ่งต้องรักษาให้บริสุทธิ์ในทางออกเสียง คือให้ออกเสียงให้ถูกต้องชัดเจน อีกอย่างหนึ่งต้องรักษาให้บริสุทธิ์ในวิธีใช้ หมายความว่าวิธีใช้คำมาประกอบประโยค นับเป็นปัญหาที่สำคัญ ปัญหาที่สามคือความร่ำรวยในคำของภาษาไทย ซึ่งพวกเรานึกว่าไม่ร่ำรวยพอ จึงต้องมีการบัญญัติศัพท์ใหม่มาใช้ … สำหรับคำใหม่ที่ตั้งขึ้นมีความจำเป็นในทางวิชาการไม่น้อย แต่บางคำที่ง่ายๆ ก็ควรจะมี”
“[รินเข้าใจแล้ว ว่าทำไม ผอ.นรินทร์ ถึงให้พวกเราใช้ภาษาไทยโบราณพูดคุยกันในวันภาษาไทยนี้]” ฉันพิมพ์บอกกับพี่กับพี่กรถึงความรู้สึกของฉัน
“พี่ก็เข้าใจเช่นรินเยี่ยงนั้น ภาษาไทยโบราณมันมีความสวยงาม การเรียงลำดับ การใช้ถ้อยคำที่ประณีต และการได้ย้อนมาใช้ภาษาไทยโบราณสื่อสารกัน มันทำให้เราได้เข้าใจและตระหนักถึงความสวยงามและความเป็นไทย ไม่ใช้คำไทยให้วิบัติ และอีกหลายๆอย่าง ยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคนพูด”
สิ่งที่ฉันเข้าใจและรู้สึก พี่กรก็เข้าใจและรู้สึกเช่นนั้น
“งั้น! เราไปกินข้าวกันดีไหม ประเดี๋ยวจะไม่ทันเรียนคาบบ่าย”
“[จ่ะ!]” ฉันพิมพ์ตอบพร้อมกับยิ้มให้พี่กร และเราก็เดินลงอาคารเพื่อไปกินข้าว
“อ้อ! เอามาใส่จริงๆ ด้วย ปิ่นปักผมอันนั้น” พี่กรพูดขึ้นระหว่างเดินไปโรงอาหาร
“[หืม… ปิ่นปักผม? รินก็จำมิได้ว่าเคยซื้อมาตอนไหน เห็นมันวางอยู่บนหัวเตียง เลยเอามาใส่]” ฉันพูดพลางชี้ที่ปิ่นปักผมที่ปักอยู่บนหัว
“ฮ่าๆๆๆ ช่างมิรู้อะไรบ้างเลย” อยู่เฉยๆพี่ก็หัวเราและพูดอะไรแปลกๆ
“[ปิ่นปักผมนี่ มีอะไรงั้นรึพี่กร?]”
“อยากรู้รึไม่ว่าใครเอาปิ่นไปวางไว้ที่หัวเตียงของริน”
ฉันทำหน้างงและมองหน้าพี่กร
“ตอนที่รินดูหนังจบและนอนหลับไปแล้วประมาณตีสอง พี่แอบเอาปิ่นที่พี่ซื้อมาไปวางไว้หัวเตียงรินเองแหล่ะ เห็นรินดูเหมือนจะตื่นเต้นมากหลังจากที่ ผอ.นรินทร์ประกาศวันนั้น พี่เลยอยากซื้อให้เป็นของขวัญ เป็นเยี่ยงไรชอบหรือไม่?”
หลังจากได้ฟัง ฉันก็หน้าแดงและก้มหน้าเล็กน้อย รู้สึกขอบคุณพี่กรเป็นอย่างมากที่พี่กรอุตส่าทำเซอร์ไพรส์ และแน่นอน ฉันชอบปิ่นปักผมอันนี้เป็นอย่างมาก
“[ขอบคุณจ่ะ พี่กร]” ฉันพิมพ์บอกขอบคุณพี่กรไปทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่
“ริน เอ็งเป็นอันใดรึ ก้มหน้าก้มตาพูดกับพี่เยี่ยงนั้น ไม่พอใจอันใดบอกพี่ได้นะ”
“[ไม่มีอันใดหรอกจ่ะ ขอบคุณมากสำหรับปิ่นปักผมนะพี่กร]” ฉันเงยหน้ายิ้มให้กับพี่กร และเราก็เดินไปกินข้าวด้วยกัน ท่ามกลางบรรยากาศโรงอาหารที่มันแต่คนแต่งชุดไทยและพูดคุยกันด้วยภาษาไทยโบราณฉันคงได้สื่อสารกับคนอื่นๆ ด้วยแอพแปลงเสียงกระดานชนวนที่ฉันเพิ่งอัพเดท มันคงจะให้ความรู้สึกย้อนสมัยและได้ฝึกใช้ภาษาไทยโบราณไปด้วย ขนาดแค่ฉันเพิ่งได้พูดคุยกับพี่กรด้วยภาษาไทยโบราณ และหลังจากนี้ทั้งวันฉันจะใช้ภาษาไทยโบราณสื่อสารกับกับคนมันคงจะได้บรรยากาศที่ยากที่จะบรรยาย และยิ่งฉันเพิ่งอ่านและเข้าใจพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ความรู้สึกชอบในภาษาไทยโบราณของฉันคงจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น และดูหนังบางระจันได้อย่างไม่มีวันเบื่อแม้จะดูอีกกี่รอบก็ตาม
✎ ผู้ที่ทำภารกิจได้โดดเด่นกว่ามาตรฐาน (75%+)
“อือ… เช้าแล้วรึ?” เธอนึกในใจพลางหันหน้าไปทางหน้าต่างที่แสงจ้ามาแยงตาเธอ
“กี่โมงแล้วนะ” เธอเอื้อมมือไปหยิบแว่นตาที่วางอยู่โต๊ะข้างเตียงมาใส่ ปรับแว่นให้เข้ากับหน้าแล้วเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาปลุกที่วางอยู่ที่เดียวกันกับที่แว่นวางอยู่เมื่อกี้นี้
“หกโมงครึ่ง ทำไมยังรู้สึกง่วงอยู่เลย อืม… ยังทันน่า ขอต่ออีกแปป…” เธอหลับต่อโดยไม่ได้เอะใจเลยว่าเธอลืมตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตั้งแต่เมื่อคืนและเช้านี้มันก็ไม่ได้ปลุก และขณะที่เธอกำลังเอนตัวลงนอนอีกครั้งโดยที่หัวยังไม่ถึงหมอน มือข้างหนึ่งก็ฉุดแขนเธอไว้เพื่อไม่ให้หัวเธอสัมผัสกับหมอนได้
“จะนอนไปถึงไหนริน แสงตะวันจะแยงตูดอยู่แล้ว ตื่นสายเยี่ยงนี้จักไปทันงานทันการได้เยี่ยงใดเล่า ลุกไปอาบน้ำแต่งเนื้อแต่งตัวได้แล้ว เอ็งจักไปสายเอานา” เสียงพูดภาษาไทยโบราณดังขึ้นจากผู้ที่ฉุดแขนของคนขี้เซา เสียงที่ฟังดูแปลกๆที่ไม่น่าจะได้ยินในยุคปี 2016 ทำให้สาวน้อยลืมตาโพลง
“อ๊า!!! ลืมเลย วันนี้วันภาษาไทย ผอ.ให้แต่งชุดไทยไปเรียนและต้องพูดภาษาไทยโบราณด้วย” เสียงคำไทยโบราณจากกร สะกิดให้สมองสาวน้อยสว่างขึ้นมาทันที เธอรีบลุกจากเตียงและปัดผ้าห่มออกจากตัวอย่างรวดเร็ว จนผ้าห่มไปคลุมตัวของกร โดยที่เธอก็ไม่ได้มองเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะหลังจากลุกแล้วเธอก็ไม่สนใจอะไรแล้วรีบวิ่งไปคว้าผ้าเช็ดตัวและหายเข้าห้องน้ำไป
“ปึง!!!” เสียงรินเปิดประตูออกมาแล้วรีบไปคว้าไอแพดมาจิ้มๆ
“[พี่กร พี่ไปก่อนเลยก็ได้นา เดี๋ยวรินจักขออาบน้ำแต่งเนื้อแต่งตัวซักพักแล้วจักตามไป อ้อ! ขอบคุณพี่กรมากที่ปลุกริน]” รินพิมพ์แล้วแปลงเป็นเสียงในไอแพดเพื่อขอบคุณที่กรปลูกและบอกให้กรไปเรียนก่อนได้ และรินก็หายเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง
.
.
.
ปกติฉันตื่นแต่เช้านะ และมักจะเป็นคนปลุกพี่กรก่อนด้วย แต่เมื่อคืนฉันนอนดึกเพราะนั่งดูหนังบางระจันทั้งภาคแรกและภาคสองจนถึงประมาณเกือบตีหนึ่ง เลยทำให้นอนไม่ค่อยอยากตื่น แต่ก็ขอบคุณพี่กรที่ช่วยปลุกฉันและภาษาที่พี่กรพูดเป็นภาษาไทยโบราณ ทำให้ฉันได้สติว่าวันนี้เป็นวันอะไร ใช่… มันคือวันภาษาไทย ซึ่ง ผอ.นรินทร์ ประกาศให้นักเรียนแต่งตัวด้วยชุดไทยโบราณและสื่อสารกันด้วยภาษาไทยโบราณ หลังจากที่ฉันได้ยินประกาศ ฉันรู้สึกแบบว่า ‘โอว… แต่งชุดไทยโบราณ พูดภาษาไทยโบราณ ฉันอยากจะทำแบบนี้มานานแล้ว’ ฉันชื่นชอบการพูดภาษาไทยโบราณมาก อาจจะเป็นเพราะมาจากการที่ฉันชอบดูภาพยนตร์ไทยย้อนยุคที่มีการสื่อสารด้วยภาษาไทยโบราณจริงๆ เช่น บางระจัน ขุนศึกเสมา และฉันดูหนังแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จักเบื่อ และบางครั้งฉันติดเอามาใช้ในการพิมพ์ผ่านไอแพดสื่อสารกับคนอื่นๆ และเมื่อคืนก็เช่นกัน ฉันดูหนังบางระจันซ้ำอีกไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไหร่แล้ว และพูดกับพี่กรด้วยภาษาไทยโบราณ
“พี่กร จักนอนแล้วรึ มิมาดูบางระจันกับน้องหน่อยหรือ วันรุ่งจักเป็นวันภาษาไทยที่จักต้องพูดเป็นภาษาไทยโบราณแล้วนา” ฉันชวนพี่กรมาดูหนังบางระจันด้วยกันและเป็นการเก็บข้อมูลคำพูดไปในตัวด้วย
“คงมิได้ดอกนี่ก็กี่เพลาแล้ว พี่ไปซ้อมพูดมาแล้วล่ะ ว่าแต่เอ็งเถอะริน จักหลับจักนอนกันเมื่อไหร่ กี่โมงกี่ยามแล้ว ประเดี๋ยวจักตื่นสายเอานา” พี่กรบอกปฏิเสธกับฉันพลางชี้ไปที่นาฬิกาซึ่งเป็นเวลาประมาณห้าทุ่มกว่าแล้ว และประโยคที่พี่กรพูดออกมาทำให้ฉันติดสตั้นไปสามวิ พี่กรไปฝึกพูดตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นเท่าไหร่ ฉันรู้สึกว่าฉันจะได้คนคุยภาษาไทยโบราณแบบออกรสออกชาด
ฉันดูหนังบางระจันรอบนี้รู้สึกตื่นเต้นและสนุกกว่าทุกครั้ง เพราะพรุ่งนี้ฉันจะได้สื่อสารด้วยภาษาไทยโบราณ และถ้ามีหลายๆคนที่พูดกับฉันด้วยภาษาไทยโบราณ มันคงจะรู้สึกเหมือน โอวววว ฉันได้ย้อนอดีตมาอยู่ยุคสมัยบางระจันยังไงยังงั้น มันคงจะฟินน่าดู :3
.
.
.
หลังจากอาบน้ำเสร็จฉันก็จัดการแต่งตัว ฉันได้เตรียมชุดไทยโบราณไว้ตั้งแต่วันที่ ผอ.นรินทร์ประกาศ ตอนแรกก็อยากจะแต่งชุดไทยสไบเฉียงแล้วประดับตกแต่งด้วยเครื่องประดับต่างๆ ให้เริดหรูอลังการ แต่วันนั้นฉันก็มาดูหนังบางระจัน(ซึ่งไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไหร่แล้ว) ทำให้ฉันนึกอยากแต่งแบบหญิงบ้านๆ เหมือนอีแตงอ่อน ก็เลยหาผ้าธรรมดาๆมาเตรียมไว้
หลังจากแต่งตัวเสร็จ ฉันก็ยืนดูตัวเองที่หน้ากระจก
“อืม… หญิงสมัยก่อนเขาไว้ผมทรงมหาดไทยนี่นะ” ฉันนึกในใจพลางพลางมองที่ผมตัวเองว่ามันก็เริ่มยาวเลยบ่าลงมาหน่อยแล้ว “ตัดเลยดีไหมนะ… ก็ว่าไปนั่น แต่ถ้าจะตัดจริงๆ นี่ก็สายแล้วจะเอาเอาไหนไปตัด 55555” ฉันนึกขำตัวเองและหยิบยางรัดผมที่วางอยู่ในช่องวางแป้งและของจุกจิกต่างๆ ใต้กระจก มามัดผมรวบไปด้านหลัง
“อืม ว่าจะอยากให้เหมือนอีแตงอ่อน แต่ทรงผมไม่ได้นี่สิ” หางตาฉันก็เหลือบไปเห็นปิ่นปักผมที่วางอยู่บนหัวเตียง “หืม… ปิ่นปักผม… ไม่เคยจำได้ว่าเราซื้อปิ่นปักผมมาด้วยนะ” ฉันเดินไปหยิบปิ่นปักผมซึ่งทำจากไม้แกะสลักลายแบบง่ายๆบริเวรด้านหัวของปิ่น ซึ่งก็สงสัยอยู่ว่าฉันอาจจะเคยซื้อมาแล้วมาวางไว้ตรงนี้จนลืม แล้วฉันก็เดินมาหยุดที่หน้ากระจกตามเดิม มองดูผมตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง “อืม… เอาปักไว้ตรงโคนหางม้าหน่อยก็ดีนะ ดูสวยไปอีกแบบ ถึงจะห่างไกลความเหมือนอีแตงอ่อนไปมากแล้วก็เถอะ”
หลังจากฉันแต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินไปหยิบไอแพดซึ่งก่อนหน้านี้ฉันได้ทำการอัพเดทตกแต่งแอพด้วยการทำสกิลหน้าจอที่แสดงข้อความเป็นกระดานชนวนเพื่อช่วยเพิ่มอรรถรสในการสื่อสารภาษาไทยให้มากยิ่งขึ้น ระหว่างที่กำลังจะเดินออกจากห้องฉันก็มองดูตัวเองในกระจกอีกรอบ
“คงห่างไกลความเหมือนอีแตงอ่อนไปมากโขเลยล่ะ สมัยนั้นอีแตงอ่อนมันคงมิใส่แว่นดอก ฮ่าๆๆๆๆ”
ฉันพูดกับตัวเองและมองดูไอแพด ซึ่งเวลาที่แสดงขึ้นหน้าจอเป็นเวลา 7.40 น.
“อ๊า!!! สายแล้วๆ”
.
.
.
หลังจากการเรียนในภาคเช้าจบลง ฉันก็เดินไปตามทางเดินเพื่อที่จะไปกินข้าวที่โรงอาหาร ระหว่างทางก็มีห้องเรียนต่างๆ และป้ายนิทรรศการเกี่ยวกับวันภาษาไทย ฉันก็เดินชมไปเรื่อยเปื่อย และฉันก็มาหยุดอ่านที่บอร์ดนิทรรศการบอร์ดหนึ่งที่จัดเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาและความสำคัญของวันภาษาไทย และที่สะดุดตาฉันมากที่สุดคือ พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
“อ่าว! ริน ทำอะไร กินข้าวแล้วรึ?” เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นขณะที่ฉันกำลังจะอ่านข้อความ
“[อ่าว! พี่กร รินยังมิทันได้กินข้าวเที่ยงเลย พอดีเดินผ่านป้ายกระดานนี้ เกิดสนใจ เลยหยุดอ่าน ประเดี๋ยวจักลงไปกินข้าว]” ฉันพิมพ์ผ่านแอพแปลงเสียงในไอแพดที่หน้าสกิลแอพเป็นรูปกระดานชนวน
“พี่กำลังว่าจะไปกินพอดี จักไปด้วยกันหรือไม่”
“[เดี๋ยวขอรินอ่านข้อความนี้ก่อน แล้วเราก็ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันนะ พี่กรก็มาอ่านด้วยกันสิ]”
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวความว่า…
“...เราโชคดีที่มีภาษาของตนเองแต่โบราณกาล จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะรักษาไว้ ควรจะใช้คำเก่าๆ ที่เรามีอยู่แล้ว ไม่ควรจะมาตั้งศัพท์ใหม่ให้ยุ่งยาก… ปัญหาเฉพาะในด้านรักษาภาษาก็มีหลายประการ อย่างหนึ่งต้องรักษาให้บริสุทธิ์ในทางออกเสียง คือให้ออกเสียงให้ถูกต้องชัดเจน อีกอย่างหนึ่งต้องรักษาให้บริสุทธิ์ในวิธีใช้ หมายความว่าวิธีใช้คำมาประกอบประโยค นับเป็นปัญหาที่สำคัญ ปัญหาที่สามคือความร่ำรวยในคำของภาษาไทย ซึ่งพวกเรานึกว่าไม่ร่ำรวยพอ จึงต้องมีการบัญญัติศัพท์ใหม่มาใช้ … สำหรับคำใหม่ที่ตั้งขึ้นมีความจำเป็นในทางวิชาการไม่น้อย แต่บางคำที่ง่ายๆ ก็ควรจะมี”
“[รินเข้าใจแล้ว ว่าทำไม ผอ.นรินทร์ ถึงให้พวกเราใช้ภาษาไทยโบราณพูดคุยกันในวันภาษาไทยนี้]” ฉันพิมพ์บอกกับพี่กับพี่กรถึงความรู้สึกของฉัน
“พี่ก็เข้าใจเช่นรินเยี่ยงนั้น ภาษาไทยโบราณมันมีความสวยงาม การเรียงลำดับ การใช้ถ้อยคำที่ประณีต และการได้ย้อนมาใช้ภาษาไทยโบราณสื่อสารกัน มันทำให้เราได้เข้าใจและตระหนักถึงความสวยงามและความเป็นไทย ไม่ใช้คำไทยให้วิบัติ และอีกหลายๆอย่าง ยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคนพูด”
สิ่งที่ฉันเข้าใจและรู้สึก พี่กรก็เข้าใจและรู้สึกเช่นนั้น
“งั้น! เราไปกินข้าวกันดีไหม ประเดี๋ยวจะไม่ทันเรียนคาบบ่าย”
“[จ่ะ!]” ฉันพิมพ์ตอบพร้อมกับยิ้มให้พี่กร และเราก็เดินลงอาคารเพื่อไปกินข้าว
“อ้อ! เอามาใส่จริงๆ ด้วย ปิ่นปักผมอันนั้น” พี่กรพูดขึ้นระหว่างเดินไปโรงอาหาร
“[หืม… ปิ่นปักผม? รินก็จำมิได้ว่าเคยซื้อมาตอนไหน เห็นมันวางอยู่บนหัวเตียง เลยเอามาใส่]” ฉันพูดพลางชี้ที่ปิ่นปักผมที่ปักอยู่บนหัว
“ฮ่าๆๆๆ ช่างมิรู้อะไรบ้างเลย” อยู่เฉยๆพี่ก็หัวเราและพูดอะไรแปลกๆ
“[ปิ่นปักผมนี่ มีอะไรงั้นรึพี่กร?]”
“อยากรู้รึไม่ว่าใครเอาปิ่นไปวางไว้ที่หัวเตียงของริน”
ฉันทำหน้างงและมองหน้าพี่กร
“ตอนที่รินดูหนังจบและนอนหลับไปแล้วประมาณตีสอง พี่แอบเอาปิ่นที่พี่ซื้อมาไปวางไว้หัวเตียงรินเองแหล่ะ เห็นรินดูเหมือนจะตื่นเต้นมากหลังจากที่ ผอ.นรินทร์ประกาศวันนั้น พี่เลยอยากซื้อให้เป็นของขวัญ เป็นเยี่ยงไรชอบหรือไม่?”
หลังจากได้ฟัง ฉันก็หน้าแดงและก้มหน้าเล็กน้อย รู้สึกขอบคุณพี่กรเป็นอย่างมากที่พี่กรอุตส่าทำเซอร์ไพรส์ และแน่นอน ฉันชอบปิ่นปักผมอันนี้เป็นอย่างมาก
“[ขอบคุณจ่ะ พี่กร]” ฉันพิมพ์บอกขอบคุณพี่กรไปทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่
“ริน เอ็งเป็นอันใดรึ ก้มหน้าก้มตาพูดกับพี่เยี่ยงนั้น ไม่พอใจอันใดบอกพี่ได้นะ”
“[ไม่มีอันใดหรอกจ่ะ ขอบคุณมากสำหรับปิ่นปักผมนะพี่กร]” ฉันเงยหน้ายิ้มให้กับพี่กร และเราก็เดินไปกินข้าวด้วยกัน ท่ามกลางบรรยากาศโรงอาหารที่มันแต่คนแต่งชุดไทยและพูดคุยกันด้วยภาษาไทยโบราณฉันคงได้สื่อสารกับคนอื่นๆ ด้วยแอพแปลงเสียงกระดานชนวนที่ฉันเพิ่งอัพเดท มันคงจะให้ความรู้สึกย้อนสมัยและได้ฝึกใช้ภาษาไทยโบราณไปด้วย ขนาดแค่ฉันเพิ่งได้พูดคุยกับพี่กรด้วยภาษาไทยโบราณ และหลังจากนี้ทั้งวันฉันจะใช้ภาษาไทยโบราณสื่อสารกับกับคนมันคงจะได้บรรยากาศที่ยากที่จะบรรยาย และยิ่งฉันเพิ่งอ่านและเข้าใจพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ความรู้สึกชอบในภาษาไทยโบราณของฉันคงจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น และดูหนังบางระจันได้อย่างไม่มีวันเบื่อแม้จะดูอีกกี่รอบก็ตาม
- ภาพแถมริน ที่ลงสีในคอมแต่ยังไม่เสร็จเพราะคอมเจ๊งซะก่อน -3-:
✎ ผู้ที่ทำภารกิจได้โดดเด่นกว่ามาตรฐาน (75%+)
B - CLASS STAMP ตราประทับระดับสูงในหมวดภารกิจทั่วไป มีลักษณะเป็นดาวสีไพลิน สื่อถึงความลึกล้ำ มีมูลค่า +75 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้ดีมากเป็นที่น่าพึงพอใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+1,000,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
GOLDEN HONOR DEGREE TROPHY ถ้วยเกียรติยศทองคำแท้ มอบให้แด่ผู้ที่สามารถปฎิบัติภารกิจหรือร่วมกิจกรรมต่างๆที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นได้น่าประทับใจผู้อำนวยการเป็นอย่างมาก |
- กระดานความเห็นจากนรินทร์:
- คำผิด :
ซักพัก – สักพัก
แปบ - แป๊ป
ลืมตาโพลง – ลืมตาโพล่ง
ขอบคุณที่ปลูก – ปลุก
ออกรสออกชาด – ชาติ
เริดหรู – เลิศหรู
จะเอาเอาไหนไปตัด –น่าจะเป็น 'เอาเวลาไหนไปตัด'
บริเวร – บริเวณ
ยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคนพูด – คำพูด?
จ่ะ – จ้ะ
หัวเรา – หัวเราะ
แหล่ะ – แหละ
อุตส่า – อุตส่าห์
(๑๓ คำ)
รูปสวยมากเลยครับ ทั้งรูปที่วาดมือหรือรูปที่ลงสีในคอม
น่าเสียดายที่คอมพังไปเสียก่อน ลงสีและทิศทางของแสง
ได้ถูกทางหมด ไม่มีข้อตินะครับ ชอบบทที่โยงไปถึงเรื่อง
พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นบทที่
เหมาะสมกับวันภาษาไทยและเหมาะสมกับตัวละครทั้ง
รินทร์และกรมาก เข้าใจนำมาใช้มากครับ ถ้วยทองเอง
ก็ให้ด้วยจุดนี้โดยเฉพาะเลย ผมอยากให้รินทร์เว้น
บรรทัดมากกว่านี้อีกสักนิดนะครับ ไม่จบบทก็เว้นได้
บางทีพอมันหลายๆบรรทัดติดๆกันมากๆเข้าแล้วจะทำ
ให้สามารถอ่านตกบรรทัดได้
ขอแนะนำการใช้สัญลักษณ์เล็กน้อย ถ้าเกิดว่ารินทร์คิดในใจ
ให้ใช้ '..........' แทน ".........." นะครับ ยิ่งรินทร์ไม่
สามารถพูดได้ บางทีใช้ ".........." แล้วมันดูเหมือนเธอ
กำลังพูดออกเสียงอยู่ครับ
เช่นประโยคด้านล่างนี้
“อือ… เช้าแล้วรึ?” เธอนึกในใจพลางหันหน้าไปทางหน้าต่าง
ให้แก้เป็น
'อือ… เช้าแล้วรึ?' เธอนึกในใจพลางหันหน้าไปทางหน้าต่าง
- ผู้มาเยือนผู้มาเยือน
Re: Lesson 43 : ร่ำเรียนดั่งวันวาน
Thu 14 Jul 2016, 23:56
- Spoiler:
ประกาศจากทางผู้อำนวยการ
'การเรียนการสอนทั้งหมดภายในวันที่ 29 กรกฏาคมจะถูกจัดสอนด้วย 'ภาษาไทยโบราณ' ขอให้คณะครู บุคลากร รวมทั้งนักเรียน ร่วมใจกันใช้ภาษาไทยโบราณเพื่อจำลองบรรยากาศไทยยุคเก่าและอนุรักษ์ภาษาไทยโบราณ
ผมอ่านประกาศที่อยู่ในมือแล้วแอบอึ้งเล็กน้อย นี่ผอ.เอาจริงสินะ วันประชุมนั้นแกก็ดูจริงจังเสียด้วย ไม่รู้ว่านึกครึ้มอกครึ้มใจอะไร ถึงได้คิดหัวข้อนี้ขึ้นมา แต่บรรดาครูผู้สอนและบุคลากรท่านอื่นๆ ก็ไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด ทุกคนต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ผมเองก็อยู่ในหมวดภาษา เลยไม่มีความเห็นขัดแย้ง แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังนึกภาพไม่ออกอยู่ดีว่าควิ้นท์สุดหรูไฮโซจะย้อนกลับไปสมัยร.1นั้น จะออกมาเป็นเช่นไร จะพิลึกขนาดไหนหนอ...
"อืม...ผมว่าถ้าจะให้ดี วันนั้นน่าจะใส่ชุดไทยด้วยนะ"
ผมหันไปหาโต๊ะครูคนข้างๆ อย่างงงๆ คนที่เอ่ยประโยคนี้ออกมาคือครูบินทะลุหลังคาที่ได้รับเอกสารประกาศจากผอ.พร้อมๆ กับผม น้ำเสียงแกบ่งบอกว่าแกกำลังสนุกอยู่เล็กๆ ผมหัวเราะแห้งๆ
"จ จะดีเหรอครับ"
"ดีสิ ได้บรรยากาศออก ครูไอน์ไม่ชอบเหรอ"
"อ่อ เปล่าหรอกครับ..."
"น่าสนุกดีออกนี่นา ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว"
ช่วงนี้เป็นช่วงเช้าตรู่ที่ยังไม่เริ่มทำการสอน แต่ครูหลายคนได้เข้ามาจัดเอกสารเตรียมการสอนที่ห้องพักครูกันมากแล้ว สักพักครูบินทะลุหลังคาที่แค่คุยด้วยน้ำเสียงที่คุยกับผม ก็ส่งเสียงดังพอประมาณจนครูทุกคนในห้องได้ยิน
"นี่ ผมว่าพวกเราแต่งชุดไทยวันนั้นด้วยก็ดีนะ"
"ทำไมตอนประชุมไม่บอกผอ.ล่ะคะ" เสียงครูสาวคนหนึ่งดังขึ้น
"ก็แหม... มันเพิ่งนึกออกนี่นา"
เสียงหัวเราะเครือๆ ของบรรดาครูหนุ่มสาวไฟแรงดังขึ้น และก็เกิดเป็นการประชุมย่อยขึ้นภายในห้องพักครู ในที่สุดทุกคนก็ได้ตกลงกันว่าจะให้ทุกคนในโรงเรียนสวมชุดไทยด้วย งานจึงตกมาที่ผมที่ต้องไปแจ้งผู้อำนวยการให้รับทราบและขออนุญาตไปในตัวเพราะผมอยู่ฝ่ายที่ปรึกษาสภานักเรียนและฝ่ายกิจกรรม เมื่อพักเที่ยงผมจึงขอเข้าพบและส่งหนังสือขออนุญาตให้กับผู้อำนวยการนรินทร์ ทันทีที่ผอ.อ่านจบ ผมก็รู้สึกเหมือนเขากำลังยิ้มกริ่ม
"ผมอนุญาตครับ แล้วช่วยไปประกาศให้นักเรียนทราบเพิ่มเติมด้วยนะครับคุณอิสรา"
"ครับผอ."
"แล้วคิดไว้ยังจะใส่อะไร" โทนเสียงที่ใช้พูดเปลี่ยนไป บอกให้รู้ว่าออกจากโหมด 'ผอ.' แล้ว ผมหยุดนึกซักพักก่อนจะตอบปฏิเสธ
"ยังไม่ได้คิดเลยครับ"
"อืม...เดี๋ยวฉันช่วย ไว้ก่อนวันภาษาไทยมาเอาชุดกับฉันนะ"
"ครับผอ."
การคุยงานเสร็จทันเวลาเรียนช่วงบ่ายพอดี ผมขอตัวออกจากห้องเพื่อเข้าสอนในคาบต่อไป จะว่าไปแล้วตอนสมัยที่ยังเรียนอยู่ก็ได้ใส่ชุดไทยอยู่ครั้งสองครั้ง ที่จำได้ล่าสุดคือวันลอยกระทง วันนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้รำวงคู่กับผอ. พอนึกดูแล้วใส่ชุดไทยก็คงไม่ได้แย่เสมอไป กลับมีเรื่องดีๆ ให้ได้ยิ้มเสียมากกว่า
ผมยิ้มไปพลางคิดไปถึงบรรยากาศวันนั้น
ก่อนถึงวันภาษาไทย ผมแวะไปเอาชุดตามที่ได้นัดกับผอ.ในช่วงเย็นหลังเลิกเรียน กดอินเตอร์โฟนเรียกเพียงไม่นาน เจ้าของห้องก็ออกมาต้อนรับด้วยความอารมณ์ดี น้ำเสียงที่ใช้ดูร่าเริงมาก ผมเองก็พลอยยิ้มไปกับผอ.ด้วย อาจจะเพราะด้วยความที่ชอบอยู่ใกล้ๆ อยู่แล้วก็ได้
"ไหนชุดครับ?" พอเข้ามาในห้อง ผมก็ตรงเข้าเรื่องทันทีไม่ให้เสียเวลา เมื่อคืนนั่งคิดนอนคิดอยู่นานว่าผอ. จะเอาชุดแบบไหนมาให้ พอถามเข้าเรื่องปุ๊บ ผมก็ได้ยินเสียงจิ๊ปากเบาๆ จากผอ. ...ไม่พอใจอะไรนะ แต่ก็ยอมไปเอาชุดมาให้อยู่ดี หายไปซักพัก ผ้าแข็งๆ สากๆ ก็วางลงบนตักผม ผมสัมผัสผ้าผืนนั้นซักพักแล้วถามว่า "มันคือชุดอะไรครับ?" คำตอบที่ได้ทำเอาผมหน้าซีด
"ทาส"
"..ครับ?"
"ทาสไง โจงกระเบน ไม่ใส่เสื้อ"
"ผ ผอ.จะให้ผมใส่โจงกระเบนเก่าๆ ไปสอนพรุ่งนี้เหรอครับ"
"อื้ม!" น้ำเสียงพ่อช่างหนักแน่นเหลือเกิน...
"ผอ. ไม่เอาผมอายนะ..." ผมเสียงอ่อนพลางวางชุดลง จะให้ผมเดินเปลือยอกไปมาในโรงเรียนเนี่ยนะ ไม่ไหวหรอก เมื่อนั้นเสียงกลั้วหัวเราะพลางฝ่ามือหนาก็ลูบผมอย่างเอ็นดู ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ผอ.ก็ยังคงชอบลูบผมของผมอยู่แบบนี้ไม่เปลี่ยน และผมเองก็ชอบเสียด้วย แค่ไม่ได้พูดออกมา
"เอาน่า สนุกๆ นะ เท่ดีออก ช่วงนี้อากาศร้อนมาก ใส่ราชประแตนกลัวว่าจะร้อนจนเป็นลมเสียมากกว่า"
"ฮือ..." แต่ผมอายนะครับ
ผมยังคงส่งเสียงฮึมฮัมแบบคนรับไม่ค่อยได้อยู่สักพัก แต่เพราะโดนผอ. 'กล่อม' เข้าให้ จึงจำยอมตกลงใส่แต่โดยดี แต่ผอ.ก็ต้องใช้เวลากล่อมผมเสียทั้งคืน โดนหนักเข้าผมก็ยอมเออออไป พอตกปากรับคำแล้วก็ปลอบใจตัวเองเบาๆ ว่า...ลองของแปลกบ้างก็แล้วกัน
เช้าวันต่อมา กิจกรรมวันภาษาไทยเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ผมเรียนรู้วิธีใส่โจงกระเบนทั้งคืนกับผอ.ก็อดจะเก้ๆ กังๆ ไม่ได้ ผมยืนนิ่งอยู่หน้าตู้เสื้อผ้านมนานเสียจนเจ้าของห้องต้องร้องเรียก
"จะสาย เอ้ย ได้เพลาแล้วนะขอรับบบ" ผอ.เปลี่ยนคำพูดเป็นไทยโบราณทันที อะไรจะเริ่มเร็วปานนั้น...นี่ล้อผมเล่นใช่ไหม
"ผอ..." ผมรู้สึกห่อเหี่ยว ทั้งๆ ที่เมื่อคืนทำใจไว้แล้วแท้ๆ
"มาๆๆ เจ้ากลัวกระไร ต้องออกเรือนแล้วนะขอรับ เป็นครูบาอาจารย์จะชักช้ามิได้เชียวนะ"
"ฮือ..." ผมอยากจะร่ำร้องไห้อีกซักพันครั้ง
ผมออกจากห้องไปแบบเก้ๆ กังๆ มันรู้สึกหวิวๆ ก็ไม่เคยไม่ใส่เสื้อออกข้างนอกมาก่อนนี่นา แม้เวลาอยู่ห้องพักตัวเองจะนอนไม่ใส่เสื้อด้วยความขี้เกียจอยู่บ้าง แต่เวลาทำงานผมแต่งตัวเรียบร้อยเสมอ เพราะผมคิดเสมอว่าผมเป็นครู ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็กๆ แต่วันนี้มันอะไรกัน นอกจากจะไม่ใส่เสื้อนุ่งแค่โจงกระเบนแล้ว ยังต้องพูดภาษาโบราณอีกด้วย
ผมอยากร่ำร้องอีกซักหมื่นครั้งเหลือเกิน ฮือ...
ระหว่างทางไปห้องพักครู เสียงอื้ออึงของนักเรียนดังแทรกเข้ามาในหูอยู่เป็นระยะ บางคนถึงกับร้องเรียก "ท่านครูอิสรา ข้าขอขังวิญญาณกับท่านได้หรือไม่?" เล่นเอาผมอึ้งไปอีก ไม่คิดว่านักเรียนจะเคร่งในคำประกาศขนาดนี้ ผมไม่อยากขัดศรัทธาแถมเป็นคำสั่งมีประกาศเป็นทางการอีก เลยต้องตามน้ำไปด้วย "ได้สิ" ว่าแต่อะไรคือขังวิญญาณ และผมก็มาถึงบางอ้อว่ามันคือการถ่ายภาพนั่นเอง... พอเข้าไปในห้องพักครู ผมคิดว่าคุณครูทั้งหลายคงไม่ได้เคร่งในคำสั่งขนาดนั้น คงไม่มีใครใช้คำโบราณตลอดวัน แต่ผมคงคิดผิด...
"คุณพระคุณเจ้า ครูไอน์ท่านเอาจริงเพียงนี้เชียวหรือนี้ ถึงกับยอมตกเป็นทาสเชียวรึ!"
รายแรกที่พุ่งเข้ามาหาคือครูบินทะลุหลังคา ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ผมก็กลั้นขำ อินเนอร์ครูบินทะลุหลังคามาเต็มมาก ผมพยายามกลั้นไม่ให้หลุดก๊ากก่อนจะตอบไปเสียงเรียบด้วยภาษาไทยโบราณเหมือนกัน
"หากมีประกาศจากออกญาศรีหนรินทร์แล้ว ข้าคงขัดขืนคำสั่งมิได้ดอก มีแต่จะกระทำการให้เต็มที่เท่านั้น"
"โอ้โห... ท่านครูพูดยาวได้ด้วย" ครูพละแกดูอึ้งไปเล็กน้อย แล้วก็มีเสียงหัวเราะเกิดขึ้นระหว่างเราทั้งคู่
"ท่านออกญาศรีหนรินทร์... ชื่อพระราชทานใหม่รึ"
"เปล่า กระผมมอบให้เอง"
"ก๊ากกกกก"
การนินทาผอ.เองก็รู้สึกเหมือนจะสนุกขึ้น ผมกลั้วหัวเราะไปกับเพื่อนร่วมงาน พอเริ่มชินแล้ว เรื่องชุดนายทาสนี่เป็นอะไรที่ธรรมดาไปเลย แต่การพูดไทยโบราณนั้นยากยิ่งเสียมากกว่า เมื่อได้ลองพูดคุยกับคนอื่นๆ แล้ว ทุกคนพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่ากำลังอารมณ์ดี แม้บางคนจะมั่วคำไปหน่อย แต่ก็ถือว่าได้เปลี่ยนรสชาติ ในห้องเรียนเอง นักเรียนก็ดูสนุกสนานไปด้วย
"กรี๊ดดดดด คุณครู...เอ้ย ท่านครูขาา ท่านครูหล่อลากไส้มากเลยเจ้าค่าา"
"ท่านครูมีก้อนหน้าท้องหกก้อนด้วยหรือเจ้าคะ"
"ก้อนนี้คือก้อนกล้ามเนื้อ หาใช่ก้อนไขมันหมูนะ"
"ฮ่าๆๆๆๆ"
เสียงหัวเราะครื้นเครงดังขึ้น ปกติแล้วคาบเรียนของผมไม่ค่อยมีเสียงหัวเราะเท่าไหร่นัก มักจะเป็นเสียงของผมอธิบายหรือเสียงของนักเรียนฝึกอ่านภาษาเบรลล์เสียมากกว่า แต่วันนี้บรรยากาศการเรียนแปลกไป มีเสียงหัวเราะของนักเรียนดังอยู่ต่อเนื่อง ผมค่อนข้างจะเครียดกับเรื่องนี้ เพราะมันเหมือนผมไม่ค่อยนำพาบรรยากาศการเรียนให้ผ่อนคลาย ตอนนี้ผมจึงดึใจอยู่ลึกๆ ที่กิจกรรมวันนี้ทำให้ผมและนักเรียนมีเสียงหัวเราะด้วยกันได้
ช่วงที่พักเปลี่ยนคาบเรียน ผมเดินไปบนทางเดินเพื่อเปลี่ยนห้องสอน ระหว่างทางก็เจอเพื่อนตัวแสบ...
"ปัดติโถปัดติถัง" คำอุทานอะไรของมัน...
"ท่านเจ้าครูไอน์ ลงทุนด้วยชุดทาสถึงเพียงนี้เชียวรึ!"
ทำไมทุกคนดูตกใจกับชุดของผมมากขนาดนี้ ผมจึงตอบกลับเจ้าแม็กไป
"มีคำประกาศออกแล้ว ข้าก็ต้องทำตามอย่างเคร่งครัดสิ"
"ช่างสมกับเป็นท่านครูเสียนี่กระไร ขอกระผมลูบหน้าท้องท่านได้ไหม"
"เจ้าบ้า"
"ฮ่าๆๆๆ"
ผมตบตีตามประสาเพื่อนกับแม็กเวลเล็กน้อยก่อนจะไต่ถามทุกข์สุขกัน เจ้าหมอนี่อยู่ไม่ค่อยติดโรงเรียนเท่าไหร่นักเพราะหน้าที่การงาน ไหนๆ เจอแล้วก็ขอคุยด้วยหน่อย
"แล้วท่านเล่าหมากวัน สุขสบายดีรึ"
"หมากวัน?" แม็กเวลส่งเสียงแปลกใจ
"ข้าก็สบายดี เรื่องงานข้าก็เป็นสุข ท่านล่ะ"
"ก็ดี..กระมั้ง" อันที่จริงก็ยังเขินๆ หวิวๆ กะชุดนี่แหละ เลยไม่รู้ว่าสอนเด็กได้ดีรึเปล่า
แม็กเวลตบบ่าผมสองสามครั้ง ก่อนจะให้กำลังใจเล็กน้อย
"สนุกกับมันเสียเถิดเพื่อนยาก ข้ามีงานจำต้องทำ แล้วพบกันใหม่นะ"
"อือ..." ผมหลุดคำตอบรับแบบปัจจุบันไป แม็กเวลตบไหล่ผมอีกสองสามครั้งก่อนจะเดินผ่านไปอีกทาง
การเรียนการสอนยังดำเนินต่อไปเช่นเดิมทุกวันด้วยภาษาไทยโบราณที่ตรงบ้างมั่วบ้าง เมื่อเสร็จการสอนช่วงเช้า ผมก็ออกไปพักรับประทานอาหาร ระหว่างทางก็เจอเพื่อนครูด้วยกันอีกครั้ง
"ทาสแบบนี้ ข้าขอซื้อไปรับใช้ที่เรือนได้ไหมเจ้าคะ" ครูเกลินแซวขณะเดินยกถาดอาหารมานั่งข้างๆ ชายผ้าบางๆ พลิ้วสะบัดมาโดนไหล่ผมเบาๆ คงจะใส่ชุดไทยสไบยาวสินะ ผมขยับตัวให้มีที่นั่งกว้างมากขึ้นให้เพื่อนครู
"เกรงว่าค่าตัวกระผมจะหลายอัฐอยู่นัก แม่เกลินจะจ่ายไหวรึ"
"อุแหม่ มิใช่ว่าท่านมีนายอยากอยู่ด้วย เลยมิยอมให้ข้าซื้อรึเปล่าาา" เกลินลากเสียงเล็กน้อย เสียงหัวเราะเบาๆ ของผมกับครูเกลินก็ดังขึ้น ผมเกาแก้มแก้เขินเล็กน้อย ครูลินพยายามจะหยุดหัวเราะอยู่สักพักก่อนจะปรับน้ำเสียงให้ปกติ แต่ยังเจือด้วยความสุขอยู่
"ข้าชอบกิจกรรมนี้นัก ถึงข้าจะใช้คำผิดไปบ้าง แต่ข้าได้รู้คำไทยโบราณจากคนหลายคนเชียว"
"กระผมก็เช่นกัน"
ผมยิ้มให้ครูเกลินก่อนจะหันไปทานข้าวต่อ ระหว่างนั้นเสียงพูดไทยโบราณกลั้วเสียงหัวเราะก็ดังแทรกเข้ามาในหูของผมเรื่อยๆ บางคำบางประโยคก็ทำเอาแทบจะพ่นข้าว วันทั้งวันผมว่าผมแทบจะกลั้นขำตลอด รู้สึกสนุกจนลืมไปเลยว่าเคยอายชุดที่กำลังใส่อยู่
✎ ผู้ที่ทำภารกิจได้เพอร์เฟ็คสูงกว่ามาตรฐานมาก (100%)
S - CLASS STAMP ตราประทับระดับสูงสุดในหมวดภารกิจทั่วไป มีลักษณะเป็นดาวสีนิลสุดแสนจะคลาสสิก มีมูลค่า +100 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้เพอร์เฟ็คเป็นที่น่าประทับใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+1,500,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
- กระดานความเห็นจากนรินทร์:
- คำผิด :
กรกฏาคม – กรกฎาคม ( ใช้ ฎ ชฎา )
ซักพัก – สักพัก
ราชประแตน – ราชปะแตน
ซักพันครั้ง – สักพันครั้ง
ดึใจ – ดีใจ
(๔ คำ)
กรกฏาคมไม่นับรวมคำผิดเพราะว่าผมเป็นคนเริ่มต้น
พิมพ์ผิดที่หัวกระทู้นะคับ
รอบนี้เน้นบรรยากาศของฝั่งตัวละครครู เป็นภารกิจ
ที่ทำให้เห็นอิสราตอนที่อยู่กับครูคนอื่นๆที่ไม่ใช่ผอ.
รู้สึกแปลกใหม่ดีครับ แต่ที่แปลกใหม่กว่าคืออิสรา
ในชุดโจงกระเบนตัวเดียว ไม่คาดคิดว่าจะกล้าใส่
นี่ถ้ามีคาบเรียนกับเดียร์คงไม่เป็นอันได้เรียน(หัวเราะ)
รูปรอบนี้เป็น Full cg ที่ไม่ได้เห็นทำส่งภารกิจ
มาสักพักแล้ว ชื่นใจจังเลยครับ อยากเห็นอีกบ่อยๆ
จังเลยน้า~
- dedog
Jinn Watinpol
อาจารย์ศิลปะ
5262
+1,074 M 191 K 627
PASSPORT
:
(9911/28000)
:
Re: Lesson 43 : ร่ำเรียนดั่งวันวาน
Fri 15 Jul 2016, 09:56
ส่งงานค้าบบบ
✎ ผู้ที่ทำภารกิจได้เพอร์เฟ็คสูงกว่ามาตรฐานมาก (100%)
- สุขสันต์วันภาษาไทย:
“มะรืนนี้เป็นวันภาษาไทย”
แม็กเวลพูดขึ้นตอนที่ผมกับเขานั่งดูเด็กๆเล่นบาสกันอยู่ที่โรงยิม
เนื่องจากเย็นนี้ทั้งผมทั้งแม็กก็ว่างงานกันทั้งคู่ ไทระ นักเรียนกิตติมาศักดิ์ในคอร์สสอนอ่านปากของผมซึ่งเป็นสมาชิกชมรมกีฬาของโรงเรียนจึงชวนพวกเรามาเล่นบาสกัน เล่นไปได้สักพักก็มานั่งหลบมุมพักเหนื่อยอยู่นี่แหละฮะ- Spoiler:
เมื่อเห็นว่าผมมองอยู่เพื่อนจึงพูดต่อ เพราะรู้แน่ๆว่าผมไม่ค่อยได้สนใจเวลาผอ.พูดหน้าแถวตอนเช้าสักเท่าไหร่ ตอนเรียนเป็นยังไง ตอนเป็นครูก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกฮะ
“ต้องใส่ชุดไทยแล้วก็พูดไทยด้วย”
“ปกติก็พูดไทยอยู่แล้วนี่” ผมเลิกคิ้วเชิงถาม
“หมายถึงพูดคำไทย” แม็กพยายามอธิบาย “ไทยยยยอะ แบบ ข้า กระผม ขอรับ กระไร เยี่ยงนี้ อะไรเงี้ย”
“ยากอ่ะ” ผมบ่น
แม็กก็หัวเราะแล้วบอก “ก็ดีกว่าเป็นวันภาษาอังกฤษแหละน่า”
...ถ้ามีวันนั้นจริงผมยอมเก็บตัวอยู่ในห้องไม่ออกไปไหนทั้งวันทั้งคืนเลยฮะ T-T
คุยเล่นกันไปได้สักพัก ไทระก็มาเรียก บอกถึงคิวพวกเราลงสนามแล้ว เล่นบาสกันยาวๆ จนถึงช่วงค่ำๆพวกเราถึงได้แยกย้ายกันกลับหอพักไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยมากินข้าวกัน หิวแค่ไหนก็ทนเหม็นเหงื่อกันไม่ไหวจริงๆฮะ
.
.
.
และด้วยความว่างงานไม่จบไม่สิ้นนี้เอง คืนนี้ท่านนักการฑูตประจำโรงเรียนจึงมาสิงสถิตอยู่ที่ห้องผมพร้อมเกมตลับ (Famicom) ที่ไม่รู้ไปขุดหามาจากไหน เจ้าตัวแสบเห็นสีหน้าประหลาดใจของผมก็ยักคิ้วให้แล้วบอกขำๆ “ก็บอกแล้วว่ามี”
คืองี้ เมื่อตอนเย็นที่เล่นบาสกันผมคุยกับแม็กเรื่องพูดคำไทยโบราณ ลากยาวไปถึงเรื่องของเล่นเก่าๆที่เคยเล่นกันตอนเด็กๆ แล้วผมก็บ่นว่าอยากเล่นเกมตลับ ที่บ้านเคยมีอยู่ไม่รู้หายไปไหนแล้ว บ่นไปแบบไม่ได้คิดอะไรมาก นึกไม่ถึงว่าตกดึกจะมีพญาลิงขนทองถือเกมตลับมาส่งให้ถึงห้อง...
“มาเล่นกัน” พญาลิงแม็กเวลหันมาเรียกผมหลังเจ้าตัวต่อเครื่องเกมกับทีวีเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นผมยังยืนอึ้งอยู่ที่เดิมก็ปาหมอนใส่แล้วเรียกซ้ำ “เฮ้ย เลิกทำหน้าเหมือนลิงตกใจได้แล้ว มาเล่นกัน”
...ก็มีลิงมาทำให้ตกใจจริงๆนี่หว่า
ผมได้แต่คิดในใจขณะปาหมอนกลับไป แล้วพุ่งไปนั่งข้างเพื่อน “ไหนๆ มีเกมอะไรบ้าง”
“ก็มี Super Mario Brothers , Contra , Circus Charlie , Bomber Man , …”
ในขณะที่กำลังเมามันกับเกมรถถัง Battle City แม็กเวลก็หันมาพูดอะไรบางอย่างกับผม
“ฮะ อะไรนะ” ผมถามซ้ำ เพราะเมื่อกี๊ตาจ้องอยู่กับเกมเลยไม่ทันมองว่าเพื่อนพูดอะไร
แม็กจึงหันมาบอกซ้ำอีกทีหนึ่ง “มีคนมาเคาะประตู”
และด้วยความที่ผู้เล่นทั้งสองตาไม่ได้อยู่ที่เกม เมื่อหันกลับไปอีกทีก็พบว่ารถถังของเราทั้งคู่จึงถูกยิงตายตกตามกันไป เอเมน...
“ประตู” แม็กย้ำอีกครั้งหลังเราทั้งคู่หันไปกรีดร้องกับฐานทัพพญาอินทรีที่ถูกถล่ม “มีคนเคาะ”
“เอ้อ ขอบใจ” ผมบอกเพื่อนแล้วถลาไปเปิดประตู ไม่รู้ว่าคนเคาะเคาะมานานเท่าไหร่แล้ว ยิ่งถ้าแม็กไม่อยู่ด้วยวันนี้จะไม่เคาะจนมือหักเลยมั้ยเนี่ย
เมื่อเปิดประตูก็พบว่าเป็นคุณแม่บ้านที่ยื่นถุงบางอย่างส่งมาให้ พร้อมแปะข้อความ “ของฝากจากผอ.”
“เอ่อ.. มันคืออะไรฮะ” แลดูไม่น่าไว้วางใจชอบกล
คุณแม่บ้านหยิบมือถือขึ้นมากดแล้วหันให้ผมอ่าน “ชุดไทยค่ะ”
“อ๋อ ที่ให้ใส่วันภาษาไทย” ผมพยักหน้าหงึกๆ คุณแม่บ้านก็พยักหน้าหงึกๆตอบรับ
ผมบอกขอบคุณเธอเมื่อรับถุงมา
.
.
“ชุดเหรอ” แม็กที่กำลังเล่น Super Mario อุตส่าห์ละสายตาจากเกมเพื่อหันมาถามผมที่เพิ่งเดินกลับไปนั่งข้างเขา
“อือ ไม่นึกว่าทางโรงเรียนจะแจกด้วยนะเนี่ย” ผมบอก ชูถุงให้ดู เห็นหางตาแวบๆว่าคุณลุงมาริโอ้ของเพื่อนวิ่งตกเหวไปเรียบร้อยแล้ว
“ต้องแจกสิ จะมีสักกี่คนในโรงเรียนที่มีชุดไทยอยู่ในตู้เสื้อผ้า” แม็กวางจอยสติ๊กแล้วหันมาคุยกับผม
“ฉันยังมีชุดไทยที่ใส่ตอนลอยกระทงปีก่อนโน้นอยู่เลย”
“พูดเป็นเล่น ชุดนั้นตั้งกี่ปีแล้ว” แม็กทำหน้าประหลาดใจใส่ผม “ของฉันนี่สาบสูญไปไหนแล้วไม่รู้”
“การดูแลรักษามันต่างกันอ่ะนะ” ผมบอกเขาขำๆ ในขณะที่แม็กถือวิสาสะหยิบถุงผมไปเปิดดู
“ราชปะแตนแฮะ” พูดจบก็หยิบขึ้นมากาง เลิกสนใจเกมไปโดยสิ้นเชิง “เหมือนของฉันเลย”
“ต้องใส่จริงดิ” ผมเลิกคิ้วมองชุดที่เพื่อนถืออยู่ อดบ่นแบบขำๆไม่ได้ “หรูเกิ๊นนน!!”
“ใส่ไปเหอะน่า” แม็กเวลบอกเมื่อพับชุดเก็บใส่ถุง “จะได้เหมือนๆกันไง”
ผมมองเพื่อนงงๆว่าจะเหมือนกันไปทำไม แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ขยายความอะไรประเด็นนี้ หันไปบังคับลุงหนวดมาริโอ้กระโดดเก็บเหรียญทอง เลิกสนใจผมไปโดยสิ้นเชิง
“เอ้อ สอนคำไทยให้หน่อยดิ” ผมบอก
“หะ?” แม็กหันมาทำหน้าเหวอใส่ผม ลุงหนวดวิ่งชนเต่าแล้วนั่น...
“สอนคำไทยให้หน่อย” ผมบอกอีกรอบ พยายามทำตาปิ๊งๆใส่ เผื่อว่าเพื่อนจะยอมใจอ่อน “นะ สอนหน่อยๆ”
“เออๆๆๆๆ ได้ๆ” แม็กตอบรัวๆ หันหน้าหนีไปเล่นเกม ทำท่าเหมือนสนใจลุงหนวดในจอเสียเต็มปะดา แต่ก็มองออกว่าสมาธิไม่ได้อยู่ที่เกมแล้ว ยังไม่ทันได้ถามว่าเป็นอะไร เจ้าลิงก็หันมาบอกว่า “ขอไปศึกษาก่อนนะ แล้วจะเอามาสอน”
แม็กเวลกับคำว่าศึกษาช่างดูไม่เข้ากัน แต่ช่างเถอะ ยังไงก็บอกว่าจะสอนแล้วนี่นะ
“อาฮะๆ จะสอนได้เมื่อไหร่อ่ะ คืนพรุ่งนี้เหรอ”
“ขอปรึกษากับแหล่งความรู้แป๊บ” พูดจบเจ้าตัวก็หยิบมือถือขึ้นมาสไลด์สองสามทีแล้วเอาแนบหู คุยอะไรกันอยู่ไม่ทราบสักพักใหญ่ๆ แล้วจึงวางสายและหันมาถามผมที่เอาชุดไปแขวนไว้ที่ตู้เสื้อผ้า เข้าห้องน้ำ และกลับมาเล่นมาริโอ้ผ่านไปอีกสองด่านเป็นที่เรียบร้อย
“สอนเช้าวันภาษาไทยเลยทันมั้ยอ่ะ พรุ่งนี้ฉันไม่ว่างทั้งวันเลย”
“น่าจะทันแหละ” ผมตอบ “ขอบใจนะ”
“ไม่ต้องขอบใจหรอก เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนดิ” แม็กหัวเราะฮ่าฮ่า แล้วแกล้งทำเสียงเล็กเสียงน้อย “มีเพื่อนดีๆ น่ารักๆ แบบนี้ น้องน้ำตาลต้องรักให้มากๆรู้มั้ย”
... ผมไม่น่าบอกชื่อเล่นไปเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ
ผมได้แต่คิดเมื่อกระทุ้งศอกใส่เอวเจ้าเพื่อนปากมากที่นั่งอยู่ข้างตัว
.
.
.
ผู้อำนวยการนรินทร์ยังคงถือโทรศัพท์มือถือค้างอยู่
เขานึกถึงบทสนทนาที่เจ้าลูกชายโทรมาเมื่อสักครู่ แม็กเวลโทรมาอ้อนให้เขาสอนภาษาไทยโบราณให้
นรินทร์ไม่เคยมีความคิดว่าเจ้าลูกชายคนนี้จะสนใจอะไรแบบนี้ด้วย แต่เขาก็ตกปากรับคำไป แม้ต่างฝ่ายต่างมีงานยุ่งในวันพรุ่งนี้ แต่แม็กเวลก็ยังหาเวลาลงจนได้ ทั้งที่เป็นเวลาเย็นย่ำมืดค่ำที่ถ้าเป็นแม็กสมัยเรียนจะต้องงอแงขอไปเล่นกับเพื่อนแทนที่จะอุดอู้นั่งเรียนอยู่ในห้องกับเขา ยิ่งกว่านั้นคำว่าเรียนกับคำว่าแม็กเวลดูเป็นคำคนละหมวดหมู่กันโดยสิ้นเชิง
แม้จะสงสัยอยู่บ้างแต่นรินทร์ก็อดภูมิใจไม่ได้ เจ้าหนูของเขาโตขึ้นแล้วสินะ
ว่าแล้วผู้อำนวยการก็กดโทรศัพท์ในมือต่อสายถึงใครบางคน
“ฮัลโหล เรเน่ครับ ผมนรินทร์นะ ว่างคุยมั้ยครับ” เมื่อคนปลายสายตอบกลับมาว่าว่าง นรินทร์ไม่รู้หรอกว่าเสียงของเขามีความสุขขนาดไหน “ผมมีเรื่องเกี่ยวกับลูกชายคุณมาเล่าให้ฟัง ...ไม่ๆ คราวนี้ไม่เกี่ยวกับยอดไม้”
.
.
.
.
และแล้ววันภาษาไทยก็มาถึงงงง
ลิงแม็กผู้บอกจะสอนภาษาไทยให้ผมก็หายไปเลย หลังจากแยกย้ายกันไปนอนในคืนที่เล่นเกมนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นแม็กเวลอีกเลยจนถึงตอนนี้ ไปแจ้งความลิงหายดีมั้ยเนี่ย คงไม่เงยหน้าขึ้นไปเจอตามยอดไม้ที่ไหนอีกหรอกนะ = =
ตอนนี้ผมอยู่ในชุดราชปะแตนเลิศหรูอลังการที่ท่านเจ้าคุณนรินทราธิบดีศรีควิ้นท์ส่งมาให้
มันหรูเกินไปจริงๆนะ
...แต่เอาเถอะ ใส่ก็ใส่
.
.
ครึ่งเช้านี้ผมมีสอนม.สามกับม.ห้า
คาบสอนม.สามผ่านไปแล้วแบบอกสั่นขวัญแขวน การใช้ภาษาไทยโบราณนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ แค่ตอนเข้าห้องก็ได้อึ้งกันละฮะเมื่อหัวหน้าห้องประกาศว่า
“พวกพ้องของข้า จงลุกขึ้นโดยพร้อมเพรียงกันเถิด”
...จะไปรบที่ไหนกันเด็กๆ
“พวกพ้องของข้า จงกล่าวคำทักทายท่านครูบัดเดี๋ยวนี้”
“กราบสวัสดีขอรับ/กราบสวัสดีเจ้าค่ะ”
เด็กๆยกมือไหว้โค้งตัวกันแทบจะเก้าสิบองศา จะตัวอ่อนอะไรกันขนาดนั้นลูก ท่าทางซักซ้อมกันมาอย่างดีเชียว
“เอ้อ... กราบสวัสดีขอรับเด็กๆ” ผมพนมมือรับไหว้ “นั่งลงๆ”
เมื่อเด็กๆนั่งกันเรียบร้อยแล้ว ผมก็ตั้งท่าเตรียมจะสอน ฮิโซกะก็ยกมือขึ้นมา “ท่านครูพี่จิณณ์เจ้าคะ”
“ครับ...เอ้อ ขอรับ ว่าไง แม่หญิงฮิโซกะ” มั่วกว่านี้มีอีกมั้ยเนี่ย เด็กๆก็ขำไปกับภาวะคำโบราณผสมคำปัจจุบันของผม
“เนื่องด้วยเที่ยงวันนี้ดิฉันและหมู่คณะต้องเข้าชิงชัยในศึกการประชันชุดไทย ดิฉันจึงจะขออนุญาตท่านครูพี่จิณณ์ปล่อยก่อนเพลาสักเล็กน้อยได้ไหมเจ้าคะ”
เจอคำไทยยาวเหยียดที่รวมๆแล้วผมจับใจความได้แค่ว่า ‘ปล่อยก่อนเวลาได้มั้ยคะ หนูจะไปทำศึก’ แล้วผมก็ได้แต่พยักหน้ารับแบบงงๆ
“ได้ๆ มีผู้ใดเข้าร่วมศึกบ้างรึ”
“ก็มีดิฉันจับคู่กับขุนรันเดลเดชเดชา และขุนไทระอินทรกุมารจับคู่กับแม่หญิงเมอินทิราเทวีเจ้าค่ะ”
ชื่ออลังการงานสร้างกันจริงๆ
“งั้นประเดี๋ยวครูปล่อยก่อนเวลาสักครึ่งชั่วยาม พอไหม” ผมนึกคำว่าสิบห้านาทีไม่ออก จะครึ่งของครึ่งชั่วยามก็ออกจะพิลึกไปหน่อย เอาไปครึ่งชั่วโมงเลยแล้วกันนะ
“โอเคเจ้าค่ะ” ผมไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ยว่าคำนี้มันไม่ใช่คำไทย?
และแล้วการเรียนการสอนก็เริ่มต้นขึ้น วันนี้ผมสอนเรื่องทัศนธาตุ (Visual Elements) อธิบายปกติเด็กก็น่าจะมึนๆกันอยู่แล้ว นี่ต้องอธิบายเป็นภาษาไทยโบราณ จะสนุกไปไหน ลุ้นกันไปทั้งครูทั้งศิษย์
แค่ผมจะบอกว่า “ทัศนธาตุ หรือ Visual Elements คือส่วนประกอบของศิลปะที่มองเห็นได้” ผมต้องแปลไทยเป็นไทยอยู่นานมากเพื่อที่จะพูดออกมาว่า “ทัศนธาตุนั้นคือส่วนประกอบของศิลปะที่สามารถประจักษ์ได้”
ผมแทบจะเห็นเครื่องหมายปรัศนี (?) หมุนวนอยู่ในดวงตาของเด็กๆ
ไม่ต้องงงนะเด็กๆ ครูก็งงครับ ...ฮือออ
และแล้วคาบเรียนศิลปะของผมก็กลายเป็นคาบภาษาไทยโดยสมบูรณ์แบบ เมื่อผมเปิดโอกาสให้เด็กๆได้ร่วมสนุกในการเรียนการสอนโดยการที่ผมพูดบางคำออกมาแล้วให้เด็กๆบอกผมเป็นคำไทยโบราณ ทัศนธาตุน่ะช่างมันเถอะ ค่อยเอาไปเรียนวันหลังก็ได้!
“ตอนเช้า”
“รุ่งเช้า”
“รุ่งอรุณ”
“อรุณเบิกฟ้า”
“นกกาโบยบิน”
“ออกหากินร่าเริงแจ่มใส”
...เอ๊ะ มันแปลกๆรึเปล่า
.
.
ครึ่งชั่วยามผ่านไปไวราวกับโป้ปด
เด็กๆดูสนุก ผมเองก็พลอยสนุกไปด้วย ความรู้ศิลปะไม่ได้อย่างน้อยก็ได้ภาษาไทยละนะ เหล่าเด็กๆที่ต้องไปทำศึก เอ้ย! ไปประกวดชุดไทยบอกผมว่าต้องไปเรียนภาษาไทยโบราณซ้ำอีกเพื่อขึ้นเวทีประกวด
ไทระแอบกระซิบผมว่าถ้าเรียนกับครูม.สามเสร็จขอแวบมาเรียนกับผมอีกทีเพื่อความมั่นใจได้มั้ย ผมก็ตอบตกลงไปโดยไม่คิดอะไรมาก สอนอะไรไม่ได้มากอย่างน้อยก็ให้กำลังใจได้ละนะ หรือถ้าโชคดีเจ้าลิงกลับมาแล้วก็น่าจะสอนอะไรได้อีกเยอะ เมื่อคืนไม่เจอตัวก็ยังอุตส่าห์ไลน์มา รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ มั่นใจจนน่าหมั่นไส้เลยละครับ
หลังเลิกคาบม.สาม เด็กม.ห้าก็มีขอคาบผมเพื่อไปร่วมกิจกรรมวันภาษาไทย ด้วยความที่ครูจิณณ์เป็นคนน่ารัก ใจดีและมีเมตตายิ่งกว่าโตโตโร่เพื่อนรัก ผมตอบตกลงมอบคาบให้ไปโดยไม่คิดอะไรมากเลยฮะ 555
และด้วยเหตุนี้เอง วันนี้ทั้งวันผมก็ว่างแล้ว ว่าแล้วก็ขอเดินดูงานภาษาไทยอันเลิศหรูอลังการของโรงเรียนเราหน่อยแล้วกันนะ
เดินๆอยู่ก็เห็นคุณเลขาคนสวยหน้าง่วงในชุดไทยสไบฟ้าเดินอยู่ไม่ไกล ก็โบกมือเรียก “คุณเลขา!”
คุณเลขาหันมาตามเสียงเรียก พร้อมๆกับที่ผมเดินเข้าไปหาเธอ เพิ่งเห็นว่าในมือเธอถือกาแฟเย็นอยู่แก้วหนึ่ง หน้าง่วงขนาดนี้กาแฟไม่น่าช่วยไหวนะฮะนั่น
“สวัสดีเจ้าค่ะ พ่อจิณณ์”
รอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้า เธอมองผมหัวจรดเท้า เท้าจรดหัวอยู่ทีหนึ่งแล้วบอก “ใส่ชุดนี้แล้วหล่อดีเหมือนกันนะเจ้าคะ”
“กระผมว่าหรูไป” ผมหัวเราะ “แต่คุณเลขาเหมาะกับชุดนี้นะขอรับ งามมากเลย”
“พ่อก็พูดเป็นเล่นไป เจ้าคารมนักนะเจ้าคะ” เป็นเธอที่หัวเราะบ้าง
ผมจึงย้ำไปอีกที “งามจริงนะขอรับ หากกระผมโป้ปดขอให้อัสนีบาตฟาดลงที่ตัวกระผมเลย”
ฟ้าใสขนาดนี้ถ้าฟ้าผ่าลงมาจริงๆนี่ฮาเลยนะเนี่ย- ซ่าาาา!!!:
.
.
.
ฟ้าไม่ผ่าแต่กาแฟผ่า...
คุณเลขาคนงามสาดกาแฟมาแบบไม่ให้สัญญาณกันก่อนเลยครับ นี่วันภาษาไทยหรือวันสงกรานต์ จิณณ์รสลาเต้นี่ช่างนุ่มละมุนกรุ่นกลิ่นนม...
“อ๊ะ ขอโทษเจ้าค่ะ ดิฉันมือลื่น”
คุณเลขาเอ่ยปากทั้งที่หลักฐานยังคงคามือ แก้มขาวขึ้นสีเรื่อ สีหน้าตกอกตกใจ กุลีกุจอหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดให้
“ไม่เป็นไรฮะ” ผมบอกขณะรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดต่อเอง พยายามซับไม่ให้มันซึมลงไปในเสื้อ แต่เหมือนจะไม่ทัน เอาน่า ราชปะแตนสีกาแฟก็สวยดีไปอีกแบบ “ไม่ชอบให้ชมก็บอกกันดีๆก็ได้นะครับ”
“ม..ไม่ใช่ไม่ชอบนะเจ้าคะ ดิฉัน..”
“งั้นแปลว่าชอบ” ผมมองพี่สาวคนสวยขำๆ
คุณเลขาที่เหมือนทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะถลึงตาใส่ผมแบบงอนๆ ถึงกับหลุดเรียกเป็นภาษาปัจจุบัน “คุณจิณณ์!!”
“โอเคๆ ไม่ล้อแล้วขอรับ” ผมยกมือยอมแพ้ ก่อนบอก “ขอตัวไปเปลี่ยนชุดก่อนนะขอรับ ลาเต้เหนียวซึมลึกถึงทรวงในแล้ว”
“ดิฉันขอโทษจริงๆนะเจ้าคะ ทำพ่อเสียเวลา...”
“ไม่เป็นไรขอรับ ถึงอย่างไรวันนี้กระผมก็ว่างงานแล้ว” ผมบอก “ผ้าเช็ดหน้าประเดี๋ยวกระผมซักมาคืนนะขอรับ กรุ่นกลิ่นกาแฟไปหมดแล้ว”
พูดจบผมก็ขอตัวลามา ไม่ให้คุณเลขาได้โต้แย้งอะไรอีก คุณเลขาเองก็เหมือนจะรีบไปทำงานต่อ ถึงได้ยืนมองละล้าละลังอยู่ชั่วขณะแล้วจึงเดินต่อไปทางเดิม
.
.
เอาล่ะ ผมกลับมาถึงห้องสักพักแล้ว อยู่ในชุดทรงครึ่งท่อนเสื้อกล้าม โจงกระเบน กำลังชั่งใจว่าจะเปลี่ยนมันทั้งชุดเลยหรือเปลี่ยนแค่เสื้อดี เพราะโจงกระเบนก็คล้ายๆกัน แถมไม่ได้เลอะอะไรมาก- Spoiler:
ตอนนั้นเองที่รู้สึกถึงเงาตะคุ่มๆอยู่ด้านหลัง ด้วยความตกใจผมหมุนตัวไปและง้างหมัด เมื่อเห็นว่าเป็นเจ้าลิงที่หายตัวไปหนึ่งวันหนึ่งคืนจนแทบจะไปแจ้งความลิงหาย หมัดที่เงื้ออยู่ก็ต่อยไปที่อกเพื่อนเบาๆโทษฐานทำให้ตกใจ
เจ้าลิงแซวผมเรื่องชุดจนโดนถองศอกใส่ไปอีกที เจ้าตัวถึงยอมบอกว่าพาไทระมาเรียนภาษาไทยเพื่อขึ้นเวทีประกวด ก่อนเรียนก็ทำท่ามีลับลมคมใน แอบสอนอะไรให้น้องแล้วก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรก็ไม่รู้ ถามก็ไม่ยอมบอก ไม่บอกก็ไม่อยากรู้ก็ได้ แหม่
เรียนๆไปก็เห็นไทระดูเครียดๆ แม็กเวลปลอบใจและให้กำลังใจจนน้องดีขึ้น มีเพื่อนเป็นลิงสายซับพอร์ตก็ดีอย่างงี้นี่เอง 555
.
.
.
ไทระขึ้นประกวดแล้ว
ด้วยความที่ผมกับแม็กไม่มีอะไรทำหลังจากนั้นก็เลยตามไปดูน้องประกวด มาทันตอนไทระกำลังพูดอะไรบางอย่าง ด้วยความที่อยู่ไกล ผมอ่านปากเขาไม่ถนัดก็เลยไม่ได้สนใจเท่าไหร่ว่าเขาพูดอะไร
นึกไม่ถึงว่าไทระพูดอยู่ดีๆ ทุกคนในงานก็หันมามองทางนี้เป็นตาเดียว ผมก็เหวอแล้วพลอยมองตามสายตาคนอื่นไปด้วย หมุนตามไปแล้วก็พบว่าพวกเขามองผมกับแม็กอยู่นี่หว่า เจ้าลิงที่อยู่ข้างตัวก็ชะงักไปนิดหน่อยแล้วก็ยิ้มแปลกๆ หันไปมองไทระก็เห็นว่ารันเดลกำลังสะกิดและบอกอะไรบางอย่าง เมื่อกี๊น้องคงพูดอะไรผิดสินะ...
เมื่อคุยกับรันเดลเสร็จ ไทระก็หันมาพูดต่ออีกคำ ทุกสายตาที่หันกลับไปเมื่อกี๊หันกลับมาทางพวกเราอีกที คราวนี้แม็กเวลหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังจนผมต้องเค้นถามเขาว่าไทระพูดว่าอะไร
“ไม่มีอะไรมากหรอก” แม็กบอก หัวเราะจนเหมือนจะขาดอากาศหายใจ “แค่ไทระเรียกฉันว่าเจ้าคุณพ่อแล้วก็เรียกนายว่าคุณหญิงแม่เท่านั้นเอง”
ใครไปสอนน้องแบบนั้นนนนนน บ้าไปแล้ว มีอย่างที่ไหนเรียกผมเป็นคุณหญิงแม่ อย่างน้อยก็ต้องเป็นพ่อสิ
แต่เดี๋ยวนะ จะมีใครล่ะ เจ้าลิงนี่ไง ที่ทำเป็นมีลับลมคมนัยอยู่ตอนนั้น- "แม็กเลววววววววว!!":
✎ ผู้ที่ทำภารกิจได้เพอร์เฟ็คสูงกว่ามาตรฐานมาก (100%)
S - CLASS STAMP ตราประทับระดับสูงสุดในหมวดภารกิจทั่วไป มีลักษณะเป็นดาวสีนิลสุดแสนจะคลาสสิก มีมูลค่า +100 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้เพอร์เฟ็คเป็นที่น่าประทับใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+1,500,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
- กระดานความเห็นจากนรินทร์:
- คำผิด :
เมื่อกี๊ - เมื่อกี้
กิตติมาศักดิ์ - กิตติมศักดิ์
(๒ คำ)
ชอบการตั้งชื่อไทยแสนอลังการงานสร้างของแต่ละคน
จังเลยครับ ขำบรรยากาศเวอร์วังอลังการในห้องเรียน
งานรอบนี้หายเทากลับมาสดใสคอมมาดี้เหมือนเดิม
แล้วครับ สิ่งที่ชอบนอกจากรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
ที่เพิ่มความฮาให้เนื้อหาแล้ว สิ่งที่ชอบอีกอย่างก็คือ
รูปครับ โดยเฉพาะรูปจิบิต่างๆ รู้สึกว่าครั้งนี้เส้นจะชัด
และสะอาดกว่าปกติ มีการเล่นความหนาบางของเส้น
ทำให้ภาพดูมิติ ซึ่งแปลกตามากเพราะปกติคุณจะ
น้ำหนักมือเท่าๆกันหมด ผมเล็งเห็นว่าจุดนี้จะสามารถ
ช่วยสร้างให้ดีเทลต่างๆดูน่าสนใจมากขึ้นรวมถึงมีมิติ
มากขึ้นอีกด้วย ลองนำไปเล่นดูได้นะครับ
- Nearmoki-2b
Narin
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน
0
+65 M 413 K 676
Re: Lesson 43 : ร่ำเรียนดั่งวันวาน
Fri 15 Jul 2016, 13:31
- บทที่ ๑:
- ร่างที่เดินผ่านมาคือร่างของหญิงสาวเลขาในชุดสไบสีฟ้าแปลกตา
เรือนผมสีดำยาวสลวยและใบหน้าสละสลวยที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์
นั้นเข้ากับชุดไทยเป็นอย่างดี สิ่งที่ดูไม่ค่อยเข้ากันก็มีเพียงแต่ใบหน้า
ที่ดูเหมือนจะหลับได้ทุกเมื่อแม้ตะวันจะอยู่กลางหัวก็เท่านั้น
ไม่แน่ใจว่าแก้วกาแฟเย็นในมือจะช่วยเธอได้หรือไม่
"อ๊ะ คุณเลขา"
เมื่อหญิงสาวหันตามเสียงเรียกจึงพบกับชายหนุ่มในชุดไทยคนหนึ่ง
อันที่จริงไม่ว่าจะหันทางไหนทุกคนก็ล้วนแต่งกายด้วยชุดไทยกัน
ทั้งสิ้น เพราะว่าวันนี้เป็น 'วันภาษาไทยแห่งชาติ' และโรงเรียนควิ้นท์
ที่มีคำขวัญ 'เรียนไม่ยุ่ง มุ่งกิจกรรม' ของเราก็ได้จัดเตรียมชุดไทย
เอาไว้ให้นักเรียนและบุคลากรทุกคนได้แต่งกายย้อนยุคกันถ้วนหน้า
"สวัสดีเจ้าค่ะ พ่อจิณณ์"
ต่างฝ่ายต่างมองกันตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะส่งยิ้มบางให้กันและกัน
"คุณเลขาแลดูเข้ากับชุดไทยนะขอรับ ช่างงามช้อยนัก"
"พ่อก็พูดเล่นไป เจ้าคารมนักนะเจ้าคะ"
หญิงสาวเลขากลั้วหัวเราะน้อยๆด้วยความเอ็นดู แต่คำตอบที่ได้รับ
กลับเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด
"ไม่ได้พูดเล่นเสียหน่อย งามมากจริงๆ"
'ซ่า!!'
คราวนี้เป็นคราวประหลาดใจของจิณณ์บ้าง อยู่ๆก็รู้สึกเย็นยะเยือก
น้ำซึมผ่านเสื้อสัมผัสเนื้อกาย กลิ่นกาแฟหอมคละคลุ้งไปทั้งตัว
จะว่าถูกพรมน้ำอบรูปแบบฉบับผสมคาเฟอีนก็ไม่น่าใช่...
"อ๊ะ ขอโทษเจ้าค่ะ อิฉันมือลื่น"
ดวงแก้มของหญิงสาวหน้าตายระเรื่อสีแดงก่ำ จิณณ์ไม่เคยเห็น
สีหน้าแบบนี้ของเธอมาก่อน จึงมองไม่ยอมวางสายตา หญิงสาว
ผู้เขินอายไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังแสดงสีหน้าแบบไหน รู้แต่ว่ารู้สึก
แปลกไปกว่าเคย เธอรีบเข้าไปช่วยเช็ดหยาดกาแฟที่เปรอะเปื้อน
เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี ดวงตาสีรัตตกาลจึงหลบมองไปอีกทาง
เพราะมัวแต่เคอะเขินจึงไม่ทันมองว่าถัดไปไม่ไกลนั้นมีชายอีกคน
ที่ยืนฟังเหตุการณ์ด้วยใบหน้าติดรอยยิ้มกริ่ม
.
.
.
อีกฝากหนึ่งของโรงเรียนมีเสียงท่วงทำนองดังเบาๆบนโถงทางเดิน
หากเสียงบางเบานั้นไม่สามารถพ้นหูคนตาบอดไปได้ เสียงบรรเลง
เครื่องดนตรีดังออกมาจากห้องดนตรีเรียกความสนใจจากชายหนุ่ม
คนหนึ่งที่เดินผ่านมาพอดี เนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาพักจึงเป็นไปไม่ได้
เลยที่จะมีคาบเรียนดนตรี? แล้วใครกันนะที่แอบมาเล่นเอาตอนนี้?
ด้วยความสงสัยจึงทำให้คุณครูหนุ่มตัดสินใจเปิดประตูห้องดนตรี
ทันทีที่ประตูถูกเปิดออกก็รู้สึกราวกับว่ามีความรู้สึกบางอย่าง
กระแทกเข้ามาในใจ มันคือความรู้สึกที่มาจากท้วงทำนองเสนาะหู
ยิ่งได้ยินชัดขึ้นก็ยิ่งกระจ่างว่าผู้เล่นเป็นใคร เท่าที่เขารู้จักก็มีเพียง
คนเดียวเท่านั้นที่สามารถสื่อความรู้สึกผ่านเสียงเพลงได้ชัดเจน
เพียงนี้ เพื่อนผู้ที่นอกจากเรื่องดนตรีแล้วก็ไม่เอาไหนคนนั้น...
"แม็กเอ๋ย ระนาดยังจะเล่นเป็นอีกฤา?"
เสียงกลั้วหัวเราะดังคลอมากับเสียงระนาดที่ยังบรรเลงต่ออีกหน่อย
ก่อนที่เสียงจะเงียบลง ชายหนุ่มผมทองประกบไม้วางลงบนระนาด
หนุ่มฝรั่งอยู่ในชุดราชประแตนซึ่งถือว่าไม่ได้ดูแย่อะไรแม้จะไม่ใช่
ชุดประจำชาติของตน
"เล่นต่อเถิด ฉันหาได้ตั้งใจรบกวนไม่"
"รู้ได้อย่างไรฤา ว่าเป็นฉัน?"
อันที่จริงก็ขี้เกียจพูดภาษาไทยโบราณอยู่ไม่น้อยแต่กลัวว่าอดีต
ประธานนักเรียนอย่างอิสราจะว่ากล่าวเขาจึงยอมพูดแต่โดยดี
แม็กเวลถามระหว่างที่จับไม้เริ่มตีระนาดอีกครา เสียงทำนองเพลง
เดิมเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง เขาเล่นดนตรีด้วยบรรยากาศสบายๆเข้ากับ
แสงแดดยามสายที่ลอดกระทบผ่านทางหน้าต่าง
"พูดอย่างกับเราพึ่งเคยพบกันเช่นนั้นแล"
คำตอบที่ได้รับคือการกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ
"ปิดประตูเถิด เดี๋ยวเสียงดนตรีดังไปถึงครูแล้วฉันจะโดนเทศนาเอา"
"หากฉันก็เป็นครูเช่นกันนะ.."
"แต่ท่านเป็นเกลอคนสนิทของฉันนี่"
รอยยิ้มเผยขึ้นบนใบหน้าของคุณครูภาษาเบลล์ เขาส่ายหน้ากับตัวเอง
พลางก้าวขาเข้ามาในห้องก่อนปิดประตูเบามือ ชายหนุ่มนิ่งเงียบฟัง
เสียงระนาด แม้จะไม่มีการสนทนาใดๆ หากราวกับท่วงทำนองได้ถ่าย-
ทอดความรู้สึกให้อิสราได้รับรู้ และผู้ฟังที่ดีเสมอมาอย่างอิสราก็เพียง
ยืนยิ้มรับฟังทำนองใจของเพื่อน อย่างที่เขามักจะคอยฟังแม็กเวลเล่า
เรื่องราวต่างๆเช่นทุกๆครั้ง
พวกเขารู้จักกันมาหลายปีและมีความเข้าใจกันและกันในฐานะของ
'ผู้ที่มักแบกรับความหวังของผู้อื่น' ฝ่ายหนึ่งก็เป็นอดีตประธานนักเรียน
อีกฝ่ายก็เป็นอดีตประธานชมรมโสตทัศนศึกษา พวกเขาต่างต้องแบกรับ
ความคาดหวังจากเพื่อนและครูเอาไว้ มีทั้งเวลาที่ต้องทำตัวเข้มแข็ง
เวลาที่ต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้เพียงในใจ แต่ช่วงเวลาที่พวกเขาอยู่
ด้วยกันมันคือช่วงเวลาที่ต่างฝ่ายต่างไม่มีพันธะหน้าที่อะไร ก็เป็นแค่
เพื่อนที่จะทำหน้าแบบไหนใส่กันก็ได้ เป็นช่วงเวลาที่ได้ทำตามใจ
สำหรับแม็กเวลแล้วการอยู่กับอิสราทำให้เขารู้สึกถึง 'อิสระ'
แม้จริงๆแล้วแม็กเวลจะไม่ได้ทุกข์ใจกับหน้าที่อะไรขนาดนั้น ไม่ว่า
จะเป็นประธานชมรมโสตฯหรือนักการทูตประจำโรงเรียนก็ล้วนแต่เป็น
สิ่งที่เขารักทั้งสิ้น แต่ด้วยความที่คิดว่าอิสราเข้าใจความรู้สึกของตน
จึงทำให้เขาสนิทใจกับอิสราเป็นพิเศษ เราทุกคนล้วนแต่ตามหา
ผู้คนที่เข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เราเป็น
"แม็ก..."
"หืม?
"ท่านจะเล่นเพลง'เกลอสนิทคิดไม่ซื่อ'อีกนานมั้ย?"
เสียงระนาดหยุดลงทันควัน ใบหน้าของชายหนุ่มผมทองระเรื่อสีแดง
"พ เพลงนี้ฉันไม่ได้เล่นให้ท่านนะบอกไว้ก่อน"
"ทำอย่างกับฉันอยากได้..."
"งั้นฟังนี่แทน"
คราวนี้ทำนองเพลงผลันเปลี่ยนเป็นเพลงที่สดใสกว่าเก่า แม็กเวลหวัง
อยู่ในใจว่าเขาจะมอบความสบายใจให้อิสราได้ในแบบที่ตนได้รับ
และบทบรรเลงนี้ก็เป็นหนึ่งสิ่งตอบแทนจากเขาที่มีต่อเพื่อนผู้พิการ
ทางสายตา อิสราเลิกคิ้วด้วยความสงสัย แม้จะชอบเพลงที่ได้ยินอยู่
แต่กลับไม่เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อน หรือจะเป็นเพลงไทยเดิมกันนะ?
ถึงจะสงสัยแต่ด้วยความมารยาทดีและขี้เกรงใจจึงยืนรับฟังจนเสียง
ดนตรีหยุดลงแล้วจึงค่อยเอ่ยปากถาม
"ไม่เคยได้ยินบทเพลงเช่นนี้มาก่อนเลย"
"แหงสิ"
สีหน้างุนงงไร้เดียงสาของเพื่อนทำให้แม็กเวลหัวเราะชอบใจ
"ฉันพึ่งแต่งเมื่อครู่นี้เอง รู้สึกสดชื่นขึ้นบ้างไหม? เห็นดูเหนื่อยๆ?"
อิสราไม่คาดคิดในสิ่งที่ได้ยิน เขายกมือขึ้นลูบแก้มตัวเอง เพราะตรวจ
ข้อสอบจนดึกจึงทำให้เขานอนไม่พอและเหนื่อยล้าข้ามวันอยู่บ้าง
แต่ก็ไม่ได้นึกว่าจะดูเหนื่อยขนาดเจ้าลิงแม็กเวลยังสังเกตเห็นได้
"เพลงนั้น.. แต่งให้ฉันฤา?"
คำตอบที่ได้คือรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของแม็กเวล เพราะแต่งสด
ซะขนาดนี้ก็เสียวจะไม่ได้ท่า แต่ดูจากองศาคิ้ว(?)ของเพื่อนหน้านิ่ง
แล้วดูท่าทางจะชอบ เห็นเช่นนั้นเขาก็โล่งใจ
"เอ้อ แม็ก"
"หืม?"
"ท่านช่วยนำเอกสารงานนี้ไปให้ท่านเจ้าคุณนรินทร์หน่อยได้หรือไม่?"
"เหตุใดท่านจึงไม่ไปเองเล่า?"
"ฉันมีสอนคาบถัดไป"
ถึงแม้จะแปลกใจนิดหน่อยแต่ก็เลือกที่จะไม่พูดออกมา อิสราเดินนำแฟ้ม
เอกสารเข้ามาให้ เมื่อต้องความความช่วยเหลือแม็กเวลก็เต็มใจช่วยเพื่อน
หลังจากรับแฟ้มมาถือไว้ได้ไม่นานสัญญาณออดบอกเวลาหมดช่วงพักก็ดังขึ้น
อิสราเรลล่าจึงต้องรีบจากไปพร้อมรองเท้าหนังคู่ใจ เมื่อเห็นเช่นนั้นแม็กเวล
จึงลุกขึ้นหวังไปทำธุระที่ได้รับการไว้วานบ้าง
.
.
.
พอมาถึงหน้าห้องผู้อำนวยการแล้วเขาจึงกดอินเตอร์โฟนกรอกเสียงเช่น
ทุกครั้ง ไม่นานเสียงปลดล็อคกลอนประตูก็ดังตามมา ชายหนุ่มผลักประตู
เดินเข้าห้องด้วยท่าทีสบายๆแสดงถึงความสนิทสนมที่มีต่อเจ้าของห้อง
"ผอ... เอ้ย!! ท่านเจ้าคุณนรินทร์ขอรับ.."
แม็กเวลเอ่ยทักทายโดยที่ไม่ได้เงยหน้ามอง หากเมื่อเงยหน้าขึ้นนั้นเอง..
'พ่อคุณจะพร็อบเยอะไปไหนเนี่ย'
สิ่งที่เห็นคือชายผู้อำนวยการในชุดผู้ใหญ่ลีหนีประชุม เขานอนอยู่บนแคร่
ด้วยท่าทางเป็นกันเองพร้อมทั้งโบกมือน้อยๆเป็นการทักทาย จากนั้นจึง
เอื้อมมือไปเด็ดองุ่นมาทานท่าทางดูสำราญยิ่ง จะเป็นท่านเจ้าคุณหรือ
กษัตริย์ฟาโรห์ก็เอาสักอย่างสิท่าน.. แม็กเวลได้แต่คิดในใจ
"ว่าอย่างไรเล่า? ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่?"
"ท่านพูดเรื่องอะไรหรือขอรับ?"
"ก็เรื่องการใช้คำไทยสมัยโบราณของเจ้ายังไงเล่า"
"ราบรื่นดีขอรับ แม้จะนึกถ้อยคำไม่ออกบ้างก็ตาม"
ผู้อำนวยการกลั้วหัวเราะชอบใจ
"แหงสิ ตื้อให้ข้าเสี้ยมสอนจนไม่ได้หลับได้นอนถึงเพียงนั้น"
เสียงนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเนือยๆ สีหน้าเองก็ดูซีดเซียวไปบ้างเมื่อเทียบ
กับปกติ เพราะแม็กเวลขอร้องให้เขาสอนคำไทยโบราณให้เมื่อคืนนี้
และนรินทร์ก็หลวมตัวแพ้ให้กับ 'ลูกตื้อ' ใครจะไปนึกเล่าว่าแม็กเวลผู้
ไม่เคยใส่ใจเรียนจะนึกครื้มให้เขาเปิดคอร์สกะดึกฟูลไนท์ขนาดนี้
"โถ่~"
แม็กเวลเดินนำเอกสารไปวางที่โต๊ะทำงานก่อนจะเดินมานั่งบนแคร่ไม้
ข้างกายหนุ่มเจ้าของห้อง เขาส่งยิ้มน้อยๆก่อนที่จะเอื้อมมือนวดไหล่
ผู้อำนวยการ นรินทร์ยิ้มหวานเคลิบเคลิ้มในความสบาย ร่างสูงพลิกตัว
นอนหันหลังให้นวด เห็นเช่นนั้นเด็กหนุ่มจึงกระชับตัวเข้าใกล้มากขึ้น
พลางลงมือบีบนวดแผ่นหลังกว้าง
"เพราะเหตุใดเจ้าจึงนึกอยากเรียนคำไทยโบราณขึ้นมางั้นฤา?"
ทำไมนรินทร์จะไม่รู้ว่าเมื่อคืนแม็กเวลตั้งใจเรียนมากเพียงใด เพราะ-
เช่นนั้นเขาถึงยอมสอนทั้งคืนโดยไม่ปริปากบ่นง่วงสักคำ คำถามนั้น
แลดูเหมือนจะสร้างความอึดอัดใจให้ผู้ฟังเล็กน้อย แต่เขาก็เลือกที่
จะตอบออกมาในที่สุด
"กระผมหาใช่นักเรียนที่สามารถเปะปะละเลยไปวันๆได้ไม่
ตอนนี้กระผมมีหน้าที่ยศตราค้ำคอ หากเพียงแค่นี้ยังทำไม่ได้.."
"แม็ก..."
"ขอรับ?"
การสนทนาถูกเว้นว่างไปช่วงหนึ่ง เสียงผู้อำนวยการจึงดังขึ้นอีกครา
โดยที่เจ้าตัวไม่ได้หันหน้ามอง
"ผมรักเธอนะ ในแบบที่เธอเป็นนั่นแหละ"
แรงนวดที่ช่วงหลังหยุดลง เด็กหนุ่มนิ่งไปราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
นรินทร์จงใจพูดด้วยสำนวนปกติเพื่อสื่อว่าเขาไม่ได้กำลังสวมบทละคร
สิ่งที่พูดคือสิ่งที่คิดจากใจจริง
"การพยายามถือเป็นเรื่องดี หากการฝืนเกินกำลังมิเคยนำพาประโยชน์
ให้ใคร ผมเห็นว่าตั้งแต่ที่ขึ้นเป็นนักการทูตเธอก็พยายามอย่างสุดความ-
สามารถอยู่เสมอ และผมกับแม่ของเธอก็ภูมิใจในตัวเธอมากแล้ว"
"ฝีปากเจ้าคารมเสียจริงนะขอรับ"
แม็กเวลตอบติดตลกหวังกลบเกลื่อนความรู้สึกอิ่มอกที่มีอยู่ในใจ
"หึหึ เรื่องฝีปากเจ้าเองก็หาด้อยไปกว่าข้านักดอก"
แม็กเวลยักไหล่ทีหนึ่งก่อนจะนวดหลังต่อไปโดยไม่พูดอะไร
สำหรับครอบครัวแล้วแม้จะไร้ซึ่งคำพูดแต่ก็สามารถเข้าใจกัน
ได้อยู่ดี แสงแดดอุ่นๆเริ่มทำให้นรินทร์ที่กำลังสบายกายเริ่ม
เคลิ้มใจอยากนอนนอนสักงีบ แต่เพราะไม่อยากหลับกลางเวลา
งาน จึงหาเรื่องพูดให้ตัวเองหายง่วง
"เอ้อ ข้ามีเรื่องดีๆมาเล่าให้ฟังด้วยแหละ"
"เรื่องอะไรหรือขอรับ?"
ผู้อำนวยการหัวเราะน้อยๆกับตัวเองด้วยความสนุกใจ
"เมื่อครู่ข้าเดินไปพบแม่รัตด้วย หากที่มากกว่านั้นคือแม่รัตกำลัง
'เขินอาย' อยู่"
"ห๋า? แม่รัตเนี่ยนะเขิน ท่านฟังผิดหรือไม่"
"ข้าร่วมงานกับแม่มานานนัก ทำไมจะอ่านท่าทางของแม่ไม่ออก"
แม็กเวลได้ยินการยืนยันขนาดนั้นก็เริ่มจะตื่นเต้นขึ้นมาอีกคน
"ผู่ใดกัน!!ผู้ใดคือคนที่ทำให้แม่รัตติกาลเขินได้!!"
"จิณณ์"
'กร็อบ'
"จ๊ากกกก!! โอ๊ยๆๆๆ หลังข้าาา!!"
ด้วยความตกใจจึงทำให้เขาเผลอกดแรงลงหลังผู้อำนวยการเต็มแรง
"โอ๊ยๆๆๆๆ เบาาาา เบาๆๆๆ อย่าทำร้ายหลังคนแก่!!"
นรินทร์ดิ้นพราด ขึ้นชื่อว่าเจ้าลิงแม็กร่างยักษ์ เรี่ยวแรงหามีน้อยไม่
แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงกรีดร้องเด็กหนุ่มก็รีบปล่อยมือออกจากหลัง
สีหน้าที่เคยสดใสเจื่อนไปสนิทตา
"ท ทำไมล่ะ!?! มันเป็นไปได้ยังไง ไม่จริงน่า..."
"ข้าก็แปลกใจ หากตอนนี้ที่แปลกใจกว่าก็คือท่าทีเจ้านี่แหละ"
"ม๊ายยยย!! ไม่จริงใช่มั้ยยย ฮือออ!!"
ผู้อำนวยการยันตัวลุกขึ้นด้วยความตกใจ กลายเป็นฝ่ายเด็กหนุ่มที่ลง
ไปนอนกลิ้งดิ้นไปมาบนแคร่ นรินทร์ไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลย
ว่าทำไมอยู่ๆเพื่อนร่วมห้องถึงได้ดิ้นจนเหมือนน้ำร้อนลวกเช่นนั้น
หรือว่าจะหวงรัตติกาลที่เป็นดั่งพี่สาวคนหนึ่งของเขา? เด็กคนนี้เป็นคน
ขี้หวงขนาดนี้เลยเหรอ? เขาได้แต่ตั้งคำถามอยู่ในใจเพราะรู้ว่าถึงถาม
ไปก็คงไม่ได้คำตอบ จะมีก็แต่เสียงโหวกเหวกโวยวายเท่านั้น
"ฮือออออออ!! ทำไมกันนน มันเกิดขึ้นได้ยังไงง!!"
"ม แม็ก?"
"แง้!!~~~"
แม็กเวลวิ่งปิดหน้าปิดตาออกจากห้องไปโดยปล่อยโดยปล่อยให้นรินทร์
ได้แต่นั่งกะพริบตาปริบๆด้วยความงงงวย เขายกมือเกาศีรษะไม่เข้าใจความ
"อะไรของเขา..."
ตามไปแจวเรือกันต่อได้ในความคิดเห็นถัดไป
Signature ------------------------------------------------>
- DJ. Alex Lam
Maxwell Sonner
นักการทูตโรงเรียน
0
+150 K
Re: Lesson 43 : ร่ำเรียนดั่งวันวาน
Fri 15 Jul 2016, 13:39
- บทที่ ๒:
- ผมวิ่งออกมาจากห้องผู้อำนวยการด้วยใจที่ว้าวุ่น เป็นไป
ได้ยังไงกันที่คุณรัตติกาลจะเขิน แถมหนักกว่านั้นคือด้วยฝีมือ
ของจิณณ์อีกต่างหาก แล้วอย่างนี้ผมจะทำยังไงดีล่ะ!!
แล้วถ้าทั้งสองคนไปเกิดปรองรักคล้องใจจะไปใช้ชีวิตร่วมกัน
อย่างมีความสุขที่คลองสามหลังต้นตาลล่ะ!! ฮือออ ไม่ได้การ
ฉันต้องทำ ทำอะไรสักอย่างแล้ว!!~
"พี่แม็กขอหลับ.."
ขอหลับ? เขากำลังขออนุญาตผมนอนกลางวันงั้นเหรอ?
ทำไมต้องถามผมด้วยล่ะ? ผมมีสิทธิ์อนุญาตคนนอนกลางวัน
ด้วยเหรอ? ถ้ามีจริงละก็ผมจะอนุมัติสิทธิให้ตัวเองคนแรกเลย
ประโยคประหลาดหูทำให้ผมหยุดฝีเท้าและหันหลังกลับมอง
ร่างที่เห็นอธิบายทุกอย่างได้เป็นอย่างดี เพราะผู้พูดคือ ไทระ
เด็กนักเรียนชั้นม.สามหน้าใสไร้เดียงสา ที่พึ่งพูดออกเสียงได้
เมื่อไม่นานนี้ เพราะว่าไม่ได้ยินจึงทำให้ไม่กล้าส่งเสียงออกมา
และผมกับจิณณ์ก็อาสาที่จะช่วยเหลือฝึกสอนให้เขาพูดเท่าที่
พวกเราจะทำได้
เมื่อเห็นผมหยุดเดินเจ้าเด็กน้อยในชุดราชปะแตนจึงเดินเข้าใกล้
และถึงจะเรียกว่า 'เจ้าเด็กน้อย' แต่เขาก็ไม่ได้ตัวเล็กอีกต่อไป
ไทระที่ยืนอยู่ตรงข้ามมีความสูงต่างจากผมแค่ประมาณคืบเดียว
สูงไวเวอร์!! กินไม้บรรทัดเป็นของว่างรึเปล่านี่!!
"มีเหตุอันใดหรือ? พี่มีเหตุรีบเล็กน้อย"
กำลังรีบไปขวางทางรักชาวบ้าน ว่าแล้วพวกเขาก็เข้ากันได้ดี
มาตลอดเลยนี่นา ก็เห็นอยู่หรอกว่าคุยกันถูกปาก.. ผมคิด
ระหว่างโคลงตัวไปมาอยู่ไม่สุข และดูเหมือนว่าไทระจะสังเกต
เห็นได้ เขาอึกอักแลดูเกรงใจ ผมจึงเอ่ยบอกไปว่า
"พี่แม็กสุดหล่อพร้อมช่วยทุกอย่างอยู่แล้ว เล่าขานมาเถิด!!"
ผมเท้าเอวและดันนิ้วโป้งลงกลางอกเป็นการยืนยันให้มั่นใจ
เจ้าเด็กน้อยได้ยินแบบนั้นก็ดูโล่งใจขึ้น สุดท้ายจึงยอมพูดออกมา
"กระผมได้รับเลือกให้เข้าประกวดการแต่งกายชุดไทย.."
อ้อ.. งานที่มีกรรมการเป็นผู้อำนวยการที่มองไม่เห็น เลขาสาวที่
ชอบลวนลามหนุ่มๆ และหัวหน้าฝ่ายปกครองที่คลั่งเด็กสาวตัวเล็ก
นั่นน่ะเหรอ...
"กระผมรู้สึกไม่มั่นใจเลยอยากให้พี่แม็กช่วยสอนภาษาไทยโบราณ.."
ในที่สุด!! ความรู้ที่ถ่างตาเรียนมาทั้งคืนก็จะได้ใช้แล้ว!! ถึงเวลา
Show off time แล้วแม็กเอ้ย วะฮุ้วว!!
"ป่ะ งั้นไปกันเถิด!!"
"อ..เอ๋?"
ผมจับข้อมือน้องลากให้เดินไปด้วยกัน ไทระแสดงสีหน้าเหลอหลา
แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
"แล้วนี่รู้หรือไม่ว่าจิณณ์อยู่หนใด?"
เจ้าเด็กน้อยหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกงออกมาสไลด์ จากนั้น
จึงให้ผมดูบทสนทนาที่เขาคุยกับจิณณ์ จิณณ์บอกว่าตอนนี้อยู่ที่ห้อง
กลับไปทำอะไรที่ห้องตอนนี้หว่า? ช่างเถอะ ไปหาก็คงรู้เองละมั้ง
ผมเดินข้างไทระหวังให้เขาอ่านปากได้ถนัดๆ ระหว่างทางเราก็เดิน
คุยกันไปพลาง
"ว่าแต่พี่แม็กมีเรื่องด่วนอันใดหรือขอรับ?"
เรื่องด่วน?...
"เอ๊อะ!! ลืมเสียสนิทเลย!! เรารีบไปกันเถิด!!"
ทันทีที่นึกได้ว่าต้องไปขวางรักชาวบ้านเพื่อเอาคนของตนกลับคืนมา
ผมก็โวยวายก่อนจะจับแขนน้องดึงให้รีบวิ่งไปด้วยกัน
.
.
.
สิ่งแรกที่เห็นเมื่อประตูเปิดออกคือเจ้าของห้องผู้ยืนคิ้วขมวดอยู่หน้า
ตู้เสื้อผ้า เขาอยู่ในชุดเสื้อกล้ามกับโจงกะเบน ดูแปลกตาชอบกล
"ท่านยังไม่เปลี่ยนชุดอีกหรือ?"
ไม่มีคำตอบจากจิณณ์ที่ท่านเรียก เพราะมัวแต่มองอะไรบางอย่างในตู้
จึงทำให้ไม่ทันสังเกตว่ามีคนเข้ามาในห้อง ผมเดินไปหยุดที่ด้านหลัง
เจ้าของห้องเห็นเงาตะคุ่มๆอยู่ด้านหลังก็ตกใจสะดุ้งเฮือกรีบเด้งตัว
ถอยหนีและหันมาง้างหมัดเร็วไว หากเมื่อดวงตาประสานกัน
แรงหมัดที่ต่อยลงบนไหล่ก็ผ่อนเบาลง
"ตกใจหมด ฉันเกือบต่อยนายแล้ว"
"เกือบยังไง ต่อยแล้วเนี่ย!!"
ระบบป้องกันตัวอัตโนมัติของจิณณ์เป็นสิ่งที่ดูถูกไม่ได้ เมื่อเห็นว่า
ผู้บุกรุกเป็นผมเขาจึงหันหลับไปมองตู้เสื้อผ้าดังเดิม ผมก้าวเข้าใกล้
เพื่อนและกดคางลงบนไหล่ของเขา หืม?.. กลิ่นกาแฟงั้นเหรอ
ปกติจิณณ์ไม่ดื่มกาแฟนี่นา? ฮึ่ยย ใช่ซี่ จะดื่มกาแฟอวดสาวละซี่
คุณรัตดีกว่าผมตรงไหนกัน เธอก็แค่ทำงานเก่ง ช่วยผอ.ได้ทุกอย่าง
เป็นเพื่อนคู่คิดมิตรยามยากแล้วก็เป็นจิตแพทย์ชื่อดังก้องวงการก็
เท่านั้นเอง...
"เอ้า เป็นอะไรของนายเนี่ย อยู่ๆก็สลดหูตกซะงั้น"
เศร้าใจ ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้ ซิกๆๆ ผมได้แต่จับแขนเพื่อนไว้หวงๆ
ทันใดนั้นเองที่เหลือบสบเข้ากับชุดไทยที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้า
มันเป็นชุดไทยพื้นบ้านที่ดูน่าจะเข้ากับจิณณ์อยู่ไม่น้อยเลย
แต่ดูจากสีหน้าเจ้าตัวแล้วดูเหมือนจะไม่อยากใส่เท่าไหร่
"ทำหน้าแบบนี้ไม่อยากใส่ชุดนี้แต่อยากใส่สไบเฉียงใช่มั้ยล่ะ
น้องน้ำตาล~"
'ปึก!!'
"อ็อก!!"
คำตอบที่ได้รับคือศอกที่กระทุ้งเข้ากลางท้องจนตัวเซออกห่าง
จากนั้นจิณณ์จึงเหลือบมองหางตาเป็นเชิงถามว่า 'มาทำไม?'
"ไทระจะเข้าประกวดการแต่งกายไทย เลยอยากให้พวกเราสอน
ภาษาไทยโบราณที่จะสามารถนำไปใช้บนเวทีได้ เราน่าจะพูด
ภาษาไทยโบราณกับน้องนะ"
เพื่อนพยักหน้าก่อนจะเดินไปต้อนรับไทระด้วยรอยยิ้ม ทำไมยิ้ม
กับน้องแล้วไม่ยิ้มกับผมบ้างง่ะ งื้อๆๆ ผมเดินกระทืบเท้าตามไป
ทั้งสองทักทายพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ผมจะนึกอะไร'ดีๆ'ได้
ผมดันตัวเพื่อนออกเพื่อที่จะเข้าไปใกล้ๆไทระหวังให้อีกฝ่ายอ่าน
ปากได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
"เดี๋ยวพี่จะสั่งสอนคำสุดยอดเยี่ยมให้พ่อไทระนะขอรับ"
"พ่อไทระจดจำให้แม่นยำ"
ดวงตาใสแป๋วเป็นประกายและใบหน้าไร้เดียงสานั่นทำให้ผม
อดยิ้มไม่ได้(ในหลายๆความหมาย) ผมหันมองเพื่อนระหว่าง
ยิ้มกริ่มกลั้นหัวเราะ แผนการใครจะเยี่ยมยอดไปกว่านี้อีกเล่า!!
คิดแล้วก็อดใจไม่ไหว รีบชี้ที่ปากของตัวเองเพื่อให้ไทระมอง
และขยับออกเสียงตาม แม้ไทระจะทำหน้างุนงงไปชั่วครู่ว่า
นี่ใช่คำโบราณแน่หรือ แต่น้องก็พูดตามอย่างว่าง่าย
"ป๊าแม็ก"
"ป๊าแม็ก"
ผมยกมือปิดปากเพราะรู้ว่ากำลังยิ้มกว้างปากแทบฉีก นี่มันมาก
กว่าที่คิดเอาไว้ ตอนแรกก็แค่กะอยากให้เรียกสนุกๆ แต่ความ
รู้สึกที่กำลังเอ่อล้นเข้ามาในอกเป็นตัวบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
ความรู้สึกตื้นตันใจที่มีในอกนี้เป็นของจริง และผมก็ดีใจมาก
จนไม่สามารถหุบยิ้มได้ ไม่รู้ว่าตอนที่ผมเรียกผอ.แบบนี้ครั้ง
แรกแกจะมีความรู้สึกแบบเดียวกันนี้หรือเปล่า ไทระแสดง
สีหน้าตั้งคำถาม แต่ก่อนที่จะได้ถามผมก็ชิงสอนคำต่อไป
เสียก่อน
"ม๊าจิณณ์"
ผมกำลังคิดอะไรอยู่น่ะเหรอ? เพราะผมมั่นใจว่าการออกเสียง
คำว่า ป๊า กับ ม๊า นั้นขยับปากแบบเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน ไม่ว่า
จะไทระหรือจิณณ์ก็ไม่มีทางมองออกว่าเป็นคนละคำกัน
เป็นไงล่ะ แผนการของผมสุดยอดในปฤษฎีไปเลยใช่ม๊า~
"เอ่อ...ม๊าจิณณ์..."
อ๊ากกก ฟินเฟ่อออ ใจนี่ลงไปกลิ้งกับพื้นแล้วแต่ตัวก็ได้แต่
ยกนิ้วเจ๋งเป้งแสดงความยินดี ไทระเห็นผมยิ้มกว้างจึงยิ้มตาม
อีกคน ต่างจากจิณณ์ที่ยืนขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ
"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรของนาย"
"เปล่านี่"
ผมบอกให้ต่อจากนี้ไทระเรียกผมกับจิณณ์ในแบบที่สอน
ระหว่างที่พูดก็ยื่นหน้าเข้าไปจ่อประชิด คาดว่าคำตอบตกลง
ที่ได้คงมาจากความตกใจจนคิดไม่ทันมากซะมากกว่าเต็มใจตอบ
แต่โอกาสมาทั้งทีผมก็ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้!!
หลังจากนั้นหลักสูตรการสอนภาษาไทยโบราณฉบับเร่งรัด
(ของจริง)ก็เริ่มต้นขึ้น เพราะพึ่งเรียนมาเมื่อคืนความรู้ที่มีเลย
ยังพอคงเหลือในสมองอยู่บ้าง แต่ตอนนี้คนที่ดูไม่มั่นใจและ
ไม่สดใสเหมือนเดิมดูเหมือนจะเป็นไทระซะมากกว่า อันที่จริง
ผมนั้นเข้าใจความรู้สึกของไทระเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าผม
หรือจิณณ์ก็เลยรู้สึกไม่มั่นใจในการพูดเช่นเดียวกัน จิณณ์เคย
ได้เพื่อนสมัยเด็กเป็นคนช่วยไว้ ส่วนผมก็ได้แม่บุญธรรม
เป็นผู้มอบความกล้า ในเวลานี้ที่เราต่างเติบใหญ่และตัดสินใจ
ร่วมกันว่าจะทำให้ไทระมีความสุขในการพูดอีกครั้งให้จงได้
"พ่อไทระ"
"ขอรับ?"
ผมเบียดตัวลงนั่งข้างไทระโดยที่มีจิณณ์นั่งอยู่อีกฝั่ง จริงๆแล้วโซฟา
ในห้องก็กว้างอยู่หรอก เพียงแต่ไม่ได้ถูกออกแบบให้ผู้ชายร่างสูง
สามคนนั่งด้วยกันก็เท่านั้นเอง ผมจับมือข้างหนึ่งของไทระมากุมไว้
บนหน้าตักของตัวเอง เจ้าเด็กตาคมมองผมด้วยแววตาประหลาดใจ
ผมกระแอมเสียงเพื่อบอกให้รู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ แต่ลืมไปว่าไม่มีใคร
ได้ยินจึงเปลี่ยนมาชี้ปากตัวเองแทน อ่านปากณัชชานะคะ
"ฟังนะ การพยายามถือเป็นเรื่องดี หากการฝืนเกินกำลังมิเคยนำพา
ประโยชน์ให้ใคร เพราะฉะนั้นขอแค่พยายามอย่างสุดความสามารถ
เท่านั้นพวกเราก็ภูมิใจในตัวพ่อไทระมากแล้ว"
ขอยืมคำหน่อยนะครับผอ. แล้วจะคืนให้ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่
ผมได้เป็น 'ป๊า' ของใครสักคน ไม่รู้ต้องพูดยังไง ทำตัวแบบไหน
ถึงต้องยืมคำพูด 'ป๊า' ของผมมาใช้ก่อน ตอนที่ผอ.พูดประโยคนี้
เขาจะรู้สึกแบบที่ผมกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้หรือเปล่านะ? ผมรู้สึก
เป็นห่วง รู้สึกต้องการที่จะเห็นรอยยิ้มของเจ้าเด็กน้อย แม้ว่าเขา
อาจจะทำผิดพลาดบนเวทีหรือพูดไม่ได้ตามที่เราซ้อมกันไว้
แต่ผมก็จะไม่เสียใจเลย ผมแค่อยากให้แกได้สนุกไปกับมัน
ไทระมองหน้าผมด้วยสีหน้าอธิบายไม่ถูก จะดีใจก็ไม่ใช่ เศร้าใจ
ก็ไม่เชิง ผมคลี่ยิ้มกว้างให้กำลังใจ เมื่อพวกเราหันไปมองจิณณ์
เขาก็พยักหน้าให้เป็นเชิงเห็นด้วย นายเองก็คิดเหมือนกันสินะ
เจ้าเด็กตรงกลางบีบมือผมไว้และจับมือจิณณ์มากุมบ้าง
"ผมจะพยายามฮะ"
จิณณ์โคลงหัวเข้าหาไทระพร้อมทั้งหลับตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วย
รอยยิ้มเปี่ยมสุข เห็นเช่นนั้นผมจึงเอนหัวอิงซบเจ้าเด็กน้อยบ้าง
เรานั่งหลับตากันโดยไม่พูดอะไร มีเพียงความอบอุ่นผ่านฝ่ามือ
ที่เป็นตัวเชื่อมพวกเราไว้ด้วยกัน ความรู้สึกที่มีอยู่ตอนนี้เหมือน
กับตอนที่ผอ.บอกรักผมในช่วงกลางวัน แต่ครั้งนี้มันถูกเอ่ยขึ้น
โดยไร้คำพูดใดๆ
หลังจากคาบเรียนจบลงแล้วไทระจึงขออนุญาตกลับไปรวมกลุ่ม
กับเพื่อนร่วมห้องเพื่อเตรียมตัวเข้าประกวด ในห้องจึงเหลือแค่
ผมและจิณณ์เพียงสองคน
"หวังว่าจะเป็นไปด้วยดีนะ"
"ถ้าห่วงขนาดนั้นไว้เราตามไปดูการประกวดด้วยกันสิ"
ผมเสนอและก็ได้คำตอบน่ายินดีอย่างกันพยักหน้าเร็วไว
เมื่อเห็นว่าอยู่กันสองคนและก็ไม่ได้อยู่ในตึกโรงเรียน ผมจึง
กลับมาพูดภาษาไทยธรรมดาเช่นเดิม
"แต่นายต้องเปลี่ยนชุดไทยก่อนกลับโรงเรียนนะ"
"เออๆ"
"ว่าแต่นายรู้สึกยังไงกับฉันในชุดไทยบ้าง?"
ผมท้าวเอวยืดหน้าอกตั้งใจนำเสนอตัวเองเต็มที่
"เฉยๆ ต้องรู้สึกอะไรด้วยเหรอ?"
"ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรออ แบบหล่อมั้ย ดูดีมั้ยไรงี้ง่ะ!?!"
"ฝรั่งตาน้ำข้าวอย่างนายใส่อะไรก็ดูโอเคอยู่แล้วนี่"
"จริงเหรอ!! นายว่าฉันดูโอเคงั้นเหรอ!!"
จิณณ์ขมวดคิ้วให้ผม เขาคงไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องดีใจขนาดนี้
คนมักบอกว่าผมแสดงอารมณ์ทางสีหน้าชัดเจน บางทีตอนนี้
ตาของผมอาจกำลังเป็นประกายอยู่ก็เป็นได้
"แล้วฉันกับคุณรัตใครดูดีกว่ากัน?"
"ห๋า เกี่ยวอะไรกับคุณเลขาด้วย?"
คิ้วที่ขมวดอยู่แล้วยิ่งผูกโบว์หากันเข้าไปใหญ่
"เออน่า ตอบมาเถอะ ฉันต้องดูดีกว่าอยู่แล้วใช่มั้ย!?!"
ผมขยับตัวเข้าใกล้คนบนโซฟามากขึ้นพร้อมทั้งคะยั้นคะยอ
ตามตื้อไม่เลิก ระหว่างที่ถามย้ำก็ดิ้นโหยงเหยงไปมา
นึกแล้วมันก็น้อยใจนัก ผมไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้หรอกนะ
ฮือๆๆๆ ผมทั้งตื้อทั้งพองแก้มใส่เพื่อนยกใหญ่
"ฉันดูดีกว่าใช่มั้ยๆๆๆๆๆๆ"
"เอออออ นายดูดีกว่า พอใจยัง?"
หน้าคนตอบนี่งอนเป็นตูดเป็ดเลยครับ อมทั้งวัดมาพูดยังไม่เชื่อ
แม้จะบอกด้วยสีหน้าเซ็งๆแต่ผมก็หาได้ใส่ใจไม่ แค่นี้ก็พอใจแล้ว
"เย้ๆๆๆๆๆ ฉันชนะแล้วๆๆ เย้ๆๆๆ"
ผมลุกไปวิ่งกระโดดดโหยงเหยงรอบโซฟา เพื่อนก็ได้แต่มอง
ใบหน้าเปื้อนยิ้มกว้างของผมด้วยสายตาตั้งคำถาม ก็มันดีใจจน
เก็บไว้ไม่อยู่นี่นา นึกว่าจะรักคุณรัตมากกว่าเราซะแล้วเสียอีก
ผมที่อยู่หลังโซฟาโน้มตัวกอดคอเพื่อนไว้
"งั้นฉันผู้แสนจะดูดีคนนี้จะอยู่กับนายเองนะ"
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย และการที่ผมได้อยู่
ในโรงเรียนและมีส่วนร่วมกับทุกๆคนเช่นนี้เองก็เป็นเรื่องน่าดีใจมาก
เพราะหน้าที่การงานทำให้ผมไม่ค่อยได้อยู่ติดโรงเรียนสักเท่าไหร่
วันนี้ผมได้เข้าใจอะไรบางอย่าง เข้าใจถึงความรู้สึกในฐานะของ'พ่อ'
แต่ก่อนหน้านี้ผมก็เอ็นดูไทระอยู่ไม่น้อย แค่ไม่คาดคิดว่ามันจะเป็น
ความรู้สึกของพ่อที่มีต่อลูก แม้ตอนแรกผมจะแค่นึกสนุกอยาก
ให้เรียกว่าป๊ากับม๊าเพราะมันคงฟังดูน่ารักดี แต่ก็ได้เข้าใจว่ามันไม่
ใช่เพียงเท่านั้น เพราะรู้สึกว่าไทระเปรียบเหมือนลูก จึงยินดีเมื่อ
ถูกเรียกว่าพ่อ
ว่าแล้วก็น่าใจหายว่าเวลานั้นช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว สมัยที่เข้า
โรงเรียนใหม่ๆผมเองก็เป็นลูกที่ต้องให้ผอ.คอยสอยคอยปกป้อง
พอมาถึงตอนนี้ผมก็ได้กลายมาเป็นพ่อคนหนึ่งของไทระบ้างแล้ว
แม้เวลาจะผ่านไปเท่าไรโรงเรียนแห่งนี้ก็ยังคงสอนให้คนเติบโต
กันไปรุ่นสู่รุ่น และยังเป็นโรงเรียนที่เน้นกิจกรรมอย่างเสมอต้น
เสมอปลาย แต่ถ้าเราไม่มีกิจกรรมวันภาษาไทยแห่งชาติในวันนี้
ผมก็คงไม่ได้รับรู้อะไรหลายๆอย่าง
ก็คงต้องขอบคุณผอ.ผู้ต้นคิดกิจกรรมนั่นแหละนะ ถึงผมจะลืม
บอกให้แกใส่ชุดสไบไว้ในตู้เสื้อผ้าของจิณณ์ก็เถอะ
- จบบริบูรณ์ -
Signature ------------------------------------------------>
Reine : Plays ๐ ๐ ๐
And I will hear, though soft you tread above me,
And on my grave will warmer, sweeter be.
For you'll come and tell me that you love me,
And I will sleep in peace until you come to me.
- ผู้มาเยือนผู้มาเยือน
Re: Lesson 43 : ร่ำเรียนดั่งวันวาน
Fri 15 Jul 2016, 21:29
- วันภาษาไทย~:
28 กรกฎาคม 2559
@หน้าเสาธง
‘สวัสดีครับ นักเรียนทุกๆคน
เนื่องจากวันที่ 29 กรกฏาคมของทุกๆปีนั้นตรงกับ 'วันภาษาไทยแห่งชาติ'
เพราะฉะนั้นทางโรงเรียนเราจึงได้จัดกิจกรรมเพื่อที่จะให้ทุกคนได้อนุรักษ์
ภาษาไทยไปด้วยกันนะครับ!!
ซึ่งการเรียนการสอนทั้งหมดภายในวันที่ 29 กรกฏาคมจะถูกจัดสอนด้วย 'ภาษาไทยโบราณ' ขอให้คณะครู บุคลากร รวมทั้งนักเรียน ร่วมใจกันใช้ภาษาไทยโบราณเพื่อจำลองบรรยากาศไทยยุคเก่าและอนุรักษ์ภาษาไทยโบราณ
และที่สำคัญที่สุด ผมแอบจัดเตรียมชุดไทยไว้ให้ อยู่ในตู้เสื้อผ้าของทุกคนนะครับ’
เมื่อสิ้นเสียงปราศรัยหน้าเสาธงของผู้อำนวยการในยามเช้าแล้ว เด็กๆก็เริ่มทยอยกันเดินขึ้นเรียน พร้อมกับเสียงเจี๊ยวจ๊าว ที่ค่อยๆดังขึ้น ซึ่งทุกคนส่วนใหญ่ก็ต่างคุยกันว่าใครจะได้ชุดแบบไหนบ้าง ด้วยความตื่นเต้น
@ห้องเรียน ม.4
“สุถะ~ วันพรุ่งนี้ สุถะคิดไว้รึยังว่าจะ พูดภาษาไทยโบราณแนวยุคไหนอ่ะ”
เดียร์ที่เมื่อเดินขึ้นอาคารเรียนแล้วก็วิ่งเข้าไปหาสุภะ เพื่อนหนุ่มร่วมชั้นทันที
“เอ่อ...ผมก็ยังไม่รู้ เลยแล้วเดียร์ล่ะ”
“เดียร์กะจะมิกซ์ทุกยุคที่นึกออกเลยล่ะค่ะ เดียร์ว่า...น่าสนุกดีออกค่ะ”
“ครับๆ ผมก็ว่าน่าสนุกดี”
เมื่อจบประโยค ได้ไม่เท่าไหร่ ครูก็เดินเข้ามา ทำให้เดียร์รีบวิ่งกลับไปนั่งที่ทันที…
วันต่อมา…
“แม่เดียร์! ตื่นได้แล้ว ตะวันจะส่องก้นแล้วค่ะ”
[นี่ฝันไปรึไง ทำไมอยู่ๆพี่แคลก็พูดภาษาไทย เหมือนกับ เป็นเด็กไทยในสมัยก่อนเลย]
“แม่เดียร์! ตื่นสิคะ สายแล้วนะคะ”
[ไม่จริงหรอกน่า ฝันไปแน่ๆ อะไรจะทำให้อยู่ๆ พี่แคลมาพูดภาษาไทยโบราณแบบนี้ได้ล่ะ ฝันหรอกน่า]
“แม่เดียร์!!! สายแล้ววววววค่ะ” พี่แคลพูดพร้อมกับดึงผ้าห่มออกทันที
“เอ๋? สายแล้วรึคะ พี่แคล”
“ใช่น่ะสิจ๊ะ ฉันพึ่งจะไปดู เพลา(เพ-ลา)มาเมื่อสักเดี๋ยวนี้เอง”
“ทำไมอยู่ๆพี่แคลพูดภาษาแบบนี้ล่ะคะ มันไม่ค่อยจะเข้ากับพี่แคลเลย”
“ก็วันนี้เป็นวันภาษาไทยน่ะสิจ๊ะ แล้วตอนนี้ก็สายมากแล้วด้วยนะจ๊ะ”
“แว้ก! งั้นรอเดียร์ก่อนนะคะพี่แคล” ว่าแล้วเดียร์ก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปด้วยความเร็ว
“จ้ะๆ” พี่แคลพูดพร้อมกับขำเดียร์ที่ทำอะไรอย่างโก๊ะๆอย่างมีความสุข
.
.
.
.
.
เดียร์เดินออกมาจากห้องในชุดที่เป็นสไบเฉียง วันนี้เดียร์เลือกที่จะปล่อยผม ทำให้ดูคล้ายกับผีอยู่เหมือนกัน- ภาพปลากรอบ:
.
.
.
.
.
.
.
.
หลังจาก ที่ เข้าแถวเสร็จแล้ว เดียร์ก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปด้วยความเร็ว แล้วออกมาพร้อมกับผ้าถุง ที่ผอ.เตรียมไว้ในตู้ เพื่อจะออกไปเรียนว่ายน้ำ แต่พอออกมาจากห้องน้ำ ก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นเวลาที่เกือบจะถึงคาบเรียนแล้ว
“ชะตาขาดแน่ หากไปสาย ท่านอาจารย์เกรียงไกร จะต้องเอาดิฉัน ถึงฆาตเพียงแน่”
เดียร์พูดพร้อมกับ รีบปั่นจักรยานไปที่ สระว่ายน้ำ ด้วยความเหนื่อยหอบ พอมาถึง ก็เห็น ครูเกรียงไกรที่มาในชุดขาว ห่มผ้าขาวม้า ยืนอยู่ข้างหน้า สระว่ายน้ำแล้ว
“เอ้า! แม่เดียร์เหตุจึงมาด้วยความเร่งรีบเยี่ยงนี้”
“ดิฉันแต่งกายนานน่ะค่ะ ท่านอาจารย์” เดียร์กล่าวพร้อมยิ้มแห้งให้ครูเกรียงไกร
“ครับๆ งั้นเข้าไปเรียนเถอะ”
“ค่ะ ขอบพระคุณค่ะ” -/\- เดียร์พูดพร้อมยกมือไหว้ครูเกรียงไกรทันที
.
.
.
.
ขณะที่ว่ายน้ำ หมวกว่ายน้ำที่ใส่อยู่ก็หลุดออกมา ทำให้ผมที่ไม่ได้รัดนั้นหลุดออกมาตามด้วย นั่นเลยทำให้ผมเปียกน้ำ ทุกคนในสระต่างพร้อมใจกันกรี๊ดลั่นสระ ว่ายน้ำโดยไม่ได้นัดหมายกันทันที….
✎ C. ผู้ที่ทำภารกิจได้ตามมาตรฐานทั่วไป (50%+)
C - CLASS STAMP ตราประทับระดับกลางในหมวดภารกิจทั่วไป มีลักษณะเป็นดาวสีมรกต สื่อถึงความมั่นคง มีมูลค่า +50 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้ปานกลางเป็นที่น่าพอใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+900,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
- กระดานความเห็นจากนรินทร์:
คำผิด :
กรกฏาคม - กรกฎาคม
เหตุจึงมา – เหตุใดจึงมา?
(๑ คำ)
กรกฎาคมนี่ผมเขียนผิดเองที่หัวกระทู้ อาจจะทำเดียร์เขียน
ตามไปด้วยเพราะฉะนั้นจะไม่ขอนับว่าเดียร์เขียนผิดนะครับ
ส่วนอีกอันหนึ่งก็ไม่ใช่ค่าเขียนผิด แค่ตกคำไปก็เท่านั้น
ขอชมเชยเดียร์เป็นอย่างมากเรื่องการสะกดคำ เพราะเอา
จริงๆก็ไม่ได้ผิดเลย เก่งมากครับ และรอบคอบมากเช่นกัน
ทำให้ผมอึ้งได้อีกแล้ว สมกับเป็นเดียร์จริงๆ
ครั้งนี้เดียร์เว้นวรรคค่อนข้างบ่อยนะครับ อะไรที่รวมประโยค
ได้ก็อยากให้รวมประโยคกัน อ่านคอมเม้นท์แนะนำเรื่องการ
เว้นวรรคได้ที่คอมเม้นท์ของกรนะครับ
เช่น
หลังจาก ที่ เข้าแถวเสร็จแล้ว เดียร์ก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปด้วยความเร็ว แล้วออกมาพร้อมกับผ้าถุง ที่ผอ.เตรียมไว้ในตู้
สามารถรวมประโยคได้เป็น
หลังจากที่เข้าแถวเสร็จแล้ว เดียร์ก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปด้วยความเร็ว แล้วออกมาพร้อมกับผ้าถุงที่ผอ.เตรียมไว้ในตู้
- bluebearz
Bonita Blanchett
นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5
1284
+123 M 935 K 310
PASSPORT
:
(450/2125)
:
Re: Lesson 43 : ร่ำเรียนดั่งวันวาน
Fri 15 Jul 2016, 22:12
- Spoiler:
- งืมมม…
ผมเดินเข้ามาในห้องเรียนพลางขยี้ตาไปมาเพื่อคลายความง่วง
เมื่อคืนผมอ่านหนังสือจนเพลิน ทำให้นอนไม่พอแถมยังลืมกินข้าวเช้า
ตอนนี้ก็เลยทั้งง่วง ทั้งท้องร้องปนเปกัน
ทันทีที่ทิ้งตัวลงนั่ง เดียร์ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ก็มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
ทำตาวาวเหมือนเห็นผี ก่อนจะส่งเสียงทักผมดังลั่น
“หวา! เหตุใดทรงผมของท่านถึงเป็นเช่นนั้นเล่า”
เดียร์ว่าพลางชี้มาที่ผมอันแสนยุ่งเหยิงเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน
ซึ่งมันก็จริง ผมเพิ่งจะหลับไปตื่นหนึ่งก่อนจะมาที่ห้องเรียนนี้เอง
ผมมองเธอด้วยความสงสัย ทำไมรู้สึกเหมือนคำพูดจะแปลกไปนะ…
อะ..หรือว่าเดียร์จะไม่สบายจนสมองเพี้ยนไปแล้ว ผมนึกกับ
ตัวเอง ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นผู้หญิงสองคนที่ยืนอยู่หน้าห้อง
เสียงคุยที่ลอยเข้ามาให้ได้ยิน ทำให้ผมรู้ว่าพวกเธอก็ใช้ภาษาต่างดาว
เหมือนกัน
ทุกคนเองก็สมองเพี้ยนกันไปหมดแล้วหรอ?
ผมตัดสินใจถามเดียร์ “ไม่สบายหรอครับ”
เพี้ยะ!
จู่ๆ เดียร์ก็ตีหลังมือผมเบาๆ...นี่เราพูดอะไรผิดไปหรอ?
“ท่านไม่ทราบหรืออย่างไรเจ้าคะ ว่าวันนี้เป็นวันอะไร”
หลังจากที่ฟังผมก็นึกไปถึงปฎิทินที่เคยเปิดดูตอนเช้า อืม…
“อาสาฬหบูชา?”
เพี้ยะ!
“วันนี้เป็นวันภาษาไทยต่างหากเจ้าค่ะ ฉะนั้นท่านควรจักใช้
คำไทยโบราณในการโต้ตอบกับเดียร์นะเจ้าคะ ดูยูอันเดอร์แสตนด์?”
ผมพยักหน้าหงึกหงัก ที่แท้ก็ไม่ใช่ภาษาต่างดาวอย่างที่คิด
ว่าแต่คำไทยโบราณเป็นยังไง...ผมอดนึกสงสัยไม่ได้เลยถามเดียร์
เธอก็เลยอาสาจะสอนให้ทั้งคำศัพท์ ความหมายและการใช้
“ลองเอ่ยว่า ‘จะไปไหนหรอ’ ให้เป็นคำไทยโบราณสิเจ้าคะ”
เรียนไปเรียนมาก็ชักจะไม่กล้าพูดเสียงั้น เดียร์สั่งให้ผมพูด
แต่ให้ตายเหอะ...อายมากจนไม่รู้จะทำยังไงดี//// ผมลองค้นกระเป๋า
ก็เห็นสมุดเล่มหนึ่งอยู่ในนั้น จริงสิ! ถ้าใช้ไอ้นี่ก็คงได้ใช่ไหม
‘จักไปไหนรึ’
ผมชูสมุดให้เดียร์ดู ข้อความตัวเบ้งที่ถูกจรดด้วยปลายดินสอ
ทำให้เจ้าตัวหัวเราะร่าจนผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าว อะไรกันเล่า! ก็คนมันอาย
“หากมัดจุกด้วยก็เป็นท่านพี่พีได้เลยนะเจ้าคะ เดียร์ว่าต้องมีคน
ทักผิดแน่นอนเลยเจ้าค่ะ!” เดียร์ว่า ทำเอาผมร้องอ๋อ พลางนึกขำหน่อยๆ
นอกจากมัดจุกแล้วก็ต้องเปลี่ยนวิธีการเดินด้วยสินะ
เฮ้ย! จะทำอะไรน่ะ!
ผมสะดุ้งทันทีที่เดียร์เขยิบเข้ามาใกล้จนแทบชิด ในมือของเธอ
มีหนังยางสองเส้นที่ไม่รู้ว่าไปเอามาตอนไหน อย่าบอกนะว่าเธอจะมัดจุก
ให้ผมจริงๆ !!
“อยู่นิ่งๆ สิเจ้าคะ!” เดียร์ว่าพร้อมกับจับผมไว้แน่นดิ้นไม่หลุด
ผมมองเธอตอบ พลางนึกในใจว่าทำไมต้องเป็นผม ทั้งที่คนผมสีน้ำตาล
เหมือนพี่พีก็มีตั้งเยอะแยะ! แล้วก็ไม่ได้ตั้งใจจะใช้สมุดเขียนเหมือนเขา
สักหน่อย แค่อายจนไม่กล้าใช้เสียงพูดแค่นั้นเอง
สุดท้ายก็กลายเป็นพี่พีสองไปแล้ว…
‘......’
เดียร์มองผลงานชิ้นโบว์แดง(?)พลางยิ้มอย่างเริงร่า นึกสนุก
ที่เห็นผมเป็นตุ๊กตาที่จะจับไปแต่งตัวอะไรก็ได้ตามใจเธอ แถมยังมีการ
สั่งอีกว่าไม่ให้ผมถอดมันออก ไม่งั้นตาย...
ครืด!
ผมหันไปมองทางประตูห้องเรียนที่เปิดออกด้วยมือของอาจารย์
ก่อนที่ชั่วโมงเรียนจะเริ่มต้นขึ้น โดยทั้งหมดกลายเป็นคำไทยโบราณ
ซึ่งผมไม่งงเหมือนตอนแรกแล้ว
อาจารย์สั่งให้ทุกคนจับคู่คละชายหญิงเพื่อออกมาแสดงละครเวที
เกี่ยวกับวรรณคดีไทยของสุนทรภู่อย่างน้อยหนึ่งเรื่อง ไม่รู้ว่าเป็นโชค
ชะตาหรือความบังเอิญที่อาจารย์จับผมกับเดียร์คู่กัน ใจหนึ่งก็โล่งอยู่
หรอกที่จะได้คุยง่ายหน่อย แต่อีกใจก็ระแวง กลัวว่าเธอจะทำอะไร
ผมอีกหรือเปล่า…
เดียร์บอกว่าจะเล่นเรื่อง ‘พระอภัยมณีตอนหนีนางผีเสื้อสมุทร’
และจะให้ด้นสดเลย โดยเธอรับบทพระอภัยมณีและผมเป็นนางผีเสื้อ
สมุทร เพราะอะไรผมก็ไม่เข้าใจความคิดเดียร์เหมือนกัน- -
เมื่อถึงเวลาแสดง การแสดงของแต่ละคู่ก็ผ่านไปเรื่อยๆ มีเรื่องมาก
มายอย่างขุนช้างขุนแผน อิเหนาหรือไม่ก็นิราศภูเขาทอง ผมรู้สึกว่ายิ่ง
ดูก็ยิ่งถูกกดดันจนกังวลว่าจะทำได้หรือเปล่า เดียร์ก็อาจเป็นแบบนั้น
จนกระทั่งมาถึงการแสดงของพวกเรา…
ผมให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะออกไปหน้าห้องพร้อมกับเดียร์- Spoiler:
หลังจากการแสดงจบลง พวกเราก็ถูกปล่อยให้ออกไปชมงานได้
ในขณะที่ผมกำลังเก็บข้าวของใส่กระเป๋า เสียงของเดียร์ก็เรียกชื่อผม
พอหันไปมอง เธอก็เข้ามาคว้ามือของผมแล้วเดินออกจากห้องไปด้วยกัน
“ท่านพี่พีต้องไม่มีไม้ค้ำสิ ใช่หรือไม่เจ้าคะ” เดียร์หันมาถาม
ยังไม่ล้มเลิกอีกหรอ...ผมได้แต่นึกในใจ แต่ก็ยอมให้เดียร์ลาก
ไปไหนได้ตามใจ จนกระทั่งเห็นไทระเดินเข้ามาทักทาย
เขายกมือไหว้ “จักไปไหนหรือขอรับ ท่านพี่เดียร์ ท่านพี่พี”
เอ๊ะ...เดียร์กับผมมองหน้ากัน ก่อนจะหลุดอมยิ้มออกมา…
ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีคนเข้าใจผิดอย่างที่เดียร์ทำนายไว้ด้วย
พอเดียร์เฉลยว่าเป็นผม ไทระก็ทำหน้าเหวอทันที
“หวา! แต่จักว่าคล้ายก็คล้ายอยู่นะขอรับ”
“ใช่หรือไม่ล่ะเจ้าคะ ผมงานชิ้นเอกของเดียร์เลยนะ!” เดียร์เริ่มโม้
จ้อก…
ท้องร้องซะแล้วสิ...ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย
“งั้นไปหาอะไรทานกันเถิดขอรับ ดูท่าท่านพี่สุภะจักหิวแล้ว”
หลังจากไทระชวน เดียร์ก็ไม่รีรอรีบลากผมไปตรงซุ้มอาหารทันที
เป็นซุ้มขนมไทยที่มีสีสันชวนน่ากิน ผมคว้าจานกับส้อมมาถือไว้
ในขณะที่กำลังเลือกว่าจะเอาขนมชิ้นไหนดี ก็มีจิ้งจกตัวหนึ่งกระโดด
เข้ามากลางโต๊ะ เรียกเสียงกรีดร้องจากผู้หญิงเป็นแถว
ผมชะงัก ได้ยินเสียงของเดียร์แทรกขึ้น
“หวา! เหตุใดแลงก้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” เดียร์คว้าเจ้าจิ้งจกน้อย
มาลูบหัวอย่างเอ็นดู นี่น่ะหรอแลงก้าที่ว่าของเธอ “คงจักหิวล่ะสิท่า
มากินทองหยอดของเดียร์เร็ว”
ผมมองเดียร์ที่กำลังป้อนทองหยอดชิ้นน้อยให้แลงก้าเคี้ยว
เพิ่งรู้ว่าจิ้งจกก็กินทองหยอดเป็น แถมยังกินจุด้วย…
แต่วันนี้ก็เป็นวันสนุกอีกวัน ยังได้เรียนรู้การใช้คำไทยโบราณ
การฝึกพูด(ถึงใช้เขียนแทนก็เถอะ) การแสดงละครก็ผ่านไปด้วยดี
จริงสิ! ได้เห็นแลงก้าตัวเป็นๆ
ไม่คิดเลยว่าวันอาสาฬห… เอ๊ย! วันภาษาไทยจะมีแบบนี้ด้วย
✎ ผู้ที่ทำภารกิจได้เพอร์เฟ็คสูงกว่ามาตรฐานมาก (100%)
S - CLASS STAMP ตราประทับระดับสูงสุดในหมวดภารกิจทั่วไป มีลักษณะเป็นดาวสีนิลสุดแสนจะคลาสสิก มีมูลค่า +100 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้เพอร์เฟ็คเป็นที่น่าประทับใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+1,500,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
- กระดานความเห็นจากนรินทร์:
- คำผิด :
หรอ – เหรอ
ปฎิทิน – ปฏิทิน ( ใช้ ฏ ปฏัก )
ตัวเบ้ง – ตัวเป้ง
ผมงาน – ผลงาน
(๔ คำ)
ใช่แล้น นี่เห็นแต่ไม่ได้นับเป็นคำผิดนะครับ เข้าใจ
ว่าตั้งใจเล่นมุก
ชอบงานเขียนรอบนี้ของสุภะครับ รู้สึกสดใสน่ารักดี
ปกติภารกิจสุภะจะค่อนข้างติดโทนเทาๆหมองๆอยู่บ้าง
พอมาได้อ่านอะไรน่ารักๆฝีมือคุณบ้างเลยรู้สึกสดชื่น
เป็นพิเศษ ตัวละครเริ่มมีพัฒนาการด้านสังคม เริ่มมี
เพื่อน มีเรื่องสนุกสนานที่ทำกับเพื่อนๆ จริงๆคุณก็
แต่งคอมมาดี้รุ่งอยู่นะครับ อ่านแล้วก็ยิ้มตามไป
สุภะเองสามารถคอมมาดี้ได้ทั้งๆที่หน้านิ่งๆ
บุคลิกเงียบๆโดยที่ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบุคลิก
ของเขาเลยนะครับ นี่ถือเป็นการเริ่มต้นทีดีเลย
รูปรอบนี้มาเป็น comic ผสมภาพเต็มตัวของสุภะกับ
เดียร์ซึ่งออกแบบการจัดวางออกมาได้น่าสนใจมาก
เดียร์ใส่ชุดไทยแล้วเหมือนคุณครูเลยครับ ส่วนสุภะ
ก็เหมือนพีจูเนียร์จริงๆ ราวกับมีพี่พีเป็นไอดอล(หัวเราะ)
ปล. อิเหนาไม่ได้เขียนโดยสุนทรภู่แต่เขียนโดย ร.๒
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|