- EURChairman's Club
Elite Urban Royle
ผู้อำนวยการฝ่ายปกครอง
4704
+3,157 M 223 K
PASSPORT
:
(142575/181250)
:
[ Quest 21 ] : เรื่องราวของรักแรก
เรื่องราวของรักแรก
ระยะเวลาสิ้นสุดภารกิจ
MONDAY, 28 FEB 2022 ; 23.59 TH
เนื้อเรื่องภารกิจหลัก
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ก่อนจะเปิดเรียนอย่างเป็นทางการ ขณะนี้เริ่มมี นักเรียน อาจารย์ และ บุคลากร เริ่มกลับเข้ามาในเขตบริเวณโรงเรียนเพื่อเตรียมพร้อมการเปิดเทอมใหม่ในเดือนมีนาคม ระหว่างในช่วงนี้ซึ่งเป็นเดือนแห่งความรัก ทางโรงเรียนเลยมีการติดตั้ง "บอร์ดแห่งความรัก" เอาไว้บริเวณหน้าทางเข้าอาคารเรียน เพื่อให้ผู้ที่สนใจเขียน "ประสบการณ์รักแรก" แปะไว้บนบอร์ดให้ผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมาได้อ่านกันโดยที่ไม่ระบุตัวตนผู้เขียน
ไม่น่าเชื่อว่าบอร์ดแห่งความรักนี้จะได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทำให้หลายคนเขียนเล่าประสบการณ์ "เรื่องราวของรักแรก" มาผลัดกันให้เพื่อนสนิทอ่าน เลยยิ่งทำให้เดือนเทศกาลแห่งความรักนี้ยิ่งมี ความสุข ความเศร้า ความเหงา มากยิ่งไปกว่าเดิมเสียอีก
รายละเอียดภารกิจหลัก
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
[ ภารกิจเขียนบรรยาย ]
เขียนบรรยาย "เรื่องราวของรักแรก" ของตัวละครของคุณ โดยสามารถใช้ได้ทั้งตัวละครหลักและเสริม โดยถ่ายทอดประสบการณ์ความรักแบบ Puppy Love ใส ๆ ในวัยเรียนที่เคยผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการ แอบรักข้างเดียว การผิดหวัง หรือแม้แต่ การสมหวัง ก็ตาม สามารถเขียนได้อย่างอิสระตามเรื่องราวที่ตัวละครของคุณเคยพบเจอมา โดยมีเงื่อนไขดังนี้
1. มีตัวละครหลักหรือตัวละครเสริมของตนเองอยู่ในเรื่องราว
2. มีตัวอักษรในบทความไม่ต่ำกว่า 7,500 ตัวอักษร
3. อนุญาตให้มีคำสะกดผิดได้ไม่เกิน 5 คำเท่านั้น
4. เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ "รักแรก" ของตัวละครคุณ
Bonus Collector
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
สะสมปัจจุบัน : 200 / 500
Bonus Collector ครบ 100%
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
- คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดรางวัล:
+5 MAGIC SCROLL
ม้วนคัมภีร์ของผู้อำนวยการโรงเรียนที่จะมอบให้กับนักเรียนหรืออาจารย์ที่สูญเสียเครดิต (CREDIT) ไป เมื่อใช้งานแล้วจะทำให้ค่าเครดิตเพิ่มขึ้นจากเดิม จำนวน +1 Credit ทันทีCHOCO BISCUIT (WHITE)
ขนมบิสกิตไวท์ช็อคโกแลตผสมกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ที่ทำขึ้นให้กับคนที่แอบชอบ+10 STAR PIECE
ชิ้นส่วนดวงดาวที่ใช้สะสมรวมกันในขวดโหล สามารถนำไปแลกเป็นของรางวัลพิเศษมากมายกับทางโรงเรียนได้DRUBBISH
สุนัขพันธุ์ขนยาวที่มีร่างกายสีชมพูน่ารัก แต่มักมีนิสัยชอบวางยาพิษเจ้าของที่เลี้ยงมัน ทำให้ถูกขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ต้องห้าม+500,000 CHIPS
เหรียญตราที่ใช้ในการชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดภายในโรงเรียนหรือการร่วมกิจกรรมพิเศษที่ทางโรงเรียนและบริษัทสปอนเซอร์จัดขึ้น
ผู้ส่งภารกิจทุกคน
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
QUAINT QUEST STAMP
ตราประทับที่มอบให้สำหรับผู้ที่ปฎิบัติภารกิจหลักได้ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อเป็นเกียรติยศแสดงถึงความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมายอย่างสำเร็จลุล่วง เมื่อถูกประทับแล้วจะทำให้ได้ค่าประสบการณ์ +100 Grade Exp. โดยอัตโนมัติ
+10 STAR PIECE
ชิ้นส่วนดวงดาวที่ใช้สะสมรวมกันในขวดโหล สามารถนำไปแลกเป็นของรางวัลพิเศษมากมายกับทางโรงเรียนได้
+500,000 CHIPS
เหรียญตราที่ใช้ในการชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดภายในโรงเรียนหรือการร่วมกิจกรรมพิเศษที่ทางโรงเรียนและบริษัทสปอนเซอร์จัดขึ้น
Date of broadcast :
01 FEB 2022 ; 10.00 TH
- pangkawjoaประธานนักเรียน
Taira Payakaroon
อาจารย์ภาษาไทย
3306
+611 M 422 K 265
PASSPORT
:
(2580/21000)
:
Re: [ Quest 21 ] : เรื่องราวของรักแรก
รอบนี้เขียนพาร์ทของเพลิงครับ
ฝากเอ็นดูพี่เพลิงด้วยนะคร้าบ~
- เรื่องราวของรักแรก:
“การบ้านหัวข้อเรียงความคราวนี้คือ ‘เรื่องราวของรักแรก’ กำหนดส่งงานคือวันจันทร์หน้านะครับ”
นี่คือหัวข้อการบ้านวิชาภาษาไทยที่อาจารย์ไทระสั่งมา คงเพราะช่วงนี้มีการติด ‘บอร์ดแห่งความรัก’ ไว้ที่ทางเข้าอาคารเพื่อให้บอกเล่าประสบการณ์ความรักแน่ๆ ถึงได้ให้เขียนหัวข้อนี้
“เพลิง จะเขียนถึงใครเหรอ”
‘ฮ่องเต้’ คนที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและรูมเมทของผม สะกิดถาม
“ยังไม่รู้เลยครับ ผมไม่เคยแอบชอบใครเลย” ผมตอบไปตามตรง
“ไม่เคยเลยสักครั้ง?”
“ครับ...”
“งั้นเขียนถึงเราไหม!” ฮ่องเต้โพล่งขึ้นมาพลางทำตาลุกวาว “เพลิงจะได้มีเรื่องให้เขียนไง!”
“เอ่อ...”
“เอาไหม!”
“...”
พอเห็นผมทำท่าทางเลิ่กลั่กไปต่อไม่ถูก ฮ่องเต้ก็ยิ้มเจื่อน “อา...คงไม่อยากเขียนถึงเราเพราะเราเป็นผู้ชายสินะ”
“ไม่ใช่นะครับ!” ผมรีบปฏิเสธเพื่อนทันที “ไม่ว่าจะเพศไหน ถ้าผมรักก็คือรักครับ แต่แค่ว่าผมไม่ได้คิดกับฮ่องเต้ในเชิงนั้น เลยคิดว่าคงเขียนไม่ถูก...”
ผมไม่รู้จะพูดยังไงให้เพื่อนรู้สึกดีขึ้น เลยได้แต่ทำท่าทางกังวลจนฮ่องเต้หลุดขำออกมาเบาๆ
“ฮ่ะๆ ทำหน้าเครียดเชียว เราล้อเล่นน่า”
“...”
“เรารู้น่าว่าเพลิงไม่ได้คิดกับเราแบบนั้น...”
ทำไมผมรู้สึกว่าเสียงของฮ่องเต้ฟังดูเศร้าๆ นะ...
“เอ่อ...แล้วฮ่องเต้จะเขียนถึงใครเหรอครับ” ผมพยายามหาเรื่องคุยเพราะไม่อยากให้อึดอัดกันอยู่แบบนี้
พอได้ยินคำถาม ฮ่องเต้ก็ยิ่งมองตรงมาที่ผม บรรยากาศระหว่างเราสองคนแปลกชอบกลแต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้
“ฮ่องเต้ครับ?” ผมเรียกเพื่อน
“เฮ้อ~ คงอีกนานกว่าจะรู้มั้ง”
“?”
“ไม่มีอะไร ช่างเถอะ” ฮ่องเต้ปรับสีหน้ามาเป็นปกติแล้วส่งยิ้มมีเลศนัยมาให้ “เรามีคนที่จะเขียนถึงอยู่แล้วน่ะ”
“ใครเหรอครับ”
ฮ่องเต้ไม่ยอมบอกทันทีแต่กวักมือส่งสัญญาณว่าให้ผมเอียงหูเข้าไปใกล้ และคำตอบที่ได้รับก็คือ...
“ความลับ”
“...”
เสียงกระซิบของฮ่องเต้ทำให้ผมค้างอยู่หลายวินาทีก่อนจะเอี้ยวตัวกลับ เอาเถอะ ถ้าเพื่อนไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าฮ่องเต้มีคนที่อยากเขียนถึง ก็แปลว่าอาจจะเคยหรือกำลังชอบใครอยู่ งั้นเขาก็คงรู้สินะว่าความรักเป็นยังไง
“ฮ่องเต้ครับ” ผมเรียกเพื่อนอีกครั้ง “แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่ารักใครอยู่เหรอครับ”
คำถามของผมทำให้ฮ่องเต้นั่งกอดอกแล้วครุ่นคิดพยายามกลั่นกรองคำพูดออกมา
“อืมมม จะบอกยังไงดีนะ”
“...”
“ก็ประมาณว่าเวลาอยู่กับคนนั้นแล้วสบายใจ เป็นห่วงคอยกังวลว่าคนนั้นทำอะไรอยู่” ฮ่องเต้ทำท่าคิดอีก แล้วค่อยบอกเพิ่ม “เวลาอยู่ด้วยกันสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ ยอมรับทั้งข้อดีและข้อเสียของอีกฝ่ายได้ เข้าใจในตัวตนของคนคนนั้น”
“...”
“และก็อยากให้อีกฝ่ายเข้าใจตัวเรา ยอมรับในตัวตนของเรา”
“...”
“อยากอยู่ใกล้ๆ กัน อยู่ด้วยแล้วมีความสุข มักจะมองว่าอีกฝ่ายน่ารักหรือทำอะไรก็ดีไปหมด อืม...อะไรอีกนะ” ฮ่องเต้เปลี่ยนท่าไปเป็นเอานิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ ราวกับกำลังใช้จังหวะเคาะเป็นทำนองสำหรับเค้นความคิด “เวลาทะเลาะหรืองอนกัน เราก็อยากจะยอมให้ทุกอย่างเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเสียใจ”
“...”
“แล้วก็จะรู้สึกแปล๊บปลาบที่หน้าอก จั๊กจี้หัวใจเวลามีโมเม้นท์กัน”
“...”
“แต่ก็มีช่วงที่รู้สึกหึงหวงด้วยนะ บางทีก็อยากเก็บเขาไว้คนเดียว ไม่อยากให้ใครเห็น”
“สตอล์กเกอร์เหรอครับ...”
“ไม่ใช่น้า~”
“ก็เห็นบอกว่าอยากเก็บไว้คนเดียว ผมเลยนึกไปถึงลักพาตัว...”
“ไม่ถึงขั้นนั้นน่า...” ฮ่องเต้หลุดขำคิกคักแต่ก็ค่อยๆ หยุดขำแล้วพึมพำกับตัวเอง “แต่ก็มีคนที่ถึงขั้นนั้นนี่นา...”
“?”
“อ่า ช่างเถอะๆ เอาเป็นว่าเวลามีความรักก็จะประมาณนั้นแหละนะ”
“ครับ...”
“แล้วตกลงว่าเคยรู้สึกแบบนั้นกับใครไหม”
“...”
“หืม?”
ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ทำเพียงแค่ยิ้มเจื่อนๆ เท่านั้น เพราะก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเคยรู้สึกแบบนั้นกับใครไหม และเรียงความนี้ผมจะเขียนถึงใครดี?++++++++++++++++++++++++++++++
สองสามวันต่อมา ณ ห้องสภานักเรียน
ภายในห้องนี้ประกอบไปด้วยประธานนักเรียน รองประธานนักเรียน และสมาชิกอีกสองคน ซึ่งเกือบทุกคนกำลังทำสีหน้าเคร่งเครียดไม่ต่างกัน แถมเครียดเรื่องเดียวกันอีกต่างหาก
“ได้การบ้านเรียงความภาษาไทยเป็นหัวข้อ ‘เรื่องราวของรักแรก’ กันไหม” สมาชิกหมายเลขหนึ่งถามขึ้น และทุกคนต่างพยักหน้ารับ “เป็นการบ้านที่ยากสุดๆ ของคนที่ไม่เคยมีแฟนอย่างฉันเลย”
“แต่อาจารย์บอกว่าจะเขียนเรื่องที่แอบรักก็ได้ไม่ใช่เหรอ” ส่วนนี่เป็นเสียงของรองประธาน
“ก็ใช่ แต่ฉันจะเขียนได้ยังไง ก็ดันไปแอบชอบเพื่อนผู้หญิงในห้องแล้วเธอก็มีแฟนแล้วน่ะสิ”
“...”
“เขียนไปได้รู้แน่ๆ ว่าคนเขียนคือฉัน” แล้วสมาชิกหมายเลขหนึ่งก็เอามือปิดหน้าทำท่าเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็ไม่ได้ร้องจริงหรอก เพราะไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็หันมาหาผม “แล้วพี่เพลิงล่ะครับ~ มีคนจะเขียนถึงหรือยังครับ~”
“เอ่อ...ยังครับ...”
“จริงเหรอ!”
“ครับ...”
จากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบเพราะทุกคนเอาแต่จ้องหน้าผมแล้วทำสีหน้าฉงน และก็เป็นสมาชิกหมายเลขหนึ่งคนเดิมที่ถามขึ้นมาอีก
“นี่พี่เพลิงไม่รู้ตัวเหรอครับ?”
“รู้ตัว?” ผมเอียงคอพลางทวนคำ “รู้ตัวอะไรเหรอครับ”
เขามองหน้าผมนิ่งก่อนจะยิ้มออกมาราวกับกำลังเอ็นดูผม เอ่อ...นี่ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า ทำไมปฏิกิริยาคนรอบข้างถึงเป็นแบบนี้กันหมดเลยล่ะ?
คงจะเห็นผมงงไม่เลิกสักที สมาชิกหมายเลขสองเลยพูดขึ้นมาบ้าง “พี่เพลิงไม่รู้ตัวเลยเหรอคะ ว่าตัวเองชอบใครอยู่”
“ผม?” ผมชี้ตัวเอง “มีคนที่ชอบด้วยเหรอ?”
ถ้าหากนี่เป็นบทสนทนาที่คุยกับคนไม่สนิท ผมคงไม่ย้อนถาม แต่นี่เป็นคนสนิทในสภานักเรียนที่ทำงานด้วยกันมานาน ผมเลยกล้าพอที่จะเปิดใจถาม
“มีสิครับ!”
“มีสิคะ!”
สมาชิกหมายเลขหนึ่งและสมาชิกหมายเลขสองโพล่งขึ้นมาพร้อมกัน ส่วนรองประธานก็ได้แต่มองพวกเราอย่างปลงตก แต่ก็เหมือนว่ารองประธานจะรู้เหมือนกันว่าผมมีคนที่ชอบอยู่
นี่รู้กันหมด ยกเว้นผมเหรอ?
“ใครเหรอครับ...”
ครืด~
คำถามของผมถูกกลืนไปกับเสียงเปิดประตู พร้อมกับเสียงใสๆ ของผู้เปิด
“ขอโทษนะคะที่ษรมาช้า พอดีชั่วโมงเรียนเลิกช้า” ษรเดินไปนั่งประจำที่ตัวเอง
'อักษร' เองก็เป็นสมาชิกสภานักเรียนเช่นกัน
“งานวันนี้...เอ่อ...อะไรเหรอคะ?” ษรที่กำลังจะถามเรื่องงานเป็นอันต้องเปลี่ยนเรื่อง เมื่อรู้สึกถึงกระแสสายตาที่มองไปทางตัวเอง ษรเอียงคอเล็กน้อยทำท่าสงสัย
...น่ารักจัง...
‘มักจะมองว่าอีกฝ่ายน่ารักหรือทำอะไรก็ดีไปหมด’
อยู่ๆ คำพูดของฮ่องเต้ก็แวบเข้ามาในหัว ผมชะงักกับตัวเองไปเสี้ยววินาทีก่อนจะเหลือบไปมองษรอีกรอบ อา...น้องทำท่าน่ารักจริงๆ นี่นา แล้วทำไมผมต้องคิดถึงคำพูดนั้นด้วยนะ สงสัยผมจะไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่...
“แล้วสรุปว่ามีเรื่องอะไรกันเหรอคะ”
ษรลองถามอีกรอบแต่สิ่งที่ได้รับก็ยังมีเพียงรอยยิ้มเอ็นดูจากทุกคนเหมือนเดิม จากนั้นรองประธานคงกลัวษรคิดมากเขาเลยพูดขึ้นมา
“ก็ไม่มีอะไรหรอก เมื่อกี้พวกเราคุยกันเรื่องการบ้านภาษาไทยที่ให้เขียนเรียงความหัวข้อ ‘เรื่องราวของรักแรก’ น่ะ” รองประธานพูดไปพลางเดินไปเก็บเอกสารที่ตู้ก่อนจะไปนั่งลงข้างๆ ษร “ษรก็ได้การบ้านเรียงความหัวข้อนี้ใช่ไหม”
ษรพยักหน้ารับหงึกหงัก
“งั้นพี่ถามหน่อยได้ไหม ว่าษรจะเขียนถึงใคร”
ผมแน่ใจมากๆ ว่ารองประธานถามคำถามนั้นกับษร แต่ทำไมถึงหันมาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผมล่ะ? แต่ผมก็ไม่ได้สนใจรอยยิ้มนั่นเท่าไหร่หรอก เพราะสิ่งที่ผมสนใจมากที่สุดตอนนี้คือษรจะตอบว่ายังไงต่างหาก
คำถามของรองประธานทำให้ษรนิ่งไปเลย ไม่รู้ว่าษรไม่รู้จะตอบยังไงหรือว่ามีคนในใจแล้วแต่ไม่กล้าบอกกันแน่ พอคิดว่าถ้าเป็นอย่างหลัง ทำไมผมถึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมากัน
ผมไม่ใช่คนขี้หงุดหงิดสักหน่อย...
‘แต่ก็มีช่วงที่รู้สึกหึงหวงด้วยนะ’
อีกแล้ว...คำพูดของฮ่องเต้แวบเข้ามาในหัวอีกแล้ว หรือที่ผมหงุดหงิดเพราะผมหึงเหรอ?
ผมขมวดคิ้วมุ่นและกำลังสับสนกับตัวเองเลยไม่ทันได้ฟังว่าษรตอบว่ายังไง กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ษรเดินมาหาที่โต๊ะแล้ว
“พี่เพลิงคะ?”
“หะ!? ครับๆ”
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ เรียกตั้งนานแต่ไม่ตอบเลย”
“เอ่อ...คือผมเผลอคิดเรื่อยเปื่อยไปหน่อยครับ ขอโทษครับ” รู้สึกไม่ดีเลยแฮะที่ทำเหมือนเมินษรแบบนี้
‘อยากจะยอมให้ทุกอย่างเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเสียใจ’
อีกแล้วนะครับ! เสียงของฮ่องเต้แวบเข้ามาอีกแล้ว! พอได้แล้วครับฮ่องเต้!
ผมได้แต่ถกเถียงกับเสียงของฮ่องเต้อยู่ภายในภวังค์ของตัวเอง พอรู้สึกตัวก็รีบสลัดความคิดทิ้งแล้วหันไปหาษร “ว่าแต่เรียกผมนี่มีอะไรเหรอครับ”
“ค่ะ คือเราต้องไปติดประกาศโปรโมทกิจกรรมสำหรับเดือนหน้าค่ะ”
“เดือนหน้า...กิจกรรม ‘เกมเศรษฐีมีจน’ ใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ แต่ทุกคนติดงานกัน พี่รองประธานเลยบอกให้ษรไปช่วยกันติดกับพี่เพลิงค่ะ”
ขวับ!
ผมหันไปมองรองประธานนักเรียนและสมาชิกหมายเลขหนึ่งกับหมายเลขสองทันที ไหนครับ...ไหนเหรอครับที่บอกว่าติดงาน ที่เห็นก็ว่างกันทุกคนนะ แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ยังส่งสายตาว่า ‘จงไปกับษรซะ’ อยู่ดี
สรุปใครเป็นประธานนักเรียนกันแน่นะ...
แต่เอาเถอะ ยังไงผมก็อยากไปกับษรอยู่แล้ว
‘อยากอยู่ใกล้ๆ กัน อยู่ด้วยแล้วมีความสุข’
เสียงฮ่องเต้แวบเข้ามาให้หัวอีกแล้ว เอาเลยครับ...แวบเข้ามาให้พอใจเลยครับ ผมจะไม่ต่อต้านแล้ว...
“งั้นไปกันเถอะครับ”
ผมลุกขึ้นแล้วไปหยิบปึกกระดาษที่ษรถืออยู่มาถือไว้เอง จากนั้นก็ยื่นมือข้างที่ว่างไปหาษร
“ขอมือได้ไหมครับ”
“มือเหรอคะ?”
“ครับ ก็จับกันไว้ษรจะได้เดินไม่ลำบาก...อ๊ะ!” ผมชะงักคำตัวเองทันที ถึงจะเป็นห่วงยังไงก็ไม่ควรทำเหมือนษรอ่อนแอจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้นะ ษรอาจจะไม่ชอบก็ได้ “เอ่อ...ถ้าไม่โอเค ก็ไม่เป็นไรครับ ขอโทษครับ...”
ตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองมีหูหมาทิพย์กับทางหมาทิพย์ชอบกล แล้วทั้งหูทั้งหางก็กำลังตกลงด้วยความเหงาหงอยเลยแฮะ
“คิกๆๆ”
ผมได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กผู้หญิงตรงหน้าเลยหันไปมองหน้าเธอตรงๆ ก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มสดใสอยู่
“ษรไม่ได้ไม่โอเคขนาดนั้นหรอกค่ะ พี่เพลิงอย่าเศร้าไปเลยนะคะ”
“เอ่อ...ครับ”
“เอาเป็นว่าถ้าเจอทางที่เดินลำบาก พี่เพลิงช่วยจับมือษรหน่อยนะคะ”
“ครับ ได้ครับ” ผมส่งยิ้มไปให้ และษรก็ยิ้มตอบกลับมา รอยยิ้มของษรน่ารักมากจริงๆ นะ ถ้าใครมาเห็นจะต้องชอบษรแน่ๆ แต่อีกใจผมก็ไม่อยากให้ใครเห็นรอยยิ้มนี้เลย ผมอยากเก็บไว้เป็นรอยยิ้มสำหรับผมคนเดียว
‘บางทีก็อยากเก็บเขาไว้คนเดียว ไม่อยากให้ใครเห็น’
ครับ...คำพูดของฮ่องเต้แวบเข้ามาอีกแล้วครับ ถ้าจะแวบเข้ามาขนาดนี้ หรือว่าผมคิดกับษรแบบนั้นเหรอ นี่ผม...ชอบษรเหรอ?
“ถ้างั้นเราไปกันเลยไหมคะ” เสียงของษรทำให้ผมหลุดจากห้วงความคิด
“ครับ ไปกันเลยครับ”
แล้วผมกับษรก็เดินออกมาจากห้องสภานักเรียนด้วยกัน แต่ก็ไม่วายสัมผัสได้ถึงรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของรองประธานนักเรียนกับพวกสมาชิกที่ส่งไล่หลังมา++++++++++++++++++++++++++++++
เวลาผ่านไปสักพัก ระหว่างที่กำลังติดประกาศ
นี่คงจะเป็นแผ่นสุดท้ายที่จะติดแล้ว ษรตั้งใจทำงานมากๆ ไม่ว่าจะตอนยิ้มหรือตอนจริงจังก็น่ารักมากๆ เลย ระหว่างที่ทำงานด้วยกันผมก็มักจะแอบมองษรเป็นระยะๆ
ผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูนะ เพียงแต่พอรู้สึกตัวอีกทีสายตาก็มองไปที่ษรแล้ว หรือว่าผมจะชอบษรจริงๆ นะ...
“เสร็จแล้วค่ะ” เสียงของษรทำให้ผมได้สติอีกรอบ “งั้นเรากลับห้องสภากันเลยไหมคะ”
“...”
“พี่เพลิง?”
ผม...ชอบษรจริงๆ หรือเปล่านะ ผมคิดในใจก่อนจะมองตรงไปที่คนข้างหน้า
“ษรครับ” ลองพิสูจน์ดูอีกสักหน่อยแล้วกัน “คือผม...”
“?”
“...คือ...” ทำไมถึงพูดยากแบบนี้นะ “เอ่อ...”
“???”
“คือ...ผมขอจับมือษรหน่อยได้ไหมครับ...”
เสียงของผมค่อยๆ เบาลงจนไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะได้ยินไหม แต่สุดท้ายแล้วเธอคงได้ยินเพราะษรยื่นมือมาให้
“ขะ...ขอบคุณครับ” ผมเอ่ยเสียงเบาพลางรู้สึกวูบวาบไปหมด ผมค่อยๆ ยกมือตัวเองไปสัมผัสกับมือเล็กๆ ของษร
ตึกตัก!!!
‘จะรู้สึกแปล๊บปลาบที่หน้าอก จั๊กจี้หัวใจ’
...คำพูดของฮ่องเต้แวบเข้ามาในหัวอีกครั้ง...
แค่จับมือก็รู้สึกหัวใจส่งเสียงแปลกๆ และจั๊กจี้มากๆ ก็เคยได้จับมือษรมาบ้างตอนที่จำเป็นต้องช่วยเวลาษรเดินลำบาก เลยทำให้ไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของตัวเองมากนัก แต่ตอนนี้ผมจับเพราะอยากจับ จับเพราะอยากรู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไง
และคำตอบที่ได้ก็คือ ‘ไม่อยากปล่อยมือเลย’
ผมคงจะ...จริงๆ สินะ
ผมยังคงกุมมือษรไว้แล้วส่งยิ้มที่คิดว่าเป็นยิ้มดีที่สุดไปให้ พร้อมกับกลั่นกรองคำพูดออกมา
“ษรครับ”
“ค่ะ” ษรขานรับและยังคงส่งยิ้มมาให้เช่นเคย
“ผมขอเขียนเรียงความถึงษรนะครับ”
“...”
“ไม่สิ ผมจะเขียนครับ ผมจะเขียนถึงษรครับ”
และนี่เป็นสิ่งที่ผมได้บอกษร และตั้งใจจะนำความรู้สึกที่ได้รับรู้วันนี้มาเขียนลงในเรียงความหัวข้อ ‘เรื่องราวของรักแรก’- จำนวนตัวอักษรครับ:
Signature ------------------------------------------------>
初めまして、どうぞよろしくお願いします。
- bluebearz
Bonita Blanchett
นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5
1311
+128 M 935 K 310
PASSPORT
:
(550/2125)
:
Re: [ Quest 21 ] : เรื่องราวของรักแรก
- ใครกันนะ:
“ลูกพีชช่วยไปห้องชมรมศิลปะกับขิงหน่อยได้ไหม?”
นั่นคือประโยคขอร้องที่ลูกหมีได้ยินหลังจากรูมเมทของเธอวิ่งท่าทางกระหืดกระหอบเข้ามาภายในห้องพัก พร้อมกระแทกลังกระดาษใบใหญ่สีน้ำตาลสองใบลงบนพื้นหน้าห้อง ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง มิวายยังส่งสายตาอ้อนวอนให้ลูกหมีเพื่อแสดงความน่าสงสาร
ลูกหมีไม่ได้ตอบอะไรแล้ววางส้อมที่กำลังจะตักของหวานลงบนจานดังเดิม เมื่อเธอเดินเข้าไปสำรวจกล่องลังใบใหญ่ที่อีกฝ่ายแบกมาก็พบว่าพื้นที่ข้างในประมาณสามในสี่เต็มไปด้วยของจุกจิกอย่างอุปกรณ์วาดภาพ เช่น จานสี พู่กัน สีโปสเตอร์ แถมมันยังดูใหม่ราวกับเพิ่งสอยมาไม่นานอีกด้วย
"ของพวกนี้...ของคุณน้ำขิงหมดเลยเหรอ?" ลูกหมีถามพลางเงยหน้ามองน้ำขิงที่ส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบ
"ของรุ่นพี่ในชมรมขิงต่างหาก ใกล้เปิดเทอมแล้วพวกรุ่นพี่เขาอยากจัดห้องชมรมใหม่ เลยโละพวกอุปกรณ์ที่เก่าและชำรุดทิ้งแล้วซื้ออันใหม่มาแทนน่ะ"
“พ-เพราะงั้นคุณน้ำขิงเลยต้องเอาของพวกนี้ไปห้องศิลปะเองเหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ”
"ล-แล้วรุ่นพี่เขาไม่มาช่วยเหรอคะ?"
"พี่เขากำลังหัวหมุนกับการทำบิ๊กคลีนนิ่งกับออกแบบห้องชมรมใหม่เลยไม่ว่างอ่ะ ขิงที่ว่างอยู่คนเดียวเลยโดนใช้งาน แต่ให้แบกคนเดียวสองกล่องก็ไม่ไหวขิงเลยต้องหอบมาขอให้ลูกพีชช่วยเนี่ยแหละ”
"อ๋อ…"
“ลูกพีชช่วยขิงหน่อยนะ"
"ให้ช่วยก็ได้อยู่หรอกค่ะ" เด็กสาวกล่าวเสียงแผ่วก่อนจะเหล่สายตาไปยังโต๊ะที่ตนเพิ่งจะลุกจากมา "ต-แต่ลูกหมีก็อยากกินแพนเค้กราดน้ำผึ้งต่อ ถ้าไม่รีบกินตอนยังร้อนมันจะไม่อร่อย"
"โธ่! เดี๋ยวกลับมาขิงอุ่นให้ใหม่ก็ได้" น้ำขิงแกล้งตีสีหน้ามุ่ยแสดงความน้อยอกน้อยใจที่เพื่อนสนิทของเธอดันเห็นของกินสำคัญกว่าเสียอย่างนั้น "ขิงแบกไปอาคารเรียนคนเดียวไม่ไหวอ่า ลูกพีชช่วยขิงนะ นะๆๆๆๆ”
พอเห็นสีหน้าจวนเจียนจะร้องไห้ของอีกฝ่ายลูกหมีก็เริ่มมีท่าทีลังเล เธอมองดวงตากลมโตสีน้ำทะเลที่ฉายแววเศร้าสร้อยของน้ำขิงสลับกับหันไปมองแพนเค้กของโปรดบนโต๊ะทานข้าวอยู่สักพัก
…สุดท้ายเธอก็ปฏิเสธใครไม่ลงทุกที
"ลูกหมีช่วยก็ได้ค่ะ"
สุดท้ายลูกหมีก็ยินยอมตอบตกลงให้ความช่วยเหลือแต่โดยดี ถึงแม้ภายในใจจะยังนึกเสียดายที่ต้องพรัดพรากช่วงเวลาอันเพอร์เฟ็คต์ที่จะได้นั่งทานแพนเค้กตอนที่ยังอุ่นพร้อมกับลิ้มรสน้ำสตรอว์เบอร์รี่ปั่นไปด้วยก็ตาม
“เย่! ลูกพีชใจดีที่สู๊ด”
ส่วนน้ำขิงเมื่อได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายก็ส่งเสียงหวีดร้องดีใจราวกับถูกหวยสิบล้าน ก่อนที่เด็กสาวจะกระเด้งตัวลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็วแล้วเดินไปยกลังใบหนึ่งขึ้นมาด้วยท่าทางขยันขันแข็งผิดกับท่าทางห่อเหี่ยวเมื่อครู่อย่างลิบลับ
"งั้นขิงยกใบนี้ ส่วนลูกพีชยกใบนั้นนะ"
"อ-อื้อ"
หลังจากที่ช่วยกันยกลังคนละใบ เด็กสาวทั้งสองก็เดินลงมาจากอาคารหอพักแล้วมุ่งหน้าไปยังอาคารเรียนด้วยกัน ระหว่างทางที่เดินไปนั้นค่อนข้างยากลำบากพอตัว เนื่องจากลังมีขนาดค่อนข้างใหญ่และบังทิวทัศน์ด้านหน้าของลูกหมีจนหมด เธอเลยมองไม่ค่อยเห็นทางข้างหน้า ต้องอาศัยเดินตามเสียงของน้ำขิงที่ดังอยู่เป็นระยะแทน
“ลูกพีชๆ ดูสิ! ตรงนี้มีบอร์ดอะไรด้วย”
ทันทีที่ทั้งคู่เดินมาถึงหน้าทางเข้าอาคารเรียน น้ำขิงก็รีบวิ่งตรงไปที่บอร์ดอันใหญ่ที่โชว์หราอยู่ด้านหน้าทันทีและไม่ลืมที่หันไปกวักมือเรียกลูกหมีด้วย
พอเห็นว่าอีกฝ่ายดูสับสนว่าควรไปทางไหน น้ำขิงเลยวางลังกระดาษไว้ที่ด้านหน้าบอร์ดแล้ววิ่งไปดันหลังเพื่อนให้มาดูด้วยกัน ซึ่งในบริเวณนั้นไม่มีใครอื่นเลยนอกจากพวกเธอ
เด็กสาวทั้งสองกวาดสายตามองกระดาษมากมายที่แปะเรียงรายอยู่บนบอร์ดนั้นสักพัก ก่อนที่ลูกหมีจะเป็นฝ่ายพูดขึ้น
“ม-เหมือนจะเป็นบอร์ดที่ให้คนมาเขียนเรื่องราวรักแรกของตัวเองนะคะ”
"อืมมม จะว่าไปก็ใกล้วันวาเลนไทน์แล้วนี่เนอะ" น้ำขิงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนที่สักพักเธอจะทำท่าทำทางคล้ายนึกอะไรบางอย่างออกแล้วหันขวับมามองเด็กสาวข้างกาย "ลูกพีชว่าขิงลองเขียนบ้างดีไหม!”
“แล้วคุณน้ำขิงจะเขียนอะไรเหรอ?”
“นั่นสินะ” น้ำขิงกลอกตาครุ่นคิด “ขิงเขียนถึงตอนประถมที่เคยแอบชอบรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกันตอนอยู่ฝรั่งเศสดีไหมนะ แต่ถ้าคนอื่นมาอ่านเขาจะคิดว่าน้ำขิงเป็นพวกรสนิยมแปลกที่ไปชอบรุ่นพี่ที่เป็นผู้หญิงด้วยกันไหม?”
“ง-งั้นตอนเขียนคุณน้ำขิงไม่ต้องใส่ชื่อตัวเองลงไปดีไหมคะ? เพราะบนบอร์ดนี้ลูกหมีก็ไม่เห็นใครเขียนชื่อกำกับไว้เลย”
"ก็ดีเหมือนกันนะ! งั้นก็จะมีแค่ลูกพีชที่รู้เรื่องนี้ เพราะงั้นลูกพีชห้ามไปเล่าให้ใครฟังนา"
น้ำขิงยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากของตนเบาๆ เพื่อเป็นการบอกว่าเรื่องนี้จะเก็บเป็นความลับ ซึ่งลูกหมีก็พยักหน้าตอบรับอย่างง่ายดาย เพราะปกติเธอก็ไม่ใช่คนที่ชอบปากโป้งบอกความลับของคนอื่นอยู่แล้ว
“แล้วลูกพีชมีเรื่องที่อยากเขียนหรือเปล่า?”
“ล-ลูกหมีไม่รู้จะเขียนอะไร”
“ไม่เคยมีประสบการณ์รักแรกหรือเคยชอบใครเลยเหรอ?”
“อืม…ลูกหมีชอบพี่ชายนะ?”
“ไม่เอาคนในครอบครัวสิ ขิงหมายถึงเพื่อนห้องเดียวกันหรือรุ่นพี่รุ่นน้องที่ลูกพีชเคยแอบชอบทำนองเนี้ย”
“ไม่มีนะ…” เด็กสาวส่ายหัวปฏิเสธ “ง-งั้นลูกหมีไม่เขียนก็ได้ ลูกหมียืนอ่านอยู่ตรงนี้ก็พอแล้วค่ะ”
“เอางั้นก็ได้ งั้นลูกพีชรอรอตรงนี้นะ เดี๋ยวขิงไปนั่งเขียนตรงนู้นแปปนึง”
"อ-อื้อ"
ลูกหมีมองน้ำขิงที่เดินตรงไปยังม้านั่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก พอเห็นอีกฝ่ายเดินห่างออกไปแล้วเด็กสาวก็หันมาให้ความสนใจกับบอร์ดแห่งความรักตรงหน้าอีกครั้ง กกวาดสายตาไล่อ่านเรื่องราวของแต่ละคนที่ถูกเรียงร้อยเป็นตัวอักษรภาษาไทยบนแผ่นกระดาษที่แปะซ้อนทับกันอย่างเพลิดเพลิน
บางเรื่องลูกหมีก็คิดว่าน่าสนใจและน่าติดตามต่อจนน่านำมาสร้างเป็นนวนิยาย แต่ทว่าน่าเสียดายที่ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้รังสรรค์เรื่องราวอันน่าสนใจเหล่านี้ขึ้นมา
ระหว่างนั้นเองสายตาของเด็กสาวก็ไปสะดุดเข้ากับกระดาษแผ่นหนึ่ง ไม่สิ...ต้องบอกว่ามันเป็นเหมือนกระดาษหลายแผ่นที่ถูกฉีกออกจากสมุดและใช้คลิปหนีบรวมเข้าด้วยกันเสียมากกว่า และแน่นอนว่าไม่มีชื่อของผู้เขียนปรากฏอยู่
เมื่อเด็กสาวลองเอื้อมมือไปพลิกกระดาษเปิดดูแต่ละแผ่นอย่างคร่าวๆ ก็พบว่ามันถูกเขียนเหมือนกับไดอารี่ที่แต่ละหน้าเนื้อหาไม่ค่อยยาวมากนัก แต่ที่แปลกไปจากกระดาษของคนอื่นก็คือไดอารี่เล่มนี้ไม่ได้ถูกเขียนเป็นภาษาไทย
ด้วยความอยากรู้ว่าเนื้อหาข้างในนั้นเกี่ยวกับอะไร ลูกหมีจึงหยิบมือถือขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อและเปิดใช้แอพกูเกิ้ลแปลภาษาในการอ่านมัน
20XX年02月20日
今日は俺の初めての入学式の日だ。
ちょっと寝坊して、道に迷ってしまったので、
部屋の最も後ろに座った。
俺の隣には小さな女の子がいる。
彼女はずっとその椅子で眠りに落ちていた。
よく見れば、彼女はタイ人や日本人のようではない。
おそらくアメリカ人なのかな?
もし、彼女が目覚めたらどの言語で彼女に挨拶すればいい?
だって俺は英語がまずいから。
でも彼女は入学式の終わりまで目を覚めないので、
それで俺は彼女に挨拶しなかった。- แปล:
20 กุมภาพันธ์ 20XX
วันนี้เป็นวันพิธีเปิดเรียนครั้งแรกของฉัน
ดันตื่นสายแถมยังหลงทาง
เลยได้นั่งที่หลังสุดของห้อง
ข้างกายเป็นเด็กสาวตัวเล็กคนหนึ่ง
เธอนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ตัวนั้นตลอดเลย
พอมองดูแล้ว เธอไม่ใช่ทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่น
บางทีอาจจะเป็นคนอเมริกัน?
ถ้าเธอตื่น ฉันควรจะทักเธอด้วยภาษาอะไรดี
ก็ภาษาอังกฤษของฉันมันห่วยแตกมาก
แต่เธอดันไม่ตื่นเลยจนกระทั่งพิธีเปิดเรียนเสร็จสิ้น
ก็เลยไม่ได้พูดทักทายกับเธอเลย
--------------------------
20XX年02月22日
その子がクラスメートになるのは本当に嬉しい。
それでも彼女とお話をしない。
彼女はいつも俺を怖がっているみたいだからさ。
子猫みたいだなぁ。
もうクラスの噂を聞いたことがある。
他の人はあの女の子の態度がちょっと変だと言った。
時々、彼女はロッカーを見たらすぐに驚くしてる。
俺や友達が見えない物を見られているようだから?
彼女がどんな病気になっているのかわからないけど、
もし、友達できないなら、
君の友達になってあげる。- แปล:
22 กุมภาพันธ์ 20XX
ดีใจที่เด็กคนนั้นเป็นเพื่อนร่วมห้องของฉัน
แต่เราไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่
เพราะท่าทางเธอดูกลัวฉันอยู่ตลอดเลย
เหมือนลูกแมวตัวน้อยเลย
ฉันได้ยินข่าวลือในห้องเรียนแล้ว
มีคนบอกว่าเด็กผู้หญิงนั้นชอบทำท่าทางแปลกๆ
บางครั้งเธอก็มองไปที่ตู้ล็อกเกอร์แล้วตกใจกลัว
เธอเหมือนจะมองเห็นอะไรที่ฉันกับเพื่อนไม่เห็น?
ไม่รู้หรอกนะว่าเธอเป็นโรคอะไร
แต่ถ้ามันทำให้เธอไม่มีเพื่อน
ฉันจะเป็นเพื่อนให้เธอเอง
--------------------------
20XX年06月04日
あの子に昼御飯を食べに誘ったけどすぐに逃げた。
どうしよう、彼女を驚かせるつもりは全くないのに。
あの子はご飯を食べても勉強しても、
悲しい顔をずっとしてる。
何か不安なことがあったか?
聞いてみたいけど、
きっと彼女がまた俺から逃げるに違いない。
君を笑顔にする為に何かできるかな?
おっ、考えてみれば、彼女は熊の物が好きだろう?
一度彼女に熊の弁当を作ってみてはどう?
ふと気がつくとお弁当の作り方の本を買ってしまう•••- แปล:
4 มิถุนายน 20XX
ฉันชวนเธอไปกินข้าวกลางวันแต่เธอกลับวิ่งหนี
ทำไงดี ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เธอตกใจกลัวแท้ๆ
ไม่ว่าจะกินข้าวหรือเรียนหนังสือ
เด็กคนนั้นก็ทำหน้าเศร้าตลอดเวลา
มีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจหรือเปล่า?
อยากถามแต่เธอคงจะวิ่งหนีเราอีกแน่เลย
มีอะไรที่ฉันสามารถทำเพื่อให้เธอยิ้มได้บ้างไหมนะ?
โอ๊ะ พอมาลองคิดดูแล้ว เธอชอบของเกี่ยวกับหมีสินะ
ลองทำข้าวกล่องรูปหมีให้เธอสักครั้งดูดีไหม?
พอรู้สึกตัวอีกทีก็ซื้อหนังสือสอนทำข้าวกล่องมาซะแล้ว…
--------------------------
20XX年06月16日
やっと熊の弁当ができた!
買った本の通りに作っても失敗をたくさんした。
今朝、早く起きて、すぐに教室に行って、
あの子に昼御飯のようにあげるつもりだったが、
彼女は今日のクラスに来なかった。
彼女の友達に何が起こったのか尋ねない。
結局、俺はあの子の弁当を食べなきゃ。
あの子が勉強に来なかったのは良いことかもしれない。
そうでなければ、塩辛い弁当を食べさせてあげてしまう。
お腹が痛くなることは冗談じゃない。- แปล:
16 มิถุนายน 20XX
ในที่สุดข้าวกล่องรูปหมีก็สำเร็จแล้ว!
ถึงจะทำตามหนังสือที่ซื้อมาแล้วก็เถอะแต่ก็ทำพลาดเยอะเลย
เมื่อเช้าเลยรีบตื่นแล้วตรงดิ่งมาที่ห้องเรียน
เพราะตั้งใจจะมอบให้เธอคนนั้นเป็นข้าวกลางวัน
แต่วันนี้เธอกลับไม่มาเรียน
ไม่ได้ถามเพื่อนของเธอว่าเกิดอะไรขึ้น
สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องกินเอง
ดีแล้วที่เด็กคนนั้นไม่มาเรียน
ไม่งั้นเธอคงได้กินข้าวกล่องรสเค็มนี่ซะแล้ว
การปวดท้องเนี่ยไม่ตลกเอาซะเลย
--------------------------
20XX年07月11日
あの子は今朝まで何かをずっと捜してるように見える。
そういえば、好きなテディベアはどこに行ったんだろう?
まさか•••消えなくなった!?
まずい、彼女は泣いているようだ。
だから俺はテディベアを見つけるのを一日中手伝った。
それからやっと花園で見つけた。
ぼろぼろになってしまったなぁ、テディベアも、俺も。
あの子がいない時に、彼女の机にそれを置いた。
戻った彼女はとても嬉しいだった。
それに、彼女は手伝ってくれる人を探していたようだ。
絶対に彼女に自分を見せないように自分に言い聞かせた。
俺はなんか•••恥ずかしいやつだからさ。
どうか•••君がいなくて寂しいので、
テディベアが自分で君に戻ってくると考えてくれ!- แปล:
11 กรกฎาคม 20XX
ฉันเห็นเด็กคนนั้นหาอะไรสักอย่างมาตั้งแต่เช้าแล้ว
จะว่าไปตุ๊กตาหมีตัวโปรดของเธอไปไหนซะล่ะ?
หรือว่า…มันหายไปเหรอ!?
แย่แล้ว เธอเหมือนกำลังร้องไห้
เพราะงั้นฉันเลยช่วยหาตุ๊กตาหมีของเธอทั้งวัน
แล้วก็เจอมันอยู่ที่สวนดอกไม้
มอมแมมไปหมดเลยนะ ทั้งตุ๊กตาหมี ทั้งตัวฉันเนี่ย
ฉันเอาไปวางไว้ที่โต๊ะของเธอตอนเธอไม่อยู่
พอเธอกลับมาก็ดีใจยกใหญ่เลย
ดูเหมือนเธอกำลังมองหาคนที่ช่วยหามันด้วย
ฉันบอกตัวเองว่าห้ามแสดงตัวให้เธอรู้เด็ดขาด
ก็ฉันมันขี้อายนี่นา
ช่วยคิดว่าที่ตุ๊กตาหมีกลับมาเป็นเพราะคิดถึงเธอที!
--------------------------
20XX年11月03日
今の日本では、雪がもう降っているそうだ。
友達から「いつあの子に好きだと言えるのか?」と言われた。
そんな風に聞いても俺の自分にもまだわからない。
あの子を心配させたくないのでこのままでいいと思う。
誰かを好きになるのが初めての俺は、
他の人がそれをどのように思っているのか知らない。
俺にとっては、今、彼女の友達になるだけで十分だ。
今の目標はいつか絶対に彼女と話せるようになること。
君のことをもっと知りたい。
もし、君が俺をもう怖がっていないならいいよなぁ。- แปล:
3 พฤศจิกายน 20XX
ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นดูเหมือนว่าหิมะจะตกแล้ว
ถูกเพื่อนพูดใส่ว่าเมื่อไหร่จะบอกชอบเด็กคนนั้นสักที
ถึงจะถามแบบนั้นแต่ตัวฉันเองก็ยังไม่รู้
ไม่อยากทำให้เธอกังวลเลยคิดว่าเป็นแบบนี้ต่อไปก็ดีแล้ว
ตัวฉันที่เพิ่งชอบใครสักคนเป็นครั้งแรก
ไม่รู้เลยว่าคนอื่นเขาคิดกันยังไง
แต่สำหรับฉัน ตอนนี้เแค่ได้เป็นเพื่อนกับเธอก็พอแล้ว
เป้าหมายของฉันในตอนนี้คืออยากจะคุยกับเธอให้ได้
อยากรู้เรื่องของเธอให้มากกว่านี้
ถ้าเธอหายกลัวฉันก็คงจะดีนะ
หลังจากที่อ่านจบลูกหมีก็เปิดไปที่หน้ากระดาษแผ่นสุดท้าย พบว่ามันเหมือนเพิ่งจะถูกเขียนขึ้นมาได้ไม่นาน เพราะด้วยสีของหมืกปากกาที่แตกต่างจากกระดาษแผ่นก่อนหน้า บวกกับลายมือภาษาไทยที่นอกจากจะยึกยือเหมือนรีบเขียนแล้วยังเขียนผิดเขียนถูกอีกต่างหาก
ซึ่งใจความได้ประมาณว่า
นี่เป็นแค่เรื่องราวบางส่วนที่ฉันอยากเล่าเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
เธอเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ผมสีทองและกอดตุ๊กตาหมี
เพราะไม่กล้าบอกความรู้สึกของตัวเองให้เธอคนนั้นฟัง
เลยคิดว่าอย่างน้อยได้เขียนบันทึกไว้ก็ยังดี
ฉันไม่รู้ว่าเธอคนนั้นจะจำได้ไหมว่าฉันเป็นใคร
ถึงจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
จำแค่ว่าฉันคือคนที่อยู่ใกล้ตัวเธอแบบคาดไม่ถึงมาตลอดก็พอ
"ลูกพีชอ่านอะไรอยู่เหรอ? เห็นจ้องมาสักพักแล้ว"
เสียงของน้ำขิงที่ทักขึ้นจากด้านหลังอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาเด็กสาวต้องสะดุ้งโหยง แล้วหันขวับไปมองอีกฝ่าย
"ค-คุณน้ำขิงเขียนเสร็จแล้วเหรอ?"
"อื้ม! ขิงแปะไว้ตรงนู้นแหน่ะ"
น้ำขิงชี้ไปที่มุมบนของบอร์ดที่อยู่สูงจากระดับสายตาของพวกเธอไปมาก ก่อนจะพบว่ามีกระดาษของน้ำขิงแปะอยู่ตรงนั้นจริง ซึ่งลูกหมีเห็นแล้วก็ได้แต่แอบสงสัยในใจว่าน้ำขิงขึ้นไปแปะบนที่สูงแบบนั้นได้ยังไง
"ว่าแต่ลูกพีชยังไม่บอกขิงเลยนะว่าอ่านของใครอยู่"
"เอ่อ…ลูกหมีก็ไม่รู้เหมือนกัน ม-ไม่มีชื่อเขียนไว้"
"ไหนขิงขอดูหน่อย…เอ๊ะ? นี่เขียนแต่ภาษาญี่ปุ่นทั้งนั้นเลยหนิ ลูกพีชอ่านภาษาญี่ปุ่นออกเหรอ?"
"ล-ลูกหมีใช้แอพแปลภาษาเอาน่ะ" เด็กสาวตอบพลางชูหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมา "ล-ลูกหมีบันทึกที่แปลเอาไว้ในโน้ตด้วยนะ เผื่อคุณน้ำขิงอยากอ่าน"
ว่าแล้วเด็กสาวก็ยื่นมือถือของตัวเองให้คนตรงหน้า ซึ่งอีกฝ่ายก็รับมาโดยไม่ลังเลแล้วกวาดสายตาไล่อ่านข้อความสนนั้น ใช้เวลาเพียงไม่นานเธอก็เงยหน้าขึ้นมองลูกหมีสลับกับก้มมองหน้าจอมือถืออีกครั้งราวกับจะเช็คอะไรบางอย่างให้แน่ใจ
"ขิงว่าเด็กผู้หญิงที่เขาหมายถึงคือลูกพีชแน่เลย"
"ลูกหมีเหรอ?" เด็กสาวยกนิ้วชี้ตัวเองพลางทำหน้าประหลาดใจ
"ก็มันคลับคล้ายคลับคลามากเลยนี่นา แถมลูกพีชก็เคยทำตุ๊กตาหมีหายเหมือนกับที่เขียนในบันทึกอันนี้เป๊ะ แต่บอกตามตรงขิงเดาไม่ออกเลยว่าใครเป็นคนเขียน" น้ำขิงว่าพลางทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
"เขาบอกว่าเป็นคนใกล้ตัวของลูกพีช ลูกพีชพอจะนึกออกไหมว่าใครที่เขียนภาษาญี่ปุ่นเป็น"
"ล-ลูกหมีไม่แน่ใจเลย…"
"โอ๊ยยย ขิงคาใจอ่า ขิงอยากรู้ว่าใครเป็นคนเขียน"
ในระหว่างนั้นเองสายตาของลูกหมีก็เหลือบไปเห็นว่าท้องฟ้าด้านบนเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีแห่งราตรีกาลแล้ว เธอเลยหันมาพูดกับรูมเมท "ล-ลูกหมีว่าเรารีบเอาของไปไว้ที่ห้องชมรมแล้วกลับห้องกันดีไหมคะ? ฟ้าเริ่มมืดแล้ว"
"เอางั้นก็ได้"
น้ำขิงพอได้ยินแบบนั้นก็ตัดสินใจยอมแพ้ ก่อนจะยกลังแล้วเดินเข้าอาคารเรียนไปพร้อมกันกับลูกหมี ระหว่างทางน้ำขิงก็ชวนลูกหมีคุยเรื่องสัพเพเหระสารพัดร้อยเรื่อยไม่หยุดตามประสาคนช่างจ้อ ซึ่งลูกหมีก็เป็นผู้ฟังแต่โดยดี
หลังจากนั้นไม่นานที่บริเวณสำหรับตั้งบอร์ดแห่งความรักนั้นเงียบสงัดไร้ผู้คนสัญจรเดินผ่าน ก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งตรงมาก่อนจะหยุดฝีเท้าลงที่หน้าบอร์ดนั้น เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเรื่องราวที่ตนเขียนได้ถูกใครสักคนมาอ่านเข้าแล้ว
ความจริงแล้วคลิปหนีบกระดาษที่เขาใช้ในการรวบรวมกระดาษบันทึกนี่เข้าด้วยกันมันค่อนข้างหละหลวม เลยทำให้กระดาษร่วงปลิวอยู่บ่อยครั้ง
ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งเห็นว่ามีกระดาษแผ่นหนึ่งร่วงออกมาและไปเกี่ยวกับพุ่มไม้แถวนั้นเข้าจนขาด เขาเลยต้องเอามันกลับไปซ่อมแซมที่ห้องพัก
ด้วยความเร่งรีบเด็กหนุ่มเอากระดาษแผ่นนั้นใส่กลับเข้าไปในคอลเลคชั่นบันทึกของเขา โดยใส่ไว้ที่แผ่นหน้าสุด ก่อนจะใช้คลิปหนีบกระดาษตัวใหม่ที่หยิบติดมือมาด้วย หนีบแล้วแปะไว้บนบอร์ดดังเดิม ก่อนที่จะเขาจะยืนมองมันอยู่สักพักแล้วค่อยเดินจากไป
เผยให้เห็นข้อความเนื้อหาบนกระดาษแผ่นนั้นที่ถ้าหากเด็กสาวทั้งสองได้มาเห็นเข้า คงจะร้องอ๋อออกมาได้ทันทีว่าผู้เขียนคือใคร
20XX年08月01日
最近、ちょっと怖い噂があった。
それは「ブラッディ • ティフィー」という幽霊のことだ。
夜は、タブチムに誘われて3階の校舎に行った。
そこでその子に会うのは嬉しいけれども、
こんな雰囲気はちょっと静かすぎじゃない?
その子を絶対に守ると自分に言ったのに、
最後はブラッディ • ティフィーさんを見つけられない。
そうな思ったけど、
あの子は誰を教室に連れて行ったのか?
やはり本人に何も聞かないほうがいい•••- แปล:
1 ตุลาคม 20XX
ช่วงนี้มีข่าวลือน่ากลัวปรากฏออกมา
เป็นข่าวลือของผีที่ชื่อว่าบลัดดี้ทิฟฟี่
ตอนกลางคืนฉันถูกทับทิมชวนไปที่อาคารเรียนชั้นสาม
ดีใจที่ได้เจอเธอคนนั้นที่นั่นอยู่หรอก
แต่บรรยากาศแบบนี้ไม่เงียบไปหน่อยเหรอ?
ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าจะปกป้องเธอให้ได้แท้ๆ
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เจอคุณผีบลัดดี้ทิฟฟี่
ทั้งที่คิดแบบนั้น
แต่เด็กคนนั้นมาพาใครมาที่ห้องเรียนด้วย?
คิดว่าไม่ถามเจ้าตัวคงจะดีกว่า
จำนวนตัวอักษร(ไม่รวมเว้นวรรค) : 12,886
|
|