- DJ. Alex Lam
Maxwell Sonner
นักการทูตโรงเรียน
0
+150 K
Still on my mind [Extra]
Sun 15 Oct 2017, 22:43
เนื้อหาส่วนนี้ต่อจาก Still on my mind
แต่ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาโจทย์ภารกิจโดยตรง
เลยเอามาลงที่นี่แทน
แต่ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาโจทย์ภารกิจโดยตรง
เลยเอามาลงที่นี่แทน
- Still on my mind [Extra]:
- แม็กเวลใช้เวลาไปส่งโยฮันที่สนามบินอยู่หลายชั่วโมง
ส่วนหนึ่งเพราะมัวแต่คุยกับคุณลุงที่ไม่ได้เจอกันมานาน
อีกส่วนเป็นเพราะติดอยู่กลางทะเลกรุงเทพ กว่าจะกลับ
มาถึงบ้านอีกทีฟ้าก็มืดสนิทเสียแล้ว
หลังจากที่อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินตามเสียง
โทรทัศน์ไปยังห้องนั่งเล่น บนโซฟาตัวนุ่มมีคนเป็นพ่อใน
คราบชุดนอนที่กำลังนั่งดูข่าวพระราชสำนักอยู่เงียบๆ
ชายหนุ่มผมทองในชุดนอนสบายๆเดินไปเอนตัวนั่ง
พับเพียบอยู่ที่พื้นหน้าโซฟา ใกล้ๆกับขาพ่อของเขา
ไร้ซึ่งการสนทนา มีเพียงเสียงข่าวและดนตรีประกอบ
ที่คุ้นเคยดังภายในห้องนั่งเล่นกว้าง แม็กเวลเห็นว่าพ่อ
กำลังตั้งใจอัพเดทข่าวสารเลยยังไม่อยากรบกวน
'หาว~'
ดูไปสักพักคนบนพื้นก็เริ่มหาว เนื้อตัวที่สะอาดสะอ้าน
อากาศเย็นชื้นจากฝน เสียงทีวีก็เหมือนจะเป็นเพลง
กล่อมชั้นดี
"ง่วงแล้วเหรอ? ไปนอนไหม"
โจชัวเอ่ยถามเป็นภาษาไทย แม้ทั้งคู่จะเป็นชาวตะวันตก
แต่แม็กเวลก็เกิดที่ประเทศไทย คนเป็นพ่อที่อยากให้ลูก
พูดภาษาไทยได้อย่างชัดเจนจึงพูดภาษาไทยกับลูกบ่อยๆ
ในตอนแรกที่ฝึกพูดโจชัวเองก็ใช่ว่าจะพูดชัด แต่ก็ฝึกฝน
มาตลอดเพราะหวังอยากเป็นตัวอย่างที่ดี
ชายหนุ่มผมทองส่ายหน้าทั้งๆที่ขยี้ตาอยู่ เขาตั้งใจไว้ว่า
จะอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าพ่อจะนอน แต่ก็ดันง่วงก่อนซะได้
ซึ่งจริงๆแล้วก็ไม่แปลกสำหรับคนที่เดินทางมาทั้งวัน
'แปะๆ'
"ขึ้นมานั่งตรงนี้ไหม?"
คนเป็นพ่อตบโซฟาข้างกายเป็นการเชื้อเชิญ แม้สีหน้า
นิ่งเรียบนั้นจะไม่ได้ดูเชิญชวนเสียเท่าไหร่ แต่แม็กเวล
รู้ว่าพ่อของเขาไม่ชอบแสดงอารมณ์สักเท่าไหร่ ยกเว้น
ว่าเป็นหน้าที่ถึงจะยิ้มแย้มได้ทั้งวัน ซึ่งเขาก็ไม่ได้ต้อง-
การรอยยิ้มตามหน้าที่นั้น จึงรู้สึกดีกว่าที่ได้เห็นสีหน้า
นิ่งเรียบเช่นนี้
"ถ้าเช่นนั้นก็ขออนุญาตครับ"
แม็กเวลค่อยๆขยับตัวอืดอาดขึ้นไปนั่งบนโซฟาโดยเว้น
ระยะห่างพอสมควร ออกจะห่างไปบ้างสำหรับคนเป็น
ครอบครัวกัน เขาหยิบหมอนใหญ่ใบหนึ่งมากอดเอาไว้
ก่อนที่จะใช้คางเกยบนหมอน
"ขอโทษนะครับ ผมพึ่งทานยาไป ก็เลยง่วง"
"ดีแล้ว ขยันทานยาจะได้หายไวๆ"
สายตาของพ่อยังคงสะท้อนภาพในทีวี เขาพูดโดยไม่ได้
หันมอง ไม่สิ มันก็แค่ดูเป็นแบบนั้นเฉยๆ จริงๆแล้วโจชัว
ก็แอบชำเลืองมองอยู่เป็นพักๆแต่อีกฝ่ายนั้นง่วงเกินกว่า
จะสังเกตเห็น
พอไม่มีโยฮันอยู่แล้วบรรยากาศที่เคยครื้นเครงกลับดูเงียบ
สงบขึ้นจนวังเวงในบางคราว ไม่ค่อยมีคำอะไรหลุดออกจาก
ปากแม็กเวลที่เดิมทีมีนิสัยช่างคุย ยิ่งง่วงแบบนี้ยิ่งเงียบหนัก
เข้าไปใหญ่ ราวกับจะชัตดาวน์ตัวเองได้ทุกเมื่อ
ดวงตาสีเทาลืมตาขึ้นมาอีกทีข่าวพระราชสำนักก็จบไปแล้ว
แถมยังดูเหมือนจะจบไปสักพักแล้วด้วย พ่อที่นั่งอยู่ข้างๆ
พอเห็นลูกตื่นก็ทำท่าทีอ้ำๆอึ้งๆ มองซ้ายมองขวาอยู่สักพัก
ก่อนจะตัดสินใจขยับริมฝีปาก
"เอ่อ.. คือ... พ่อมีอะไรจะให้..."
"อะไรเหรอครับ?"
เสียงงัวเงียดังขึ้นระหว่างขยี้ตาหวังมองภาพตรงหน้าให้ชัดขึ้น
โจชัวร์หันไปหยิบอะไรบางอย่างที่ซ่อนไว้ด้านหลังหมอนที่มุม
โซฟา มันเป็นกล่องสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็ก ห่อด้วยกระดาษ
และโบว์ที่จัดแต่งอย่างสวยงาม ดูหรูหรา
"พ่อรู้ว่าลูกคิดว่ามันไม่สมควรที่จะฉลอง และไม่ได้อยู่ใน
อารมณ์ที่อยากฉลอง... แต่วันนี้เป็นวันเกิดของลูก.."
แม็กเวลแสดงสีหน้าลำบากใจ มันเป็นจริงอย่างที่พ่อพูด
เขาไม่ได้ลืมว่าวันนี้เป็นวันเกิดตัวเอง เพียงแต่คิดว่ามัน
ไม่เหมาะสมที่จะพูดถึง และไม่ได้สำคัญเลยถ้าเทียบกับ
สถานการณ์และความทุกข์ใจของพ่อ
"อย่างน้อยพ่อก็อยากให้ลูกรับไว้.."
กล่องของขวัญใบเล็กถูกยื่นเข้ามาใกล้
"แต่..."
โจชัวจับมือลูกมาประกบกล่องของขวัญเอาไว้ เขาบีบ
มือนั้นไว้ก่อนที่จะเอ่ยปากด้วยสีหน้าจริงจัง
"พ่อเข้าใจว่าตอนนี้ลูกกำลังรู้สึกแย่ และวันนี้ในทุกๆปี
หลังจากนี้ก็อาจจะเป็นวันที่รู้สึกไม่ดี แต่พ่อเชื่อจากใจ
จริงว่าพ่อหลวงบนฟ้าของเราคงไม่อยากให้ประชากร
ของท่านต้องทุกข์ใจเพราะท่านไปตลอด เพราะสิ่งที่
พ่อเห็นตลอดมาระหว่างที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านใช้
ทุกๆวันของท่านในการหาวิธีทำให้พวกเรามีความสุข"
มือที่กำอยู่นั้นกำลังสั่นคลอนเล็กน้อย แสดงถึงอารมณ์
มากมายที่พยายามจะกักเอาไว้เพียงในใจ คนตัวเล็ก
สูดลมหายใจเข้าลึกๆหวังตั้งสติกับตัวเอง ในยามที่
ลูกอ่อนแอ เขาก็อยากจะเข้มแข็ง เป็นที่พึ่งที่มั่นคง
"พ่อไม่อยากให้ลูกรู้สึกผิด ที่วันนี้เป็นวันเกิดของลูก"
เสียงนั้นเริ่มสั่น ถึงจะพยายามขนาดไหนแต่ก็เริ่มรู้ตัว
แล้วว่าต้านความรู้สึกที่เอ่อล้นนี้ไม่ได้ เขาเลยตัดสินใจ
ที่จะโผเข้ากอดลูกที่ตัวสูงกว่า เพื่อหวังไม่ให้เห็นสีหน้า
ของตัวเอง สีหน้าที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่ากำลังเป็นแบบไหน
รู้แต่ว่ามันจะต้องดูอ่อนแอและพึ่งพาไม่ได้มากเป็นแน่
ฝั่งแม็กเวลเองก็ตกใจค้างอยู่เช่นนั้น หัวใจของเขากำลัง
เต้นระรัวด้วยความตื่นตระหนก เพราะไม่เคยเห็นพ่อเป็น
เช่นนี้มาก่อน โดยปกติแล้วแม็กเวลจะได้เห็นพ่อในตอน
ทำงาน ท่านทูตผู้เป็นมิตร ผู้เป็นศูนย์กลางและคอยช่วย
เหลือผู้อื่นอยู่เสมอ แต่สิ่งที่เขากำลังเห็นอยู่ตอนนี้ เป็น
เพียงผู้ชายตัวเล็กที่กำลังตัวสั่น ดูเปราะบางเสียจนไม่
แน่ใจว่าจะสัมผัสตอบดีไหม พ่อคงพยายามอย่างมาก
ที่จะเข้มแข็ง และท่านคงจะพยายามมาจนสุดทางแล้ว
"ไม่ว่าลูกจะเกิดวันไหน มันก็ล้วนเป็นวันที่พิเศษทั้งนั้น
วันที่ลูกเกิดมาเป็นวันสำคัญที่สุดสำหรับพ่อ เป็นวันที่
พ่อได้พบสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเป็นวันแรก..."
"ท่านพ่อ..."
นี่ไม่ใช่สิ่งที่คาดคิดว่าจะได้ยิน มีหรือที่คนที่ไม่แสดง
แม้แต่สีหน้าจะแสดงออกด้วยคำพูด ถึงแม็กเวลจะรับรู้
ได้ถึงความรักของพ่อ แต่เขาก็ไม่เคยคิดว่าพ่อจะรัก
ตัวเองเป็นพิเศษ สิ่งที่ฟังอยู่จึงสร้างความสับสนไป
พร้อมๆกับหัวใจที่ค่อยๆพองโตขึ้นทีละน้อย
"ถึงพ่อจะไม่เก่งเท่าพ่อหลวง มิอาจเทียบบารมีได้
มิหนำซ้ำยังปกป้องลูกไม่ได้ ทำให้ลูกต้องผ่านเรื่อง
เลวร้ายมากมายมาโดยลำพัง ถึงจะช่วยเหลือคนอื่น
ได้มากมายแค่ไหน แต่กลับไม่สามารถช่วยลูกตัว-
เองได้ แค่ทำให้ยิ้มก็ยังทำไม่ได้..."
"ท่านพ่อ.. พอเถอะครับ ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลย"
แม็กเวลที่ตัดสินใจอยู่นานว่าจะสัมผัสตัวพ่อดีไหม
สุดท้ายแล้วก็เอื้อมมือไปลูบแผ่นหลังเล็กนั้นเบาๆ
แผ่นหลังเล็กที่แบกรับสิ่งหนักอึ้งเอาไว้ตลอด ไม่ว่า
จะเป็นความหวังของประเทศ เรื่องสำคัญที่แม็กเวล
ไม่ค่อยเข้าใจ และไหนจะหน้าที่ของ 'พ่อ'
"แต่ถึงอย่างนั้นพ่อก็ไม่เคยเสียใจเลย ที่ลูกเกิดมา
ขอโทษนะที่ิรู้สึกแบบนั้น ทั้งๆที่ต้องเกิดมาเจอเรื่อง
เลวร้ายเพราะพ่อแท้ๆ...."
คนเป็นลูกรีบส่ายหน้า เขาไม่เคยคิดเช่นนั้น เอาจริงๆ
แล้วไม่ค่อยรู้ด้วยซ้ำว่าพ่อกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่
'เรื่องเลวร้าย' ที่พ่อพูดนั้นคืออะไร? เท่าที่คิดออกก็
มีเพียงโรคที่เป็นอยู่ ซึ่งเขาก็อยู่กับมันมาจนชินแล้ว
แม็กเวลรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังกำเสื้อของเขาไว้แน่น
แสดงถึงความทรมานใจที่มี เสียงหายใจหนักอึ้งก็ดัง
จนสามารถได้ยินได้ โจชัวใช้เวลาสักพักก่อนจะเปล่ง
เสียงขึ้นอีกครั้ง
"ไม่ว่ายังไงพ่อก็ดีใจที่ลูกเกิดมาเป็นลูกพ่อ.."
ราวกับหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ เหมือนจะลืมหายใจ
ไปเลยด้วยซ้ำ มันทั้งกะทันหันเสียจนตั้งตัวไม่ทัน
แม็กเวลไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินคำนี้ออกจากปาก
คนที่ไม่เคยบอกรักเขาเลยสักครั้ง อยู่ๆขอบตาก็ร้อน
ผ่าวทั้งๆที่ตัดสินใจไว้แล้วว่าจะไม่ร้องไห้ในวันนี้
ทั้งๆที่ตั้งใจไว้เป็นอย่างดีว่าจะกลับบ้านมาดูแลพ่อ
โจชัวผละตัวออกจากอ้อมกอดเพราะหวังอยากเห็น
หน้าลูก ไม่มีน้ำตาสักหยดบนใบหน้าที่กำลังสับสน
เขาโทษตัวเองมาตลอดว่าที่ลูกร้องไห้ยากนั้นเป็น
ความผิดของตัวเอง เพราะฉะนั้นเขาก็จะไม่ร้องไห้
เช่นกัน คนเป็นพ่อหลับตาแน่นหวังกลั้นน้ำตาไว้ที่
หลังเปลือกตา
"พูดยาวไปหน่อย... คงตกใจสินะ จริงๆแค่อยากจะ
บอกว่าลูกมีสิทธิ์ที่จะมีความสุขในวันนี้ ไม่ว่าจะปีนี้
หรือปีไหนๆ มันเป็นเรื่องดีถ้าลูกจะคำนึงถึงพระองค์
ท่าน แต่พ่อเชื่ออย่างสุดใจว่าพระองค์ท่านคงอยาก
จะให้ลูกมีความสุขและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี
มากกว่าจะมานั่งทนทุกข์และโทษตัวเองในทุกๆปี"
คนฟังแสดงสีหน้าไม่มั่นใจ ไม่รู้ว่าสมควรที่จะมีความ
สุขจริงๆหรือเปล่า
"ลูกจำบทเพลงที่ 16 ได้รึเปล่า?"
ลูกชายพยักหน้า แน่นอนว่าเขาจำเพลงพระราชนิพนธ์
ทุกเพลงได้ขึ้นใจ
"ยิ้มสู้ สินะครับ?"
โจชัวยิ้มน้อยๆให้กับคำตอบ เขาภูมิใจที่ลูกจำบทเพลง
ทั้ง 48 เพลงได้เป็นอย่างดี ทั้งๆที่โดยปกติแล้วไม่ได้
เป็นคนความจำดีขนาดนั้น เขาสูดหายใจเข้าลึกๆหวังปรับ
อารมณ์และน้ำเสียงให้เข้าที่ ก่อนจะเอื้อนทำนองช้าๆขึ้น
"คนเป็นคนจะจนหรือมี
ร้ายหรือดีคงมีหวังอยู่
ยามปวงมารมาพาลลบหลู่
ยิ้มละมัยใจสู้หมู่มวลเภทภัย
ใฝ่กระทำความดีให้มีจิตโสภา
สร้างแต่ความเมตตาหาความสุขสันต์ไป
จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ
เฝ้าแต่ยิ้มสู้ไปแล้วใจชื่นบาน ♪"
ทั้งๆที่มันควรจะเป็นเพลงซึ้งปลุกใจ แต่ไม่รู้ทำไมคนฟัง
ถึงได้หลุดหัวเราะออกมาน้อยๆ โจชัวที่เดิมทีไม่มั่นใจ
ในการร้องเพลงอยู่แล้วก็ยิ่งหน้าเสียไปถนัดตา
"ม มันทำไมเหรอ?..."
"อุ๊บ... ขอโทษนะครับ..คือมันไฮโน๊ตมากเลย..."
แม็กเวลหันหน้าหนีพร้อมทั้งปิดปากพยายามกลั้นหัวเราะ
"มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?.."
"ฮะ ฮะ... ฮะ....ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
อยู่ๆเสียงระเบิดหัวเราะก็ดังขึ้นอย่างหยุดไม่อยู่ โจชัวที่ไม่
รู้ตัวว่าทำอะไรผิดไปก็ได้แต่งงเป็นไก่ตาแตก
"เหมือนที่คุณลุงบอกเลย ท่านพ่อร้องเพลงไม่ได้เรื่องเลย
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
"เอ๋!?! ยอร์ชมันนินทาเพื่อนอีกแล้วเหรอ!!"
ถึงจะรู้สึกเสียหน้า แต่อีกใจหนึ่งก็ดีใจที่เห็นรอยยิ้มบนหน้าลูก
อีกทั้งยังไม่เคยเห็นลูกพูดเล่นลักษณะนี้กับเขามาก่อน จะเคือง
ก็แต่โยฮันจอมปากมาก ฝากไว้ก่อน เจอกันคราวหน้าเมื่อไหร่
ได้เห็นดีกันแน่ โจชัวขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าที่หัวเราะเสีย
จนชักดิ้นชักงอ สุดท้ายแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
ยังไงซะเสียงหัวเราะก็น่าฟังกว่าเสียงทุกข์ใจเป็นไหนๆ
แม็กเวลหัวเราะไปขอโทษไปอยู่สักพักกว่าจะหยุดตัวเองได้
ไหล่นั้นยังสั่นอยู่ขณะที่พ่อยื่นกล่องใบเล็กมาให้อีกครั้ง
"สุขสันต์วันเกิดนะ"
คำนั้นถูกเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ ถึงแม้จะลังเล แต่เจ้าของ
วันเกิดก็เลือกที่จะยกมือไหว้ขอบคุณและรับของขวัญมา
ในที่สุด ดวงตาสีเทาเหลือบมองอีกฝ่ายเป็นเชิงถามว่า
เปิดได้เลยหรือเปล่า ซึ่งพ่อก็พยักหน้าเป็นการอนุญาต
ดวงใจของชายหนุ่มเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นอย่างที่ไม่ได้
เป็นมาหลายปีแล้ว จะบอกว่าเขาเลยวัยตื่นเต้นกับวันเกิด
แล้วก็ว่าได้ ความรู้สึกแปลกใหม่ผลันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม
บนใบหน้า และรอยยิ้มนั้นก็เผยกว้างขึ้นไปอีกเมื่อได้เห็น
ของด้านในกล่อง
"ว้าววววววว~"
ดวงตาสีเทาส่องเป็นประกาย เป็นประกายแบบเดียวกับ
สิ่งของที่กำลังจ้องมอง เขาได้แต่มองปากค้างเพราะถูก
ความระยิบระยับของมันสะกดเอาไว้
"ไม่ชอบเหรอ?"
"ชอบสิครับ!! ชอบมากเลย แต่มันดูสวยมากจนไม่กล้าจับเลย"
ฟังแล้วก็ได้แต่หัวเราะในลำคอด้วยความเอ็นดู โจชัวหยิบ
'นาฬิกา' เรือนสวยตัวหนึ่งขึ้นจากกล่อง มันเป็นฬิกาที่มี
หน้าปัดเป็นรูปกาแล็คซี่สีม่วงที่มีประกายดาววิบวับ กรอบ
นาฬิกาเป็นสีทองเงาวาว ตัดกับสีหน้าปัดเสริมกันเป็นอย่างดี
สายนาฬิกาเป็นสายหนังสีดำสนิท ดูหรูหรามีระดับเสียจน
คนได้ยังไม่กล้าจับ- นาฬิกา:
Cr.Pantip Beauty@Pantip
คนเป็นพ่อหยิบนาฬิกามาวางพาดบนข้อมือลูกและค่อยๆ
จัดการใส่ให้เสร็จสรรพ แม็กเวลมองภาพเบื้องหน้าอย่าง
ไม่คาดคิด วันนี้มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นเยอะจนเริ่มรู้สึก
ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็คงไม่แปลกใจอีกต่อไปแล้ว
ภาพพ่อที่กำลังใส่นาฬิกาให้ แม้มันจะเป็นภาพแสน
เรียบง่าย แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงอยากจะมองมันไปนานๆ
รอยยิ้มหวานเผยขึ้นบนใบหน้าโดยที่พ่อไม่ทันได้สังเกต
"เรเน่บอกว่าลูกชอบเข้าประชุมสาย"
ไม่ใช่น้ำเสียงติเตียน เป็นเพียงประโยคบอกเล่าธรรมดาๆ
"อึก.. บางทีรถก็ติด บางทีผมก็สายด้วยตัวเองครับ.."
คนซื่อสัตย์ตอบตามความเป็นจริง ถึงหลายครั้งจะสุุดวิสัย
แต่ก็มีหลายครั้งเช่นกันที่เขาแค่แวะคุยกับคนข้างทางจน
ลืมเวลาเข้าประชุมไป บางทีนาฬิกาเรือนนี้อาจจะทำให้
เขาเข้าประชุมตรงเวลามากขึ้นก็ได้ แม็กเวลยกแขนมอง
นาฬิกาที่ตอนนี้สวมอยู่บนข้อมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขนาดตัวเรือนเหมาะกับแขนอย่างพอดิบพอดี
"จริงๆแล้วพ่อไปเลือกซื้อด้วยกันกับยอร์ช"
โจชัวเป็นคนที่ขึ้นชื่อเรื่องความรอบรู้ ทั้งด้านการเมือง
ประวัติศาสตร์ และความรู้รอบตัว แต่สิ่งหนึ่งที่เขาไม่รู้คือ
ความชอบของลูกชาย ไม่มั่นใจเสียจนต้องให้เพื่อนไปช่วย
เลือกอีกแรง และถึงจะมีกันสองหัวก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดีว่า
ของขวัญชิ้นนี้จะพิชิตใจลูกได้หรือไม่ แต่สีหน้าเปี่ยมสุข
ที่เห็นอยู่ก็ทำให้รู้สึกโล่งใจขึ้นบ้าง ดูเหมือนว่าจะชอบ
อยู่บ้างสินะ
"ขอบคุณนะครับท่านพ่อ อย่างนี้ผมต้องโทรไปขอบคุณ
คุณลุงด้วยสิเนี่ย!!"
ลูกชายยกมือไหว้นอบน้อม จากนั้นจึงขอยืมโทรศัพท์
พ่อที่มีเบอร์คุณลุง ถ้าให้พูดตามจริงแล้วแม็กเวลไม่ได้
สนิทกับโยฮันนัก จะได้คุยกันก็ต่อเมื่อมีโอกาสได้พบ
หน้ากันเท่านั้น ซึ่งครั้งล่าสุดที่ได้พบกันก่อนหน้านี้คือ
เมื่อสามปีที่แล้ว
.
.
.
เจ้าของโทรศัพท์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำระหว่างที่แม็กเวลกำลัง
ถือสายรอการเชื่อมต่อ
"อ๊ะ ฮัลโหล ผมแม็กเวลนะครับ คุณลุงสะดวกคุยไหมครับ?"
"อ้าว!! ไงเพื่อนยาก!! กำลังเบื่ออยู่พอดีเลย นั่งรอเปลี่ยน
เครื่องอยู่ที่ดูไบเนี่ย อีกนิดนึงจะออกไปขุดหาน้ำมันแล้วนะ
ฮ่าๆๆๆๆๆๆ"
เสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ดังผ่านสัญญาณเรียกรอยยิ้ม
จากคนฟัง ยังเป็นคนอารมณ์ดีเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
"ผมโทรมาขอบคุณสำหรับของขวัญวันเกิดน่ะครับ"
"อ๊ะะ ได้รับแล้วเหรอ!! เป็นไง? ชอบมั้ย? โทษทีนะที่ไม่ได้
บอกสุขสันต์วันเกิดต่อหน้าน่ะ กลัวว่ามันจะไม่เซอร์ไพร์ส"
แม็กเวลหัวเราะน้อยๆให้กับความใส่ใจที่ได้รับ
"ต้องชอบอยู่แล้วสิครับ ขอบคุณมากเลยนะครับ สวยมาก
จนไม่กล้าจับเลย ไปซื้อมาจากร้านไหนครับเนี่ย?"
เสียงปลายสายชะงักไปครู่หนึ่งราวกับต้องหยุดคิด
"เปล่าซะหน่อย มันเป็นรุ่นลิมิเต็ดนะ ไม่มีขายตามร้าน
ทั่วไปหรอก"
"เอ๊ะ?"
คนฟังกะพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจความ
"เราไปร่วมประมูลกันมา โจมันจะเอาเรือนนี้ให้ได้ ฉันล่ะ
อยากให้นายเห็นจริงๆ ตอนที่หมอนั่นทุ่มสุดตัวน่ะ หน้าตา
เคร่งเครียดอย่างกับเรื่องคอขาดบาดตาย บ้าดีเดือดเป็นบ้า"
"ป..ประมูล!?! แล้วแบบนี้ไม่แพงแย่เหรอครับ!?!"
คำตอบที่ได้รับมีเพียงเสียงระเบิดหัวเราะชอบใจ แม็กเวล
พอรู้ว่าคงจะไม่ได้คำตอบมากไปกว่านั้น เลยได้แต่มองนาฬิกา
ที่ข้อมือด้วยใบหน้าที่มีเหงื่อน้อยๆหยดค้างอยู่บนขมับ
"คุณลุงครับ.. ช่วงนี้ท่านพ่อคงกำลังทุกข์ใจมากจริงๆ ท่านพูด
ในสิ่งที่ไม่เคยพูด ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ทั้งๆที่ผมตั้งใจว่าจะกลับ
มาดูแลท่านพ่อ แต่พอถึงเวลาเข้าจริงผมกลับไม่รู้ว่าควรทำอะไร
หรือทำตัวแบบไหน.. ผมทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากนั่งอยู่ตรงนั้น
เวลาที่ท่านพ่อทุกข์ใจ คุณลุงทำยังไงเหรอครับ?"
น้ำเสียงที่เคยสดใสฟังดูหม่นหมองลง ความหนักใจที่มีทำให้
ถอนหายใจออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว หากเขาก็ได้รับคำตอบอย่าง
รวดเร็ว
"เท่านั้นก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?"
ประโยคนั้นถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายราวกับเป็นเรื่องปกติ
"เอ๋?"
"เวลาที่ฉันมีปัญหา ฉันก็แค่ต้องการใครสักคนนั่งอยู่เคียงข้าง
ให้รู้ว่าไม่ได้กำลังสู้อยู่เพียงลำพัง นายไม่คิดแบบนั้นเหรอ?"
ทันใดนั้นเองที่ภาพผู้ชายผมดำยาวคนหนึ่งแวบเข้ามาในหัว
ของแม็กเวล ผู้ชายในความทรงจำคนนั้นยิ้มให้เขา เป็นรอยยิ้ม
ที่ทำให้อบอุ่นใจจนต้องยิ้มออกมาแม้เพียงแค่จินตนาการถึง
"ครับ อันที่จริงผมก็มีเพื่อนคนนึงที่คอยอยู่กับผมเสมอ
ถึงแม้ผมจะทำร้ายเขา.. ถึงแม้ผมจะหนีจาก แต่พอรู้ตัวอีกทีเขา
ก็มานั่งอยู่ข้างๆแล้ว"
"โอ๊ย อย่าคิดมากเลย โจมันโดดถีบฉันประจำ ฮ่าๆๆๆๆ"
แม็กเวลหัวเราะตาม ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกเข้าใจในสิ่งที่ลุงพูดอย่าง
ชัดเจน
"นั่นแหละ แค่มีนายอยู่ข้างๆ เท่านั้นก็มากเพียงพอสำหรับโจแล้ว"
"ก็นายไม่ค่อยยอมกลับบ้านนี่นะ ฮ่าๆๆๆๆๆ"
"อึก..."
ประโยคแทงใจทำเอาต้องเบี่ยงสายตาหลบทั้งๆที่ไม่มีใครนั่งอยู่
ตรงหน้า
"ยอร์ชถึงไหนแล้วเหรอ?"
เสียงที่สามดังขึ้นพร้อมการปรากฏตัวของโจชัวที่เดินกลับมา
แม็กเวลเห็นเช่นนั้นจึงกล่าวลากับปลายสายและส่งโทรศัพท์
ให้ผู้เป็นพ่อแทน พ่อลูกสบตากันอยู่ครู่หนึ่งระหว่างยื่นมือถือ
ฝ่ายลูกส่งสายตาเป็นห่วงให้เป็นการถามสุขภาพ ซึ่งทางพ่อ
เองก็เข้าใจพร้อมทั้งส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร
ลูกชายที่เห็นเช่นนั้นจึงขออนุญาตลุกออกจากห้องเพื่อปล่อย
ให้ผู้ใหญ่ได้คุยกัน
"อยู่ไหนแล้ว?"
"ในใจนายไง~"
"รับโทรศัพท์ได้แบบนี้คงจะนั่งรอเครื่องอยู่ที่ดูไบสินะ"
"โห่ ไม่รับมุกเลย งี้ก็ไม่สนุกสิ!!"
โจชัวหัวเราะในลำคอทีหนึ่งก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวนุ่ม
คนตัวเล็กพาดขาไขว้ห้างท่าทีสบายๆ
"เมื้อกี้ฉันเผลอหลุดพูดในสิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจจะพูดกับลูก
น่าอายชะมัด หลบไปทำใจอยู่ในห้องน้ำตั้งนาน"
"ฮ่าๆๆๆ อีกแล้วเหรอ ก่อนสอบสมัยไฮสคูลนายก็ชอบไปหลบ
ทำสมาธิอยู่ในห้องน้ำ ทำแล้วไม่เห็นผลสอบจะดีขึ้นตรงไหน"
"............"
"ไม่ต้องมามองบน มองไปฉันก็ไม่เห็นหรอก ฮ่าๆๆๆๆ"
คนที่กรอกตามองบนอยู่ถึงกับสะดุ้ง นี่เพื่อนติดกล้องวงจรปิด
ไว้ในบ้านเขาหรือเปล่านะ?
"ไหวเปล่าเนี่ย? จะให้กลับไปหามั้ย?"
"เป็นองครักษ์ก็ช่วยอยู่เคียงข้างเจ้าชายหน่อยเถอะ เดี๋ยวก็
โดนไล่ออกหรอก"
คำตอบที่ได้คือเสียงหัวเราะร่าไม่รู้ร้อนตามแบบฉบับเจ้าตัว
"เอ้อ!! เมื่อเร็วๆนี้เจ้าชายตามหา 'แม็กเวล สก๊อต' ด้วยล่ะ"
ทันใดนั้นเองที่ดวงตาสีเทาเบิกกว้าง ใจหายวาบจนภาพขาว
ไปทั้งหัว
"แล้วนายทำยังไง?..."
"ไม่ทำยังไง ก็ฉันไม่รู้จักนี่ รู้จักแต่ 'แม็กเวล ซอนเนอร์'"
เสียงถอนหายใจโล่งอกดังขึ้นจากฝ่ายคนเป็นพ่อ
"พวกเขารู้จักกันด้วยเหรอ?"
โจชัวมองซ้ายขวา ถึงจะเห็นว่าไม่มีใครแต่เขาก็เดินออกไปยัง
ระเบียงห้องและปิดประตูตามหลังอย่างระแวดระวัง เสียงที่ใช้
ตอบก็ถูกลดลงจนเป็นการกระซิบ
"อืม แต่มันนานมากแล้วล่ะ ตั้งแต่ตอนที่แกยังไม่'สูญเสีย
ความทรงจำ' ว่าแต่พระองค์ท่านทรงต้องการอะไร?"
"เหมือนเห็นบ่นๆอยู่ว่าทำแหวนที่ต้องใช้ในการอภิเษกสมรสหาย
ไม่รู้เอาไปโยนไว้ไหน หรืออาจจะฝากไว้กับใครสักคนสมัยเป็น
วัยต่อต้านที่ไม่อยากแต่งงาน"
"................"
คนฟังขมวดคิ้วในแบบที่ไม่รู้จะตอบยังไงดี
"ฉันจะลองหาให้ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน แต่อย่าบอกลูกได้ไหม?"
"ถ้าจะบอกฉันคงบอกไปแล้ว จะมาบอกนายก่อนทำไม"
จริงอย่างที่พูด โยฮันไม่ได้พูดเรื่องนี้กับแม็กเวลตลอดช่วงเวลา
ที่เดินทางไปสนามบินด้วยกัน
"เจ้าชายท่านเคยทำเรื่องไม่ดีกับ'ลูกของเรา'มาก่อนงั้นเหรอ?"
"ไม่หรอก ท่านดีต่อ'ลูกของฉัน'มาก แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้แก
ไม่ได้มีความทรงจำเหล่านั้นแล้ว หลังๆมานี้ลูกเริ่มมีปฏิกริยา
กับตัวกระตุ้นความทรงจำบางอย่าง บางทีก็ร้องไห้เมื่อได้ยิน
เพลงบางเพลงในบางสถานการณ์ แต่ก็ยังจำอะไรไม่ได้หรอก"
ต่างฝ่ายต่างลงเสียงเน้นคำฟังดูติดตลกแม้จะพูดเรื่องจริงจัง
กันอยู่ แต่เอาจริงๆการคาดหวังที่จะคุยเรื่องเคร่งเครียดกับโยฮัน
ก็เป็นเรื่องผิดหมันต์แล้ว ถึงแม้จะกวนประสาทไปบ้างแต่บางที
นี่อาจจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโจชัวที่ดูจริงจังไปซะทุกเรื่องก็
เป็นได้
"แต่นายกลัวว่าเจ้าชายจะเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นความทรงจำสินะ?"
"ฉันกลัวมาก... กลัวว่าถ้าแกมีชิ้นส่วนความทรงจำเก่ามาก
เกินไป กลัวว่าสักวันแกจะประติดประต่อจนเริ่มจำอะไรได้ขึ้นมา"
มือสัั่นคลอนบีบกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น สีหน้าแสดงความกังวล
หากในเวลาเดียวกันก็ดูเคียดแค้น
"ฉันไม่อยากให้พวกเขาพบกัน..."
"โจ วางใจเถอะ ต่อจากนี้หน้าที่ของนายคือหาแหวนให้เจอ
ส่วนหน้านี้ของฉันคือถ่วงเวลาไม่ให้เจ้าชายหา'ลูกของเรา'เจอ"
"'ลูกของฉัน'...."
โจชัวขมวดคิ้วให้ตัวเองที่ต้องมาตบมุกเดิมซ้ำซ้อน ไม่ค่อย
เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ชอบเล่นมุกแบบนี้หนักหนา
เล่นไม่เคยเบื่อเลยด้วย เขาถอนหายใจทีหนึ่งก่อนจะกลับ
มาจริงจังอีกคราว เสียงทุ้มกดเสียงต่ำฟังดูดุดัน เป็นน้ำเสียง
แบบที่โยฮันเองก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้ยินนัก
"ฉันจะไม่ยอมให้ 'มัน' กลับเข้ามาในชีวิตแม็กเวลเป็นครั้ง
ที่สองเด็ดขาด ไม่ว่าจะกลับมาในชีวิต หรือในความทรงจำ...."
.
.
.
"ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม..."
- END -
Signature ------------------------------------------------>
Reine : Plays ๐ ๐ ๐
And I will hear, though soft you tread above me,
And on my grave will warmer, sweeter be.
For you'll come and tell me that you love me,
And I will sleep in peace until you come to me.
- pangkawjoaประธานนักเรียน
Taira Payakaroon
อาจารย์ภาษาไทย
3312
+611 M 422 K 265
PASSPORT
:
(2580/21000)
:
Re: Still on my mind [Extra]
Wed 18 Oct 2017, 13:34
เกือบหลุดขำตรงมุก ไฮโน้ต เลยฮะ... ( แอบอ่านที่ทำงานเลยพยายามกลั้นไว้ 555+ )
ท่านพ่อกับท่านลุงรู้ปมของป๊าแม็กสินะฮะ สงสัยจัง
แถมไม่อยากให้เจอกับเจ้าชายด้วยอ่ะ (。・ω・。)
อยากรู้ปมของป๊าแม็กจังฮะ
ท่านพ่อกับท่านลุงรู้ปมของป๊าแม็กสินะฮะ สงสัยจัง
แถมไม่อยากให้เจอกับเจ้าชายด้วยอ่ะ (。・ω・。)
อยากรู้ปมของป๊าแม็กจังฮะ
Signature ------------------------------------------------>
初めまして、どうぞよろしくお願いします。
- Nearmoki-2b
Narin
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน
0
+65 M 413 K 676
Re: Still on my mind [Extra]
Tue 24 Oct 2017, 02:52
pangkawjoa พิมพ์ว่า:เกือบหลุดขำตรงมุก ไฮโน้ต เลยฮะ... ( แอบอ่านที่ทำงานเลยพยายามกลั้นไว้ 555+ )
ท่านพ่อกับท่านลุงรู้ปมของป๊าแม็กสินะฮะ สงสัยจัง
แถมไม่อยากให้เจอกับเจ้าชายด้วยอ่ะ (。・ω・。)
อยากรู้ปมของป๊าแม็กจังฮะ
ตอนที่เขียนไฮโน้ตนี่ก็นึกถึงไทระเหมือนกันคับ //หัวเราะ
จะค่อยๆเฉลยปมทีละนิดละหน่อย ติดตามชมได้เลยน้า~
Signature ------------------------------------------------>
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|