ROOMMATE 8 : Summer Camp
5 posters
- Nearmoki-2b
Narin
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน
0
+65 M 413 K 676
ROOMMATE 8 : Summer Camp
Sun 30 Apr 2017, 17:21
สวัสดีครับ
นานมาแล้วที่เราไม่ได้ออกไปเข้าค่ายนอกสถานที่กัน
เพราะฉะนั้นครั้งนี้ทางโรงเรียนจะพาทุกคนออกไป
เข้าค่ายค้างคืนกันที่ "อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน"
กันเป็นเวลา 7 วัน 6 คืน เรียกได้ว่าได้เปลี่ยนอากาศ
อาศัยอยู่กลางธรรมชาติกันถึงหนึ่งอาทิตย์เลยทีเดียว!!
รายละเอียดการเข้าค่ายนี้จะเป็นอย่างไร คลิ๊ก "ที่นี่"
ใครที่ไม่มีรูมเมท รูมเมทไม่ว่าง ให้เลือกทำอย่างใด
อย่างหนึ่งระหว่างวาดหรือเขียน หรือจะทำทั้งคู่เพื่อ
ที่จะนำไปส่งกิจกรรมต่อได้นะครับ ถ้าคู่ไหนมีรูมเมท
แต่รูมเมทไม่สะดวกร่วม ให้เขียนกำกับในภารกิจไว้
เฉพาะคนที่ทำผลงานส่งเท่านั้นที่จะได้สแตมป์ครับ
❤ รางวัลคุณภาพผลงาน
✎ A. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้เพอร์เฟ็คและน่าอัศจรรย์มาก 100%
✎ B. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้เกือบเพอร์เฟ็ค 90% - 99%
✎ C. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้ยอดเยี่ยมมาก 80% - 90%
✎ D. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้ปานกลาง 65% - 80%
✎ E. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้ผ่านเกณฑ์ 50% - 65%
❤ รางวัลแห่งความขยัน
.....รางวัลสำหรับแจกให้กับผู้ที่ส่งภารกิจเป็นคนแรกเท่านั้น เพื่อให้กำลังใจผู้ที่มี
ความขยันในการทำภารกิจส่งผู้อำนวยการโรงเรียน
❤ รางวัลเกียรติยศแห่งความสร้างสรรค์
.....ถ้วยรางวัลแต่ละชนิดจะถูกมอบให้กับ นักเรียน-อาจารย์ ที่มีผลงานสร้างสรรค์
เกินขอบเขตของจินตนาการ โดยระดับถ้วยเกียรติยศและจำนวนที่จะมอบให้นั้นขึ้น
อยู่กับผู้อำนวยการโรงเรียนเท่านั้น แม้ผลงานที่เพอร์เฟ็คแต่ถ้าขาดความสร้างสรรค์
ก็จะไม่ได้รับถ้วยรางวัลเกียรติยศก็เป็นได้ ในทางกลับกันหากผลงานไม่ได้สวยจน
น่าตะลึง แต่ถ้าหากมีความสร้างสรรค์ผู้อำนวยการก็สามารถมอบถ้วยเกียรติยศให้ได้...
★ Spectacular Award
.......รางวัล Spectacular จะถูกมอบให้สำหรับผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานได้ประทับใจ
สปอนเซอร์จากบริษัท THE NOBLEMAN เป็นอย่างมาก โดยผลงานจะต้องมีเสน่ห์
ในรูปแบบต่างๆที่ดึงดูดสายตาและจิตใจของสปอนเซอร์ ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณภาพ
ผลงานแต่อย่างใด แต่จะขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์, จินตนาการ,เสน่ห์ของผลงาน,
ความกลมกล่อมของภาพรวม เป็นต้น
ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลนี้จะได้รับการประกาศเกียรติคุณ ณ ความคิดเห็นที่ลงผลงานและ
ใต้ชื่อกระทู้ภารกิจในหน้ากระดานภารกิจ พร้อมทั้งของรางวัลดังนี้...
** อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับรางวัลนี้ได้โดย "คลิ๊กที่นี่" **
นานมาแล้วที่เราไม่ได้ออกไปเข้าค่ายนอกสถานที่กัน
เพราะฉะนั้นครั้งนี้ทางโรงเรียนจะพาทุกคนออกไป
เข้าค่ายค้างคืนกันที่ "อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน"
กันเป็นเวลา 7 วัน 6 คืน เรียกได้ว่าได้เปลี่ยนอากาศ
อาศัยอยู่กลางธรรมชาติกันถึงหนึ่งอาทิตย์เลยทีเดียว!!
รายละเอียดการเข้าค่ายนี้จะเป็นอย่างไร คลิ๊ก "ที่นี่"
ระยะเวลาภารกิจ พิมพ์ว่า:MON 01/05/17 ; 00.00 TH - MON 15/05/17 ; 23.59 TH
รายละเอียดภารกิจ พิมพ์ว่า:1.เลือกห้องพักและลงทะเบียนหอพัก (สำหรับคนยังไม่มีห้อง)
- วิธีการลงทะเบียนหอพัก:
ขั้นตอนการลงทะเบียนหอพัก
- ดูเลขห้องพักได้ ที่นี่
- คลิ๊ก ที่นี่ เพื่อเข้าฟอรั่ม ห้องปกครอง
- ตัวแทนรูมมเมทตั้งกระทู้เพื่อลงทะเบียนหอพัก
จากนั้นจึงให้รูมเมทอีกคนหนึ่งตอบกระทู้เพื่อยืนยัน
การลงทะเบียน ดูตัวอย่างได้ ที่นี่
- เมื่อยืนยันการจองแล้วทางระบบจะทำการตั้งกระทู้
ข้อมูลห้องให้ทางฟอรั่ม ห้องพักส่วนบุคคล
2.คู่รูมเมทร่วมมือกันแต่งเนื้อเรื่องขณะอยู่ในค่าย
โดยอ้างอิงเนื้อเรื่องตามหน้าที่ที่ตนได้รับ อ่านหน้าที่
ของแต่ละคู่ได้ "ที่นี่"
3.แบ่งหน้าที่กันโดยให้คนหนึ่งเป็นคนเขียนเนื้อหา
ภารกิจที่แต่งร่วมกัน ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นคนวาดรูป
ประกอบเนื้อหาจำนวนอย่างน้อย 1 รูป
เพิ่มเติม : กรณีที่ทำภารกิจครบตามเงื่อนไขแล้ว
สามารถเขียนเนื้อหาส่วนอื่นๆนอกเหนือจากส่วน
หน้าที่ประจำกลุ่มของตัวเองได้ตามอัธยาศัย
เช่น กิจกรรมหลัก (ชมสัตว์,เดินป่า) กิจกรรมรอง
(รอบกองไฟ) หรือช่วงเวลาอิสระ แต่ถ้าคู่ไหน
ไม่อยากทำภารกิจสเกลใหญ่หรือมีเวลาน้อย
ให้โฟกัสเนื้อหาหน้าที่ประจำกลุ่มเป็นหลัก
เนื่องจากเป็นเนื้อหาส่วนที่เป็นเงื่อนไขภารกิจ
กฏการให้สแตมป์ พิมพ์ว่า:เนื้อหา 50% / ภาพ 50%
เนื้อหาตรวจจากมีเนื้อหาส่วนของหน้าที่ที่ตนได้รับ
ภายในค่ายหรือไม่ สามารถนำหน้าที่ของตนมาเขียน
ได้น่าสนใจมากน้อยเพียงใด ความถูกต้องของภาษา
และการเว้นวรรค การจัดหน้าบรรทัดที่อ่านง่าย
ภาพตรวจจากสแตนด์ดาร์ทส่วนบุคคลของผู้วาด
และภาพนั้นตรงกับเนื้อหาที่เขียนมากน้อยเพียงใด
ภาพที่ตรงกับเนื้อหาคือจุดวัดความสามัคคีในภารกิจ
ครั้งนี้
รวมลิงค์อ้างอิงข้อมูลสำหรับใช้ทำภารกิจ พิมพ์ว่า:** คลิ๊กที่หัวข้อเพื่ออ่านข้อมูล **
1. รายละเอียดการเข้าค่าย+หน้าที่ของแต่ละคน
ใครที่ไม่มีรูมเมท รูมเมทไม่ว่าง ให้เลือกทำอย่างใด
อย่างหนึ่งระหว่างวาดหรือเขียน หรือจะทำทั้งคู่เพื่อ
ที่จะนำไปส่งกิจกรรมต่อได้นะครับ ถ้าคู่ไหนมีรูมเมท
แต่รูมเมทไม่สะดวกร่วม ให้เขียนกำกับในภารกิจไว้
เฉพาะคนที่ทำผลงานส่งเท่านั้นที่จะได้สแตมป์ครับ
รู้หรือไม่ว่า...? กิจกรรม Event : Summer Camp และ... ภารกิจ ROOMMATE 8 : Summer Camp สามารถทำผลงานเพียงครั้งเดียวและใช้ส่งทั้งกิจกรรมและภารกิจได้ โดยในภารกิจนี้จะแบ่งเป็นคนหนึ่งวาดและอีกคนหนึ่งเขียน ดังนั้น เวลานำผลงานที่ส่งในภารกิจไปส่งในกิจกรรม จะเป็นดังนี้... - ผู้วาดรูปส่งในภารกิจ ส่งภาพเดียวกับที่ส่งในภารกิจ + เขียนเรื่องราวใหม่เองในกิจกรรม - ผู้เขียนเนื้อเรื่องในภารกิจ ส่งเรื่องราวเดียวกับที่ส่งในภารกิจ + วาดรูปใหม่เองในกิจกรรม *เพื่อลดหย่อนความหนักในการร่วมกิจกรรมสำหรับผู้เขียนเนื้อเรื่อง เนื่องจากในกิจกรรมจะตัดสินด้วยภาพวาด ดังนั้นผู้ที่เขียนเนื้อเรื่อง ในภารกิจจะได้รับการลดมาตรฐานในการตัดสินภาพในกิจกรรมจาก รางวัลสูงสุดต้องผ่านเกณฑ์เกิน 80% ขึ้นไปเหลือเพียง 65%!* หากใครที่ส่งภารกิจแล้วแต่ไม่ได้ร่วมกิจกรรมก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูก ลดค่า Grade Exp. ตามเงื่อนไขผู้ไม่ได้ร่วมกิจกรรมแต่อย่างใด!! เพราะหากคุณเข้าร่วมภารกิจครั้งนี้จะได้รับไอเทมป้องกันการลดค่า ประสบการณ์ Grade Exp. ในทันที แต่ถ้าหากคุณอยากได้รางวัล ในกิจกรรมก็ยังคงต้องส่งกิจกรรมเช่นเดิมนะ!! และแน่นอนว่าสำหรับใครที่ไม่ว่างทำภารกิจและกิจกรรม ทำให้อาจ มีผลต่อการโดนลดค่า Grade Exp. ก็ไม่ต้องกังวลเช่นกัน! เพราะ หากคุณเช็คชื่อในภารกิจนี้ คุณจะได้รับไอเทมพิเศษที่ช่วยป้องกัน การลดค่า Grade Exp. เช่นเดียวกับการทำภารกิจ เพียงแต่ว่าจะมี เงื่อนไขเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งสามารถตามไปดูได้ที่ "สมุดเช็คชื่อ" |
❤ รางวัลคุณภาพผลงาน
✎ A. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้เพอร์เฟ็คและน่าอัศจรรย์มาก 100%
เข็มกลัดผู้พิทักษ์ เข็มกลัดผู้พิทักษ์ที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ที่ได้รับเข็มกลัดนี้สูญเสียค่า Grade Exp. จากกิจกรรม Event : Summer Camp โดยจะคืนค่าประสบการณ์ที่สูญเสียไปจากกิจกรรมให้ทั้งหมดเป็นจำนวน +150 Grade Exp. แต่หากเจ้าของเข็มกลัดนี้ร่วมกิจกรรมและไม่ถูกหักค่าประสบการณ์ไป ความสามารถของเข็มกลัดนี้จะไร้ผลในทันที |
MASTER TRIANGLE STAMP ตราประทับระดับสูงสุดในหมวดภารกิจรูมเมทและภารกิจพิเศษ มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมทองคำแท้ มีมูลค่า +200 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้เพอร์เฟ็คเป็นที่น่าประทับใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+3,000,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
✎ B. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้เกือบเพอร์เฟ็ค 90% - 99%
เข็มกลัดผู้พิทักษ์ เข็มกลัดผู้พิทักษ์ที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ที่ได้รับเข็มกลัดนี้สูญเสียค่า Grade Exp. จากกิจกรรม Event : Summer Camp โดยจะคืนค่าประสบการณ์ที่สูญเสียไปจากกิจกรรมให้ทั้งหมดเป็นจำนวน +150 Grade Exp. แต่หากเจ้าของเข็มกลัดนี้ร่วมกิจกรรมและไม่ถูกหักค่าประสบการณ์ไป ความสามารถของเข็มกลัดนี้จะไร้ผลในทันที |
GRAND PENTAGON STAMP ตราประทับระดับสูงมากในหมวดภารกิจรูมเมทและภารกิจพิเศษ มีลักษณะเป็นห้าเหลี่ยมเทอร์ควอยซ์ผสมทองคำแท้ มีมูลค่า +150 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้สุดยอดเป็นที่น่าปลาบปลื้มแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+2,000,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
✎ C. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้ยอดเยี่ยมมาก 80% - 90%
เข็มกลัดผู้พิทักษ์ เข็มกลัดผู้พิทักษ์ที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ที่ได้รับเข็มกลัดนี้สูญเสียค่า Grade Exp. จากกิจกรรม Event : Summer Camp โดยจะคืนค่าประสบการณ์ที่สูญเสียไปจากกิจกรรมให้ทั้งหมดเป็นจำนวน +150 Grade Exp. แต่หากเจ้าของเข็มกลัดนี้ร่วมกิจกรรมและไม่ถูกหักค่าประสบการณ์ไป ความสามารถของเข็มกลัดนี้จะไร้ผลในทันที |
ULTRA SQUARE STAMP ตราประทับระดับสูงในหมวดภารกิจรูมเมทและภารกิจพิเศษ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมเพชรสีชมพูผสมทองคำแท้ มีมูลค่า +100 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจอย่างยอดเยี่ยมเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+1,500,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
✎ D. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้ปานกลาง 65% - 80%
เข็มกลัดผู้พิทักษ์ เข็มกลัดผู้พิทักษ์ที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ที่ได้รับเข็มกลัดนี้สูญเสียค่า Grade Exp. จากกิจกรรม Event : Summer Camp โดยจะคืนค่าประสบการณ์ที่สูญเสียไปจากกิจกรรมให้ทั้งหมดเป็นจำนวน +150 Grade Exp. แต่หากเจ้าของเข็มกลัดนี้ร่วมกิจกรรมและไม่ถูกหักค่าประสบการณ์ไป ความสามารถของเข็มกลัดนี้จะไร้ผลในทันที |
GREAT SQUARE STAMP ตราประทับระดับกลางในหมวดภารกิจรูมเมทและภารกิจพิเศษ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมแซฟไฟร์ มีมูลค่า +75 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้อย่างดีเป็นที่น่าชื่นชมแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+1,000,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
✎ E. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้ผ่านเกณฑ์ 50% - 65%
เข็มกลัดผู้พิทักษ์ เข็มกลัดผู้พิทักษ์ที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ที่ได้รับเข็มกลัดนี้สูญเสียค่า Grade Exp. จากกิจกรรม Event : Summer Camp โดยจะคืนค่าประสบการณ์ที่สูญเสียไปจากกิจกรรมให้ทั้งหมดเป็นจำนวน +150 Grade Exp. แต่หากเจ้าของเข็มกลัดนี้ร่วมกิจกรรมและไม่ถูกหักค่าประสบการณ์ไป ความสามารถของเข็มกลัดนี้จะไร้ผลในทันที |
JEWEL SQUARE STAMP ตราประทับระดับทั่วไปในหมวดภารกิจรูมเมทและภารกิจพิเศษ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมอัญมณีล้ำค่า มีมูลค่า +50 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้อย่างสำเร็จเป็นที่พึงพอใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+500,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
❤ รางวัลแห่งความขยัน
.....รางวัลสำหรับแจกให้กับผู้ที่ส่งภารกิจเป็นคนแรกเท่านั้น เพื่อให้กำลังใจผู้ที่มี
ความขยันในการทำภารกิจส่งผู้อำนวยการโรงเรียน
กล่องแห่งความขยัน กล่องของขวัญที่ทางโรงเรียนมอบให้กับผู้ส่งภารกิจหลักเป็นคนแรก เมื่อเปิดกล่องแล้วสามารถเลือกรับสกิลบัฟจำนวน 1 สกิลได้ดังนี้... หรือสามารถใช้แร่ QUAINT ORE จำนวน 20 ชิ้นแลกการใช้งานสกิลบัฟ 1 สกิลจาก... อ่านข้อมูลสกิลบัฟได้ที่ "คลิ๊กที่นี่" |
❤ รางวัลเกียรติยศแห่งความสร้างสรรค์
.....ถ้วยรางวัลแต่ละชนิดจะถูกมอบให้กับ นักเรียน-อาจารย์ ที่มีผลงานสร้างสรรค์
เกินขอบเขตของจินตนาการ โดยระดับถ้วยเกียรติยศและจำนวนที่จะมอบให้นั้นขึ้น
อยู่กับผู้อำนวยการโรงเรียนเท่านั้น แม้ผลงานที่เพอร์เฟ็คแต่ถ้าขาดความสร้างสรรค์
ก็จะไม่ได้รับถ้วยรางวัลเกียรติยศก็เป็นได้ ในทางกลับกันหากผลงานไม่ได้สวยจน
น่าตะลึง แต่ถ้าหากมีความสร้างสรรค์ผู้อำนวยการก็สามารถมอบถ้วยเกียรติยศให้ได้...
GOLDEN HONOR DEGREE TROPHY ถ้วยเกียรติยศทองคำแท้ มอบให้แด่ผู้ที่สามารถปฎิบัติภารกิจหรือร่วมกิจกรรมต่างๆที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นได้น่าประทับใจผู้อำนวยการเป็นอย่างมาก |
SILVER HONOR DEGREE TROPHY ถ้วยเกียรติยศเงินแท้ มอบให้แด่ผู้ที่สามารถปฎิบัติภารกิจหรือร่วมกิจกรรมต่างๆที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นได้น่าประทับใจผู้อำนวยการ |
BRONZE HONOR DEGREE TROPHY ถ้วยเกียรติยศทองแดง มอบให้แด่ผู้ที่สามารถปฎิบัติภารกิจหรือร่วมกิจกรรมต่างๆที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นได้น่าดึงดูดใจผู้อำนวยการ |
★ Spectacular Award
.......รางวัล Spectacular จะถูกมอบให้สำหรับผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานได้ประทับใจ
สปอนเซอร์จากบริษัท THE NOBLEMAN เป็นอย่างมาก โดยผลงานจะต้องมีเสน่ห์
ในรูปแบบต่างๆที่ดึงดูดสายตาและจิตใจของสปอนเซอร์ ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณภาพ
ผลงานแต่อย่างใด แต่จะขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์, จินตนาการ,เสน่ห์ของผลงาน,
ความกลมกล่อมของภาพรวม เป็นต้น
ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลนี้จะได้รับการประกาศเกียรติคุณ ณ ความคิดเห็นที่ลงผลงานและ
ใต้ชื่อกระทู้ภารกิจในหน้ากระดานภารกิจ พร้อมทั้งของรางวัลดังนี้...
** อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับรางวัลนี้ได้โดย "คลิ๊กที่นี่" **
+1,000,000 CHIPS เหรียญตราที่ใช้ในการชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดภายในโรงเรียนหรือการร่วมกิจกรรมพิเศษที่ทางบริษัท NOBLEMAN จัดขึ้น โดยสามารถใช้แต้มสะสมจาก Spirit Point ในการแลกได้ |
+30 QUAINT ORE แร่ธาตุพิเศษที่พบได้ในบริเวณรอบโรงเรียน สามารถนำไปใช้แลกเป็นไอเทมต่างๆที่โรงเรียนกำหนดเอาไว้ได้ แร่ธาตุชนิดนี้จะหาได้ยากเป็นพิเศษ ถ้าไม่ได้เดินรอบโรงเรียนบ่อยๆก็จะไม่มีทางที่จะเจอแร่ธาตุชนิดนี้ได้เลย |
Signature ------------------------------------------------>
- gotspinner
Rin Sukho
นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4
691
+14 M 550 K 921
PASSPORT
:
(400/2000)
:
Re: ROOMMATE 8 : Summer Camp
Thu 11 May 2017, 20:22
Roommate No.315 Rin+Hisoka
จากที่ทางโรงเรียนได้ประกาศว่าจะพาเด็กๆ ไปค่ายฤดูร้อน เมื่อมาถึงค่ายในวันแรกนั้น ทางโรงเรียนยังไม่ได้ให้นักเรียนทำกิจกรรมอะไรมากนัก เพียงแต่ให้นักเรียน เตรียมตัวจัดของสำหรับเตรียมพร้อมในค่าย และแบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบในส่วนต่างๆ ซึ่งฉันฮิโซกะและรูมเมทรินจัง ได้รับหน้าที่ให้ตรวจสอบและนับจำนวนกับดูแลเสบียงอาหารและอุปกรณ์ต่างๆ ในเต็นท์เสบียง ทุกคนจึงกางเต็นท์และจัดข้าวของเพื่อเตรียมตัวทำกิจกรรมในวันรุ่งขึ้น
Day 2 7.00 น.
ฉันลืมตาตื่นในตอนเช้าและเตรียมตัวไปอาบน้ำ โดยปลุกรินจังให้ตื่นเช่นกัน
“รินจังงงงงง รินจังงงงง ตื่นได้แล้ว” ฉันเอามือไปเขี่ยๆ เด็กสาวผมสั้นที่กำลังหลับอยู่ สักพักหญิงสาวผมสั้นสีดำขลับก็ตื่นขึ้น พร้อมกับหยิบแว่นตาข้างๆ มาใส่ เมื่อลุกออกมานอกเต็นท์ก็พบว่าหลายๆ คนก็ตื่นกันแล้ว และกำลังจะเตรียมตัวไปอาบน้ำ ล้างหน้าล้างตา หลังจากนั้นจึงไปรวมตัวกันออกกำลังกายกันในยามเช้า และรับประทานอาหารกัน
13.00 น. ถึงเวลากิจกรรมหลัก ซึ่งในวันนี้จะเป็นการส่องสัตว์ป่าในป่าลึก
“ทุกคนรวมกันตรงนี้ครับ” เสียงตะโกนของครูพี่จิณณ์บอกให้นักเรียนทุกคนมารวมตัวกันเพื่อขึ้นรถจิ๊บดังขึ้น
เหล่านักเรียนของโรงเรียนควิ้นท์ก็ทยอยเดินมาเข้าแถวรวมตัวกันเพื่อขึ้นรถจิ๊บไปส่องสิงห์สาราสัตว์ในป่าใหญ่ บ้างก็สะพายกระเป๋าเป้ที่เต็มไปด้วยขนม บ้างก็ขนจำพวกกล้องถ่ายรูปและกระติกน้ำดับกระหายขึ้นรถไป
“เดี๋ยวพวกเราจะไปชมสัตว์ป่ากันนะครับ ขอให้ทุกคนนั่งอยู่ในรถให้เป็นระเบียบ อย่าเล่นอะไรแผลงๆ หรือให้อาหารสัตว์”
คุณระบบ เอ๊ย คุณแม็กเวลได้ชี้แจงถึงรายละเอียด
“รับทราบค่ะ/ครับ~” เสียงตอบรับจากทุกคนดังขึ้นอย่างร่าเริง เพราะตื่นเต้นที่จะได้ไปชมสัตว์น้อยใหญ่
ส่วนฉันและรินจังเพียงพยักหน้าหงึกๆ รับทราบ ทุกคนทยอยขึ้นรถไป ระหว่างทางที่รถจิ๊บแล่นไป ลมเย็นจากการที่รถได้เคลื่อนตัวก็พัดโชยทำให้จากอากาศที่ร้อนระอุก็เย็นขึ้นเล็กน้อย แต่ดวงอาทิตย์ยังคงส่องจ้าอยู่กลางศรีษะในเวลาบ่าย
รถเคลื่อนตัวไปได้สักพัก ก็มีพุ่มไม้เคลื่อนไว้ให้เห็นอยู่ไม่ไกลตา
สวบ สวบ ยิ่งรถจิ๊บเคลื่อนที่ไปใกล้เท่าไหร่ เสียงดังสวบๆ จังพุ่มไม้นั้นก็ยิ่งดังขึ้น จนมีสัตว์ป่าตัวหนึ่งโผล่ออกมาให้ชม หูของมันตั้งขึ้น ตัวของมันเล็ก ซึ่งดูเหมือนลูกแมวที่มีลายดาวรอบตัว แววตาสีเหลืองลุกวาวมองมาที่ผู้คนบนรถจิ๊บ
“นั่น ลูกแมวนี่! แต่แมวอะไรทำไมมีลายดาวรอบตัวกันคะ” ฉันตะโกนดังออกมาเมื่อเห็นเจ้าลูกแมวที่โผล่ออกมาพุ่มไม้
“[เอ่อ...ฮินั่นมันเสือดาวจ้ะ]” รินจังสะกิดฉัน เพราะสายตาที่เลือนรางของฉันทำให้เห็นลูกเสือดาวเป็นลูกแมว ทุกคนจึงส่งเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน รถจิ๊บก็แล่นต่อไปทำให้เห็นสัตว์ป่าต่างๆ มากมาย เช่น ช้างป่า
จนถึงเวลาเย็นจึงได้กลับไปที่ค่าย รถจิ๊บจอดเรียงกัน เด็กๆ ค่อยๆ ลงมาจากรถแล้วเดินเข้าที่พักไปเก็บของ และทำหน้าที่ของตนเองที่ได้แบ่งไว้ในตอนแรก
ฉันและรินจังจึงเดินไปที่เต็นท์เสบียง เพื่อตรวจเช็คอาหารและอุปกรณ์ว่าเพียงพอรึเปล่า ฉันเช็คพวกเสบียงอาหาร ส่วนรินจังเช็คพวกอุปกรณ์ แล้วจึงสรุปยอดว่ามีจำนวนคงเหลือที่แน่นอนเมื่อหักลบกับที่ใช้ไป สักพักก็มีเสียงคนวิ่งมาที่เต๊นท์เสบียง
ตึก ตึก ตึก เสียงวิ่งค่อยๆ ดังเข้ามา และก็ปรากฏให้เห็นเป็นเด็กสาวผมเปียร์สองข้าง ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสแต่ดูเหน็ดเหนื่อยกับการวิ่ง
“ฮิคะ รินคะ เดียร์ขอน้ำตาลไปให้เชฟปรุงอาหารหน่อยค่ะ” สาวน้อยผมเปียร์เอ่ย แล้วก้มตัวลงหอบแฮ่กๆ
“เดี๋ยวฮิไปหยิบให้เองค่ะ” ฉันตอบรับแล้วเดินเข้าไปหยิบถุงใบหนึ่งที่บรรจุเจ้าเม็ดสีขาวละเอียดเอาไว้ภายในแล้วนำมายื่นให้เดียร์ ส่วนรินจังที่กำลังยืนคุยกับเดียร์ด้วยไอแพดก็ชูไอแพดขึ้นมาถามว่า
“[จะเอาน้ำตาลไปทำอะไรหรอคะ]”
“ทำขนมเค้กเป็นของหวานจ้า” เดียร์ตอบกลับมาเร็วไวพร้อมปาดเหงื่อไปด้วย
ด้วยสกิลการพิมพ์ที่รวดเร็วของรินจัง ภายในไม่ถึงพริบตาก็ชูไอแพดขึ้นมาอีก
“[จะรอกินนะคะ~]” หลังจากนั้นเดียร์ก็รีบวิ่งออกไปหลังจากได้ที่ของที่ต้องการแล้ว เนื่องจากใกล้จะถึงเวลาอาหารเย็นเต็มที
18.00 น. ถึงเวลาอาหารเย็น ทุกคนจึงมารวมตัวกัน
ทั้งสุภะและแม็ซก็ได้ผลไม้ที่เก็บมาจากในป่า ส่วนทางด้านเชฟก็ปรุงอาหารเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ทุกคนจึงนั่งล้อมวงกันตรงบริเวณลานกว้างเพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน หลังจากอาหารคาวผ่านไป ก็ถึงคิวของหวาน ซึ่งก็คือเค้กผลไม้นั่นเอง เด็กๆ ตาลุกวาวเมื่อเค้กได้ถูกนำมาเสิร์ฟ พร้อมส่งกินหอมตลบอบอวลไปทั่วค่าย
“น่ากินจัง” คำนี้ออกมาจากทุกคนที่นั่งอยู่ ยกเว้นรินจังที่ถือไอแพดขึ้นมาชู “[น่ากินจังค่ะ~]”
เป็นธรรมดาที่เด็กต้องคู่กับของหวาน ทุกคนเริ่มลงมือตักเค้กเข้าปาก แต่ทว่า....
“พรวดดดดดดดดด” เสียงของทุกคนพ่นเค้กออกมา หลังจากที่ได้กินเข้าไป
“ทำไมมันเค็มแบบนี้เนี่ย...” ฉันเอ่ยขึ้นมา หลังจากที่ตักเค้กเข้าปากไปด้วยความคิดที่เค้กน่าจะรสชาติหอมหวานแบบเค้กผลไม้ทั่วไป
“จริงด้วย” เสียงเด็กๆ และคุณครูบ่นระงมกันไปทั้งค่าย ส่วนรินจังก็ทำหน้า แหยะๆ ใส่เค้กแทน
“เดียร์ไปตามเชฟมาให้หน่อยได้มั้ยครับ” ครูพี่จิณณ์เอ่ยปาก
“ได้ค่ะ” แล้วเดียร์ก็วิ่งเข้าไปบริเวณทำครัว และเดินกลับมาพร้อมเชฟ
“มีอะไรหรอครับ ?....” เชฟเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง
“เค้กผลไม้ที่คุณทำให้พวกเรากินหน่ะสิครับ รสชาติมัน....” คุณแม็กเวลตอบ
“เค็ม!!” เด็กต่างๆ ตอบพร้อมกัน
“ผมว่าผมไม่ได้ใส่เกลือไปในเค้กแม้แต่นิดเดียวนะ สงสัยมีอะไรผิดพลาด ผมใส่แต่น้ำตาลที่ผมให้เดียร์ไปเอามาให้จากเต๊นท์เสบียง” สีหน้าเชฟค่อนข้างแปลกใจ เนื่องจากตนไม่เคยทำอาหารที่มีรสชาติแย่แบบนี้
“เดียร์ครับ แน่ใจหรือเปล่าว่าเป็นน้ำตาล...” ครูพี่จิณณ์ถามต่อ
“เดียร์ไม่ได้หยิบเองค่ะ ฮิเป็นคนหยิบให้..” เด็กสาวผมเปียร์ก้มหน้างุดลง แล้วหันไปทางฮิโซกะที่ตอนนี้สีหน้าเริ่มเปลี่ยน
“คือ....ว่า สงสัยว่า.... ฮิคงจะดูผิดหน่ะค่ะ” ฉันพูดออกมา เนื่องจากสายตาที่ไม่ค่อยดี เห็นเลือนๆ ลางๆ ทำให้หยิบสลับกับถุงน้ำตาล
“ฮิ!!!!” ทุกคนตะโกนออกมา แล้วหันมามองกันเป็นตาเดียว
“แหะๆ ฮิขอโทษค่ะ...” ฉันก้มหน้างุดลง
“ไม่เป็นไรนะฮะฮิจัง~” ไทระเดินเข้ามาตบบ่า แล้วพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“[พวกเราแค่ได้ลองกินเค้กแบบเค็มดูบ้างไงคะ]” รินจังชูไอแพดขึ้นมาเหนือหัว แล้วหัวเราะเล็กน้อย
หลังจากทุกอย่างเคลียร์ได้ด้วยดี ก็เริ่มกิจกรรมรอบกองไฟ ไม่ว่าจะเป็นการร้องการเต้น หรือเกมต่างๆ แล้ววันนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้ ทุกคนคงจะเคยได้ยินว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ค่ายฤดูร้อนนี้ก็เช่นกัน และแล้วก็ถึงวันสุดท้าย ที่ต้องเก็บของเตรียมตัวกลับโรงเรียน หลังจากที่ได้ไปส่องสัตว์ป่า เรียนรู้พืชพรรณต่างๆ ชมนกชมไม้ ปลูกต้นดำดง เต้นรอบกองไฟ เล่นเกม ร้องรำทำเพลงกันมาหลายวัน ก็หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ ทั้งเด็กและครูต่างเริ่มเก็บของ เก็บเต็นท์เพื่อกลับโรงเรียน แล้วเมื่อรถโรงเรียนมาถึงจึงนำสัมภาระขึ้นไปเก็บบนรถ
“ทุกคนฮะ ผมว่ามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อยดีกว่า” เสียงไทระประธานนักเรียนคนล่าสุดที่ยังไม่ถูกระบบปลดดังขึ้น
“เห็นด้วยค่าาาาาา” เสียงเดียร์ตะโกนกลับมา
แล้วทุกคนจึงทยอยลงมาจากรถเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ยูคุงผู้ชายตัวเล็กได้ไปยืนข้างหน้า ถ้าคุณเอลิทมาก็คงจะยืนหน้ายูคุง... ถัดมาก็เป็นพี่แคล รินจัง เซย์ และสุภะ มินิไลน์ ส่วนคนอื่นๆ ก็ยืนเรียงๆ กันไป เพื่อไม่ให้บังใคร
“ทุกคนเว้นที่ไว้ให้ผอ.กับคุณเอลีทด้วยนะครับ” ครูพี่ไอน์พูดขึ้นแล้วเว้นที่ว่างไว้ 2 คน
“ชีสสสสสสส” คนขับรถผู้ลงมาช่วยถ่ายรูปให้ตะโกน
แชะ
:)
✎ C. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้ยอดเยี่ยมมาก 80% - 90%
จากที่ทางโรงเรียนได้ประกาศว่าจะพาเด็กๆ ไปค่ายฤดูร้อน เมื่อมาถึงค่ายในวันแรกนั้น ทางโรงเรียนยังไม่ได้ให้นักเรียนทำกิจกรรมอะไรมากนัก เพียงแต่ให้นักเรียน เตรียมตัวจัดของสำหรับเตรียมพร้อมในค่าย และแบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบในส่วนต่างๆ ซึ่งฉันฮิโซกะและรูมเมทรินจัง ได้รับหน้าที่ให้ตรวจสอบและนับจำนวนกับดูแลเสบียงอาหารและอุปกรณ์ต่างๆ ในเต็นท์เสบียง ทุกคนจึงกางเต็นท์และจัดข้าวของเพื่อเตรียมตัวทำกิจกรรมในวันรุ่งขึ้น
Day 2 7.00 น.
ฉันลืมตาตื่นในตอนเช้าและเตรียมตัวไปอาบน้ำ โดยปลุกรินจังให้ตื่นเช่นกัน
“รินจังงงงงง รินจังงงงง ตื่นได้แล้ว” ฉันเอามือไปเขี่ยๆ เด็กสาวผมสั้นที่กำลังหลับอยู่ สักพักหญิงสาวผมสั้นสีดำขลับก็ตื่นขึ้น พร้อมกับหยิบแว่นตาข้างๆ มาใส่ เมื่อลุกออกมานอกเต็นท์ก็พบว่าหลายๆ คนก็ตื่นกันแล้ว และกำลังจะเตรียมตัวไปอาบน้ำ ล้างหน้าล้างตา หลังจากนั้นจึงไปรวมตัวกันออกกำลังกายกันในยามเช้า และรับประทานอาหารกัน
13.00 น. ถึงเวลากิจกรรมหลัก ซึ่งในวันนี้จะเป็นการส่องสัตว์ป่าในป่าลึก
“ทุกคนรวมกันตรงนี้ครับ” เสียงตะโกนของครูพี่จิณณ์บอกให้นักเรียนทุกคนมารวมตัวกันเพื่อขึ้นรถจิ๊บดังขึ้น
เหล่านักเรียนของโรงเรียนควิ้นท์ก็ทยอยเดินมาเข้าแถวรวมตัวกันเพื่อขึ้นรถจิ๊บไปส่องสิงห์สาราสัตว์ในป่าใหญ่ บ้างก็สะพายกระเป๋าเป้ที่เต็มไปด้วยขนม บ้างก็ขนจำพวกกล้องถ่ายรูปและกระติกน้ำดับกระหายขึ้นรถไป
“เดี๋ยวพวกเราจะไปชมสัตว์ป่ากันนะครับ ขอให้ทุกคนนั่งอยู่ในรถให้เป็นระเบียบ อย่าเล่นอะไรแผลงๆ หรือให้อาหารสัตว์”
คุณระบบ เอ๊ย คุณแม็กเวลได้ชี้แจงถึงรายละเอียด
“รับทราบค่ะ/ครับ~” เสียงตอบรับจากทุกคนดังขึ้นอย่างร่าเริง เพราะตื่นเต้นที่จะได้ไปชมสัตว์น้อยใหญ่
ส่วนฉันและรินจังเพียงพยักหน้าหงึกๆ รับทราบ ทุกคนทยอยขึ้นรถไป ระหว่างทางที่รถจิ๊บแล่นไป ลมเย็นจากการที่รถได้เคลื่อนตัวก็พัดโชยทำให้จากอากาศที่ร้อนระอุก็เย็นขึ้นเล็กน้อย แต่ดวงอาทิตย์ยังคงส่องจ้าอยู่กลางศรีษะในเวลาบ่าย
รถเคลื่อนตัวไปได้สักพัก ก็มีพุ่มไม้เคลื่อนไว้ให้เห็นอยู่ไม่ไกลตา
สวบ สวบ ยิ่งรถจิ๊บเคลื่อนที่ไปใกล้เท่าไหร่ เสียงดังสวบๆ จังพุ่มไม้นั้นก็ยิ่งดังขึ้น จนมีสัตว์ป่าตัวหนึ่งโผล่ออกมาให้ชม หูของมันตั้งขึ้น ตัวของมันเล็ก ซึ่งดูเหมือนลูกแมวที่มีลายดาวรอบตัว แววตาสีเหลืองลุกวาวมองมาที่ผู้คนบนรถจิ๊บ
“นั่น ลูกแมวนี่! แต่แมวอะไรทำไมมีลายดาวรอบตัวกันคะ” ฉันตะโกนดังออกมาเมื่อเห็นเจ้าลูกแมวที่โผล่ออกมาพุ่มไม้
“[เอ่อ...ฮินั่นมันเสือดาวจ้ะ]” รินจังสะกิดฉัน เพราะสายตาที่เลือนรางของฉันทำให้เห็นลูกเสือดาวเป็นลูกแมว ทุกคนจึงส่งเสียงหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน รถจิ๊บก็แล่นต่อไปทำให้เห็นสัตว์ป่าต่างๆ มากมาย เช่น ช้างป่า
จนถึงเวลาเย็นจึงได้กลับไปที่ค่าย รถจิ๊บจอดเรียงกัน เด็กๆ ค่อยๆ ลงมาจากรถแล้วเดินเข้าที่พักไปเก็บของ และทำหน้าที่ของตนเองที่ได้แบ่งไว้ในตอนแรก
ฉันและรินจังจึงเดินไปที่เต็นท์เสบียง เพื่อตรวจเช็คอาหารและอุปกรณ์ว่าเพียงพอรึเปล่า ฉันเช็คพวกเสบียงอาหาร ส่วนรินจังเช็คพวกอุปกรณ์ แล้วจึงสรุปยอดว่ามีจำนวนคงเหลือที่แน่นอนเมื่อหักลบกับที่ใช้ไป สักพักก็มีเสียงคนวิ่งมาที่เต๊นท์เสบียง
ตึก ตึก ตึก เสียงวิ่งค่อยๆ ดังเข้ามา และก็ปรากฏให้เห็นเป็นเด็กสาวผมเปียร์สองข้าง ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสแต่ดูเหน็ดเหนื่อยกับการวิ่ง
“ฮิคะ รินคะ เดียร์ขอน้ำตาลไปให้เชฟปรุงอาหารหน่อยค่ะ” สาวน้อยผมเปียร์เอ่ย แล้วก้มตัวลงหอบแฮ่กๆ
“เดี๋ยวฮิไปหยิบให้เองค่ะ” ฉันตอบรับแล้วเดินเข้าไปหยิบถุงใบหนึ่งที่บรรจุเจ้าเม็ดสีขาวละเอียดเอาไว้ภายในแล้วนำมายื่นให้เดียร์ ส่วนรินจังที่กำลังยืนคุยกับเดียร์ด้วยไอแพดก็ชูไอแพดขึ้นมาถามว่า
“[จะเอาน้ำตาลไปทำอะไรหรอคะ]”
“ทำขนมเค้กเป็นของหวานจ้า” เดียร์ตอบกลับมาเร็วไวพร้อมปาดเหงื่อไปด้วย
ด้วยสกิลการพิมพ์ที่รวดเร็วของรินจัง ภายในไม่ถึงพริบตาก็ชูไอแพดขึ้นมาอีก
“[จะรอกินนะคะ~]” หลังจากนั้นเดียร์ก็รีบวิ่งออกไปหลังจากได้ที่ของที่ต้องการแล้ว เนื่องจากใกล้จะถึงเวลาอาหารเย็นเต็มที
18.00 น. ถึงเวลาอาหารเย็น ทุกคนจึงมารวมตัวกัน
ทั้งสุภะและแม็ซก็ได้ผลไม้ที่เก็บมาจากในป่า ส่วนทางด้านเชฟก็ปรุงอาหารเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ทุกคนจึงนั่งล้อมวงกันตรงบริเวณลานกว้างเพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน หลังจากอาหารคาวผ่านไป ก็ถึงคิวของหวาน ซึ่งก็คือเค้กผลไม้นั่นเอง เด็กๆ ตาลุกวาวเมื่อเค้กได้ถูกนำมาเสิร์ฟ พร้อมส่งกินหอมตลบอบอวลไปทั่วค่าย
“น่ากินจัง” คำนี้ออกมาจากทุกคนที่นั่งอยู่ ยกเว้นรินจังที่ถือไอแพดขึ้นมาชู “[น่ากินจังค่ะ~]”
เป็นธรรมดาที่เด็กต้องคู่กับของหวาน ทุกคนเริ่มลงมือตักเค้กเข้าปาก แต่ทว่า....
“พรวดดดดดดดดด” เสียงของทุกคนพ่นเค้กออกมา หลังจากที่ได้กินเข้าไป
“ทำไมมันเค็มแบบนี้เนี่ย...” ฉันเอ่ยขึ้นมา หลังจากที่ตักเค้กเข้าปากไปด้วยความคิดที่เค้กน่าจะรสชาติหอมหวานแบบเค้กผลไม้ทั่วไป
“จริงด้วย” เสียงเด็กๆ และคุณครูบ่นระงมกันไปทั้งค่าย ส่วนรินจังก็ทำหน้า แหยะๆ ใส่เค้กแทน
“เดียร์ไปตามเชฟมาให้หน่อยได้มั้ยครับ” ครูพี่จิณณ์เอ่ยปาก
“ได้ค่ะ” แล้วเดียร์ก็วิ่งเข้าไปบริเวณทำครัว และเดินกลับมาพร้อมเชฟ
“มีอะไรหรอครับ ?....” เชฟเอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง
“เค้กผลไม้ที่คุณทำให้พวกเรากินหน่ะสิครับ รสชาติมัน....” คุณแม็กเวลตอบ
“เค็ม!!” เด็กต่างๆ ตอบพร้อมกัน
“ผมว่าผมไม่ได้ใส่เกลือไปในเค้กแม้แต่นิดเดียวนะ สงสัยมีอะไรผิดพลาด ผมใส่แต่น้ำตาลที่ผมให้เดียร์ไปเอามาให้จากเต๊นท์เสบียง” สีหน้าเชฟค่อนข้างแปลกใจ เนื่องจากตนไม่เคยทำอาหารที่มีรสชาติแย่แบบนี้
“เดียร์ครับ แน่ใจหรือเปล่าว่าเป็นน้ำตาล...” ครูพี่จิณณ์ถามต่อ
“เดียร์ไม่ได้หยิบเองค่ะ ฮิเป็นคนหยิบให้..” เด็กสาวผมเปียร์ก้มหน้างุดลง แล้วหันไปทางฮิโซกะที่ตอนนี้สีหน้าเริ่มเปลี่ยน
“คือ....ว่า สงสัยว่า.... ฮิคงจะดูผิดหน่ะค่ะ” ฉันพูดออกมา เนื่องจากสายตาที่ไม่ค่อยดี เห็นเลือนๆ ลางๆ ทำให้หยิบสลับกับถุงน้ำตาล
“ฮิ!!!!” ทุกคนตะโกนออกมา แล้วหันมามองกันเป็นตาเดียว
“แหะๆ ฮิขอโทษค่ะ...” ฉันก้มหน้างุดลง
“ไม่เป็นไรนะฮะฮิจัง~” ไทระเดินเข้ามาตบบ่า แล้วพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“[พวกเราแค่ได้ลองกินเค้กแบบเค็มดูบ้างไงคะ]” รินจังชูไอแพดขึ้นมาเหนือหัว แล้วหัวเราะเล็กน้อย
หลังจากทุกอย่างเคลียร์ได้ด้วยดี ก็เริ่มกิจกรรมรอบกองไฟ ไม่ว่าจะเป็นการร้องการเต้น หรือเกมต่างๆ แล้ววันนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้ ทุกคนคงจะเคยได้ยินว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ค่ายฤดูร้อนนี้ก็เช่นกัน และแล้วก็ถึงวันสุดท้าย ที่ต้องเก็บของเตรียมตัวกลับโรงเรียน หลังจากที่ได้ไปส่องสัตว์ป่า เรียนรู้พืชพรรณต่างๆ ชมนกชมไม้ ปลูกต้นดำดง เต้นรอบกองไฟ เล่นเกม ร้องรำทำเพลงกันมาหลายวัน ก็หมดเวลาสนุกแล้วสิ หมดเวลาสนุกแล้วสิ ทั้งเด็กและครูต่างเริ่มเก็บของ เก็บเต็นท์เพื่อกลับโรงเรียน แล้วเมื่อรถโรงเรียนมาถึงจึงนำสัมภาระขึ้นไปเก็บบนรถ
“ทุกคนฮะ ผมว่ามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อยดีกว่า” เสียงไทระประธานนักเรียนคนล่าสุดที่ยังไม่ถูกระบบปลดดังขึ้น
“เห็นด้วยค่าาาาาา” เสียงเดียร์ตะโกนกลับมา
แล้วทุกคนจึงทยอยลงมาจากรถเพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ยูคุงผู้ชายตัวเล็กได้ไปยืนข้างหน้า ถ้าคุณเอลิทมาก็คงจะยืนหน้ายูคุง... ถัดมาก็เป็นพี่แคล รินจัง เซย์ และสุภะ มินิไลน์ ส่วนคนอื่นๆ ก็ยืนเรียงๆ กันไป เพื่อไม่ให้บังใคร
“ทุกคนเว้นที่ไว้ให้ผอ.กับคุณเอลีทด้วยนะครับ” ครูพี่ไอน์พูดขึ้นแล้วเว้นที่ว่างไว้ 2 คน
“ชีสสสสสสส” คนขับรถผู้ลงมาช่วยถ่ายรูปให้ตะโกน
แชะ
:)
✎ C. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้ยอดเยี่ยมมาก 80% - 90%
เข็มกลัดผู้พิทักษ์ เข็มกลัดผู้พิทักษ์ที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ที่ได้รับเข็มกลัดนี้สูญเสียค่า Grade Exp. จากกิจกรรม Event : Summer Camp โดยจะคืนค่าประสบการณ์ที่สูญเสียไปจากกิจกรรมให้ทั้งหมดเป็นจำนวน +150 Grade Exp. แต่หากเจ้าของเข็มกลัดนี้ร่วมกิจกรรมและไม่ถูกหักค่าประสบการณ์ไป ความสามารถของเข็มกลัดนี้จะไร้ผลในทันที |
ULTRA SQUARE STAMP ตราประทับระดับสูงในหมวดภารกิจรูมเมทและภารกิจพิเศษ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมเพชรสีชมพูผสมทองคำแท้ มีมูลค่า +100 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจอย่างยอดเยี่ยมเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+1,500,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
GOLDEN HONOR DEGREE TROPHY ถ้วยเกียรติยศทองคำแท้ มอบให้แด่ผู้ที่สามารถปฎิบัติภารกิจหรือร่วมกิจกรรมต่างๆที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นได้น่าประทับใจผู้อำนวยการเป็นอย่างมาก |
กล่องแห่งความขยัน กล่องของขวัญที่ทางโรงเรียนมอบให้กับผู้ส่งภารกิจหลักเป็นคนแรก เมื่อเปิดกล่องแล้วสามารถเลือกรับสกิลบัฟจำนวน 1 สกิลได้ดังนี้... หรือสามารถใช้แร่ QUAINT ORE จำนวน 20 ชิ้นแลกการใช้งานสกิลบัฟ 1 สกิลจาก... อ่านข้อมูลสกิลบัฟได้ที่ "คลิ๊กที่นี่" |
- pangkawjoaประธานนักเรียน
Taira Payakaroon
อาจารย์ภาษาไทย
3310
+611 M 422 K 265
PASSPORT
:
(2580/21000)
:
Re: ROOMMATE 8 : Summer Camp
Fri 12 May 2017, 22:34
เนื่องจากพีชติดสอบ เลยไม่สะดวกทำภารกิจ
ไทระเลยเป็นตัวแทนมาส่งภารกิจเองครับ
เชิญรับชมได้เลยครับ
ไทระเลยเป็นตัวแทนมาส่งภารกิจเองครับ
เชิญรับชมได้เลยครับ
- ไปเข้าค่ายกันเถอะ!:
“ทุกคนที่รับวอแล้ว อย่าลืมลงชื่อนะครับ”
เสียงของ ‘พีช’ ประธานชมรมโสตศึกษาคงดังไปทั่วบริเวณนี้ น่าเสียดายที่ผมไม่มีวันได้ยินเสียงเขา และที่น่าเสียดายอีกอย่างคือผมคงไม่มีทางได้ยินเสียงของธรรมชาติแถวนี้แน่ๆ
ตอนนี้ทางโรงเรียนพาทุกคนมาเข้า ‘ค่ายฤดูร้อน’ ที่ ‘อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน’ เป็นเวลาเจ็ดวันหกคืนครับ อ๊ะ...จริงสิ ไม่ใช่ทุกคนที่มานี่นา ผู้อำนวยการนรินทร์กับคุณเอลีทไม่ได้มาทริปนี้ด้วย สงสัยคงติดงานแน่ๆ เลย น่าเสียดายจังแฮะ
งั้นเอาเป็นว่าผมเที่ยวเผื่อทั้งสองคนดีกว่า~
มาเที่ยว...อ่ะแฮ่ม มาเข้าค่ายครั้งนี้ ผมกับพีชได้รับหน้าที่ในการแจกจ่ายวิทยุติดต่อ ( วอ ) แก่ทุกคน และคอยประกาศกำหนดการต่างๆ บวกกับคอยดูแลเพื่อป้องกันการหลงป่าด้วยครับ
และตอนนี้ผมกำลังช่วยพีชแจกจ่ายวออยู่ล่ะ
“นี่ฮะ สุภะ เซ็นชื่อตรงนี้เลย” พอสุภะกับแม็ซรับวอจากพีชแล้ว ผมเลยยื่นใบเซ็นรับไปให้เพื่อนร่วมชั้นและรุ่นน้อง ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าสองคนนี้จะรับหน้าที่หาผลไม้ป่านะ ยิ่งต้องพกวอติดตัวไว้เลย เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นมา
สุภะเซ็นรับด้วยดี พอมาถึงคิวแม็ซ น้องเขาเขียนใส่สมุดถามว่า
‘ผมต้องได้วอด้วยเหรอฮะ’
จริงสิ...แม็ซพูดไม่ได้นี่นา
ผมเลยส่งยิ้มไปให้รุ่นน้องพลางพูดแกมติดตลก “รับไว้เถอะฮะแม็ซ มีไว้เท่ดีน้า~”
“...”
“พี่เองก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร แต่ก็ต้องพกไว้ เผื่อจำเป็นนะฮะ” ผมยักไหล่น้อยๆ ก่อนจะเข้าไปกระซิบแม็ซใกล้ๆ “ถ้าไม่ติดตัวไว้เดี๋ยวพีชเป็นห่วงแย่ รายนั้นห่วงคนอื่นจะตายฮะ”
แม็ซเหลือบมองไปทางพีชที่กำลังแจกวออย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วรุ่นน้องหน้าสวย ( ? ) คนนี้ก็พยักหน้ารับทราบทันที
“ไทระครับ น้องอีกกลุ่มมารับวอแล้วนะ” พอดีกับที่พีชหันมาหาผมพอดี ผมเลยขอตัวจากแม็ซแล้ววิ่งเหยาะๆ ไปหารูมเมทตัวเอง
หลังจากนั้นทุกอย่างก็ผ่านพ้นไป จนวันแรกจบไปด้วยดี และวันที่สองก็เช่นกัน++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...แล้วก็เริ่มต้นการเข้าค่ายวันที่สาม…
“เดี๋ยวตอนบ่ายโมงตรง เราจะมีเดินป่าชมนกกันนะครับ ขอให้ทุกคนมารวมตัวกันที่ลานกว้างครับ” พีชพูดใส่วอเพื่อบอกกำหนดการให้ทุกคนทราบ ระหว่างที่พวกเรากำลังทานอาหารกลางวันกันอยู่
เพราะผมไม่ได้ยินเสียง เลยไม่ค่อยแตะวอเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นพีชมากกว่าที่ใช้วอ
ผ่านไปสักพักก็ถึงเวลาเดินป่าชมนกแล้ว เวลาเดินป่าจะให้เดินด้วยกันเป็นคู่เพื่อป้องกันการหลงไปคนเดียว ถ้าจะหลงก็หลงสองคนล่ะเอ้า!
แต่ไม่หลงเลยจะดีที่สุดครับ~
แน่นอนว่าผมได้จับคู่กับพีช แต่ที่จริงผมอยากให้พีชได้จับคู่กับคุณแคลโรไลน์ชะมัด ก็สองคนนี้เขาดูมีซัมติงอะไรกันนี่นา เลยอยากช่วยอวยครับ!
แต่ก็นะ...คราวนี้ยอมให้คุณแคลโรไลน์คู่กับคนอื่นก่อนก็ได้~
พวกรุ่นน้องมักจะเดินจับมือกันเพื่อไม่ให้เกิดการหลงทางไปคนเดียว ซึ่งมันเป็นความคิดที่ดีนะ แต่จะให้ผมกับพีชที่เป็นชายหนุ่มร่างสูงจับมือกันมันก็...อย่าเลยครับ…
การเดินชมนกและธรรมชาติผ่านไปด้วยดี ผมได้เห็นพืชพรรณแปลกตาและสวยๆ หลายอย่างเลยครับ สวยมากจนอยากจะเก็บไปด้วย แต่ป๊ะป๋าเคยสอนว่าอย่านำธรรมชาติกลับมาด้วย ให้ธรรมชาติอยู่ในที่ที่ควรอยู่จะดีกว่า พอเอากลับมาด้วยไม่ได้ผมก็เลยอยากถ่ายรูปขึ้นมา
ระหว่างอยู่ในช่วงปล่อยให้ชมอิสระแต่ห้ามไปไหนไกล ผมก็แอบย่องออกห่างจากทุกคน เพราะเมื่อกี้ตอนเดินผ่านได้เห็นดอกไม้สีสดใสสวยมากๆ ขึ้นอยู่ริมทาง ผมอยากถ่ายไปฝากหม่าม้ากับป๊ะป๋าครับ
เดินออกจากกลุ่มมาผมก็หยิบกล้องดิจิตอลขนาดเล็กที่พกมาด้วยขึ้นมาถ่ายรูปดอกไม้ทันที พอถ่ายครั้งแรก...อืม...ยังสวยไม่พอแฮะ ขอถ่ายอีกหน่อยแล้วกัน
ถ่ายรูปครั้งที่สอง...สาม...สี่...ห้า...ผ่านไปจนได้รูปสวยอย่างที่พอใจแล้ว ผมก็บังเอิญไปเห็นดอกไม้อีกชนิดที่ดูสวยไม่แพ้กัน แล้วจะรออะไรล่ะครับ ไปถ่ายรูปกัน!++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
...เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก…
อืม! ผมได้รูปดอกไม้สวยๆ มาเยอะแยะเลย
ผมกดดูรูปดอกไม้ในกล้องดิจิตอลพลางเดินกลับทางเดิม หวังจะไปเจอทุกคน แต่ว่า…
“เอ๊ะ? เมื่อกี้เรามาจากทางไหนนะ…” ผมพึมพำกับตัวเอง
เดี๋ยวนะ...คงไม่ใช่ว่า...ไม่ๆ ผมจะไม่คิดแบบนั้น!
ผมมองซ้ายหันขวาพยายามนึกว่าเมื่อกี้เดินมาจากทางไหน แล้วก็ปรากฏว่า...ไม่แน่ใจ…
ถึงจะไม่อยากคิดแต่คงต้องยอมรับแล้วครับว่าตอนนี้ผม ‘หลงป่า!’ ฮือออ...เป็นความผิดของผมเองที่ออกมาโดยพลการ แถมไม่ได้เอามือถือมาด้วยเพราะคิดว่าคงไม่ได้ใช้อะไร เลยจะไลน์ไปบอกใครก็ไม่ได้ด้วย
สารภาพตามตรงว่าจิตใจผมเริ่มอยู่ไม่สุขแล้วครับ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยหลงป่าเลย เคยแต่จะหลงรักช็อกโกแลตแสนอร่อย เดี๋ยวนะ...นี่ไม่ใช่เวลามาเล่มมุก ผมควรหาทางกลับไปเจอทุกคน
แต่ผมจะทำยังไงดี!
“อ๊ะ”
แล้วแสงเห็นความหวังก็เริ่มปรากฏเมื่อผมเหลือบไปเห็นวออันบักเขื่องที่เหน็บอยู่ตรงเอว จริงสิ! ใช้วอบอกทุกคนก็ได้นี่นา!
“ฮัลโหลๆ ไทระเอง ช่วยด้วยฮะ”
จะมีใครได้ยินไหมนะ...ผมไม่ได้ยินเสียงซะด้วยสิ เลยไม่รู้ว่าคนตอบกลับมาบ้างไหม
“ไทระหลงป่าฮะ! ไทระอยู่ตรง…”
จากนั้นผมก็พยายามอธิบายลักษณะบริเวณที่ตัวเองอยู่ ผมพูดใส่วออยู่นานแม้จะไม่รู้ว่ามีใครได้ยินหรือตอบกลับมาบ้างหรือเปล่า
ยังไงก็ภาวนาของให้เสียงของผมส่งไปถึงทุกคนด้วยเถอะครับ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
และหลังจากนั้น
“ไทระ!” นี่เป็นคำแรกที่ผมได้อ่านปาก คำนี้หลุดมาจากรูมเมทของผมเอง “ผมเป็นห่วงแทบแย่! เป็นอะไรไหมครับ!”
“ไม่เป็นไรๆ ฮะ” ผมยิ้มสำนึกผิดส่งไปให้พีช ก่อนจะบอกเขาและอาสาสมัครที่ออกมาตามหาผมจนเจอ “ขอโทษนะฮะที่ทำให้เป็นห่วง”
“ต้องเป็นห่วงสิครับ” นานๆ พีชจะดุสักครั้งแฮะ แต่ผมก็สมควรโดนดุแหละ “อยู่ๆ ก็หายไป ผมเป็นห่วงมากจนลืมว่าไทระไม่ได้ยินเสียง แล้ววอหาตั้งหลายรอบ”
“...”
“ตอนไทระวอกลับมา ผมดีใจมากแทบแย่”
“น้องพีชเขาแทบจะพุ่งมาหาเลย ดีนะที่พวกพี่ห้ามไว้ก่อน” พี่อาสาสมัครคนหนึ่งบอก “ยังไงพีชก็จะขอตามมาด้วย พวกพี่เลยต้องยอมให้มา”
ผมมองรูมเมทตัวเองแล้วรู้สึกผิดมากๆ “ขอโทษนะฮะที่ทำให้เป็นห่วง แล้วพีชเป็นไงบ้าง”
พีชเป็นโรคปอดไม่แข็งแรง เขาออกกำลังหนักๆ ไม่ค่อยได้ ไม่รู้ว่ารีบวิ่งมาแค่ไหน ผมเลยค่อนข้างเป็นห่วงอาการเขาพอสมควร
พีชยิ้มบางๆ ส่งมาให้ “ผมไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องห่วงนะ ยังไงผมก็พกยามาด้วย”
“ฮะ”
นี่ผมสำนึกผิดจริงๆ นะเนี่ย ฮือออ~
หลังจากนั้นพีชกับพี่อาสาสมัครก็พาผมกลับไปหาทุกคน ทุกคนเป็นห่วงมากเลยและผมก็โดนดุไปตามระเบียบ การเข้าค่ายครั้งนี้ทำให้ผมได้ประสบการณ์ที่ไม่คาดฝันจริงๆ ครับ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++- รูปแถมฮับ >..<:
- หลังจากนั้นไทระก็มีโอกาสเซลฟี่กับแอน์และษร เราเลยทำผมทรงแกละเหมือนกันเป็นที่ระลึกฮะ
ไทระมัดผมไม่เก่งแต่อยากมัด เลยขอแอนน์กับษรมัด แล้วผลก็ออกมาเป็นแบบนี้ล่ะฮะ ขออภัยในความเบี้ยวฮะ กระซิกๆ
เหมือนแอนน์กับษรโดนแกล้งเลยเนอะ ฮ่าๆๆ
ปล.1 รูปนี้มีที่มาจากที่ไทระไปโรลกับแอน์และษรมาครับ เผื่อน้องๆ เขาเอามาเขียนภารกิจฮะ
ปล.2 ตอนแรกว่าจะวาดแบบเต็มตัว สเกลปกติ แต่กลัวไม่ทันเลยมาแค่หัวฮะ ฮืออออ~ OTL
✎ D. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้ปานกลาง 65% - 80%
เข็มกลัดผู้พิทักษ์ เข็มกลัดผู้พิทักษ์ที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ที่ได้รับเข็มกลัดนี้สูญเสียค่า Grade Exp. จากกิจกรรม Event : Summer Camp โดยจะคืนค่าประสบการณ์ที่สูญเสียไปจากกิจกรรมให้ทั้งหมดเป็นจำนวน +150 Grade Exp. แต่หากเจ้าของเข็มกลัดนี้ร่วมกิจกรรมและไม่ถูกหักค่าประสบการณ์ไป ความสามารถของเข็มกลัดนี้จะไร้ผลในทันที |
GREAT SQUARE STAMP ตราประทับระดับกลางในหมวดภารกิจรูมเมทและภารกิจพิเศษ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมแซฟไฟร์ มีมูลค่า +75 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้อย่างดีเป็นที่น่าชื่นชมแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+1,000,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
Signature ------------------------------------------------>
初めまして、どうぞよろしくお願いします。
- ผู้มาเยือนผู้มาเยือน
Re: ROOMMATE 8 : Summer Camp
Fri 12 May 2017, 23:58
- Spoiler:
- Roommate No.205 U+Passes
(รูปจะตามไปนะครับ)
Day 1:เตรียมตัวจัดของสำหรับเตรียมพร้อมในค่าย
พาสได้ตื่นขึ้นมาก่อนจะทำการเอานาฬิกาปลุกใส่ใต้ลิ้นชักและหาวออกไป "อืม ตอนนี้มันกี่โมงแล้วเนี่ย ยู ตื่นได้แล้ว...วันนี้ทุกคนต้องไปค่ายนะ"
พาสได้ปลุกยูก่อนจะมองไปด้านนอกรอบๆ ส่วนยูเมื่อเขาได้ยินเสียงพาสปลุก ยูก็เด้งตัวขึ้นมานั่งบนเตียงทันทีเพราะเมื่อคืนตื่นเต้นกับการที่วันนี้จะได้
ไปค่าย ยูจึงนอนแทบไม่หลับเลย แน่นอนว่าแต่งชุดพละเตรียมไว้พร้อมแล้วไปได้ทุกเมื่อ
"เราไปกันเลยมั้ยครับ พาส"
ยูกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมหยิบกระเป๋าเป้มาสะพาย
"ไปกันเลย ยูเราว่าไปด้วยกันเถอะ เตรียมของได้ยิ่งดีด้วย"พาสได้ถามยูก่อนจะไปหยิบกระเป๋าที่ใส่ของเตรียมเสร็จสรรพและถามว่า
"งั้นจะอาบน้ำก่อนไปมั้ยหรือว่าไปก่อนแล้วค่อยไปอาบน้ำที่ค่าย"
"ยูอาบน้ำแล้วครับ"ยูกล่าวพร้อมยืดตัวโชว์ว่าตัวเองพร้อมแค่ไหน"พาสจะอาบน้ำไหมครับ"
"งั้นเดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนละกัน"พาสได้วิ่งไปห้องน้ำก่อนจะพาดชุดนอนและอาบน้ำอย่างรวดเร็วและเอาผ้าเซ็ดตัวปิดส่วนล่างก่อนจะไปเปลี่ยนเป็นชุดพละทันที
"โอเค เสร็จแล้วละ จูงมือผมหน่อย ผมขี้เกียจ.....555"พาสบอกยูเชิงแนวตลก
"ไปกันครับ"ยูจับมือพาสอย่างว่าง่ายและจูงพาลงไปยังหน้าเสาธงเพื่อขึ้นรถบัสตามที่ครูนัดแนะไว้เมื่อวาน
พาสได้โดนยูจูงมือไปยังที่หน้าเสาธงและสุดท้ายก็โดนดึงขึ้นไปบนรถบัสไป
ในขณะนั้นเองพาสถามยูขณะโดดจูงมือว่า"เราจะนั่งกันตรงไหนดี''
เมื่อขึ้นรถไปก็มีเพื่อนหลายคนทยอยขึ้นไปกันแล้วยูจึงชี้ไปยังที่ว่างแถวกลางๆรถ
"ตรงนั้นว่าง"แล้วหันไปถามพาสด้วยสายตาที่คาดหวัง
"ยูขอนั่งติดหน้าต่างได้ไหมครับ"
"นั่งติดหน้าหรอ โอเคในระหว่างนั้นผมขอจดไดอารี่ไปละกันนะ"พาสบอกยูก่อนจะเปิดทางให้ยูเข้าไปในนั่งก่อนจะรอตัวเองนั่งตามไป
"พาสจดอะไรหรอครับ"ยูชะโงกมองอย่างสนใจ
"อ๋อ ไดอารี่น่ะ เก็บประสบการณ์การไปเที่ยวน่ะนะ"พาสหยิบปากกากับสมุดขึ้นมาจดวันแรก
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันแรกของค่าย
"วันนี้ผมจะได้ไปค่ายแล้ว ตื่นเต้นจังเลย ว่าแต่เมืองไทยก็ร้อนพอๆกับอังกฤษเลยนะเนี่ย ผมมีเพื่อนร่วมห้อง(roommate)คนหนึ่งชื่อยู
พาสยู ชื่อเข้ากันเลยแหะ แต่ค่ายนี้จะหลงพอๆกับอังกฤษหรือเปล่านะ"
-ยังไม่ได้จดต่อ-
------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พาสเขียนไว้ก่อนจะหันไปถามยูว่า"ว่าแต่จะนั่งกินขนมเป็นอาหารว่างไปก่อนมั้ย"พาสหยิบกระเป๋าก่อนจะหยิบถุงขนมออกมา
"ขอบคุณครับ"ยูรับขนมมาจากพาสมาทานหนึ่งชิ้นตอนนั้นเองคุณครูขึ้นมาเช็คชื่อพวกเราอีกครั้งและรถก็เริ่มเคลื่อนตัวออกไป- Spoiler:
ขณะที่รถบัสกำลังขับไปเรื่อยๆ ยูก็เกิดสงสัยจึงถามพาส
"แคมป์อยู่ที่ไหนหรอครับ"เพราะวันก่อนไม่ได้ฟังครูเท่าไหร่นัก จึงไม่แน่ใจว่าค่ายที่โรงเรียนพาไปตั้งอยู่ที่ไหน
"อืม เอ่อ น่าจะจังหวัดเพรชบุรีละมั้ง...ผมไม่มั่นใจน่ะครับ"พาสบอกยูก่อนจะจดเพิ่มลงไป
"เอาแล้วๆ ครูเขาคงเช็คชื่อแล้วละ ส่วนผมก็ได้แบ่งขนมให้เพื่อนไปชิ้นหนึ่งละ ส่วนค่ายเนี่ยผมคงจะคาดว่าน่าจะแทบเพรชๆแหละ"
พอพาสจดเสร็จพาสก็หยิบขนมขึ้นมากินหนึ่งห่อในระหว่างที่รถขับไปเรื่อยๆ
"เพรชบุรีหรอครับ..."
ยูพูดพึมพำกับตัวเองแล้วไม่ได้ชวนพาสคุยต่อเริ่มมองออกไปนอนหน้าต่างและมองไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเพราะทางมันคล้ายๆกันหมดหรือเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนกันแน่
หลังจากเหม่อได้พักเดียว ยูก็ตาปรือและหลับไป
"อืม น่าจะอย่างงั้นละมั้งนะ"พาสได้บอกยูก่อนจะหยิบขนมขึ้นมากินต่อ
เวลาประมาณเที่ยงพวกเราก้เดินทางมาถึงอุทยาน เพราะเป็นเวลาอาหารกลางวันพอดีคุณครูจึงเรียกให้พวกเราเข้าแถวและรับอาหารกลางวันไปนั่งทานที่เสื่อตามจุดได้จัดไว้ให้
อาหารของค่ายได้รับการปรุงโดยพ่อครัวประจำโรงเรียนควิ้นท์(ผปคพาส:ขอปรบมือให้กับพวกเขาหน่อย)รสชาติจึงเป็นที่คุ้นเคยของเด็กๆ
ยูและพาสเมื่อรับถาดอาหารมาแล้วก็พากันมานั่งที่เสื่อมุมนึงของค่าย
"เผ็ด"
ยูพูดขึ้นหลังตักพะแนงเข้าปากไปคำนึง ดถุเหมือนว่ารสชาติจะเผ็ดไปสำหรับเขา
"รสชาติมันเหมือนแกงมะเขือเทศบ้านผมน่ะ มันอร่อยดีนะ"พาสได้ทดลองตักพะแนงไปคำหนึ่งก่อนจะหยิบสมุดขึ้นมาจดไดอารี่ต่อ
"อาหารกลางวันวันนี้อร่อยมากเลยละแต่ว่าในต่างประเทศพะแนงนี้มันเหมือนแกงมะเขือเทศแหะ แต่บอกเลยสุดยอด"- Spoiler:
เมื่อเห็นเพื่อนพูดเช่นนั้น ยูจึงตักพะแนงมาชิมอีกคำ
"ยูว่ารสชาติมันไม่เห็นเหมือนมะเขือเทศเลย มะเขือเทศไม่เผ็ดแบบนี้"
เมื่อเห็นว่าพาสดูจะชอบพะแนงในจาน ยูจึงตักส่วนของตัวเองให้พาส
"พาสชอบ ยูแบ่งให้ครับ"(ผปค:ขอบคุณมากครับ ผปคไม่เคยกินแต่ได้กลิ่น)
"ขอบคุณครับ"พาสได้กินพะแนงในจานก่อนจะกินข้าวตาม- Spoiler:
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ครูอิสรา(ผปค:ขอต่อเอลเนื่องจากชื่อสอดคล้องกับประเทศ)ก็เข้ามาแจกแจงรายละเอียดให้เราฟัง
เกี่ยวกับความพร้อมในค่าย และครูให้เราจับกลุ่มนอน
"พาสนอนห้องเดียวกับยู"
ยูพูดขึ้นและจับมือเพื่อนไว้
"มียู มีพาส เราขาดอีกสองคนนะครับ"ยูมองหน้าพาสอย่างขอความคิดเห็น เพราะไม่รู้จะหาใครมานอนด้วยกันอีกสองคนดี
"มีผมกับมียู งั้นเอาเป็นเอ่อ พี่ไทระกับใครดีละครับ"พาสลองแสดงความคิดเห็นกับยูดูเผื่อน่าจะได้ผล
"อืม"ยูพยักหน้าก่อนจะส่องสายตามองหาไทระตามคำเสนอแนะของพาส แล้วก็พบว่าไทระได้ร่วมกลุ่มกับพีชและพวกรุ่นพี่ม.ปลายอีกสองคนไปแล้ว
"1,2,3,4 เขามี4คนแล้วครับพาส"
ยูนับจำนวนคนในกลุ่มไทระ
"อืม อ่าห้ะ งั้นเอาไงดีละเนี่ย55 บอกไม่ถูกซะด้วยสิ"พาสบอกยูก่อนจะเกาหัว"งั้นมีผู้ชายคนที่ยังไม่ได้เข้ากลุ่มบ้างละครับที่นี้"
ยูมองหันซ้ายมองหันขวาไปมาเพื่อดูว่าคนที่ตัวเองพอรู้จักมีใครยังไม่มีกลุ่มบ้าง แต่พอมองไปรอบๆเพื่อนชั้นเดียวกัน
แล้วก็พวกรุ่นพี่ชมรมเดียวกันต่างก็มีกลุ่มไปหมด
"ทำไงดีครับ.."
เมื่อเห้นว่าคนรอบๆพากันจับกลุ่มได้หมดแล้วเหลือแต่ตัวเองกับพาสที่ยังมีกันแค่สองคน ยูจึงเริ่มกระวนกระวาย
"งั้นน่าจะนอนรวมกับคุณครูผู้ชายด้วยกันมั้ย หรือว่ายังไงดี"ถามยูก่อนจะยืนงงกับตัวเองว่าจะทำไงต่อไปดี
"ใครยังไม่มีกลุ่มบ้าง?"เสียงครูจิณ(นี่)ตะโกนเรียกไปทั่วๆ ข้างๆมีพี่ชั้นม.3สองคนยืนอยู่ พอครูจิณณ์สังเกตเห็นพาสกับยูยื่นโดดเดี่ยวอยู่สองคน
"กลุ่มยูกับพาสมีครบหรือยังครับ"
"ขาดสองคนครับ"ยูตอบ
"ให้พี่เจกับพี่บีเข้ากลุ่มด้วยได้ไหมครับ พี่ๆเขาก็ยังขาดรูมเมทไปสองคนเหมือนกัน"ครูจิณณ์หันมาถามพาส
"พี่เจกับพี่บีหรอ โอเคครับ"พาสได้หันไปมองครูจิณณ์แต่มองก้มหน้าเลยบอกไปตรงๆ
พวกเราขนสัมภาระเข้าเต้นท์ที่คุณครูจัดไว้ให้ ภายในเต้นท์ปูฟูกไว้สี่ที่
"ยูนอนริมนั้นได้ไหมครับพาส" ยูถามพาสด้วยความที่ยูรีู้สึกไม่คุ้นเคยกับพี่ๆอีกสองคนจึงไม่อยากนอนตรงกลางเท่าไหร่
"ก็ได้นะ ความจริงผมขอนอนกลางละกัน"พาสบอกยูก่อนจะมองสัมภาระในกระเป๋าหลังจากเก็บกระเป๋าและจัดสัมภารงภาระไรเรียบร้อยแล้วคุณครูก็พานักเรียนทำกิจกรรมกันต่อ
เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกกิจกรรมจึงไม่มีอะไรมาก เด็กนักเรียนได้เล่นสันทนาการและละลายพฤติกรรมร่วมกัน
"เอาแหละครับ สำหรับกิจกรรมหลักของวันนี้ก็จบเพียงเท่านี้นะครับ ต่อไปครูจะแบ่งกลุ่มและแบ่งหน้าที่ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำครับ"
ชื่อเด็กๆก็ถูกเรียกออกไปทีละกลุ่มๆจนถึงกลุ่มพวกเรา
"ต่อไปยูกับพาสออกมาครับ"
ยูกับผมได้ลุกขึ้นมาตามเสียงเรียกและเขาได้ยื่นมือไปเพื่อช่วยผมลุกขึ้น
"ไปกันครับพาส ครูไอน์เรียกพวกเราแล้วครับ"
"ครับ"พาสวิ่งตามยูก่อนจะจับมือยูตามไป
"หน้าที่ของพวกเธอคือไปเก็บฟืนมาทำเป็นเชื้อเพลิงในการทำอาหารและการก่อกองไฟ"
ครูอิสราอ่านในใบแจกแจงงานให้พวกผมฟัง
"ฟืนหาได้ในป่าด้านนั้น เลือกแท่งที่มีความอวบเท่านิ้วชี้และนิ้วกลางรวมกันความยาวก็ประมาณข้อมือถึงข้อศอก..เท่านี้นะ"ขณะอธิบายครูอิสรา(เอล)ได้ทำมือประกอบเพื่อให้พวกผมสองคนได้เข้าใจ
"ครับ"ยูตอบรับ
"อ๋อที่สำคัญอย่าไปหักมาจากต้นไม้ล่ะ ให้เลือกตามที่ตกลงพื้นนะเข้าใจใช่ไหม"ครูอิสราย้ำอีกครั้ง- Spoiler:
"อ่าครับ ยาวตามขนาดแขนพร้อมกับเก็บตามเก็บตามพื้นสินะ"พาสบอกยุก่อนจะลองเปรียบเทียบกับขนาดแขนดู
"ยาวตามขนาดแขน ยาวตามขนาดแขน"ยูทวนตามที่พาสพูด
พอครูมองหมายหน้าที่ให้พวกเราครบทุกกลุ่ม ก็ปล่อยให้พวกเราไปทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
"เราไปทางนั้นกันเถอะพาส"
ยูชี้ไปทางป่าด้านหลังเต็นท์ที่เก็บเสบียงและอุปกรณ์ในการทำกิจกรรม
"โอเคครับ"พาสได้วิ่งไปยังป่าก่อนจะวิ่งไปรอหน้าป่า
สิ่งที่พาสนั้นเคยเจอตอนเด็กคือความทรงจำของตัวเองแต่ไม่รู้ว่าพาสจะได้เดินป่าตอนไหน
"รอด้วย"ยูพูดก่อนจะวิ่งตามพาสไป
"พาสชอบป่าหรอครับ"เพราะเห็นพาสดูตื่นเต้นกับป่ารอบๆยูจึงถามขึ้น
"ครับ"พาสได้หยุดรอให้ยูมาก่อนจะบอกว่า"ความจริงผมชอบเที่ยวที่อื่นนี้แหละ ป่าหรอก็เพิ่งเคยมาครั้งแรก ผมก็กลัวหลงเหมือนกัน"พาสบอกยูก่อนจะเดินเข้าไปในป่า
"ไม่หลงหรอก ยูไปป่ากับย่าบ่อยๆ ไม่เคยหลงเลย"
ยูยิ้มหยี๋ให้พาส แล้วเดินตามเข้าไปในป่า เราสองคนเดินไปตามทางเล็กๆ ที่มีคนเดินผ่านซ้ำๆจนเกิดเป็นทางขึ้นมา
"กิ่งนี้ใช้ได้ไหมครับ"
ยูชูเศษกิ่งไม้ที่อยู่บนพื้นขึ้นมา เศษกิ่งไม้นั้นมีขนาดค่อนข้างเล็ก ความยาวประมาณหนึ่งฝ่ามือ
"ไม่ได้ครับ แต่ถ้าผมได้ยินแวบๆก็ข้อมือถึงศอกน่ะครับ ผมจำอะไรไม่ค่อยได้หรอกครับ"พาสได้พยายามขุ่ยหาเศษไม้แถวนี้จนกระทั่งพบกับเศษเท่าข้อมืออันหนึ่ง
"เจอแล้วละ อันหนึ่งน่าจะข้อมือละนะ"พาสลองเอากิ่งไม้มาเปรียบเทียบกับขนาดมือ
"ข้อมือถึงข้อศอก"ยูมองกิ่งไม้อันที่พาสโชว์ให้ดู และพยายามระลึกความทรงจำตัวเองว่าครูสั่งว่าไงบ้าง และแน่นอนว่า..จำไม่ได้เลย..
เขาจึงจำกิ่งไม้พาสไว้แล้วมองหากิ่งไม้คล้ายๆกันรอบๆ
"อันนั้นได้ไหมครับ ข้อมือถึงข้อศอก"ยูชี้ไปที่กิ่งไม้กิ่งหนึ่งที่อยู่บนต้นไม้ต้นใหญ่
"เอ่อ พยายามอย่าไปหักกิ่งจากต้นไม้ละกันนะครับ แต่เขาน่าจะพวกเราเก็บตามพื้นแหละ ถ้าสมมติว่ากิ่งไม้ที่อยู่ตามพื้นมันอยู่ด้านบนก็ไปหยิบมาได้เลย"- Spoiler:
พาสบอกยูก่อนจะพยายามหาเศษไม้ต่อไป
"ทำไมล่ะ กิ่งนั้นยาวพอดีเลยนะครับพาส"ยูมองพาสอย่างสงสัย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจะหักไม่ได้
"อืม ผมขอปีนขึ้นไปหยิบได้มะ ผมจะลองปีนขึ้นไปละกัน"พาสได้ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ก่อนจะหยิบอันที่ไม่ได้หักจากต้นไม้มาและโยนให้ยู"รับ"
พาสบอกยูให้รับก่อนจะกระโดดลงมาจากต้นไม้
"ฉึบ!"
"หือ?"
...โป๊ก!...
ยูไม่ทันได้ตั้งตัวรับไม้ที่พาสโยนลงมาอย่างกระทันหัน จึงคว้ามือรับไม้ไม่ทัน กิ่งไม้จึงร่วงมากระแทกหน้ายูพอดี
"แอ๊ก"
ยูร่วงลงไปกองกับพื้นพร้อมกันกิ่งไม้
"ที่ถามว่าทำไมหยิบไม่ได้เพราะว่าผมกลัวไปหักกิ่งไม้ไงละครับยูเอ้ย"
พาสที่กระโดดลงมาจากต้นไม้แล้วพาสก็พยายามหาเศษกิ่งไม้จากพื้นต่อ
"ตอนนี้กี่โมงละ"พาสถามยูพลางเก็บกิ่งไม้และวัดขนาดเทียบไป
"ไม่รู้ครับ"ยูที่ยังเจ็บหัวจากกิ่งไม้ทีตกกระแทกหน้าลุกขึ้นยืนพลางจับหัวที่ยังโนนิดหน่อย เขาไม่มีนาฬิกาจึงไม่รู้เวลาเหมือนกัน
"แล้วเจ็บมั้ยละนั้นน่ะ"พาสวางกิ่งไม้ที่พอสรรหามาได้ประมาณ5อันก่อนจะเป่าหัวยู"โอ๋ๆ หายเจ็บนะ"พาสได้เป่าใส่หัวยูก่อนจะกอดลูบหัว
"ไม่เจ็บครับ"ยูพูดแล้วย่นจมูกเล็กน้อย
ดูเหมือนเมื่อเที่ยงพาสจะทานพะแนงเยอะไปนะครับ...ยูคิด หลังจากนั้นก็ก้มมองกิ่งไม้ไปรอบๆ ตัวว่ากิ่งไหนมีขนาดพอดีบ้าง
"ก็ตาตอนเมื่อกี้ผมเก็บไปได้ห้าแล้วละ ที่ต้องการก็คงอีกสิบยี่สิบแน่ๆ"พาสออกจากอ้อมกอดยูก่อนจะพยายามหากิ่งไม้มาเปรียบเทียบกับแขน
"ครูไอน์อยากได้เยอะๆไม่ใช่หรอครับ ยี่สิบอันอาจจะไม่พอนะครับ"
"เอ่อลืมไปเลย ครูต้องการเยอะงั้นพยายามหาละ"พาสได้ค้นหากิ่งไม้ก่อนจะมองสลอตสีเขียว
"กันสลอตสีเขียว..."พาสบอกยูก่อนจะค้นหากิ่งไม้โดยไม่สนใจมัน
"สลอต?"ยูมองตามไปทางเดียวกับที่พาสมอง
"นั้นไม่ใช่ลิงหรอครับ''
พาสเอามือกุมขมับก่อนจะบอกว่า"สลอตมันเป็นลิงแต่มันแต่มันลงมาเพราะมันไปทำธุระส่วนตัวของมันแหละยูเอ้ย"พาสได้บอกยูก่อนจะหากิ่งไม้ต่อไปตอนนี้ได้มาประมาณ10กว่าอัน
"?"ยูไม่เข้าใจที่พาสพูดเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ ก้มหน้าก้มตาเก็บกิ่งไม้ต่อไป ระหว่างที่เดินมองหาไปเรื่อย ด้วยความไม่ระวังและไม่ได้มองทางให้ดี
ยูก็ลื่นและเสียหลักร่วงลงไปตรงเนินเล็กๆ
"เหวย!!"- Spoiler:
ทั้งสองคนจึงกลิ้งลงเนินไปด้วยกันอย่างขลุกขลัก
พาสได้คว้ากิ่งไม้ที่เก็บนั้นมาก่อนจะโดนยูคว้าชายเสื้อเขาไป พาสได้กลิ้งเป็นลูกบอลก่อรจะกลิ้งมายังเนินเล็กๆและปรากฏของเหลวสีแดงบนหน้าผาก
"เลือด....."พาสได้เอามือไปสัมผัสของเหลวสีแดงก่อนจะกอดกับยู
น้ำตาของพาสได้ไหลอย่างเงียบๆก่อนจะกอดยูแน่นขึ้น"ปะ--เป็นอะไรมั้ย"- Spoiler:
ยูมองสำรวจตัวเองและมองไปรอบๆมือชี้ไปยังจุดที่เราเคยยืนก่อนจะตกลงมา
"เราตกลงมาครับ"
ยังไม่ทันจะคิดอะไรต่อยูก็สังเกตเห็นของเหลวสีแดงไหลลงมาจากหน้าผากของพาส จึงเอามือไปแตะ
"พาสเอาสีแดงมาทาหน้าทำไมครับ?"ยูถามอย่างงุนงง
"มันไม่ใช่สีแดง...มันคือเลือด..ผมคงกลัวและคิดมากไปเอง กิ่งไม้ที่เก็บมาได้คงกำๆกว่าสิบแท่งน่ะ"พาสได้นั่งหุบขาก่อนจะกอดเขาลงไป
"แล้วแบบนี้จะกลับไปหาคนอื่นได้ยังไงละ"พาสได้ถามยูก่อนจะนั่งน้ำตาไหลออกมา
"ไม่ร้องไห้นะครับ"
"โอ๋ๆ"ยูพยายามปลอบพาสเหมือนที่เขาเคยปลอบน้องสาวของเขา เขาดึงชายเสื้อตัวเองออกมาเซ็ดหน้าพาสแรงๆโดยไม่นึกว่าตัวเองต้องผ่อนแรงเวลาเซ็ดหน้าคนอื่น
ก่อนที่จะผละจากพาส เดินไปเก็บกิ่งไม้ที่ร่วงลงมาพร้อมพวกเขามารวบรวมไว้ในมือข้างนึง อีกข้างยื่นให้พาสเพื่อช่วยพยุงเพื่อนให้ลุกขึ้น
"ไปกันครับ"
"ไปกันครับ"
พาสได้เงยหน้าก่อนจะโดนเซ็ดหน้าให้อีกฝ่ายก่อนที่พาสนั้นจะจับมือยูไปแต่หากหารู้ไม่ว่าขาของพาสก็น่าจะบวมตอนกลิ้งลงเหมือนกัน
ทำให้เหตุการณ์ช่วงนั้นพาสต้องลุกขึ้นและเดินแบบกะเพกทันที
"พยายามค้นหากิ่งไม้ต่อไป"
ยูแหงนหน้ามองขึ้นไปตรงจุดที่พวกเราพลัดตกลงมากัน
เนินเขาที่พวกเขาตกลงมานั้นสูงไม่มาก ประมาณ 2 เมตรเท่านั้น นอกจากนี้ยังไม่ใช่เนินแบบตั้งฉาก แต่เป็นเนินแบบตั้งฉาก แต่เป็นทางลาดที่เอียงประมาณ120องศา
ยูคิดว่าพวกเขาปีนขึ้นไปได้จึงหันไปคุยกับพาส
"ขึ้นไปกันครับ"
"ขึ้นไปกันครับ"ยูพูดพร้อมชี้ขึ้นไปด้านบน
"โอ--โอ้ย"พาสได้เดินและเหยียบขาข้างที่เจ็บไปซึ่งข้างที่เจ็บคือข้างขวาพาสถามว่า"อยากจะปีนอยู่หรอกคำถามคือ ไม่เก็บกิ่งไม้ก่อนหรอ"
ยูได้ยินเสียงพาสร้องด้วยความเจ็บปวด
"เจ็บหรอครับพาส?"เขาเดินนำไปแล้วสองสามก้าวจึงหันกลับมาดูเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
"เจ็บตรงไหน"ยูเดินเข้าไปจับตามตัวพาสอย่างสงสัย
"ก็เจ็บตรงนี้ไง..."พาสได้ถอดรองเท้าออกมาก่อนจะปรากฏลักษณะเท้าบวมเบ่งและยื่นให้ยูดู"ถูกแล้วละ"
"หยังกับลูกแอปเปิ้ลนะครับ"
ยูมองสำรวจเท้าของพาส ที่มีลักษณะบวมและแดง
"เราขึ้นไปกันได้รึยังครับ"
ยูชวนพาสปีนขึ้นไป เขาไม่รู้ว่าถ้าเท้าพาสบาดเจ็บจะปีนลำบาก
"นี้เอาน่าๆไม่ใช่เรื่องเล่นเลยน๊า รีบเก็บกิ่งไม้เลยนะครับ เดี๋ยวจะปีนแบบฝืนๆไปละกัน"พาสบอกยูก่อนจะปีนขึ้นไปแต่ใช้เท้าช้ายกับมือสองข้างปีนไป
ยูมองพาสที่ปีนอย่างทุลักทุเลพร้อมๆกับอุ้มกิ่งไม้ที่หามาไว้อีกมือไปด้วย จึงเขยิบเข้าไปหาพาส และดึงไม่ออกมาจากมือพาส
"มีไม้ไม่สะดวกครับ"
เขาพูดแล้วเข้าไปโอบพาส ดึงมือเพื่อนมาพาดไหล่ตนเอง
"เกาะยูนะครับ ยูช่วยครับ"
แล้วก็ช่วยพยุงพาสจนขึ้นไปถึงด้านบน
"โอเค"พาสบอกยูก่อนจะเกาะยูไปจนถึงข้างบน
"แล้วควรเก็บกิ่งไม้ต่อ"พาสบอกยูก่อนจะมองไปรอบๆ
เมื่อปล่อยพาสให้เดินเองบนพื้นแล้ว ยูก็หันกลับไปมอง ด้านล่างของเนินที่พวกเขาพลัดตกลงไป
ไม่รอให้พาสได้พูดอะไรต่อ ยูก็ค่อยๆไถลลงไปตามเนินเพื่อกลับลงไปด้านล่าง
"อะ.."
เขาเริ่มรวบกิ่งไม้ของเขาและของพาส ที่ตกลงมาพร้อมพวกเขา มาอุ้มไว้ในมือข้างนึง และใช้มืออีกข้างพยุงตัวเอง ค่อยๆปีนกลับขึ้นไปขึ้นไปช้าๆ
พอมาถึงข้างบน ยูยื่นกิ่งไม้ครึ่งนึงคืนพาส
"กิ่งไม้...มาเก็บต่อกันครับ"
"ขอบคุณมากนะ"พาสรับกิ่งไม้ก่อนจะถามยูว่า"งั้นจะค้นหาต่อมั้ย"พาสถามยูด้วยความสงสัย
"พาสนั่งรอ ยูช่วยเองครับ"ยูชี้ไปบริเวณโขดหินก้อนหนึ่ง เขาเห็นว่าพาสดูเดินไม่ไหว จึงอยากให้เพื่อนได้นั่งพักก่อน
ยูชี้ไปบริเวณโขดหินก้อนหนึ่ง เขาเห็นว่าพาสดูเดินไม่ไหว จึงอยากให้เพื่อนได้นั่งพักก่อน
"อืม แล้วก็ระวังตัวด้วยละกันนะ"พาสบอกยูก่อนจะเดินไปนั่งบริเวณโขดหินแห่งหนึ่ง
"ข้อมือถึงข้อศอก"ยูเดินพึมพำขนาดกิ่งไม้รอบๆเพื่อเก็บกิ่งไม้ที่ขนาดพอดี และเมื่อได้พอสมควรก็จะนำมากองไว้ตรงข้างๆที่พาสนั่ง
ก่อนจะไปเดินหาต่อ เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ กองฟืนข้างๆ ตัวพาสก็เพิ่มมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ โดยยูไม่มีท่าทีที่จะหยุดเลยแม้แต่น้อย
"นายแลดูขยันดีนิน๊า ถ้าผมช่วยผมก็กลัวเจ็บเท้าน่ะสิ"พาสบอกยู
หลังจากเก็บนานไปเกินครึ่งชม.ท้องยูก็ร้องเบาๆคงเพราะตอนนี้ใกล้ได้เวลาทานข้าวแล้ว
"เรากลับกันไหมครับพาส"
"อืม กลับเถอะ"พาสได้ลุกขึ้นมาจากโขดหินก่อนจะเดินกะเพกๆไป
"ครับ"
ยูก้มลงรวบรวมเอากองฟืนมากอดไว้ในอก แต่ดูเหมือนว่าเพราะมีจำนวนเยอะไปเขาเลยถือไม่หมด เขาหันไปมองพาสที่กำลังเดินห่างออกไปเรื่อยๆอย่างลุกลี้ลุกลน
...ทำไงดี...
และก็เหมือนจะคิดออก เขาถอดเสื้อตัวเองออกจากจัดการเอาฝืนทั้งหมดยัดเข้าไปในเสื้อจนแน่น ก่อนจะอุ้มเสื้อที่ห่อฟื้นอยู่ขึ้และออกเดินตามพาสไป
"รอด้วยครับ...อะ"
ก้าวขาตามไม่ได้ทันไรความรู้สึกแปลกๆที่เท้าก็กลับมาอีกครั้ง ยิ่งเดินยิ่งแปลก ยูไม่ได้ใส่ใจมันมากนัก เขารีบสาวเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะตามพาสให้ทัน
"เมื่อไรจะกินข้าวหรอครับพาส"
เมื่อเดินมาตีคู่กับพาสได้ ยูก็ถามที่เรื่องที่อยากรู้มากที่สุด
"โอเค ถ้าคำว่าเมื่อไหร่จะกินข้าวหรอ....ก็ถ้าถึงที่พัก ผมก็กินข้าวตอนนั้นแหละ"พาสบอกยูก่อนจะเดินกะเพกๆไป
"จับยูไว้สิคึรับ"เพราะเห็นพาสเดินอย่างยากลำบาก ที่จริงยูอยากจะยื่นมือไปช่วยพยุงเพื่อน แต่ตัวเองหอบกองฟืนอยู่ เขาจึงทำได้แค่เขยิบเข้าไปใกล้ๆ
เพื่อให้เพื่อนได้เกาะไหล่ตนไว้
"พอถึงค่ายแล้วเราไปหาครูเกลินกันนะครับ"
ยูบอกพาสพลางนึกถึงคุณครูประจำห้องพยาบาล เขาจำได้ว่าถ้าเจ็บต้องไปหาครูเกลิน แล้วจะหายเจ็บ
"อื้อ"พาสได้เกาะไหล่ยูก่อนจะบอกว่า"นายดูเหมือนลำบากนะ แบ่งส่วนหนึ่งมาให้เราและนายกับเราเดินพร้อมกันดีกว่า"
ยูเห็นว่าเพื่อนอยากได้กิ่งไม้จึงแบ่งให้พาสไปนิดหน่อยและกอดที่เหลือไว้
พวกเขาเดินทางมาจนถึงชายป่า และมองเห็นเต็นท์เสบียงในที่สุด
"ถึงแล้วครับ"
"ต้องเอาฟืนไปเก็บ"
"โอเค"พาสได้เอาฟื้นไปเก็บ"แล้วจะให้เราไปรอตรงไหนมั้ยหรือว่ายังไงต่อ"พาสถามยูเพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อ
"ไปหาครูเกลินกันครับ"ยูวางฟืนของตัวเองลงเช่นกัน เขามองขาของพาสและเดินไปช่วยพยุงเพื่อน
"โอเค"พาสเกาะไหล่ยู"ฝากพยุงหน่อยนะ"- Spoiler:
เพลงสำหรับบรรยากาศในการอ่าน
✎ B. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้เกือบเพอร์เฟ็ค 90% - 99%
เข็มกลัดผู้พิทักษ์ เข็มกลัดผู้พิทักษ์ที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ที่ได้รับเข็มกลัดนี้สูญเสียค่า Grade Exp. จากกิจกรรม Event : Summer Camp โดยจะคืนค่าประสบการณ์ที่สูญเสียไปจากกิจกรรมให้ทั้งหมดเป็นจำนวน +150 Grade Exp. แต่หากเจ้าของเข็มกลัดนี้ร่วมกิจกรรมและไม่ถูกหักค่าประสบการณ์ไป ความสามารถของเข็มกลัดนี้จะไร้ผลในทันที |
GRAND PENTAGON STAMP ตราประทับระดับสูงมากในหมวดภารกิจรูมเมทและภารกิจพิเศษ มีลักษณะเป็นห้าเหลี่ยมเทอร์ควอยซ์ผสมทองคำแท้ มีมูลค่า +150 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้สุดยอดเป็นที่น่าปลาบปลื้มแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+2,000,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
- bluebearz
Bonita Blanchett
นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5
1311
+128 M 935 K 310
PASSPORT
:
(550/2125)
:
Re: ROOMMATE 8 : Summer Camp
Sat 13 May 2017, 20:51
เวลากลางวัน ณ ค่ายที่เคยรายล้อมไปด้วยป่าและความเงียบสงบ ได้มีเสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มใกล้เข้ามา รถคันใหญ่จอดลงบนพื้นหญ้าที่ปลิวไสวหน่อยๆ พร้อมกับนักเรียนและอาจารย์มากมายที่เริ่มทยอยลงมาจากรถ...
- MEX'S DIARY:
- DAY 1
ในที่สุดก็มาถึงค่ายสักที วันนี้ผมได้มาเข้าค่ายที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานฮะ เป็นเวลา 7 วัน 6 คืนหรือก็คือหนึ่งอาทิตย์เลย
ทันทีที่ลงจากรถรอบตัวของผมก็เห็นแต่ป่าและภูเขาเต็มไปหมด ต่างกับบรรยากาศที่เคยคุ้นชินตลอดสองปี อดคิดถึงกลิ่นน้ำทะเลที่โรงเรียนไม่ได้เลยฮะ แต่ผมก็ตื่นเต้นนะที่จะได้มาอาศัยอยู่ในป่าดงแบบนี้ บางทีผมอาจจะได้เห็นสัตว์ป่าหลายตัวแน่ๆ
ผมคิดก่อนจะยืนมองธรรมชาติอย่างเพลิดเพลินใจ...
อุก...เวียนหัวจัง
แต่แล้วผมก็ต้องยกมือขึ้นปิดปาก ก่อนจะรู้สึกตาลายและท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมา กรี๊ดดด! ผมเมารถ!! สุดท้ายแทนที่จะได้ชื่นชมธรรมชาติให้อิ่มหนำสำราญใจกลับกลายเป็นว่าต้องวิ่งหาที่อาเจียนซะอย่างนั้น ฮือออ...จะให้ผมตื่นเต้นหน่อยไม่ได้หรือไงนะ
หลังจากอาเจียนจนสบายใจแถมตามด้วยน้ำไปหนึ่งขวด ผมก็ได้ยินเสียงครูเรียกให้ไปรวมตัว ว่าแล้วผมก็รีบคว้ากระเป๋าสัมภาระไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ ก่อนที่จะมีการแบ่งกลุ่มนักเรียนและอาจารย์ ผมได้จับคู่กับรูมเมทด้วยล่ะ ยังคิดว่าเป็นโชคดีอยู่เลยน้าที่อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องไปจับคู่กับคนที่ไม่รู้จัก
อยู่กับคนที่รู้จักกันแถมอยู่ด้วยกันทุกวันยังไงก็อุ่นใจกว่าเยอะ!
13 : 00 น.
หลังจากที่เราทานข้าวกลางวันเสร็จ วันแรกก็มีการจัดข้าวของเตรียมพร้อมสำหรับในค่ายฮะ ผมวางสัมภาระใบโตลงบนพื้นหญ้า ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ไหลย้อย เฮ้ออออ...ไม่ทันไรก็เหงื่อออกซะแล้วแฮะ ผมบ่นพึมพำถึงอากาศที่ร้อนระอุปานเตาอบมิวายมือก็รูดซิปเปิดกระเป๋าไปพลาง
ผมว่าตัวเองก็แบกมาเยอะอยู่เหมือนกันแฮะไม่รู้จะได้ใช้หมดหรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจว่าต้องเตรียมอะไรมาบ้าง แต่เอามาเผื่อไว้นี่แหละจะได้ไม่ต้องมีปัญหาขาดเหลืออะไร อ้อ ผมเอายากับสมุดโน๊ตมาด้วยมันเป็นสิ่งที่ผมขาดไม่ได้เลยล่ะ
คนข้างกายผมเองก็กำลังจัดข้าวของอยู่เหมือนกัน ผมลองแอบชะโงกหน้าไปมอง โห...พี่สุภะเอาของมานิดเดียวเองง่ะ นอกจากเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟัน ยาสีฟันและสมุดโน๊ตก็ไม่มีอะไรอื่นอีก พี่สุภะจะแอบมายืมของของแม็ซใช่ม้า...แม็ซรู้นะ!
[ทำไมของมีแค่นั้นล่ะฮะ แล้วพวกสบู่ ยาสระผมล่ะ] ผมชูโน๊ตใส่อีกฝ่าย
“ยืมแม็ซไงครับ” นั่นไง...ผมคิดผิดซะที่ไหนล่ะ
ผมมุ่ยหน้าลงหน่อยๆ ที่ตัวเองดันกลายเป็นโกดังของใช้ส่วนตัวให้รูมเมทไปซะได้ แต่ผมก็เข้าใจนะว่าเขาคงไม่อยากแบกเยอะเพราะอาจมีผลต่อร่างกายเขา อีกอย่างผมก็แบกมาซะเตรียมพร้อมขนาดนี้ใช้คนเดียวก็คงไม่หมดหรอก จริงสิ แบ่งเผื่อเพื่อนสองคนที่นอนร่วมเต็นท์กับเราด้วยดีกว่า
14 : 00 น.
หลังจากเก็บข้าวของกันเรียบร้อย พวกผมก็ได้มานั่งจับกลุ่มกันเรียนการใช้เข็มทิศและก็พวกเครื่องมือต่างๆ ฮะ โดนมีพี่อาสาสมัครผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนสอน พี่เขาบอกว่าที่ต้องเรียนก็เพื่อเอาไว้ใช้ในยามที่เราหลงทางในป่าหรือสามารถเก็บไว้ใช้ในอนาคตก็ได้เหมือนกัน อืม...เข็มทิศเหรอ ผมไม่เคยใช้ของแบบนี้เลยแฮะ แต่ดูไม่น่าจะยากเท่าไร
จากนั้นพี่อาสาสมัครก็แจกเข็มทิศให้พวกเราคนละตัวได้ฝึกใช้กัน ผมจ้องมองมันด้วยสายตาเป็นประกาย ก็แน่ล่ะผมไม่เคยจับมาก่อนนี่นาจะตื่นเต้นก็ไม่แปลก ว้าวๆ ดูสิ ลูกศรมันขยับเองได้ด้วย! สุดยอดไปเลย!
[พี่สุภะดูสิ ลูกศรข้างในมันขยับได้ด้วย]
ผมเขย่าตัวอีกฝ่ายหมายจะชวนให้มาดูด้วยกันแต่ทว่าพี่สุภะนั่งสัปหงกไปซะแล้ว ผมหันไปมองแล้วก็แอบกุมขมับเบาๆ ผมว่าเรียนการใช้เข็มทิศก็ดูไม่ได้ยากหรือน่าเบื่อขนาดนั้นเลยนะแถมเป็นประโยชน์ด้วย แต่เขาก็ยังหลับได้ จะว่าไปเมื่อคืนก่อนจะมาค่ายเราก็จัดของกันจนดึกดื่นอยู่นี่นา เขาคงจะนอนไม่พอล่ะมั้ง
ส่วนผมน่ะเหรอ...ร่าเริงขั้นแม็กซ์เลยล่ะฮะตอนนี้!
ผมคิดก่อนจะนั่งฟังพี่อาสาสมัครอธิบายเกี่ยวกับแผนที่ไปเรื่อยๆ...
“เอาล่ะ! ขอบคุณน้องทุกคนที่ตั้งใจฟังนะคะ!”
ในที่สุดการเรียนเข็มทิศและเครื่องมือก็จบลง ผมยืดแขนขึ้นบนท้องฟ้าเพื่อบิดขี้เกียจสักหน่อยก่อนจะหันไปสะกิดปลุกพี่สุภะเบาๆ พี่อาสาสมัครบอกให้ทุกคนเอาเข็มทิศไปคืนก่อนที่จะเริ่มกิจกรรมต่อไป
แต่ว่าผมไม่ทันได้ฟังเลยเผลอเก็บใส่เข้ากระเป๋ากางเกงซะแล้ว พอมารู้สึกตัวอีกทีว่าจะเอาไปคืนก็ไม่ทันแล้ว...
16 : 30 น.
ผมกับพี่สุภะได้รับหน้าที่ให้ออกไปเก็บผลไม้ในป่าเพื่อเอามาทำของหวาน ทั้งผมและพี่สุภะไม่มีใครกลัวป่าหรือสัตว์ป่าก็เลยไม่ใช่อุปสรรคเท่าไร วันนี้เราเก็บได้ค่อนข้างเยอะเลยฮะเพราะมีพวกพี่อาสาสมัครมาช่วยเก็บด้วย
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงมากแถมรอบตัวก็มืดลงตาม ผมคิดว่าคงได้เวลากลับแล้วก็เลยบอกพี่สุภะ พี่สุภะเองก็เห็นด้วย แต่พอเรากำลังจะหันไปบอกพวกพี่อาสาสมัครที่เดินตามอยู่ข้างหลังเท่านั้นแหละฮะ...พวกพี่อาสาสมัครก็หายไป!!!
พวกเขาหายไปไหน!!!
[ท..ทำยังไงกันดีฮะ]
ผมถามพี่สุภะออกไปแบบนั้น ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน เหมือนพวกเราจะหลงทางกันซะแล้วฮะ แถมแบกผลไม้เต็มสองแขนอยู่แบบนี้ก็รู้สึกเมื่อยขึ้นมา เฮ้อ...เมื่อยก็เมื่อยหิวก็หิว แงงงงง ผมอยากกลับค่ายแล้ว
ในระหว่างที่กำลังคิดหาทางกัน จริงสิ! ผมนึกได้ว่าเผลอจิ๊กเข็มทิศของพี่อาสาสมัครมานี่นา ผมรีบบอกพี่สุภะ และก็เพราะเข็มทิศนี่แหละที่ทำให้พวกผมออกมาจากป่าได้ ที่จริงเหมือนผมใช้คนเดียวมากกว่าส่วนพี่สุภะก็เดินตามอยู่ข้างๆ เพราะใช้ไม่เป็น
ทันทีที่เดินพ้นจากป่าผมก็ถึงกับถอนหายใจโล่ง พอออกมาพวกอาจารย์ก็เข้ามาถามไถ่กันยกใหญ่เลยล่ะฮะ พวกท่านคงจะเป็นห่วงที่พวกผมหายไปนาน
ผมเพิ่งมารู้ตัวทีหลังว่ามีแผลเลือดออกก็ตอนที่พี่สุภะชี้มาที่แขนของผม คงเป็นตอนที่พวกเราเดินลอดใต้กิ่งไม้แน่ๆ กิ่งไม้ก็เลยเกี่ยวแขน แต่ว่าผมไม่รู้สึกเจ็บเลยนะฮะแถมไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ คุณเกลินก็ทำแผลให้อย่างเบามือมากๆ แถมพี่ฮันนากับยูมินก็มาช่วยด้วย แต่ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่ากับกลิ่นฉุยของอาหารเย็นอีกแล้ว อาหารเย็นวันนี้เป็นข้าวต้มและก็แกงจืดฮะ
อร่อยมากเลย...วันนี้ผมกินไปเยอะจนจุกท้องเลยแฮะ
19 : 00 น.
หลังจากนั้นก็เป็นกิจกรรมรอบกองไฟ แสงของไฟที่ลุกโหมพาให้ในรอบตัวสว่างไสวต่างกับด้านนอกที่ตอนนี้มืดไปหมด นักเรียนเริ่มทยอยเข้ามานั่งจับกลุ่มเป็นวงกลมขนาดใหญ่ วันนี้ผมได้เห็นครูไมค์แต่งตัวด้วยเสื้อม่อฮ่อมแถมแต่งหน้าทาปากซะขาวจั๊วะด้วย ผมว่าแค่นั้นก็ตลกมากแล้วนะแต่ยิ่งครูเขากระโดดโลดเต้นไปมารอบวงยิ่งตลกเข้าไปอีก เหมือนลิงเลย (หัวเราะ)
ครูอิสราก็มีการแสดงมาโชว์ให้พวกเราดูเหมือนกันฮะ สนุกมากเลย
แต่ว่าไปๆ มาๆ ก็เริ่มชักจะง่วงแล้วแฮะ
20 : 00 น.
ในที่สุดก็ถึงเวลาพักผ่อนสักทีฮะ ทั้งที่เพิ่งเข้าค่ายวันแรกเองแท้ๆ แต่ผมกลับเหนื่อยมากจนอยากจะทิ้งตัวลงนอนซะตั้งแต่ตอนนี้ เต็นท์ที่ผมนอนมีรุ่นพี่มอหกอีกสองคนเข้ามาร่วมนอนด้วย พวกเขาชวนพวกผมเล่นเกมโดมิโนด้วย แต่เพราะผมเหนื่อยและไม่กล้าขยับแขนมากกลัวแผลฉีกก็เลยปล่อยให้พี่สุภะกับพวกรุ่นพี่เล่นกันไป
ผมนั่งมองรุ่นพี่ทั้งสามคนเล่นโดมิโนกันอย่างเงียบๆ พลางหาวง่วงนอนออกมา
อ๊ะ จริงสิ...ผมยังไม่ได้คืนเข็มทิศเลยนี่นา
ผมนึกก่อนจะพุ่งตัวไปที่กระเป๋าตัวเองแล้วหยิบเอาเข็มทิศออกมา พอเปิดเต็นท์ออกไปก็เห็นว่าท้องฟ้าตอนกลางคืนช่างดูหลอนแปลกๆ ผมได้ยินเสียงสัตว์ร้องระงมกันด้วยแถมมันก็มืดจนมองทางไม่ค่อยเห็น ผมไม่กล้าไปคนเดียวเลยเข้าไปดึงแขนพี่สุภะ หวังจะให้เขาไปเป็นเพื่อน
“ไปไหน..” อีกฝ่ายเอ่ยถามผมทันทีที่เราเดินออกมาจากเต็นท์ด้วยกัน
[พาผมไปคืนเข็มทิศหน่อยฮะ ผมไม่กล้าไปคนเดียว]
แล้วพี่สุภะก็ไม่ได้ตอบอะไรผมอีก ปล่อยให้ผมพา (ลาก) ไปหาพี่อาสาสมัครผู้หญิงคนนั้นที่เคยสอนใช้เข็มทิศเมื่อตอนกลางวัน โชคดีจังที่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เจอกับพี่ผู้หญิงคนนั้นพอดี
“โห..พี่หาตั้งนานแหน่ะ ก็ว่าทำไมมันหายไปอันหนึ่ง ขอบคุณที่มาคืนนะจ๊ะ”
พี่ผู้หญิงบอกพลางลูบหัวผมหนึ่งที ซึ่งผมก็ทำเพียงแค่ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะขอตัวปลีกออกมา
หลังจากกลับมาที่เต็นท์รุ่นพี่อีกสองคนก็กำลังรอให้พี่สุภะกลับไปเล่นโดมิโนต่อ ส่วนผมพอหัวถึงหมอนก็หลับเลยล่ะฮะ
วันนี้สนุกมากเลยฮะแล้วพรุ่งนี้ผมจะได้เจออะไรอีกบ้างนะ อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ จัง…
DAY 2
07 : 40 น.
หวาาาาา แย่แล้ว!!
วันนี้เป็นที่สองสำหรับการเข้าค่ายของผมและทุกคนฮะ แต่ว่าทั้งผม พี่สุภะและก็รุ่นพี่อีกสองคนดันตื่นสายต้อนรับกันซะนี่!
วันนี้ผมตื่นเป็นคนแรกเลยฮะ แล้วก็ได้มาเห็นทุกคนนอนสลบไสลกันไม่เป็นที่เลย แถมเกมโดมิโนก็ยังวางระเกะระกะไปทั่ว สงสัยพวกเขาต้องเล่นกันจนดึกมากแน่ๆ
กว่าผมจะปลุกพวกเขาให้ตื่นและไปอาบน้ำได้เล่นเอาแขนเกือบหมดแรงเลยล่ะฮะ…
08 : 00 น.
เวลานี้เป็นเวลาที่ทุกคนจะได้รวมตัวกันเพื่อออกกำลังกายคลายกล้ามเนื้อ แต่เพราะกลุ่มผมเพิ่งจะแต่งตัวกันเสร็จก็เลยไปสายจนต้องโดนทำโทษเลยล่ะฮะ ทำโทษก็ไม่มีอะไรมากแค่ให้เก็บขยะคนละห้าร้อยชิ้น! และคนที่สั่งก็ไม่ใช่ใครคือครูไมค์นั่นเอง ตอนแรกครูไมค์จะสั่งให้พวกเราวิ่งรอบลานกว้างแล้วฮะ แต่เพราะเห็นใจพี่สุภะหรือยังไงไม่รู้ถึงได้เปลี่ยนให้มาเก็บขยะแทน
แถมยังให้อดของหวานของวันนี้อีกด้วยฮะ แงงงง ;-;
ถึงจะแอบเสียดาย แต่พอรู้ว่าหลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จจะไปส่องสัตว์ป่ากันก็หายหดหู่เลยล่ะฮะ
13 : 00 น.
ตอนกลางวันผมกับทุกคนได้นั่งรถจิ๊บเข้าไปในป่าลึกเพื่อส่องสัตว์ป่ากันฮะ นี่เป็นครั้งแรกซึ่งผมตื่นเต้นสุดๆ ไปเลย ผมได้เห็นสัตว์มากมายเลย ได้เห็นเสือดาว เสือโคร่งและก็ช้างป่าตัวใหญ่เบ้อเร่อด้วย นอกจากนั้นก็ยังมีสัตว์อีกหลายตัวที่ผมไม่รู้จักชื่อ ผมเลยวาดมันลงในสมุดโน๊ตหรือไม่ก็ถ่ายเก็บไว้ ผมพกกล้องมาด้วยล่ะ
ผมได้ยินเสียงพวกผู้หญิงในห้องกรีดร้องด้วยคงจะกลัวเสือกันแน่ๆ แต่สำหรับผมไม่ค่อยน่ากลัวหรอกฮะออกจะสนุกด้วยซ้ำ
อ๊ะ..จริงสิ แผลที่แขนของผมก็เริ่มดีขึ้นแล้วด้วยล่ะฮะ ตอนนี้ไม่ต้องพันผ้าพันแผลแล้ว
จึกๆ
ตอนนี้ผมกำลังยกกล้องขึ้นถ่ายรูปเสือตัวหนึ่งอยู่ แต่ทว่าก็มีแรงสะกิดของใครบางคนบนไหล่ทำให้ผมต้องหันไปมอง
“ตัวนั้นเรียกว่าอะไรครับ” พี่สุภะถามพลางชี้ไปยังสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีรูปร่างคล้ายแพะกำลังยืนอยู่บนริมเขา
ผมได้ฟังก็นิ่งเงียบไปสักพัก กลอกตาครุ่นคิดไปมาก่อนจะก้มลงเขียน [น่าจะเรียกว่าเลียงผานะฮะ ถ้าจำไม่ผิด]
พี่สุภะพยักหน้ารับหงึกหงักก่อนจะก้มหน้าก้มตาจด ผมยิ้มก่อนจะยกกล้องขึ้นถ่ายรูปสัตว์ต่อ
แต่ทว่าในระหว่างที่พวกเรากำลังส่องสัตว์ป่า ฝนก็ตกลงมา…
ซ่า!
เสียงฟ้าร้องบวกกับฝนที่ตกลงมาอย่างแรงพาให้พวกเราแตกตื่น กิจกรรมส่องสัตว์ป่าเลยต้องหยุดลงก่อนที่ขบวนรถจิ๊บจะรีบเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อกลับไปถึงค่ายให้ไวที่สุด
ฝนที่สาดเข้ามาในรถทำให้สมุดโน๊ตของผมเริ่มเปียก ผมเลยรีบเอาตัวเข้าบังเอาไว้โดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวผมก็เปียกไปด้วยเหมือนกัน แถมน้ำที่ไหลจากชายเสื้อก็หยดลงบนสมุดโน๊ตให้เปียกหนักกว่าเดิม แงงงงง กระดาษยุ่ยหมดเลยล่ะฮะ ทั้งข้อความที่ผมเคยเขียนไว้สื่อสาร ทั้งรูปสัตว์ที่วาดเอาไว้ก็กลายเป็นตัวบูดเบี้ยวไปหมดเลย กว่าจะแห้งคงอีกหลายวัน ;-;
ผมอยากจะกรีดร้องดังๆ จัง...สมุดของโผมมม!!!
ใช้เวลาเพียงแค่สิบนาทีรถจิ๊บก็มาจอดที่ค่ายแล้ว ระหว่างกลับพี่สุภะพยายามถามผมว่าผมเป็นอะไร ไม่ยอมพูดเลย แต่ทำไงได้ล่ะฮะตอนนี้สมุดโน๊ตเละหมดแล้ว ผมพยายามใช้ภาษามือบอกอีกฝ่ายแต่เหมือนพี่สุภะจะไม่เข้าใจ สุดท้ายก็เลยเงียบจนถึงค่ายนั่นแหละฮะพี่สุภะถึงเข้าใจ เขาก็เลยเอาสมุดโน๊ตให้ผมยืม ฮือออ...ขอบคุณมากเลยฮะ ไม่งั้นผมคงไม่ได้พูดอีกหลายวันแน่ๆ
[ขอบคุณมากนะฮะ] ผมใช้สมุดโน๊ตอีกฝ่ายเขียนข้อความขอบคุณ
ซึ่งพี่สุภะก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับก่อนจะถอดเสื้อผ้าที่เปียกฝนของตัวเอง อ๊ะ ผมเองก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้างแล้ว
16 : 30 น.
วันนี้ผมกับพี่สุภะก็ออกไปเก็บผลไม้ตามเดิมฮะโชคดีที่ฝนหยุดตกแล้ว ตอนแรกพี่สุภะบอกให้ผมรออยู่ที่ค่ายเพราะคงกลัวว่าผมจะโดนกิ่งไม้เกี่ยวอีก ใช้เวลาอยู่นานเลยฮะกว่าจะพี่สุภะจะยอมให้ผมไปด้วย ก็ผมไม่อยากปล่อยให้อีกฝ่ายทำคนเดียวนี่นา ผมแข็งแรงขึ้นแล้วนะ!
วันนี้ผมไม่มีเข็มทิศเพราะคืนให้พี่อาสาสมัครไปแล้ว ผมก็ได้แต่หวังว่าเราจะไม่หลงทางกับพวกพี่อาสาสมัครอีก
และเป็นอย่างที่ผมหวังไว้จริงๆ พวกเราไม่หลงกับพี่อาสาสมัครแล้วฮะ…
แต่ดันหลงกันเอง!
คืองี้ฮะระหว่างที่พี่สุภะกำลังชี้ให้พวกพี่อาสาสมัครเก็บผลไม้ต้นหนึ่ง ผมก็บอกว่าจะขอไปเก็บผลไม้ต้นใกล้ๆ เพราะเห็นว่ามันหล่นอยู่ซึ่งพี่สุภะก็พยักหน้าหงึกหงักฮะ ว่าแล้วผมก็เลยรีบไปเก็บก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดลง
แต่ว่าหลังจากเก็บหมดแล้วน่ะสิ...พอกลับมาอีกทีผมก็ไม่เจอพี่สุภะกับพวกพี่อาสาสมัครแล้ว อ่าว ทุกคนหายไปไหนกันหมด
หรือว่าทุกคนทิ้งผมแล้วเหรอ ไม่นะ...อีกไม่นานท้องฟ้าก็จะเริ่มมืดลงแล้วสิ ผมอยากตะโกนเรียกพวกเขาแต่ก็ทำไม่ได้ อยากไปตามหาแต่ก็กลัวว่าหากทุกคนกลับมาแล้วไม่เจอผมคงจะแย่
ในวินาทีนั้นผมไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่ามีวิทยุติดต่อที่พี่พีชกับพี่ไทระแจกไว้ให้อยู่นี่นา ผมอาจจะรายงานไปบอกพวกเขาก็ได้ แต่ทว่าพอล้วงหาในกระเป๋าเท่าไรก็ไม่เจอเลยฮะ มันต้องหล่นหายไปไหนแล้วแน่ๆ
ไม่นะ...
แงงง พี่สุภะอย่าเพิ่งทิ้งผมสิฮะ พี่อาสาสมัครก็หายไปไหนกันหมด...
ผมร้องคร่ำครวญในใจอย่างคนหมดหนทาง ทำไมเรื่องแย่ๆ ถึงต้องเข้าหาตัวผมตลอดเลยนะ
“แม็ซ!”
อ๊ะ สักพักผมก็ได้ยินเสียงรุ่นพี่...นั่นเสียงพี่สุภะแน่ๆ ผมถึงกับยิ้มออกก่อนจะรีบตามเสียงนั้นไป เพราะผมดีใจเกินไปหรือเปล่านะถึงได้เอาแต่วิ่งแล้วล้ม วิ่งแล้วล้มตั้งหลายรอบ แต่ผมก็ไม่ค่อยสนใจหรอกฮะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าผลไม้ที่เคยเก็บมาจนแทบล้นอ้อมแขนบัดนี้มันหล่นหายไปไหน พอได้มาเจอพวกพี่สุภะผลไม้ในแขนก็เหลือเพียงแค่น้อยนิดเท่านั้น
แต่ว่าดีใจจังเลยฮะ นึกว่าจะต้องนอนกอดผลไม้อยู่คนเดียวในป่าแล้วซะอีก ;w;
พี่สุภะบอกผมว่าเขาตั้งใจจะออกไปตามหาผมเพราะเห็นว่าผมไปนาน แต่ว่าจำทางผิดก็เลยย้อนกลับมาแล้วก็มาเจอผมพอดี
แต่ว่าผมก็ไม่ได้โกรธอะไรนะ อย่างน้อยก็ดีแล้วที่ได้เจอกัน ฮือออ...ใจหายแทบแย่เลยฮะ
18 : 00 น.
หลังจากกลับมาที่ค่ายพวกเราก็เริ่มทำกิจกรรมคล้ายๆ กับของวันแรกฮะ ทั้งกินข้าวเย็น ทั้งกิจกรรมรอบกองไฟ ข้าวเย็นวันนี้มีส้มตำด้วยฮะ แต่ว่าผมไม่ชอบอาหารรสจัดจ้านแบบนั้นก็เลยกินได้แค่ไก่ย่างกับแกงจืด แถมโดนอดของหวานด้วยสิ ตอนกลางคืนผมจะหิวไหมเนี่ย...
วันนี้ครูอิสรากับครูไมค์ก็ยังคงสร้างความบันเทิงได้ไม่เบื่อเลยแถมมีเกมมาให้นักเรียนเล่นคลายง่วงด้วยล่ะฮะ ซึ่งผมก็ดันแพ้และบทลงโทษก็คือการถูกเขียนหน้าด้วยเมจิกและออกไปเต้นระบำไก่ย่างหน้ากองไฟ...บอกตามตรงว่าแอบอายฮะ ขออย่ามีใครถ่ายรูปผมไว้เลยนะ
สาธุ!
20 : 00 น.
ในที่สุดก็ถึงเวลานอนซะที วันนี้พี่สุภะกับรุ่นพี่อีกสองคนไม่ได้เล่นเกมโดมิโนจนโต้รุ่งกันอีกแล้วแต่เล่าเรื่องผีกันฮะ ทำเอาผมที่นอนไม่ค่อยหลับนอนตัวเกร็ง ที่จริงเรื่องที่พวกรุ่นพี่เล่าก็ไม่ได้น่ากลัวนะฮะแต่กลัวอินเนอร์และน้ำเสียงของพวกเขามากกว่า ราวกับกำลังออกรายการคนอวดผีไหงงั้นแหละ
“มีคนบอกว่าเคยเห็นผู้หญิงผมยาว สวมชุดสีขาว ไม่มีขาวนเวียนอยู่แถวบ้านร้างหลังนั้น..” ผมกำลังฟังรุ่นพี่คนหนึ่งเล่า “มีวัยรุ่นมากมายที่เข้าไปพิสูจน์ตอนกลางคืน แต่ก็ไม่เคยมีใครออก…”
จ้อกกก
แหงะ...นอนอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงท้องตัวเองร้อง แถมร้องดังลั่นด้วยทำเอาพวกรุ่นพี่ชะงักจากการเล่าเรื่องผีมามองผม ผมกุมท้องตัวเองแน่นก่อนจะส่ายหัวรัวๆ โอ๊ยยยย อายจังเลยฮะ อยากจะมุดเข้าไปใต้ผ้าห่ม ทำไมท้องเจ้ากรรมต้องมาร้องตอนนี้ด้วยนะ
“น้องหิวเหรอ พี่มีขนมนะกินไหม”
รุ่นพี่มอหกคนที่เล่าเรื่องผีเมื่อกี้ยื่นขนมมาให้ผม เพิ่งเห็นแฮะว่าพี่คนนั้นมีแขนข้างเดียวแต่เมื่อวานผมเห็นพี่เค้าเล่นโดมิโนเก่งมากเลย
ถึงจะแอบเกรงใจแต่สุดท้ายผมก็รับมาพร้อมเขียนโน๊ตขอบคุณให้ [ขอบคุณฮะ]
...สุดท้ายกว่าจะได้นอนก็ล่อไปห้าทุ่มเลยฮะเพราะมัวแต่จกขนมกิน หวังว่าตื่นมาตาจะไม่ดำคล้ำเป็นหมีแพนด้านะ ฮะๆ
- bluebearz
Bonita Blanchett
นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5
1311
+128 M 935 K 310
PASSPORT
:
(550/2125)
:
Re: ROOMMATE 8 : Summer Camp
Sat 13 May 2017, 20:54
- SUPHA'S DIARY:
- DAY 6
08 : 00 น.
“เอ้าทุกคน เดี๋ยวทำตามพี่นะครับ”
เสียงของพี่อาสาสมัครที่รับหน้าที่เป็นคนนำออกกำลังกายพาให้ผมสะดุ้งออกจากภวังค์ ก่อนจะเห็นทุกคนเริ่มโยกตัวกันไปมาตามจังหวะเพลง วันนี้ผมก็ได้แต่นั่งมองพวกเขาออกกำลังกายเหมือนเดิม ข้างหลังผมก็มีพวกอาจารย์ยืนอยู่ด้วย พอมองทุกคนออกกำลังกายแล้วก็คิดว่ามันน่ากลัวและคงเจ็บน่าดูเลย ทั้งกระโดดตบ ทั้งเหยียดแขนขา เป็นผมคงทำไม่ไหวแน่ๆ
“เฮ้อ..”
ผมถอนหายใจเบาๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนเดินมาข้างหลัง
“ยืดเส้นยืดสายหน่อยก็น่าจะดีนะ ไม่งั้นเดี๋ยวได้เป็นง่อยกันพอดี”
เสียงของครูไมค์ที่ดังขึ้นเหนือหัวทำให้ผมหันไปมอง ก่อนจะตอบกลับไปด้วยการส่ายหัวหน่อยๆ
แต่ทว่าครูไมค์ก็เข้ามาดึงแขนผมให้ลุกขึ้น ก่อนจะประชิดเข้าข้างหลัง จับแขนผมทั้งสองข้างเอาไว้แล้วขยับไปมาช้าๆ ผมที่กลายเป็นตุ๊กตาหุ่นเชิดให้ครูไมค์ขยับแขนขาเล่นทำเพียงแค่ยืนเงียบ รู้สึกเหมือนพ่อกำลังสอนลูกเต้นชอบกล
09 : 50 น.
หลังจากที่ออกกำลังกายและทานข้าวเช้าเสร็จซึ่งมีแกงหน่อไม้และก็นมจืด พวกพี่อาสาสมัครก็ปล่อยให้พวกเราได้มีเวลาอิสระก่อนที่จะต้องเตรียมตัวทำกิจกรรมช่วงบ่าย ผมเดินเล่นรอบๆ ค่ายอย่างคนไม่มีอะไรทำ เห็นบางคนจับกลุ่มพูดคุยกันดูสนุก บางคนก็จับกลุ่มกินขนมกัน จะว่าไปพรุ่งนี้ก็วันสุดท้ายแล้วสิที่พวกเราจะได้อยู่ใช้ชีวิตอยู่ในป่าเขาแบบนี้…
ผมตัดสินใจเดินกลับมาที่เต็นท์ของตัวเองก็พบว่าแม็ซกำลังนั่งขีดเขียนอะไรอยู่ นั่นสมุดที่ผมให้แม็ซยืมไปเมื่อหลายวันก่อนนี่นา
ดูแม็ซกำลังตั้งใจมากทำเอาผมไม่อยากเข้าไปขัด ก็เลยว่าจะเดินเข้าไปหาเงียบๆ
แต่พอผมชะโงกหน้าเข้าไปดูว่าเขากำลังเขียนอะไรอยู่ อีกฝ่ายก็รีบเอาไปซ่อนไว้ข้างหลังทันที
[ม..มีอะไรเหรอฮะพี่สุภะ] แม็ซถามเลิกลัก
“แค่มาดูว่าเขียนอะไร...”
[ไม่มีฮะ ไม่มีจริ๊งๆ]
ผมอ่านคำท้ายที่เหมือนจะเสียงสูงหน่อยๆ พลางแปลกใจ ถ้าไม่มีอะไรทำไมต้องเลิกลักขนาดนั้นด้วย- -?
สุดท้ายผมก็เลยปล่อยให้อีกคนก้มหน้าก้มตาเขียนต่อโดยไม่พูดอะไร ได้แต่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆ พลางคิดไปเรื่อยเปื่อยว่ากำหนดการตอนบ่ายจะมีอะไรบ้างนะ…
13 : 00 น.
หลังจากนั้นพวกเราก็ได้เดินทางไปป่าดงดิบแล้งเพื่อไปปลูกต้นดำดงกันครับ แต่ในระหว่างที่กำลังเดินไปผมก็เอาแต่คิดมากเรื่องเมื่อเช้าที่แม็ซแอบเขียนอะไรอยู่คนเดียว จนไม่มองทางเท้าเผลอตกหลุมซะได้ กว่าแม็ซกับครูจะช่วยดึงขึ้นมาได้ก็ใช้เวลาสักพักไม่น่าเหม่อเลย ;-;
พอเดินทางมาถึงเราก็เริ่มหาที่ปลูกต้นดำดงกัน แสงแดดที่สาดส่องลอดผ่านต้นไม้มาต้องตัวจนแทบไหม้บวกกับอยู่ร่วมกันอย่างแออัด ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงได้ทำสีหน้าเหมือนอยากกลับค่ายขนาดนั้น ทั้งที่พวกเราก็เพิ่งเดินทางมาถึงได้ไม่นานเอง
หลังจากที่ผมปลูกต้นดำดงเสร็จก็เหลือบไปมองรูมเมทที่ตอนนี้กำลังนั่งตบดินให้ต้นไม้ของตัวเองอยู่ นั่งแบบนั้นไม่กลัวก้นเลอะเหรอครับ?
“ตัวเลอะแล้วครับ” ผมเดินเข้าไปบอกอีกฝ่าย
แม็ซได้ยินก็เลยก้มมองดูมือที่เลอะดินของตัวเองบ้าง [ไม่เป็นไรฮะ สนุกดีนะฮะ]
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไร แม็ซก็มองเลยตัวผมไปราวกับกำลังจ้องอะไรบางอย่าง…
[พี่สุภะฮะ..นั่นต้นพี่หรือเปล่าฮะผมเห็นมีคนเผลอเหยียบง่ะ]
สายตาของแม็ซที่มองไปทางด้านหลังทำให้ผมต้องหันขวับไปมองตาม เป็นอย่างที่แม็ซว่าต้นดำดงของผมแบนแต๊ดแต๋แล้ว…
ผมจัดการหยิบมันมาปลูกข้างๆ ต้นดำดงของแม็ซซะเลย เพราะแม็ซเลือกที่จะปลูกในที่ลับตาคนผมก็เลยคิดว่ามันคงจะไม่ถูก เหยียบเป็นครั้งที่สองอีก แม็ซที่อาสาตบดินให้แลดูเหมือนกลายเป็นเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่ชอบกล
ส่วนผมก็นั่งยองๆ ลงมองอีกฝ่ายที่นั่งตบดินเล่นโดยไม่พูดอะไร…
16 : 30 น.
วันนี้ก็ต้องเก็บผลไม้อีกแล้วสินะ...ผมคิดพลางเหลือบมองท้องฟ้าที่เริ่มมีก้อมเมฆเบาบางลงและลมก็พัดเย็นสบาย ว่าแล้วก็อดนึกถึงตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่ห้าไม่ได้ที่ผมกับแม็ซมาเก็บผลไม้ทีไรก็เป็นต้องหลงทางกันทุกที สรุปว่ายังไม่มีวันไหนที่เราได้กลับค่ายแบบไม่มีปัญหากันสักที
หมับ!
ในขณะที่ผมกำลังจะเดินเข้าไปในป่าก็มีมือมารั้งชายเสื้อเอาไว้ พอผมหันไปก็เห็นว่าแม็ซกำลังผูกเชือกฟางสีแดงให้ข้อมือของตัวเองก่อนจะนำปลายเชือกอีกข้างมาผูกที่ข้อมือผม ผมมองการกระทำของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ รอฟังว่าแม็ซจะอธิบายอะไร
[ผูกเอาไว้จะได้ไม่หลงไงฮะ]
แม็ซชูข้อมือที่ผูกเชือกฟางขึ้นมา เพราะสายที่โยงกันอยู่เลยพาให้ข้อมือผมกระตุกตามไปด้วย ผมมองข้อมือของตัวเองแล้วก็ชั่งใจ มันจะช่วยได้จริงๆ เหรอเนี่ย...ผมทำหน้าไม่ค่อยเชื่อเท่าไรแต่ก็ยอมตามน้ำไป
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงพวกเราก็ยังคงเดินหาผลไม้ที่จะนำไปทำของหวานกัน ผมเริ่มจะเชื่อขึ้นมาหน่อยๆ ว่าวิธีของแม็ซอาจได้ผลเพราะตอนนี้ยังไม่มีใครหลงทางกันเลย พวกพี่อาสาสมัครก็เดินตามติดข้างหลังตลอด ผมควรดีใจไหมนะที่วันนี้เป็นวันแรกที่เราไม่หลงทางกัน
ระหว่างที่เดินในป่าพวกผมก็ได้เจอแอนน์และก็ษรด้วยล่ะ แอนน์กับษรมาขอสัมภาษณ์พวกเราแถมพกกล้องมาคล้ายจะถ่ายทำอะไรสักอย่างด้วย ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ก็ยอมตอบไปต่างกับแม็ซที่ตอบได้สบายๆ เลย ว่าแต่ทั้งสองคนเจอพวกเราได้ยังไงนะ ผมได้แต่เก็บความสงสัยไว้และปล่อยให้แอนน์กับษรสัมภาษณ์พวกเราจนพอใจ…
18 : 16 น.
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินทางกลับเอาผลไม้ไปให้เชฟ ก่อนที่จะได้กลิ่นของอาหารเย็นลอยมา แม็ซเห็นอาหารที่วางเรียงอยู่ไม่ไกลนักก็รีบแกะเชือกฟางออกแล้ววิ่งไปต่อคิวรับอาหารเช่นเดียวกับนักเรียนคนอื่นทันที ผมเองก็เริ่มหิวเลยเดินตามไปบ้าง
พอกินจนอิ่มแปล้กิจกรรมนันทนาการรอบกองไฟก็เวียนมาอีกครั้ง วันนี้ดูคึกครื้นเป็นพิเศษเพราะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่พวกเราจะได้จัดกิจกรรมรอบกองไฟ ครูไอน์กับครูไมค์ยังคงสร้างความสนุกสนานและมีเกมมาให้นักเรียนเล่นอีกเช่นเคย วันนี้แม็ซแพ้และได้ออกไปเต้นระบำชาวเกาะกลางวง เมื่อวานจำได้ว่าแม็ซก็แพ้และได้จับแต่งหญิงด้วยนี่นา ผมไม่พลาดหรอกที่จะแอบเอากล้อง (ของแม็ซ) มาถ่ายรูปเก็บไว้
ผมลองเปิดรูปดู สีหน้าของแม็ซแต่ละรูปไม่ค่อยสนุกกับมันเลย ถ้าเป็นผมก็คงจะเป็นแบบแม็ซเหมือนกัน...
พอมาคิดๆ ดูความสุขและความสนุกมันก็ผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ...
22 : 08 น.
อือ…
ผมตื่นขึ้นมากลางดึกหลังจากสัมผัสได้ว่ามีแสงเล็ดลอดเข้ามาจนแสบตา ผมเงยหน้าขึ้นจากหมอนก็เห็นว่าเต็นท์เปิดอยู่ แสงที่ส่องเข้ามาพอให้ผมเห็นว่ารุ่นพี่ทั้งสองกำลังหลับกันและแม็ซก็หายไปด้วย เหลือเพียงผ้าห่มที่อยู่ในสภาพเหมือนถูกเลิกขึ้นพร้อมกับหมอนที่วางเอียงหน่อยๆ
แม็ซไปเข้าห้องน้ำเหรอ...ผมนึกว่าพลางคลานออกมาจากเต็นท์ ในขณะที่คิดว่าจะออกไปตามดีไหมนะก็เหลือบเห็นเงาใครบางคนนั่งห่างไปไม่ไกลซะก่อน ผมคว้าไม้ค้ำแล้วเดินเข้าไปหาจากทางด้านหลัง แม็ซนั่นเองกำลังยกกล้องขึ้นถ่ายรูปท้องฟ้าอยู่ ผมเลยทิ้งตัวลงนั่งข้างกายมองดูอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ
แม็ซหันมามองผม จากนั้นเขาก็ลดกล้องลงก่อนจะก้มเขียนอะไรบางอย่าง
[พรุ่งนี้ก็กลับแล้วสินะฮะ ผมคงจะคิดถึงที่นี่แน่ๆ]
“.....”
[ผมยังอยากถ่ายรูปสัตว์อีกเยอะแยะเลย]
“ขอดูกล้องได้ไหมครับ” ผมไม่ตอบอะไรแต่กลับถามอีกฝ่ายแทน
[จ..จะดีเหรอฮะ ดูแล้วต้องห้ามหัวเราะนะฮะ] แม็ซทำหน้าบูดหน่อยๆ
ผมพยักหน้าพลางคิดว่ามันจะมีอะไรน่าตลก แต่พอได้เปิดกล้องของแม็ซดู แม็ซก็ถ่ายภาพเก็บไว้เยอะแฮะ แต่ว่าแต่ละภาพดันมีแต่เบลอๆ จนมองไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร ส่วนใหญ่มีแต่ภาพสัตว์ที่เราไปส่องกันมา ผมว่ามันก็ไม่น่าขำเท่าไรถ้าไม่ได้มาเจอรูปหนึ่งซะก่อน...เป็นรูปของสัตว์ตัวหนึ่งซึ่งแม็ซเคยบอกไว้ว่าคือเลียงผา หน้าของมันแทบเต็มจอแถมตาเหลือกแลบลิ้นใส่กล้องด้วย
อ๊ะ ผมจำลายขนมันได้มันต้องเป็นตัวเดียวกับตัวที่แทะไม้ค้ำผมก่อนหน้านี้แน่ๆ เลย แม็ซถ่ายไว้ด้วยเหรอเนี่ย
จะว่าไปก็คิดถึงมันจังแฮะ ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้ไปริมผาอีกเลย
“ก็ไม่ตลกนี่ครับ” ผมพูดขึ้นทั้งที่แอบยิ้มน้อยๆ พลางส่งคืนกล้องให้อีกฝ่าย
[ไม่ตลกแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะฮะ ไม่น่าให้ดูเลย-3-] แม็ซว่าพลางทำหน้าบูดหน่อยๆ
หลังจากนั้นแม็ซก็ขอถ่ายรูปท้องฟ้าอีกสักพักจนพอใจก่อนจะพากันกลับเต็นท์ แต่พอหัวถึงหมอนแม็ซก็ยังมิวายเปิดรูปมาดูเล่นแถมพึมพำถึงรูปที่ผมถ่ายได้จากตอนกิจกรรมรอบกองไฟ มีทั้งรูปแม็ซถูกเขียนหน้า แม็ซแต่งหญิงและก็เต้นไก่ย่าง เห็นแล้วก็อดคิดถึงวันที่แม็ซเข้ามาในโรงเรียนใหม่ๆ ไม่ได้ ที่เราจัดปาร์ตี้ชุดนอนและเล่นเกมกัน มีเกมหนึ่งที่แม็ซแพ้และถูกจับแต่งหญิง
รู้สึกแม็ซจะดวงสมพงษ์กับการแต่งหญิงจัง…
ผมไม่รู้ว่าดูรูปกับแม็ซอยู่นานแค่ไหน แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็หลับไปซะแล้ว
DAY 7
06 : 20 น.
วันนี้แม็ซตื่นก่อนใคร พอผมออกมาจากเต็นท์แม็ซก็ชวนไปดูหมอกแถวภูเขาเพราะเห็นว่ายังมีเวลาอีกเยอะ แถวนั้นมีริมผาที่เดียวกับที่ผมเคยไปด้วย แม็ซขึ้นไปยืนบนนั้นและทำท่าเหมือนสูดอากาศเข้าปอดพลางยิ้มออกมา สายลมเย็นๆ พัดพาให้ใบไม้ปลิวไสว
[ผมอยากลองตะโกนบนหน้าผาแบบที่เขาทำในหนังจัง]
จู่ๆ แม็ซก็เปรยขึ้น ผมเลยรับโน๊ตของเขามาอ่าน
“ตะโกนว่าอะไรเหรอครับ”
แม็ซครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะส่งโน๊ตกลับมาอีกครั้ง [สนุกมากเลยฮะ อยากมาอีกจังเลย...ล่ะมั้งฮะ]
ผมพยักหน้ารับก่อนจะตัดสินใจทำในสิ่งที่คิดว่าตัวเองไม่กล้าทำมาก่อน…
“สนุกมากเลย อยากมาอีกจังเลย!”
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะตะโกนออกไป ถึงมันจะไม่ค่อยดังมากจนสะท้อนออกไปไกลเหมือนในหนัง มันดูเหมือนกำลังเค้นให้พูดมากกว่า แต่ผมแค่อยากจะช่วยแม็ซคืนบ้าง จำได้ว่าเขาเคยช่วยพยุงผมไปไหนมาไหนตั้งหลายรอบตอนที่ไม้ค้ำหายไป ผมก็ไม่รู้ว่ามันแทนกันได้ไหมแต่ก็เรียกสายตาตกใจปนอึ้งของแม็ซได้...
[พี่สุภะพูดไม่ครบนี่นา ขาดคำว่าฮะ]
“พอเถอะครับ..” ผมเบนสายตาไปทางอื่น แค่นี้ก็อายตัวเองจะแย่อยู่แล้ว
แม็ซเห็นอย่างนั้นก็เลยหัวเราะน้อยๆ ออกมา [ขอบคุณนะฮะ]
ต่อมาแม็ซก็ชวนผมถ่ายรูปเก็บไว้เป็นระลึก แต่เพราะทักษะการถ่ายรูปของพวกเราก็ไม่ได้เก่งมากมายเลยถ่ายได้แต่รูปเบลอ ดูเหมือนว่าจะถ่ายติดเลียงผาด้วย ผมได้เจอเลียงผาตัวนั้นอีกครั้งเลยเข้าไปลูบขนเล่น ส่วนแม็ซบอกว่าอยากถ่ายเลียงผาให้ได้สวยๆ สักรูปเลยไล่ถ่ายมันสนุกใหญ่เลยครับ ผมมองอีกฝ่ายพลางถอนหายใจเบาๆ
อ๊ะ...แสงพระอาทิตย์เริ่มส่องแล้วล่ะ
13 : 20 น.
พี่อาสาสมัครปล่อยให้พวกเราได้เก็บสัมภาระเตรียมกลับโรงเรียน ผมมองดูรุ่นพี่คนหนึ่งกำลังถามหากางเกงพลางรื้อเต็นท์จนทั่วเห็นบอกว่าเป็นตัวโปรดของเขาด้วย ก่อนที่ผมจะกลับมาเก็บข้าวของของตัวเองต่อ เพราะผมไม่ได้แบกของมาเยอะเลยใช้เวลาไม่นานก็เก็บเสร็จแถมของไม่หายด้วย
ผมเหลือบมองนักเรียนกลุ่มอื่นที่เริ่มเก็บเต็นท์กันบ้างแล้ว...
จึกๆ
[พี่สุภะฮะ ผมเอาสมุดมาคืน]
แม็ซชูสมุดโน๊ตของตัวเองที่แห้งแล้วพลางยื่นสมุดอีกเล่มมาตรงหน้าผม ก่อนที่แม็ซจะกลับไปเก็บสัมภาระต่อ ผมที่ไม่มีอะไรทำก็เลยแอบเปิดสมุดดูเห็นว่าแม็ซเขียนเนื้อหาพืชพรรณกับรูปวาดสัตว์เต็มไปหมดเลย พอเปิดไปหน้าท้ายๆ ก็เห็นคำว่า DAIRY ตัวเบ้อเร่อแปะอยู่ตรงกลางกระดาษ
ความอยากรู้อยากเห็นทำให้ผมแอบเปิดอ่าน ข้อความข้างในเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดในค่ายและก็มีความรู้สึกของแม็ซเขียนเอาไว้ ผมไล่อ่านตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่ห้า พอเห็นว่าวันที่หกและวันนี้ยังเว้นเอาไว้ผมก็เลยอยากจะลองเขียนบ้าง และในจังหวะนั้นเองแม็ซก็เดินมาหาผมอีกครั้ง
[ผมว่าจะมาขอหน้าที่เขียนไดอารี่เอาไว้…] แม็ซเขียนอธิบายพลางทำหน้าอายหน่อยๆ
ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับยื่นสมุดให้อีกฝ่าย “เขียนเพิ่มให้ครับ...”
[ดีจัง ผมคงไม่ต้องฉีกแล้วสินะฮะ] แม็ซหัวเราะก่อนจะรับมากอดเอาไว้ ก่อนที่พวกเราจะชวนกันไปเก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้
ในที่สุดเวลาที่เราต้องกลับก็มาถึง หลังจากขึ้นรถมาแล้วแม็ซก็โบกมือบ๊ายบายผ่านกระจกให้พี่อาสาสมัคร ภูเขาและสัตว์ป่าด้วย ส่วนผมก็เอาหน้าเข้าไปแนบกระจกข้างแม็ซ แอบเหลือบมองริมผาที่เคยไปนั่งเล่นบ่อยๆ ก็เห็นเจ้าเลียงผาตัวเดิมยืนอยู่เลยโบกมือให้ ทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วว่ามันมองไม่เห็นพราะมัวแต่แทะหญ้า...ยังคิดถึงมันอยู่เลย
พอได้ยินเสียงเครื่องยนต์สตาร์ทในใจก็รู้สึกใจหายที่ความสนุกตลอดหนึ่งอาทิตย์จะเหลือไว้เพียงแค่ความทรงจำ ก่อนที่เราจะต้องกลับสู่สถานที่เดิมที่จากมา แม็ซเองก็คิดแบบเดียวกับผมก่อนที่เขาจะพิงหลังกับเบาะนั่งแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย
[ถ้ากลับไปถึงห้องพักแล้วผมจะทำอะไรอย่างแรกก่อนดีนะ]
“แม็ซอยากทำอะไรครับ” ผมถามก่อนจะเห็นว่าแม็ซนิ่งไปสักพักคล้ายกำลังครุ่นคิด
[อยากนอนล่ะมั้งฮะ…] แม็ซชูโน๊ตแต่ว่าไม่ทันไรเขาก็ขยำมันทิ้ง ก่อนจะเขียนใหม่ผมเลยเงียบรอดูว่าอีกฝ่ายจะเขียนอะไร
[อ๊ะ ไม่สิ...ผมอยากอ่านไดอารี่ก่อนแล้วค่อยนอนฮะ ฮะๆ]
แม็ซยิ้มพลางกอดสมุดของผมเอาไว้แน่น ผมก็เลยยิ้มหน่อยๆ ก่อนจะตอบกลับไป
“...ครับ”
รถคันใหญ่ค่อยเคลื่อนผ่านดงป่าและภูเขาออกไปไกลมากขึ้นเรื่อยๆ เหล่าพี่อาสาสมัครที่อยู่ในค่ายยังคงโบกมือล่ำลาให้แม้ตัวรถจะลับสายตาไปแล้วก็ตาม
✎ C. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้ยอดเยี่ยมมาก 80% - 90%
เข็มกลัดผู้พิทักษ์ เข็มกลัดผู้พิทักษ์ที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ที่ได้รับเข็มกลัดนี้สูญเสียค่า Grade Exp. จากกิจกรรม Event : Summer Camp โดยจะคืนค่าประสบการณ์ที่สูญเสียไปจากกิจกรรมให้ทั้งหมดเป็นจำนวน +150 Grade Exp. แต่หากเจ้าของเข็มกลัดนี้ร่วมกิจกรรมและไม่ถูกหักค่าประสบการณ์ไป ความสามารถของเข็มกลัดนี้จะไร้ผลในทันที |
ULTRA SQUARE STAMP ตราประทับระดับสูงในหมวดภารกิจรูมเมทและภารกิจพิเศษ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมเพชรสีชมพูผสมทองคำแท้ มีมูลค่า +100 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจอย่างยอดเยี่ยมเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+1,500,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
- ผู้มาเยือนผู้มาเยือน
Re: ROOMMATE 8 : Summer Camp
Mon 15 May 2017, 21:23
วันนี้คือวันที่ 6 แล้วสำหรับ Summer Camp ปีนี้
เป็นแคมป์ที่สนุกสนานมาก รู้สึกเหมือนตัวองได้ย้อนกลับไปสมัยที่มาเข้าค่ายแบบนี้ วีรกรรมเปิ่นๆที่ตัวเองเคยทำเอาไว้ไหลเข้ามาเป็นฉากๆ ทำเอาผมกลั้นขำไว้ไม่อยู่ จนหลุดหัวเราะพรืดออกมาเมื่อเดินเข้าไปยังที่อาบน้ำที่ทางอุทธยานเตรียมไว้ให้
"ขำอะไรไอน์" พี่ไมค์ที่วันนี้เป็นครูบัดดี้ของผมร้องทักขึ้น
"เปล่าครับ แค่นึกอะไรตลกๆ"
"นึกมุกที่ใช้ในคืนนี้ออกเหรอ?"
เอ้อ จะว่าไปแล้ว ที่ต้องได้มาเป็นบัดดี้กันก็เพราะว่าผมและพี่ไมค์ได้รับหน้าที่เป็นหน่วยสันทนาการยามค่ำคืนให้เด็กๆ ได้ทำกันนี่แหละ ซึ่งคืนก่อนๆ เป็นการเล่าเรื่องและแสดงตลกของพี่ไมค์ ซึ่งพี่แกบอกว่าผมที่เป็นคู่หูแกเล่นได้ฝืดสุดๆ แต่ผมขำนะ...
"เปล่าครับ นึกถึงสมัยเรียน เคยมาแบบนี้"
"อ้อ นึกว่าคิดมุกออก"
จนเกือบตกค่ำ ผมกับพี่ไมค์ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรกันดี แต่พี่ไมค์มีแผนสำรองอยู่แล้ว พวกเราเลยจะทำกิจกรรมเบาๆ ก่อนจะกลับบ้าน ด้วยการนั่งล้อมวงร้องเพลงกัน เพราะพี่แกแบกเอากีต้าร์มาด้วย ไม่ยักรู้แหะว่าเล่นเป็นด้วย
'เล่นในวงเหล้าไง'
พี่แกเฉลยความสงสัยให้ผม และคนที่รับหน้าที่ร้องก็คือผมเอง... ด้วยเหตุผลที่ว่าเคยชนะควิ้นท์สตาร์ เพราะฉะนั้นต้องร้อง ห้ามปรบมือเฉยๆ โอเคครับ ได้เลยครับ
เพลงส่วนใหญ่ที่ผมและพี่ไมค์เลือกมาก็เป็นเพลงง่ายๆ ดัดแปลงเนื้อหาให้ฮาบ้างเป็นบางเพลง เมื่อถึงเวลาเด็กๆ ก็มานั่งล้อมวงรอบกองไฟกัน บรรยากาศสบายๆ เริ่มต้นขึ้นเมื่อพี่ไมค์เริ่มดีดกีต้าร์ ส่วนผมก็ร้อง แล้วก็เล่นเกมเล็กๆ น้อยๆ ให้คนที่แพ้ต้องออกมาร้องเพลง จวบจนได้เวลานอน ทุกคนก็ร้องเพลงพร้อมๆ กัน พร้อมกับจับมือไว้ด้วยกัน ราวกับว่าจะเก็บความทรงจำคืนนี้ คืนสุดท้ายของที่นี่เอาไว้พร้อมเสียงเพลง
ความเหนื่อยล้าที่ผ่านมาค่อยๆ จางหายไป เหลือเพียงความทรงจำดีๆ ตลอดระยะเวลาที่เข้าค่ายแห่งนี้ หวังว่าเสียงเพลงที่ผมร้องและดนตรีที่พี่ไมค์ขับกล่อม จะเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำดีๆ ใน Summer Camp ปีนี้ด้วย
✎ E. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้ผ่านเกณฑ์ 50% - 65%
เป็นแคมป์ที่สนุกสนานมาก รู้สึกเหมือนตัวองได้ย้อนกลับไปสมัยที่มาเข้าค่ายแบบนี้ วีรกรรมเปิ่นๆที่ตัวเองเคยทำเอาไว้ไหลเข้ามาเป็นฉากๆ ทำเอาผมกลั้นขำไว้ไม่อยู่ จนหลุดหัวเราะพรืดออกมาเมื่อเดินเข้าไปยังที่อาบน้ำที่ทางอุทธยานเตรียมไว้ให้
"ขำอะไรไอน์" พี่ไมค์ที่วันนี้เป็นครูบัดดี้ของผมร้องทักขึ้น
"เปล่าครับ แค่นึกอะไรตลกๆ"
"นึกมุกที่ใช้ในคืนนี้ออกเหรอ?"
เอ้อ จะว่าไปแล้ว ที่ต้องได้มาเป็นบัดดี้กันก็เพราะว่าผมและพี่ไมค์ได้รับหน้าที่เป็นหน่วยสันทนาการยามค่ำคืนให้เด็กๆ ได้ทำกันนี่แหละ ซึ่งคืนก่อนๆ เป็นการเล่าเรื่องและแสดงตลกของพี่ไมค์ ซึ่งพี่แกบอกว่าผมที่เป็นคู่หูแกเล่นได้ฝืดสุดๆ แต่ผมขำนะ...
"เปล่าครับ นึกถึงสมัยเรียน เคยมาแบบนี้"
"อ้อ นึกว่าคิดมุกออก"
จนเกือบตกค่ำ ผมกับพี่ไมค์ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรกันดี แต่พี่ไมค์มีแผนสำรองอยู่แล้ว พวกเราเลยจะทำกิจกรรมเบาๆ ก่อนจะกลับบ้าน ด้วยการนั่งล้อมวงร้องเพลงกัน เพราะพี่แกแบกเอากีต้าร์มาด้วย ไม่ยักรู้แหะว่าเล่นเป็นด้วย
'เล่นในวงเหล้าไง'
พี่แกเฉลยความสงสัยให้ผม และคนที่รับหน้าที่ร้องก็คือผมเอง... ด้วยเหตุผลที่ว่าเคยชนะควิ้นท์สตาร์ เพราะฉะนั้นต้องร้อง ห้ามปรบมือเฉยๆ โอเคครับ ได้เลยครับ
เพลงส่วนใหญ่ที่ผมและพี่ไมค์เลือกมาก็เป็นเพลงง่ายๆ ดัดแปลงเนื้อหาให้ฮาบ้างเป็นบางเพลง เมื่อถึงเวลาเด็กๆ ก็มานั่งล้อมวงรอบกองไฟกัน บรรยากาศสบายๆ เริ่มต้นขึ้นเมื่อพี่ไมค์เริ่มดีดกีต้าร์ ส่วนผมก็ร้อง แล้วก็เล่นเกมเล็กๆ น้อยๆ ให้คนที่แพ้ต้องออกมาร้องเพลง จวบจนได้เวลานอน ทุกคนก็ร้องเพลงพร้อมๆ กัน พร้อมกับจับมือไว้ด้วยกัน ราวกับว่าจะเก็บความทรงจำคืนนี้ คืนสุดท้ายของที่นี่เอาไว้พร้อมเสียงเพลง
ความเหนื่อยล้าที่ผ่านมาค่อยๆ จางหายไป เหลือเพียงความทรงจำดีๆ ตลอดระยะเวลาที่เข้าค่ายแห่งนี้ หวังว่าเสียงเพลงที่ผมร้องและดนตรีที่พี่ไมค์ขับกล่อม จะเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำดีๆ ใน Summer Camp ปีนี้ด้วย
✎ E. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้ผ่านเกณฑ์ 50% - 65%
เข็มกลัดผู้พิทักษ์ เข็มกลัดผู้พิทักษ์ที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ที่ได้รับเข็มกลัดนี้สูญเสียค่า Grade Exp. จากกิจกรรม Event : Summer Camp โดยจะคืนค่าประสบการณ์ที่สูญเสียไปจากกิจกรรมให้ทั้งหมดเป็นจำนวน +150 Grade Exp. แต่หากเจ้าของเข็มกลัดนี้ร่วมกิจกรรมและไม่ถูกหักค่าประสบการณ์ไป ความสามารถของเข็มกลัดนี้จะไร้ผลในทันที |
JEWEL SQUARE STAMP ตราประทับระดับทั่วไปในหมวดภารกิจรูมเมทและภารกิจพิเศษ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมอัญมณีล้ำค่า มีมูลค่า +50 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้อย่างสำเร็จเป็นที่พึงพอใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+500,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
- dedog
Jinn Watinpol
อาจารย์ศิลปะ
5262
+1,074 M 191 K 627
PASSPORT
:
(9911/28000)
:
Re: ROOMMATE 8 : Summer Camp
Mon 15 May 2017, 22:37
- ค่ายค่ายค่ายค่าย:
- D1:
DAY 1
ตอนนี้พวกเรามาถึงอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกันแล้ว
ผมกับแม็กตอนนี้นั่งว่างเพราะจัดของเสร็จแล้วไม่รู้จะทำอะไรกันดี
อ่านกำหนดการแล้ววันนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นวันอิสระ
เพราะนอกจากจัดของเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าค่ายแล้วก็ไม่มีอะไรต้องทำอีก
ผมกับแม็กมีหน้าที่นำเด็กๆไปส่องสัตว์ในวันพรุ่งนี้และวันที่สี่ของค่าย
หลังนั่งเวิ้งว้างกันซักระยะ พวกเราก็ตัดสินใจเดินสำรวจค่ายกัน
เต็นท์พยาบาลอยู่ตรงนั้น
เต็นท์ครัวอยู่ลึกไปทางฝั่งขวา
ถัดไปไม่ไกลเป็นเต็นท์สุขา
ฝั่งซ้ายเกือบทั้งหมดเป็นโซนเต็นท์ที่พัก
เต็นท์อาบน้ำอยู่ลึกเข้าไปอีกหน่อยในโซนที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว
.
.
หลังเข้าเต็นท์นั้นโผล่เต็นท์นี้กันอยู่ซักพัก
ก็มีเสียงระฆังสำหรับเรียกทานอาหารเย็น
ซึ่งผมไม่ได้ยินมันหรอก แม็กเป็นคนบอกผมในจุดนี้
อาหารเย็นผ่านไปอย่างเรียบง่ายพร้อมหน้าพร้อมตา
ผมกับแม็กรีบอาบน้ำอาบท่าแล้วมุดกลับเข้าเต็นท์กันตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน
เขาดูกังวลนิดหน่อยเมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด
เขาบอกผมว่าข้างนอกมีเสียงของการสังสรรค์
ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเขาอยากไปร่วม
แต่สิ่งที่เขากลัวที่สุดอยู่ข้างนอกนั่น
แม็กกลัวป่าตอนกลางคืน
และป่ากลางคืนนี่เองที่จะกระตุ้นให้อเล็กซ์ปรากฏตัวออกมา
แม็กไม่อยากเสี่ยงในจุดนี้
เขาถามผมว่าทำไมจึงไม่ไปร่วมสังสรรค์
คำตอบของผมคือการเปิดโทรทัศน์
“ฉันติดซีรี่ย์”
.
.
.
เพื่อนหันไปดูซีรี่ย์แล้ว
เขาทำท่าคล้ายว่าไม่ได้สนใจผมอีก
ผมเองก็มองจอไปกับเขา
ค่ายนี้ดีอย่างที่ทุกอย่างสะดวกสบาย
กระทั่งไฟฟ้าก็ยังเข้าถึง
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังกังวล
ป่ากลางวันไม่มีผลอะไรกับผม
แต่ป่ากลางคืนกลับสร้างความกดดันแม้ไม่ได้มองเห็นตรงๆ
เสียงของโทรทัศน์เบาไปหน่อย
แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะเปิดเพิ่ม
จิณณ์เองก็สนุกไปกับซีรี่ย์แม้ไม่ได้ยินเสียง
แม้ทำเป็นไม่สนใจ แต่บางจังหวะผมก็เห็นเขาเหลือบมองมา
ความเป็นห่วงของเขาทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
ถึงเพื่อนจะบอกว่าติดซีรี่ย์ และถึงซีรี่ย์จะดูน่าสนุก
แต่เสียงของการสังสรรค์ข้างนอกกลับดูจริงยิ่งกว่า
มันดึงดูดผมเสียจนแทบจะก้าวออกจากเต็นท์ไป
แต่เมื่อนึกถึงป่าที่รายล้อมด้านนอก
และนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น
ผมก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่ไปไหนจนกว่าฟ้าจะสว่าง
ในจังหวะที่จิณณ์มองมาที่ผมอีกครั้ง
มันเป็นจังหวะเดียวกับที่ตัวเอกในซีรี่ย์กำลังปล่อยมุก
ผมหัวเราะไปกับมุกนั้น
คล้ายเห็นเพื่อนเลิกคิ้วนิดหน่อยก่อนจะยิ้มออกมา
.
.
.
- D2:
DAY 2
ฟ้าสว่างแล้ววว
แม็กเวลคนนี้ฟื้นคืนชีพแล้ว แอ้ว แอ้ว แอ้ววววว
หลังอาบน้ำและออกกำลังกายยามเช้า
จิณณ์ยังคงทำหน้าง่วงนอนอยู่
จนถึงตอนกินข้าวเพื่อนก็คล้ายว่าจะหลับคาชามข้าวไปได้ทุกเมื่อ
...ก็ใครใช้ให้ดูซีรี่ย์ยันตีสองกันล่ะ
ขนาดผมที่กังวลโน่นนี่นั่นก็ยังหลับไปก่อนเขา
ไม่แปลกที่ตื่นมาด้วยสภาพวิญญาณครึ่งดวงขนาดนี้
เพื่อนใช้เวลาฟรีสไตล์ยามเช้ากลับไปนอนต่อ
ส่วนผมเดินเล่นก่อกวนคนโน้นคนนี้อยู่แถวๆนั้น
จนถึงตอนมื้อเที่ยง จิณณ์ก็ฟื้นคืนชีพโดยสมบูรณ์แบบ
และหลังมื้อเที่ยงนี้ก็จะได้เวลาทำหน้าที่ของผมกับเขาแล้ว
และแล้วกิจกรรมส่องสัตว์ก็เวียนมาถึง อึ๋ง อึ๋งงงง
พวกเรานั่งรถจี๊บกันมาตามทาง
มีการชี้ชวนดูโน่นนี่นั่นเป็นระยะๆ
ในบางจุดเจ้าหน้าที่ก็หยุดรถให้ลงไปส่องสัตว์กัน
และในจุดๆนี้ พวกเราก็พับกบ พบกับบบบ…!!!
.
.
.
เพื่อนลิงของผมเหมือนได้คืนถิ่นยังไงชอบกล
ดูร่าเริงลั้ลลาละเกินนนน
ผิดกับลิงหงอยเมื่อคืนเป็นคนละคนเลยฮะ
เป็นผมซะอีกที่ถ่างตาทำเป็นดูซีรี่ย์
จนเมื่อเช้านี่สภาพเหมือนคนวิญญาณยังไม่กลับเข้าร่าง
ก็ใครจะไปกล้าหลับถ้ามีลิงเครียดพร้อมตกมันนั่งอยู่ข้างๆ
รอจนเขาหลับนั่นแหละผมถึงได้กล้าหลับ
และตอนนี้ลิงดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ
เขาชี้ไม้ชี้มือขึ้นไปบนต้นไม้
ทำท่าเหมือนอยากจะตะโกนเรียก
แต่เพราะคุณเจ้าหน้าที่บอกไว้แต่แรกว่า
เมื่อเจอสัตว์ป่าห้ามเสียงดังเป็นอันขาด
ดังนั้นเพื่อนจึงใช้สัญญาณมือ
กวักรัวๆเรียกให้ทุกคนเข้าไปหา
ท่าทางตื่นเต้นแบบเงียบๆของเขาทำให้พวกเราต้องเดินเข้าไปดู- อ๋อ... เจอญาติ:
คุณเจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นชะนีแก้มเหลือง
เป็นสัตว์อนุรักษ์ที่ใกล้สูญพันธุ์
พวกมันอาศัยและหากินอยู่บนยอดไม้สูงในป่าดิบ
วันนี้เป็นโชคดีของพวกเราที่มันลงมาใกล้พอที่พวกเราสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เห็นเพื่อนและเด็กๆตื่นเต้นกันขนาดนี้ก็คงนับว่าเป็นโชคดีจริงๆนั่นแหละนะ :)
.
.
.
คืนนี้จิณณ์เปิดซีรี่ย์อีกแล้ว
ดูเขาติดเรื่องนี้จริงจังนะเนี่ย
จริงๆผมก็เคยดูกับเขาตอนอยู่ที่โรงเรียนนะเรื่องนี้
เป็นซีรี่ย์สืบสวนสอบสวนที่ตอนนี้มี12ซีซั่นแล้ว
หวังว่าเขาคงไม่ได้คิดจะดูจบครบ12ซีซั่นภายในค่ายนี้หรอกนะ?!?
มองสีหน้าอันมุ่งมั่นของเพื่อนแล้วผมก็ชักไม่แน่ใจเท่าไหร่แฮะ ‘ ‘;
.
.
.
- D3:
DAY 3
ยามเช้ามาถึงอีกครั้ง
ช่วงกลางคืนผ่านไปอย่างน่าเบื่อนิดหน่อย
จะออกไปปาร์ตี้กับเขาก็ทำไม่ได้
เพื่อนร่วมเต็นท์ก็ติดซีรี่ย์ละเกิน
และแน่นอนว่าถึงเวลาฟรีสไตล์เมื่อไหร่เพื่อนก็หนีไปนอนเมื่อนั้น
จิณณ์กลับมาอีกทีตอนได้อาหารเที่ยง
และมาช่วยแคลกับคุณรัตดูเด็กๆในตอนบ่ายที่จะไปสำรวจป่ากัน
ผมเองเห็นเขาช่วยก็เข้าไปช่วยด้วย
...ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าช่วยให้ดีขึ้นหรือแย่ลง
“เฮ้ยๆ ตรงนั้นอ่ะ” ผมชี้ไปบนต้นไม้
เด็กๆที่ตอนนี้เริ่มคุ้นเคยกันแล้วหันมองตามมือผม
“อ๊ะ นั่นๆๆๆ” ผมหมุนตัวชี้ไปอีกทาง
ทุกคนหมุนตัวตัวตามมา
“นู้นๆๆ ตรงโน้นๆๆๆ”
ทุกสายตามองตามที่มือผมชี้ไป
“พี่แม็กชี้อะไรเหรอฮะ” ใครซักคนถามขึ้นมาในที่สุด
“ชี้...” ผมลากเสียง เด็กๆก็ตั้งใจฟังเต็มที่
“ชี้ให้เห็นความรักของพวกเราที่ลอยอบอวลอยู่ในอากาศ”
พูดพร้อมยกแขนทั้งสองข้างโก่งมือลงมาเหนือหัวเป็นรูปหัวใจ
เรียกเสียงโห่ได้จากทั่วบริเวณ
อะไรกัน นานๆทีคนหล่อจะเสี่ยวบ้างอะไรบ้างไม่ได้เลยเหรอ บู่วว
หลังจากนั้นพอผมชี้นกชี้ไม้เลยไม่มีใครสนใจเลยฮะ
“เฮ้ย นั่นๆๆๆ”
นิ่ง...
“นกๆๆๆๆ”
เงียบ....- เฮ้ย นกจริงๆไม่ได้หลอก:
ก็บอกแล้วว่านกจริงๆ
คุณเจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นนกเงือกกรามช้าง
หน้าตาน่าเกรงขามไม่เบาเลยฮะ
ถ้าไม่นับไอ้ก้อนเหลืองตรงคออะนะ...
มองๆไปนี่โคตรน่าเอาเข็มจิ้มเลยฮะ
ล่อตาล่อใจมั่กกก
หลังจากนกเงือกกู้ศักดิ์ศรีคนหล่อขึ้นมาสำเร็จ
ผมก็พังมันลงอีกครั้งอย่างราบคาบ..
“เฮ้ย นี่มัน...”
ผมหยิบผลอะไรบางอย่างขึ้นมาจากพื้นดิน
รูปร่างหน้าตาของมันดูแปลกไปจากที่เคยเห็นในชีวิตประจำวัน
“อะไรเหรอคะ” ใครซักคนถามขึ้นมา
“ลูกอะรูมิไร้ท์”
“หูย ชื่อหรูจัง”
“ผลไม้ต่างประเทศเหรอฮะ”
“ทานได้มั้ยคะ”
“ลูกอะรูมิไร้ท์ ... ลูกอะไรมิรู้”
จิณณ์เดินผ่านแล้วตัดมุกกันหน้าตาเฉยเลยอ่ะ...
มุกถูกตัดไปพร้อมกับสายตาชื่นชมของเด็กๆที่เหลือเพียงแต่ความว่างเปล่า
(-_-)(-_-) (-_-)(-_-)(-_-)(-_-) ....... (-_-)
ฮือ คนหล่อผิดอัลไล คนหล่อแค่อยากเอนเตอร์เทน ;___;
.
.
.
คืนนี้ก็เหมือนคืนที่แล้ว
เพื่อนเข้าเต็นท์ได้ก็เปิดซีรี่ย์ดู
ส่วนผมนั่งเล่นกีต้าร์ที่ไปยืมมาจากทีมเอนเตอร์เทน
จิณณ์หันมาถามว่าเล่นเพลงอะไร ผมก็ร้องให้เขาอ่านปาก
เขาก็ละสายตาจากซีรี่ย์มามองผม
ท่าทางอ่านปากอย่างตั้งอกตั้งใจของเขาทำผมแอบยิ้มอยู่ในใจ
รู้สึกเขินนิดหน่อยที่ความสนใจของเพื่อนจับจ้องอยู่ที่ตัวผม
ผมยังคงตั้งใจเล่นกีต้าร์และร้องเพลงต่อไป
ตั้งใจให้ไม่แพ้คนที่พยายามตั้งใจ ‘ฟัง’ ทั้งที่ตัวเองไม่ได้ยิน- เพลง ดวงเดือน:
ไม่นึกว่าจู่ๆเต็นท์จะถูกเปิดพรวดเข้ามา
เป็นครูไมค์ที่ยังคงยืนค้างอยู่ที่ประตู
เขาหันซ้ายหันขวาแล้วมาหยุดที่ผมที่ถือกีต้าร์อยู่
“ร้องเพราะนี่เรา” เขาชม
หันไปที่จิณณ์แล้วหันกลับมาทางผมอีกที
“จีบกันอยู่เหรอ ไม่กวนละ”
แล้วเขาก็ผลุบออกไป
แต่แค่แวบเดียวก็โผล่หัวเข้ามาอีกรอบ
“พรุ่งนี้อย่าลืมมาปาร์ตี้รอบกองไฟนะ”
ผมกับจิณณ์เหวอไปอีกซักพัก
เมื่อสติกลับมาเพื่อนจึงหันมาถามผม “เมื่อกี๊พี่ไมค์ว่าอะไรนะ”
เพราะเมื่อกี๊ครูไมค์หันหน้ามาแต่ทางฝั่งผม
จิณณ์ที่ไม่เห็นหน้าจึงไม่รู้ว่าฝ่ายนั้นพูดอะไร
...เป็นไม่กี่ครั้งในชีวิตที่รู้สึกดีใจที่เพื่อนไม่ได้ยิน
“เอ่อ ครูไมค์มาชวนไปปาร์ตี้” ผมบอก
ตะกุกตะกักเล็กน้อยด้วยความเขินเมื่อนึกข้อความอื่นๆที่ถูกตัดออกไป
.
.
.
ผมมองแม็ก หรี่ตาเล็กน้อยอย่างจับผิด
ไม่รู้เจ้าตัวแสบปิดบังอะไร ถึงได้อึกอักขึ้นมาซะอย่างนั้น
ปกติเขาโกหกเป็นซะที่ไหนกัน
เพราะไม่ได้คาดคั้นอะไรต่อ เพื่อนจึงพูดขึ้นมา
“ครูไมค์ชมฉันร้องเพลงเพราะด้วยนะ”
สีหน้าแววตาวิ้งวับแสดงความภาคภูมิใจทำผมหัวเราะออกมา
“เออ รู้แล้วว่าเก่ง”
ว่าไปแล้ว...
ผมเองก็อยากได้ยินเสียงเขาซักครั้งเหมือนกัน
แต่มันคงเป็นไปไม่ได้
.
.
.
จู่ๆรอยยิ้มก็จางไปจากใบหน้าของเพื่อน
ดวงตาหม่นแสงลงเหมือนเขากำลังเศร้า
แค่แวบเดียวเท่านั้นรอยยิ้มจางก็ปรากฏขึ้นบนหน้า
รอยยิ้มของหน้ากาก
มันกะทันหันจนผมตกใจ
เกิดขึ้นและจางหายไปราวกับไม่มีอยู่จริง
เพื่อนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขายิ้มแล้วบอกให้ผมร้องเพลงต่อ
มันแค่แวบเดียวจนแทบจับไม่ทัน
ผมรู้ว่ามันต้องมีอะไร แค่ไม่รู้ว่ามันคือ อะไร
“เป็นไรเปล่า?” ผมถาม
เพื่อนนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่เล่นต่อแล้วเหรอ” เขาถามเมื่อผมวางกีต้าร์ลง
ถึงผมไม่รู้ว่าสิ่งที่กวนใจเพื่อนคืออะไร แต่คิดว่ามันต้องเกี่ยวอะไรซักอย่างกับดนตรีแน่ๆ
และผมไม่อยากเห็นสีหน้าแววตาแบบนั้นอีกแล้ว
“ขี้เกียจเล่นแล้ว” ผมบอก “คืนนี้อยากดูซีรี่ย์”
เพื่อนเลิกคิ้วนิดหน่อยแล้วจึงหยิบรีโมทมากดเปิดเสียง
(เมื่อกี๊เขาปิดไว้เพราะเสียงได้ไม่กวนที่ผมเล่นกีต้าร์)
เรานอนดูซีรี่อยู่ด้วยกันเหมือนคืนก่อนๆ
และผมก็หลับไปก่อนเขาเช่นเคย
.
.
.
- D4:
DAY 4
กิจกรรมยามเช้ายังคงเหมือนเดิมกับทุกวัน
ต่างไปแค่ช่วงฟรีสไตล์วันนี้ผมไม่ได้หนีไปนอน
เพราะเมื่อคืนนอนไม่ดึกเท่าไหร่
แม็กลากผมขึ้นมาเดินเล่นที่สันเขื่อน
แดดดีลมดีโดยแท้
ผมตัดสินใจนั่งลงตรงพื้นหญ้าขอบเขื่อนนี่เอง
.
.
.
บนสันเขื่อนนี้มีรถขายของเล็กๆน้อยให้เห็น
รถขายน้ำ รถขายลูกชิ้น รถขายไอติม บลา บลา บลา
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาเที่ยวชมเขื่อน
จิณณ์นั่งกดมือถืออยู่ขอบเขื่อนตอนที่ผมเดินไปซื้อน้ำ
เดาว่าเพื่อนคงถ่ายรูปเขื่อนไปอวดครอบครัวตามปกตินิสัยของเขา
มองจากด้านหลังแล้วให้บรรยากาศเหมือนสุนัขกำลังรอเจ้าของยังไงชอบกล- ผมอดถ่ายรูปนี้เก็บไว้ไม่ได้จริงๆ:
.
.
.
เรากลับลงมาถึงค่ายกันตอนเที่ยงๆ
หลังทานอาหารเสร็จก็ได้เวลาส่องสัตว์กันแว้ววว
ตามพี่แม็กกันมาเร็วทุกคนนนนน
เฮฮฮฮฮฮฮฮ
วันนี้เราไปส่องสัตว์แถบเทือกเขากันฮะ
“อ๊ะ นั่นๆๆๆๆๆ”
ทุกคนมองตามด้วยความตื่นเต้น
“นั่นไงจุดหมายปลายทางระหว่างเรา ฮิ้วววว”
.
.
.
แม็กเล่นมุกอยู่กับเด็กๆอย่างสนุกสนาน
ด้วยบุคลิกของเขา
รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ท่าทางตลกๆ
ไม่แปลกเลยที่เขาจะเป็นที่รักของคนรอบข้าง
“เฮ้ย ทุกคน ดูนั่นนน”
พญาลิงชี้ขึ้นไปยังยอดไม้ด้วยสีหน้าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
เด็กๆพลอยมองตามมืออีกฝ่ายไป
ผมเองก็มองตามมือนั้นไปด้วย
ก่อนจะดึงสายตากลับมาเพื่อดูว่าเพื่อนจะบอกอะไร
“เห็นรังนั่นมั้ย” เขาถาม
“เห็นครับ/ค่ะ” ทุกคนตอบ มันเป็นรังนกขนาดใหญ่
ด้วยขนาดจึงมองเห็นได้ไม่ยากทั้งที่อยู่ค่อนข้างไกล
“รู้มั้ยเป็นรังของตัวอะไร” เพื่อนถามต่อไป
สีหน้าจริงจังที่นานๆจะได้เห็นซักทีทำให้ผมอดสนใจไม่ได้
“ไม่รู้ฮะ”
“รังนกอินทรีแน่ๆเลย”
“หรือจะเป็นนกกระจอกเทศ ใหญ่ขนาดนั้น”
“ต้องเป็นรังนกเพนกวินแหงเลย”
เด็กๆครับ นกกระจอกเทศไม่ทำรังบนต้นไม้
และนกเพนกวินไม่ได้อาศัยอยู่ที่แก่งกระจาน
จินตนาการบรรเจิดกันเกินไปแล้ววว
หลังจากแม็กบอกไม่ใช่ๆไปหลายครั้ง ก็มีคนถามขึ้นมา
“แล้วมันคือรังอะไรเหรอคะ”
เขายิ้มh
เป็นรอยยิ้มที่ผมรู้สึกได้ว่าจะไม่ได้สาระจากคำพูดต่อไปของเขา
“รังรักของพวกเราชาวควิ้นท์ยังไงล่ะ”
พร้อมไขว้นิ้วเป็นมินิฮาร์ทกวาดให้เด็กๆรอบทิศทาง
นั่นไง ผมบอกแล้ว...
ไม่ต้องหยอดมุกทุกจังหวะขนาดนี้ก็ได้นะเพื่อน
เก็บไว้ไม่บูดหรอก...
“เด็กๆฮะ มาดูทางนี้กันเร็ว” ผมกวักมือเรียก
แล้วชี้ไปทางเชิงเขา “ตรงนั้นๆ เห็นมั้ยครับ”
เด็กๆมองตามไป หลายคนอุทานด้วยความตื่นตาตื่นใจ
“อ๊ะ กวางนี่นา”
“อย่าเสียงดังกันนะครับ เดี๋ยวคุณกวางตกใจนะ”
เป็นแม็กที่พูดประโยคนี้เมื่อเห็นเด็กๆเริ่มฮือฮาเมื่อเห็นว่ากวางไม่ได้มีแค่ตัวเดียว
“ทีฉันชี้ไม่เห็นเด็กๆจะตื่นเต้นแบบนี้บ้าง” เพื่อนบ่น
เดาว่าเขาคงใช้การขยับปากโดยไม่มีเสียง
“ก็นายไร้สาระอ่ะ” ผมว่าขำๆ
“ถึงจะไร้สาระแต่ก็เต็มไปด้วยความรักนะ”
ยิ่งเขาทำหน้างอ ยิ่งทำผมขำก๊ากเข้าไปใหญ่
“เสียใจด้วยนะที่เด็กๆไม่เห็นค่าความรักอันเปี่ยมล้นของนาย”
“หูย เจ็บนะเนี่ย” เพื่อนทำหน้าเสียใจอย่างไม่จริงจังนัก
พอดีกับที่คุณเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาเพื่อปรึกษาเรื่องจุดส่องสัตว์ที่ต่อไป
พวกเราจงหยุดคุยเล่นกันไปโดยปริยาย
.
.
.
คืนนี้เราก็ต้องเข้าเต็นท์กันตั้งแต่พระอาทิตย์ตกเหมือนเดิม
แม็กนอนดูซีรี่ย์อยู่กับผมตอนที่พี่ไมค์มาเคาะเต็นท์เรียกชวนไปปาร์ตี้รอบกองไฟ
เพื่อนหันมามองผมเชิงว่าจะออกไปปาร์ตี้มั้ย
ผมพยักเพยิดไปทางโทรทัศน์
เป็นอันเข้าใจกันว่าซีรี่ย์สำคัญกว่าปาร์ตี้..
พี่ไมค์ไม่ได้ว่าอะไร
แค่กำชับว่าในวันพรุ่งนี้ต้องออกมาร่วมวงกับพวกเขาให้ได้
ไม่งั้นเขาจะแอบมายกโทรทัศน์ในเต็นท์ผมไปโยนทิ้ง
ผมหัวเราะโดยไม่ได้ตอบรับอะไร
ส่วนเพื่อนลิงเห็นได้ชัดว่าเสียดาย
คาดว่าพี่ไมค์คงมองออกว่าแม็กเสียดาย
เขาจึงคะยั้นคะยอแม็กต่ออีกเล็กน้อย
แน่นอนว่าลิงสายปาร์ตี้ย่อมไม่ใช่นักปฏิเสธที่ดีนัก
แม็กเหลือบมามองผม ท่าทางต้องการความช่วยเหลือ
แม้โรคของแม็กเป็นที่รู้โดยทั่วกันแล้วในระดับหนึ่ง
แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรู้ลึกไปถึงตัวกระตุ้นปฏิกิริยา
พี่ไมค์เป็นคนหนึ่งที่ไม่รู้ตัวกระตุ้นนี้
และจากท่าทางเพื่อนเหมือนเขาไม่ค่อยอยากจะบอกเท่าไหร่
แน่ละ เอาคนกลัวป่ากลางคืนมาอยู่ป่า
คนกลัวป่าที่ว่าอาจกลายร่างเป็นมนุษย์ลิงป่าได้ถ้าเห็นป่ากลางคืน
และมนุษย์ลิงป่าก็อาจกระโดดไปกัดคอใครก็ได้โดยไม่ได้ตั้งใจ
เจ้าคนกลัวป่าไม่อยากกลายเป็นมนุษย์ลิงป่า
พอๆกับที่ไม่อยากให้เพื่อนร่วมทริปกลัวเขา
สิ่งนี้เป็นปมมาตั้งแต่ผมรู้จักกับเขา
แม้จะเบาบางลงไปมากแล้ว
แต่ปมก็ยังเป็นปม ใช่ว่าจะหายสนิทได้ง่ายๆ
และเจ้าคนกลัวป่าโกหกไม่ได้เรื่องซักนิด
เขาส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาที่ผมไม่หยุด
แต่เห็นได้ชัดว่าพี่ไมค์ตีความหมายสายตานั้นผิดไปหลายสเต็ป...
“แม็กเขาขอร้องขนาดนี้แล้ว จิณณ์ปล่อยเพื่อนมาปาร์ตี้เถอะ”
“เอ่อ...”
“เฮ้ย ไม่ได้หรอกพี่ ถ้าผมอ่านปากตัวละครไม่ทันใครจะเป็นคนพากย์ให้ผมอ้ะ”
ผมคว้าตัวแม็กไว้ได้ทันก่อนที่พี่ไมค์จะเกี่ยวคอลากออกนอกเต็นท์
“ก็กรอมาดูใหม่ดิ้” พี่ไมค์บอก ตัวครึ่งนึงเขาอยู่ข้างนอกแล้ว
นั่นทำให้ประตูเต็นท์เผยอ ผมผลักหัวเพื่อนให้หันไปทางอื่น
แม็กก็คล้ายจะรู้ เขาก้มหน้าแล้วหลับตาลง
เพราะจับอยู่จึงรู้ว่าตัวสั่น ไม่รู้ว่าเห็นป่าไปรึยัง
ตอนนี้พี่ไมค์ยืนอยู่ข้างนอกทั้งตัวแล้ว
และเขายืนในจุดที่มองไม่เห็นแม็กที่สั่นอยู่ในเต็นท์
ไม่งั้นคงได้ถามอีกแน่ว่าเป็นอะไร
“มันไม่ได้อรรถรส” ผมแถต่อ ในขณะที่พี่ไมค์ขมวดคิ้ว
“ก็เพื่อนเขาอยากปาร์ตี้ เราจะรั้งเขาไว้ทำไม หืมม์”
เก๊าไม่ได้อยากรั้งงงงงง
เก๊าแค่ไม่อยากเห็นลิงตกมันอาละวาด ;_;
“ให้แม็กเลือกเลยดีกว่า” ผมบอก “ปาร์ตี้หรือซีรี่ย์”
“เอ้า เลือกมา” พี่ไมค์กอดอก ท่าทางมั่นใจว่าแม็กต้องเลือกปาร์ตี้แน่ๆ
“ว่าไง” ผมหันไปถามเพื่อนที่ยังคงสั่น
เห็นได้ชัดว่าคนถูกบอกให้เลือกสติไม่อยู่กับตัวแล้วตอนนี้
“แม็ก” ผมเรียกเขา จงใจใช้เสียง(ที่คิดว่า)ดังกว่าปกติ “เลือก!”
เพื่อนสะดุ้ง ท่าทางคล้ายตื่นจากภวังค์ “ล.. เลือก เลือกอะไรนะ”
อืมม์... แปลว่าเสียงดังใส่ได้ผลอยู่สินะ
“ซีรี่ย์กับปาร์ตี้ เลือกอะไร” ผมบอก
ส่งสายตากดดันเบาๆให้รู้ว่าควรเลือกข้อไหน
“ต้องเลือกป..ซีรี่ย์อยู่แล้ว”
“แม็กเลือกซีรี่ย์ฮะพี่ไมค์”
ผมหันไปยิ้มหวานให้คนที่อยู่นอกเต็นท์
“ก็เราดุเพื่อนอ่ะ” พี่ไมค์ทำเสียงจิ๊จ๊ะ บ่นอย่างไม่จริงจังนัก
“นั่นเพื่อนนะไม่ใช่เมีย จะหวงอะไรนักหนา หื้มม์?”
ในจังหวะที่ผมยังเหวอไม่รู้จะตอบอะไร เขาก็ทิ้งท้ายไว้ว่า
“พรุ่งนี้ต้องมาให้ได้นะ ไม่ผ่อนผันแล้ว ทั้งคู่เลย”
อย่าเพิ่งพูดถึงพรุ่งนี้เลย
ขอให้ผ่านคืนนี้ไปอย่างปลอดภัยให้ได้ก่อนเถอะครับ ฮือออ...
.
.
.
- dedog
Jinn Watinpol
อาจารย์ศิลปะ
5262
+1,074 M 191 K 627
PASSPORT
:
(9911/28000)
:
Re: ROOMMATE 8 : Summer Camp
Mon 15 May 2017, 22:38
- ค่ายค่ายค่าย:
- D5:
DAY 5
คืนวานผ่านมาอย่างอกสั่นขวัญแขวน
ไม่น่าเชื่อว่าแม็กซ์ยังคงเป็นแม็กซ์ได้ตลอดรอดฝั่ง
เขาเผลอหลับไปในซีรี่ย์ตอนที่เท่าไหร่ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
หลับจริง หลับนิ่ง หลับสนิท หลับสบาย
ไม่มีการตื่นกลางดึกเพราะเปียกชื้นแต่อย่างใด
ซีรี่ย์นี่เป็นตัวกล่อมนอนชั้นดีเหมือนกันแฮะ
เป็นผมซะอีกที่นอนไม่หลับ
และต้องมาแอบนอนตอนช่วงฟรีสไตล์เอาเหมือนเดิม
พี่ไมค์เดินมาเชอะใส่ผมทีนึงเมื่อเช้าข้อหาหวงเพื่อน
เจ้าลิงแม็กก็เชอะใส่ผมอีกทีตอนก่อนผมหนีมานอนข้อหาติดซีรี่ย์
อุตส่าห์คีปลุคมาตั้งนาน มาพังทลายเอาเพราะค่ายนี่เอง…
ผมไม่มีแรงจะเรียกร้องสิทธิ์ใดๆให้ตัวเองแล้วตอนนี้
ตาจะปิดแล้ว ขอนอนก่อนเถอะ
หมอนจ๋า
ผ้าห่มจ๋า
รอน้ำตาลก่อนนะ...
น้ำตาลกำลังไปหาแล้วววววว
.
.
.
จิณณ์กลับเข้าเต็นท์ไปแล้ว
เหมือนวิญญาณจะลอยไปถึงเตียงก่อนที่กายหยาบจะไปถึงซะอีก
ไม่สิ ควรบอกว่าวิญญาณยังไม่ลุกจากเตียงตั้งแต่เช้า
มีเพียงกายหยาบที่ออกไปทำกิจวัตรประจำวัน
และตอนนี้กายหยาบก็กลับไปหากายละเอียดเรียบร้อยแล้ว
เอวังด้วยประการฉะนี้เอง
ครูไมค์แอบมากระซิบกับผมตอนที่จิณณ์ไม่อยู่
ชวนให้ออกมาร่วมวงรอบกองไฟกับเขาและเด็กๆ
มีการโฆษณาด้วยว่าในคืนนี้จะมีโชว์สุดพิเศษของเขากับไอน์ที่ห้ามพลาดเป็นอันขาด
ให้ชวนจิณณ์ออกมาปาร์ตี้รอบกองไฟให้จงได้
และไม่วายถามเรื่องที่จิณณ์แปลกๆไปเมื่อคืน
“เจ้าจิณณ์นี่เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นขนาดนี้ ปกติดูชิลจะตาย
เดี๋ยวนี้เป็นอะไรอ่ะ หื้มม์ เห็นหวงเราจัง เป็นแฟนกันแล้วเหรอ?”
คำถามของครูไมค์แทบทำผมพ่นขนมที่กินอยู่ออกมา
เพราะเกือบจะพ่นแล้วยั้งไว้นี่เอง ผมเลยสำลัก
“เฮ้ยๆ ใจเย็นๆสิ ไม่มีใครแย่งหรอก”
เขาพูดพลางช่วยลูบหลัง “เอ้า กินน้ำก่อนๆ”
ผมรับน้ำมาดื่ม ในใจนึกทวนคำถามเมื่อกี้แล้วอดเขินไม่ได้
แต่ไม่ทันได้ตอบอีกฝ่ายก็พูดเรื่องอื่นซะแล้ว
ทั้งเรื่องทั่วๆไปในค่าย เรื่องห้องน้ำ ที่หลับที่นอน อาหารการกิน
ลากยาวไปถึงเรื่องลับๆของไอน์ที่ช่วงนี้เป็นรูมเมทกันชั่วคราว
เขาก็เผาให้ฟังอย่างสนุกสนาน ชนิดที่ถ้าเจ้าตัวมาได้ยิน
ต้องจับครูไมค์ฝังทั้งเป็นป้องกันความลับแพร่งพรายแน่ๆ 55555
.
.
.
“ครูไมค์มาชวนไปปาร์ตี้”
แม็กบอกผมด้วยสีหน้าลิงหงอยตอนออกมาชมนกชมไม้ในช่วงบ่าย
“แล้ว..?” ผมเลิกคิ้วเชิงถาม
ในใจก็รู้แหละว่าเพื่อนอยากไป
แต่ก็รู้อีกนั่นแหละว่าทำไมถึงไปไม่ได้
เพราะเพื่อนยังคงไม่ตอบ ผมเลยเดา
“จะลองดูซักคืนมั้ยล่ะ”
แม็กส่ายหน้า “เมื่อวานแค่เกือบเห็นยังจะแย่เลย”
เราไม่ได้พูดอะไรกันเรื่องนี้อีกเพราะมีคนเจอต้นไม้แปลกๆจึงเข้าไปมุงดูกัน
.
.
.
คืนนั้น
ผมเปิดซีรี่ย์ แม็กก็นอนดูอยู่ข้างๆ
เห็นได้ชัดว่าคืนนี้เขาเครียดว่าปกติ
จริงๆก็ไม่แปลกเท่าไหร่ที่เพื่อนจะเครียด
เขาอยู่ท่ามกลางสิ่งที่กลัวมาตั้งหลายคืนแล้ว
ผมนึกว่าเขาจะระเบิดไปตั้งแต่เมื่อวาน แต่ก็ไม่
ทั้งผมและเขาล้วนรู้สึกได้ว่าคืนนี้มันจะต้องเกิดขึ้น
พี่ไมค์มาเรียกเหมือนเมื่อวาน
ต่างกันแค่วันนี้เขาแทบจะลากพวกเราออกไปให้ได้
แต่เพราะเห็นแม็กดูอาการไม่ค่อยดี (จากความเครียดเลยนั่งซีดอยู่)
พี่เขาก็เข้าใจว่าแม็กป่วย เลยไม่ได้คะยั้นคะยอพวกเราอีก
ปาร์ตี้ด้านนอกดำเนินไป
ซีรี่ย์ยังคงเปิดค้างอยู่
แต่ต่างคนต่างก็รู้ ไม่มีใครสนใจมันอีกแล้ว
“คืนนี้นายไปนอนเต็นท์อื่นมั้ย” เขาถามในที่สุด
“ไม่” ผมตอบสั้นๆ
เพื่อนมองผม สีหน้าอัดอั้นตันใจ “ฉันขอร้อง”
“ไม่” ผมตอบคำเดิม
.
.
.
ปาร์ตี้ข้างนอกจบไปแล้ว
ตอนนี้ดึกมากแล้ว
และผมเครียด
ใช่ เครียดนี่แหละ อ่านไม่ผิดหรอก
แม็กเวลคนนี้กำลังเครียดมากๆๆๆ
“นายก็รู้ว่า เขา กำลังจะมา”
ผมบอกจิณณ์
ผมรู้ว่าเพื่อนก็รู้ และหวังอย่างยิ่งว่าเขาจะเข้าใจความหวังดีของผม
“ไม่” คำตอบนั้นดื้อด้าน
“จิณณ์!!!” ผมแทบจะคว้าคอเสื้อเพื่อน
ทำไมเขายังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ได้ทั้งที่ผมห่วงเขาขนาดนี้
“เข้าใจฉันหน่อยได้มั้ย” ผมอ้อนวอน “ไปนอนเต็นท์อื่นคืนนี้ได้มั้ย”
“ไม่” เขาตอบ
“ไม่ ไม่ ไม่ และ ไม่!” เพื่อนหันมาย้ำ
ผมไม่เคยรู้สึกว่าเขากวนประสาทเท่านี้มาก่อนเลยจริงๆ
จิณณ์หันไปดูซีรี่ย์ต่อแล้ว
และมองหน้าก็รู้ เขาไม่คิดจะก้าวออกจากเต็นท์นี้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
เมื่อเขาไม่ยอมออก ผมจะไปเอง
ข้างนอกนั่นมีป่ากลางคืนอยู่
ตัวสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
ถึงอย่างไรวันนี้อเล็กซ์ก็จะออกมา
นั่นคือสิ่งที่ผมรู้ และก็คิดว่าในเมื่ออย่างไรเขาก็จะมา
ป่ากลางคืนที่ผมกลัวนักหนาก็คงแค่กระตุ้นปฏิกิริยาให้เร็วขึ้น
ถ้าอยู่ตรงนี้ต่อไป ผมจะเป็นอันตรายต่อเพื่อน
ผมสูดหายใจและลุกขึ้น
“ไม่ว่านายจะคิดอะไรอยู่ หยุด”
เขาไม่ได้มองมาด้วยซ้ำในจังหวะที่ผมลุกขึ้น
“กลับมานั่งตรงนี้”
“จิณณ์...”
“อยู่ตรงนี้นายเป็นอันตรายต่อฉัน อยู่ข้างนอกนั่นนายเป็นอันตรายต่อคนทั้งค่าย”
คำพูดของเขาทำผมชะงัก
นั่นเป็นความจริง ผมคือตัวอันตราย
เป็นอันตรายต่อทุกคนที่อยู่รอบตัว
เสียงเขาจริงจังขึ้นเมื่อมองมา “กลับ มา นั่ง ตรง นี้”
“แต่ว่า...”
“เชื่อใจฉัน” เขาพูด “กลับมานี่”
ผมมองหน้าเขา เขาเองก็มองหน้าผมอยู่
เราเล่นเกมจ้องตากันอยู่ซักพัก
สุดท้ายผมก็กลับไปนั่งข้างเขา
.
.
.
แม็กนั่งอยู่ข้างผม
เราต่างนั่งกันเงียบๆ
ซีรี่ย์ในจอยังคงดำเนินไป
คล้ายรอเวลา
รอให้ยามเช้ามาถึง
รอให้ช่วงเวลาที่เงียบสงัดและแสนกดดันนี้ผ่านพ้นไป
.
.
.
แม็กหลับไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าพยายามถ่างตาอยู่จนกระทั่งก่อนหลับไป
แต่การเดินชมนกชมไม้วันนี้กินพลังไปมาก
โดยเฉพาะกับลิงที่ดีดไปทางโน้นที เด้งมาทางนี้ที ไม่แปลกที่เขาจะเหนื่อยกว่าใครๆ
ซีรี่ย์ยังคงเปิดคลออยู่
เหลือแค่ผมที่ยังคงรอเวลา
รอให้คนข้างๆลืมตาตื่นขึ้นมา
เขาขยับตัวแล้ว..
.
.
.
ที่ไหน
เสียงของป่า
ป่า
ป่ากลางคืน
ทำไมถึงอยู่ที่นี่
ไม่ใช่ป่า
แสงสว่าง
แต่เสียง…
ทำไม
“แม็ก”
เสียงดังขึ้นไม่ไกล
เรียกใคร
เรียกใคร
ที่นี่คือป่า
แม้ภาพที่เห็นจะไม่ใช่ แต่เสียงและความรู้สึกบอกชัด
เหวี่ยงแขนออกไป พยายามจะลุกขึ้น
พยายามที่จะลุก
ต้องออกไป
ต้องหนี!!
“อเล็กซ์”
ใคร
ใครเรียกชื่อ
รู้สึกถึงน้ำหนักที่กดทับ
ดิ้น
ต้องหลุดจากตรงนี้
ต้องไปจากที่นี่
ดิ้น
“อเล็กซ์”
ใครเรียก
ใครกัน
“หยุดดิ้นก่อน อเล็กซ์!! หยุดดิ้น”
เสียงนั้นดังอยู่ข้างหู
“อเล็กซ์ หยุด!!”
“นี่ฉันเอง จิณณ์!”
“ฉันคือจิณณ์ เพื่อนของนาย”
.
.
.
อเล็กซ์หยุดดิ้นแล้ว
เขาคล้ายจะนิ่งกว่าตอนเพิ่งตื่น
“อเล็กซ์ นายจำฉันได้ใช่มั้ย”
เขาไม่ตอบ
เขาไม่เคยตอบ แต่เขาจำผมได้ ผมมั่นใจแบบนั้น
“ฉันจะปล่อยนาย โอเคนะ” ผมพูด
ภาพตอนนี้คือผมนั่งทับอยู่บนตัวเขา
มือจับแขนทั้งสองข้างของเขารวบไว้
“นายต้องอยู่กับฉันตรงนี้ อยู่เป็นเพื่อนฉัน ตกลงมั้ย”
เขายังคงนิ่ง คล้ายกำลังคิด
“ฉันจะปล่อยนายแล้วนะ” ผมพูดต่อไป
ค่อยๆขยับตัวลงจากตัวเพื่อน
เมื่อปล่อยแล้วเขาไม่มีทีท่าว่าจะดิ้นหรือหนีไปอีก
นับเป็นสัญญาณที่ดี
จากนั้นเราก็เริ่มคุยกัน
.
.
.
ควรบอกว่าเป็นการพูดอยู่ฝ่ายเดียวของจิณณ์
คนทั้งคู่นั่งพิงอยู่กับเต็นท์
จิณณ์เป็นผู้พูด
อเล็กซ์เป็นผู้ฟัง
เป็นภาพที่ถ้าคนที่เคยเจออเล็กซ์มาเห็นเข้าคงไม่เชื่อว่านี่คืออเล็กซ์
บอกว่าเป็น สายฝน ยังน่าเชื่อถือซะกว่า
จิณณ์เล่าเรื่องภายในค่ายให้อเล็กซ์ฟัง
ไม่สิ
จิณณ์บ่นเรื่องภายในค่ายให้อเล็กซ์ฟัง
เขาบ่นเรื่องดูซีรี่ย์ไม่รู้เรื่อง
เขาบ่นเรื่องอดไปปาร์ตี้รอบกองไฟยามค่ำคืน
เขาบ่นเรื่องโดนครูไมค์เข้าใจผิด
เขาบ่นเรื่องแม็กซ์ที่ไม่ยอมเชื่อใจเขาในทีแรก
บ่น บ่น บ่น
บ่นราวกับว่าอเล็กซ์จะเข้าใจเขา
ถามว่าอเล็กซ์เข้าใจไหม
อืมม์... ก็คงเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง
แต่เขาพยายามจะฟัง
เสียงบ่นของจิณณ์เรียบเรื่อยยืดยาวราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
ราวกับเป็นนิทานก่อนนอนเรื่องหนึ่งที่ขับกล่อมให้งุนงงและง่วงงุน
จิณณ์ยังคงบ่น บ่น บ่น และ บ่น
เมื่อหันมาอีกที อเล็กซ์ก็หลับไปเสียแล้ว
แสงของพระอาทิตย์เริ่มจับที่ขอบฟ้า
ดวงตาของจิณณ์ก็หนักอึ้งจนเขาแทบจะลืมไม่ขึ้นแล้ว
ทั้งสองหลับไปในลักษณะนี้เอง
.
.
.
- D6:
DAY 6
ลิงตื่นมาอย่างอึมครึมถึงขีดสุด
"เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง" เขาถาม
"ฉันเม้าส์นายให้อเล็กซ์ฟัง" ผมตอบ
แม็กเลิกคิ้วนิดหน่อยเมื่อสำรวจร่างกาย
"ไม่มีแผล แค่ปวดๆตัวนิดหน่อย"
คงเป็นผลมาจากที่ผมนั่งทับสินะ ' ';;
จากนั้นเพื่อนก็มาสำรวจร่างกายผม
เขาดูประหลาดใจที่ไม่พบแผล
ปกติปะทะกับอเล็กซ์นี่ต้องมีฟกช้ำดำเขียวกันบ้าง
ซึ่งรอบนี้ไม่มี นับเป็นพัฒนการที่ดี
"แน่สิ ฝีมือระดับนี้แล้ว" ผมยืดอก
.
.
.
วันนี้เรามาปลูกต้นดำดงกันฮะ
แม็กที่ดูจิตตกนิดหน่อยในตอนเช้า
ตอนนี้กลับเป็นลิงร่าเริงเรียบร้อยแล้ว
เขาโดดไปแกล้งคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างสนุกสนาน
คงไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วสินะวันนี้
.
.
.
คืนนั้น
ด้วยความที่อเล็กซ์ปรากฎตัวไปแล้ว
ความเครียดสะสมเหมือนจะน้อยลง
ผมเลยจับเขาผูกผ้าปิดตาบอกว่าฝึกเป็นคนตาบอดซักวัน
จากนั้นก็จับไปร่วมวงสังสรรค์รอบกองไฟทีเขาอยากไปนักหนา
แค่ไม่เห็นก็ไม่เป็นไรแล้วสินะ
แม้จะลำบากนิดหน่อยที่ต้องเป็นไม้เท้าให้คนตาบอดจำเป็น
แต่ผมก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเพื่อนหัวเราะไปกับบรรยากาศ
.
.
.
- D7:
DAY 7
พวกเราเก็บของเสร็จแล้ว
และกำลังจะเตรียมตัวกลับ
ผมถ่ายรูปที่แห่งนี้เก็บไว้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินขึ้นรถ
บ๊าย บาย แก่งกระจาน
✎ A. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้เพอร์เฟ็คและน่าอัศจรรย์มาก 100%
เข็มกลัดผู้พิทักษ์ เข็มกลัดผู้พิทักษ์ที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ที่ได้รับเข็มกลัดนี้สูญเสียค่า Grade Exp. จากกิจกรรม Event : Summer Camp โดยจะคืนค่าประสบการณ์ที่สูญเสียไปจากกิจกรรมให้ทั้งหมดเป็นจำนวน +150 Grade Exp. แต่หากเจ้าของเข็มกลัดนี้ร่วมกิจกรรมและไม่ถูกหักค่าประสบการณ์ไป ความสามารถของเข็มกลัดนี้จะไร้ผลในทันที |
MASTER TRIANGLE STAMP ตราประทับระดับสูงสุดในหมวดภารกิจรูมเมทและภารกิจพิเศษ มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมทองคำแท้ มีมูลค่า +200 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้เพอร์เฟ็คเป็นที่น่าประทับใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+3,000,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
GOLDEN HONOR DEGREE TROPHY ถ้วยเกียรติยศทองคำแท้ มอบให้แด่ผู้ที่สามารถปฎิบัติภารกิจหรือร่วมกิจกรรมต่างๆที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นได้น่าประทับใจผู้อำนวยการเป็นอย่างมาก |
- ผู้มาเยือนผู้มาเยือน
Re: ROOMMATE 8 : Summer Camp
Mon 15 May 2017, 22:43
- เรื่องราวในค่ายฤดูร้อน: ความวิตกกังวล (1):
- --------------------------------------------------------------------------
ค่ายฤดูร้อนกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ..
ทางโรงเรียนควิ้นท์ได้ทำการจัดค่ายฤดูร้อน 1 สัปดาห์ที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งวันแรกของการเข้าค่ายนั้นคือพรุ่งนี้ เหล่าเด็ก ๆ และบุคลากรทุกคนต่างก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นระยะเวลายาวนานมากแล้วนับจากครั้งสุดท้ายที่ทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมเข้าค่ายเช่นนี้ แต่ผู้ที่ตื่นเต้นที่สุดเห็นจะเป็นเหล่าเด็กนักเรียนใหม่ที่ไม่เคยร่วมค่ายมาก่อน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเด็กสาวชั้นมัธยมศึกษาอีกที่สองทั้งสองคนที่พักอยู่ที่ห้องพักนิทรา หมายเลข 412 แห่งนี้
“อ เอ ษรใส่กางเกงวอร์มลงไปพอหรือยังอ่า” เด็กสาวผมจุกก้มหน้าก้มตารื้อเสื้อผ้าที่เพิ่งจะใส่ลงไปหมาด ๆ ขึ้นมาเช็ครอบที่สามเพื่อให้แน่ใจว่าเธอมีกางเกงวอร์มมากพอสำหรับหนึ่งสัปดาห์
“1 2 3.. เอ น่าจะพอแล้วเนอะ! ขาดอะไรอีกน้า ใช่ ๆ ต้องเอาหมวกอาบน้ำไปหรือเปล่านะ?”
ร่างเล็ก ๆ ลุกขึ้นแล้วแจ้นเข้าไปในห้องน้ำด้วยความเร็วที่มากกว่าปกติถึงสี่เท่า ก่อนจะกลับมาพร้อมกับหมวกอาบน้ำพลาสติกอันจิ๋ว “จริงสิ ไฟฉายก็น่าจะจำเป็นเนอะ!” สิ้นเสียงคนตัวเล็กก็ผุดลุกขึ้นมาอีกครั้งแล้ววิ่งปรู๊ดไป
ห้า หรือหกครั้งได้ที่อักษรลุกขึ้นวิ่งกลับไปกลับมาระหว่างห้องแต่ล่ะห้องเพื่อหยิบนู่นหยิบนี่ใส่กระเป๋า เด็กสาวดูท่าทางจะตื่นเต้นกับการมาถึงของค่ายฤดูร้อนมากทีเดียว
“นี่ ๆ คุณครูบอกว่าพวกเราจะได้ส่องสัตว์ป่า ดูพวกพืชชนิดต่าง ๆ แล้วก็ปลูกต้นไม้ด้วยล่ะ!! ถึงษรจะมองไม่ค่อยเห็นก็เถอะนะ แต่ว่ามันต้องสนุกมากแน่เลย ษรอดใจรอไม่ไหวแล้วล่ะ!” เด็กสาวเอ่ยเสียงใส ใบหน้าหวาน ๆ ยังคงยิ้มไม่หุบ ขณะที่ดวงตากลมโตเปล่งประกายความตื่นเต้นชัดเจน “นอกจากนี้พวกเรามีหน้าที่ในการช่วยพวกพี่ ๆ อาสาสมัครซักเสื้อผ้าด้วยล่ะ ไม่สิ ครูบอกว่าพวกเราแค่ช่วยตากก็พอ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นหน้าที่ที่สำคัญมาก ๆ เลยล่ะเนอะ! แอนน์ว่าไหม?”
อักษรยิ้มกว้างขณะหันมาถามเพื่อนร่วมห้อง หากแต่กลับไม่มีคำตอบกลับมาจากเด็กสาวผมสีอ่อนที่ดูราวกับจะครุ่นคิดบางสิ่งบางอยู่
“แอนน์?” ษรเรียกชื่อเพื่อนร่วมห้องซ้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าภาพเบลอ ๆ ของร่างอีกฝ่ายดูจะนิ่งไม่ไหวติงแม้แต่น้อย และดูเหมือนคราวนี้ ‘แอนน์’ จะได้ยินเสียงเรียก เพราะเจ้าตัวสะดุ้งแล้วรีบหันขวับมาด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก
“.. อ่ะ ม-มีอารายเหรอ” แอนน์ขอโทษอย่างตะกุกตะกัก “ข ขอโทดนาที่เราม่ายด้ายต้างใจฟัง”
“ไม่เป็นไร ๆ” ษรเอ่ยเสียงสดใสเพื่อหวังให้อีกฝ่ายคลายกังวลลงบ้าง ก่อนจะค่อยคลานเข้าไปหาเพื่อน เมื่อมานั่งใกล้ ๆ เด็กสาวจึงเห็นว่าเพื่อนของตนนั้นยังจัดของไปไม่ถึงครึ่งเลย เอ หรือจะเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายจำไม่ได้ว่าตอนนี้ใส่หรือไม่ใส่อะไรลงไปบ้างนะ เพราะแบบนั้นถึงได้ดูเหมือนกำลังคิดหรือเปล่า “แอนน์ ษรช่วยจัดไหม”
“อ เอ๋ ต-แต่ว่า แลวของสอนล่ะ”
“ษรจัดเสร็จแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วง” เธอชูนิ้วโป้งให้เพื่อนพลางยิ้มตาหยี
“ง- งั้นก็ขอบคูณนา” แอนน์ยิ้มให้กับอีกฝ่าย ก่อนเด็กน้อยทั้งสองจะช่วยกันจัดของจนเสร็จเรียบร้อย
กระเป๋าเดินทาง และกระเป๋าแยกต่างหากของทั้งสองถูกเก็บวางไว้เรียบร้อยใกล้กับโซฟาในห้องนั่งเล่น เตรียมพร้อมที่จะขนไปทันทีที่ตื่นนอน
ษรที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยเดินกลับออกมา ก่อนจะปีนขึ้นไปนั่งที่เตียงนอนก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่ รู้สึกตื่นเต้นจังน้า คืนนี้จะนอนหลับไหมนะ!? ษรคิดพลางอมยิ้มไป กระดกตัวกลับขึ้นมานั่งบนเตียง ก่อนจะเริ่มชวนเพื่อนของเธอคุยอีกครั้ง
“อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็ว ๆ จังเนอะแอนน์!”
“อ อืม..” แอนน์ครางงึมงำในลำคอตอบรับเสียงแผ่ว
อาจจะฟังดูประหลาดนะ เด็กสาวชาวต่างชาติที่พูดไทยไม่ชัดเจน และรู้คำศัพท์แต่เพียงเล็กน้อย อีกทั้งยังเสียความทรงจำอย่างรวดเร็ว องค์ประกอบเหล่านี้ชัดเจนพอที่จะทำให้การอธิบายความรู้สึกนึกคิดของเจ้าตัวกลายเป็นเรื่องยาก และการพยายามเข้าใจมันยากเสียยิ่งกว่า ..แต่ว่าอักษรก็รู้ แม้จะไม่เห็นสีหน้า แม้ว่าภาพตรงหน้าจะพร่าเลือน เธอก็ยังเข้าใจความรู้สึกที่สื่อออกมาในคำพูดสั้น ๆ นั้น
ไม่ใช่เพราะว่าเธอเป็นยอดมนุษย์ มีพรสวรรค์เก่งกาจ หรืออ่านจิตใจใครต่อใครได้
“แอนน์”
“อารายเหรอ”
“แอนน์กำลังคิดมากเรื่องอะไรสักอย่างอยู่เหรอ?”
แต่เป็นเพราะว่า ถึงแม้จะมองไม่เห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดเจนนัก แต่วันเวลาที่ได้อยู่ร่วมกัน และการพูดคุยในทุก ๆ วันมากพอที่จะทำให้ษรรู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไร
“แอนน์บอกษรได้นะ”
“คือวาเรา.. “ แอนน์กำมือแน่นขึ้น “เรารูสืกกางวนเรืองวันพรู่งนี้คา”
“.. กังวล? เรื่องค่ายเหรอ”
แอนน์พยักหน้า
“แอนน์ไม่อยากไปค่ายเหรอ”
คนถูกถามส่ายหน้า “ไม่ช่ายคา”
“เรากลัว.. ว่าตัวเองจะลืมอีกคา”
“แอนน์กลัวว่าจะหลงทางแล้วกลับไม่ได้เหรอ ไม่ต้องห่วงนะ ครูอิสราบอกว่าที่นั้นน่ะมีอาสาสมัคร และก็เจ้าหน้าที่เยอะแยะเลย พวกเขาจะคอยดูแลพวกเราอย่างดี แล้วษรก็จะอยู่ข้าง ๆ แอนน์ตลอดด้วย!” เธอยกมือขึ้นเกาแก้มเบา ๆ “ที่จริงน่าจะเป็นษรมากกว่าที่จะต้องขอให้แอนน์ช่วยจูงมือน่ะ แฮะๆ”
“เรื่องน้านเราก็กลัวนิดหน่อย” แอนน์ก้มหน้าลง “แต่ทีเรารู้สึกกลัวมากกว่าน้านคือ เราไม่อยากลืมคา”
“...?”
“สอนบอกวาค่ายต้องสาหนุกแน่ ๆ เราก็คิดแบบน้านคา แต่ว่าน้านทำห้ายเรากลัวมากขึ้น”
“....”
“ถ้าต้องลืมเรื่องสาหนุกสาหนุกไป.. เราคงจารู้สืกแย่มากแน่แน่คา”
“เราจดบันทึกทูกเรื่องที่จามด้าย เพราะวาเราม่ายอยากห้ายมานหายไป ..อยากห้ายมานคงอยู่ที่หนายสากแห่ง”
“แต่ว่าถืงอย่างน้าน เราก็จามม่ายด้ายคา”
“เราจามอารายม่ายด้ายเลย”
“ความรู้สืกตอนที่ทูกอย่างเกิดขืน เราจามม่ายด้าย”
“มาน.. ว่างเปล่ามากมาก”
“ท้างตอนทีลาออกจากโรงเรียน ตอนทีย้ายเข้ามา ตอนทีรู้จากกับทูกคน หรือแม้แต่ตอนที่รู้จากกับสอน”
“เรานึกถึงความรู้สืกตอนน้านไม่ออกเลย”
“เรากลัวมากมาก”
“เรากลัวว่าทูกอย่างเปนของที่ม่ายมีจริง”
“มันน่ากลัวมากมาก”
“ถ้าหากวาเราด้ายมีเวลาทีสาหนุกทีค่าย แต่เรากลับจามไม่ได้”
“เราคงจา.. จารู้สืกแย่มากแน่แน่คา”
“... ษรก็เหมือนกัน” อักษรยิ้มให้คนตรงหน้า เธอแผ่ขาที่นั่งขัดสมาธิในตอนแรกออก “ษรน่ะจำไม่ได้เลยล่ะ ภาพทุกสิ่งทุกอย่าง”
“ษรคิดว่าป่าไม้จะต้องสวยมาก ๆ แน่ แล้วก็พวกสัตว์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็ด้วย ษรได้ยินคนอื่นบอกว่ามันน่ารัก และก็สุดยอดมาก”
“แต่ว่าษรก็นึกไม่ออกอยู่ดี เพราะสิ่งที่เห็นมีแต่ภาพเบลอ ๆ เท่านั้นเอง”
“ษรอยากจะเห็น และรู้สึกสุดยอดแบบนั้นบ้างสักครั้งมากเลยล่ะ”
อักษรหันมายิ้มให้กับเพื่อนสนิท
“เพราะงั้นแอนน์ รู้ไหม ษรคิดอะไรที่ ‘สุดยอด’ ออกแล้วล่ะนะ!”
“อ อารายเหรอ?”
“พวกเรามาทำ.. ‘ของที่ระลึก’ กันเถอะ!”
ของที่ระลึก
เกิดจากคำสองคำมาประกอบกัน คือ “ของ” ซึ่งหมายถึง “สิ่ง” และ “ที่ระลึก” ซึ่งหมายถึง “ที่ทำให้นึกถึงหรือคิดถึง” รวมกันมีความหมายว่า สิ่งที่ทำให้นึกถึงหรือคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง
ของที่ระลึกเมื่อให้ในโอกาสที่ต่างกันอาจอาจมีชื่อเรียกที่ต่างกันออกไป เช่น หากนำไปให้แก่ผู้ที่รักและนับถือ เรียก “ของกำนัล” หากให้กันในเวลาอื่นสามสัมพันธ์ไมตรี หรือแสดงความยินดี เช่น วันปีใหม่ วันเกิด วันแต่งงาน เราอาจจะเรียกว่า “ของขวัญ” หากให้ตอบแทนผู้มาช่วยงาน เช่น งานแต่งงานและงานศพ เราเรียกว่า “ของชำร่วย” และเรียก “ของแถมพก” เมื่อให้เพื่อเป็นสินน้ำใจ
แม้จะมีการใช้ชื่อเรียกแตกต่างกันในแต่ล่ะโอกาส รวมทั้งมีจุดหมายย่อยอาจแตกต่างกันไปตามวาระ อย่างไรก็ตามทุกอย่างต่างมีจุดหมายที่แท้จริงเหมือนกันนั้นคือเป็นการให้..
เพี่อกระตุ้นเตือน หรือเน้นย้ำความทรงจำนั้นเอง
“ของที่ระลึก..? คืออารายคา” แอนน์เอียงคอสงสัยเพราะไม่เคยได้ยินศัพท์ภาษาไทยคำนี้มาก่อน
“อืมม” อักษรพยายามคิดหาคำที่อธิบายได้เข้าใจง่ายที่สุด “ของที่เราให้กัน และกันเวลาที่เพิ่งกลับจากไปเที่ยวไงล่ะ แบบนั้นไง พวกร้านค้าในสนามบินก็มักจะขายของที่มีแค่ในชาติเขาเท่านั้นใช่ไหมล่ะ”
“เอ.. “ แอนน์พยายามเรียบเรียงคำพูดของอักษรในหัว และในที่สุดก็เหมือนจะนึกถึงคำเชื่อมที่มีความหมายเดียวกันออก “Souvenir สินาคา”
“อืม!” อักษรพยักหน้า ก่อนจะลุกขึ้นเดินแท่ด ๆ ไปยังกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และพลิกด้านหลังของมือถือให้ดูพลางยิ้มแฉ่ง “พวกเราจะใช้ไอ้นี้ทำของที่ระลึกกัน!!”
“เอ๋..” คราวนี้แอนน์เอียงคอสงสัยหนักกว่าเดิมแบบจับต้นชนปลายไม่ถูก
วันที่ 1 ของการเข้าค่าย
“เอาล่ะครับ น้อง ๆ ทุกคนเข้าแถวให้ดี อย่าแตกแถวนะครับ”
พี่อาสาสมัครตะโกนดังให้ยินโดยทั่วกัน โดยมีเหล่าเพื่อน ๆ ที่เป็นอาสาสมัครเช่นเดียวกันคอยช่วยกระจายดู เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีน้อง ๆ คนไหนหายไป รวมไปถึงคอยช่วยกันใช้ภาษามืออธิบายเด็กเรียนบางกลุ่มที่มีปัญหาทางการได้ยินอีกด้วย
ขณะที่ค่อย ๆ เดินขึ้นรถกันษรก็หันมาถามแอนน์ “นี่ ๆ เอามาแล้วใช่ไหมแอนน์ ไอ้นั่นน่ะ”
แอนน์พยักหน้าหงึก ๆ ก่อนจะล่วงกระเป๋าสะพายแล้วหยิบเอาสิ่งที่ษรถามถึงออกมา
วัตถุรูปร่างคล้ายกล่องสี่เหลี่ยมสีดำขนาดเล็ก.. ‘กล้องถ่ายรูปดิจิตอล’ นั้นเอง
ษรปรบมือดังแปะ ยิ้มกว้าง “ค่อยยังชั่วหน่อย ษรลืมเสียสนิทเลยเพิ่งนึกออกเมื่อกี้เอง ดีนะที่แอนน์บอกว่าจะเก็บใส่กระเป๋าก่อนเข้านอนจะได้ไม่ลืมหยิบไป” ษรยกมือขึ้นทาบอก แล้วถอนหายใจอย่างโล่ง ๆ
“ถ้าไม่มีไอ้นั้นล่ะก็ แผนทำของที่ระลึกต้องเป็นหมันแน่ ๆ เลย”
‘โทราศับเหรอคา’ แอนน์เอ่ยอย่างงง ๆ
‘ไอ้นี่ต่างหากล่ะแอนน์’ ษรยิ้มก่อนจะส่ายหน้า แล้วชี้ไปที่เลนส์มือถือ ‘รูปถ่ายไงล่ะ’
‘รูปถาย?’
‘ก็ษรคิดว่าถ้าเราถ่ายรูป แล้วก็วีดีโอเอาไว้ เราก็จะสามารถย้อนกลับมาดูเมื่อไหร่ก็ได้ใช่ไหมล่ะ ทีนี่ต่อให้แอนน์จำไม่ได้ แต่แอนน์ก็จะเห็นภาพเหตุการณ์เป็นหลักฐานว่าเคยไปที่นั่น แล้วก็ถ้าเป็นวีดีโอล่ะก็... เราก็จะสามารถเก็บความสวยงามของภาพธรรมชาติไว้ได้ด้วย’ พูดจบษรน้อยก็ยิ้มแฉ่ง
‘เป็นไอเดียที่ดีใช่ไหมล่า!’
“ถ้างั้นเราจะถ่ายอะไรบ้างดีนะ” ษรอมยิ้มหันไปถามแอนน์เมื่อขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
“เราอยากจา.. ถ่ายทูกคนเลยน่าคา” แอนน์ยิ้ม “เราอยากห้ายมีทูกคนรวมอยู่ในนี้ด้วย”
พอฟังข้อเสนอแล้วษรก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม “นั้นสิเนอะ! เรามาเก็บภาพทุกคนเลยดีกว่า จะต้องสนุกแน่ ๆ เลย!”
เมื่อรถบัสเคลื่อนตัวออกจากโรงเรียน อักษรก็เงยหน้าหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ เด็กสาวหลับตาลงตั้งใจฟังเสียงที่พูดคุยในรถสักพัก ก่อนจะสะกิดแอนน์เบา ๆ “นี่ ๆ แอนน์..”
“คา?”
“ษรเพิ่งสังเกตว่าไม่ได้ยินเสียงผอ. หรือว่าคุณเอลีทเลยตั้งแต่เช้าแล้ว พวกเขาไม่ได้มาด้วยเหรอ?”
แอนน์ฟังดังนั้นก็ผุดลุกขึ้นมองรอบ ๆ เธอพอจะจำทั้งสองคนได้บ้าง ตั้งแต่ตอนที่คุยกับพี่ไทระเมื่อครั้งแต่งตั้งประธานนักเรียนคราวก่อน เธอก็เริ่มพยายามจำจุดเด่นของทุก ๆ คนมากขึ้น และผอ. กับคุณเอลีทก็เป็นบุคลากรสองคนแรก ๆ ที่เธอพอจะจำได้
แอนน์เกาะเบาะหน้ายกตัวขึ้นมองซ้ายทีขวาทีไปทั่วรถก่อนจะส่ายหน้า ก้มมองอักษร “ม่ายเหนเลย”
“นี่ ยืนตอนรถวิ่งแบบนั้นมันอันตรายนะแอนน์ นั่งลงก่อน” เสียงปรามเบา ๆ ของ ‘รัตติกาล นิทระนัน’ ดังขึ้น คุณรัตติกาลเป็นหญิงสาวที่มักจะมีท่าทีที่สงบนิ่งน่าเคารพอยู่เสมอ เธอมีตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าภาคจิตเวชประจำห้องพยาบาลของโรงเรียน และยังเคยทำงานเป็นเลขาของผู้อำนวยการนรินทร์ก่อนที่ ‘แคโรไลน์ ลอสกัน’ อดีตประธานนักเรียนรุ่นที่สองที่เพิ่งเรียนจบ จะมารับหน้าที่แทนอีกด้วย
ษรที่จำเสียงของคุณรัตติกาลได้จะถือโอกาสเกาะบกยกตัวขึ้นถามอีกคน “ครูรัตคะ ผอ. ไม่มาค่ายด้วยเหรอคะ”
“ผู้อำนวยการนรินทร์ติดธุระต้องเคลียร์เอกสารให้เสร็จน่ะเลยไม่ได้มาด้วยจ้ะ”
“แลวคูณเอลีทลาคา” คราวนี้แอนน์ที่ตอนแรกนั่งลงไปแล้วยกตัวขึ้นมาถามบ้าง
“คุณเอลีทต้องทำธุระที่ต่างประเทศน่ะ ครูก็ไม่ค่อยแน่ใจหรอกนะ ...แต่ว่าดูเหมือนคุณเรเน่ ที่เป็นเจ้าของโรงเรียนจะไม่สบาย คุณเอลีทเลยต้องไปดูแลน่ะ ถ้าเข้าใจแล้วก็นั่งลงก่อนเพราะมัน...”
เอี๊ยดดดดดดดด!!!!
เสียงล้อเสียดสีไปกับพื้นถนนดังขึ้น พร้อมกับการเบรกอยากกะทันหัน คนขับรถหันมาขอโทษขอโพยพร้อมอธิบาย “ขอโทษนะคร้าบ พอดีว่ากระรอกมันวิ่งตัดหน้ามาพอดีน่ะ”
ด้วยแรงกระแทกนั้นทำเอาแอนน์กับอักษรที่เกาะเบาะหน้าอยู่ตกลงไปแปะบนที่นั่งตามเดิม แต่ดูเหมือนคุณรัตติกาลจะไม่ได้โชคดีอย่างที่คิดเพราะเมื่อกี้เธอหันหลังยกตัวขึ้นมายืนอธิบายพอดีเลย.. เกือบล้มหน้าคะมำทีเดียว
“.. อันตรายมาก เข้าใจหรือยัง” หญิงสาวเรือนผมสีม่วงเข้มต่อประโยคให้จบด้วยเสียงแหบแห้ง ขณะพยายามยกมือขึ้นจัดผมที่ตกลงมาบังหูบังตาไปหมดด้วยเหตุการณ์เมื่อครู่ก่อนจะไถลตัวกลับไปนั่งตามเดิมโดยไม่พูดอะไรต่ออีก
เด็กน้อยทั้งสองผู้เข้าใจคำสั่งแจ่มแจ้งจึงยอมนั่งสงบกับที่ตามเดิมแต่โดยดีตลอดการเดินทาง
“ผอ. กับคุณเอลีทไม่มาด้วยงั้นเหรอ” อักษรเอ่ยเสียงเบาขณะก้มลงเอานิ้วเขี่ย ๆ กัน “น่าเสียดายจังเลยทั้งที่น่าจะสนุกมาก ๆ แท้ ๆ”
“อืม” แอนน์ตอบรับ “แตวาพวกเขามีเรืองต้องทามนี่นา”
ความเงียบเข้าครอบคลุมเด็กน้อยทั้งสองสักพัก แอนน์ก็เงยหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะเอ่ยเสียงใสทำลายความเงียบ
“สอน แอนนึกอารายบางอย่างออกแลวลา”
“อะไรเหรอ” ษรน้อยเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น แอนน์จึงเขยิบเข้าไปกระซิบ ‘แผนการ’ ให้ฟัง “จริงด้วย เราลองทำแบบนั้นกันเถอะเนอะ!”
“แตวาเราจาทามทานเหรอ ถึงจามีเวลาอิดสาราแต่ก็มีน้ากเรียน กับครูต้างหลายคน”
“ไม่ลองไม่รู้” ษรยิ้มแฉ่ง “เรามาทำเท่าที่ทำได้กันเถอะ!”--------------------------------------------------------------------------
- ผู้มาเยือนผู้มาเยือน
Re: ROOMMATE 8 : Summer Camp
Mon 15 May 2017, 23:01
- เรื่องราวในค่ายฤดูร้อน: ภารกิจ (2):
- --------------------------------------------------------------------------
วันที่ 2 ของการเข้าค่าย
ในตารางเวลาที่คุณครูแจกให้นั้นจะมีกำหนดวันเวลาไว้ กิจกรรมในแต่ล่ะวันค่อนข้างจะคล้ายกัน ๆ มีเวลาตื่นนอน และเตรียมตัว ตามด้วยเวลาออกกำลังกายยามเช้า เวลาอาหารเช้า เวลาอิสระ เวลาอาหารเที่ยง เวลาทำกิจกรรมหลักที่จะแตกต่างกันไปในแต่ล่ะวัน เวลาแบ่งกลุ่มไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เวลาทานอาหารเย็นพร้อมกัน เวลากิจกรรมนันทนาการรอบกองไฟ และจบลงที่เวลาอิสระก่อนแยกย้ายกันเข้านอน
เวลาอิสระในช่วงเช้านั้นเริ่มตั้งแต่เก้านาฬิกา ถึงเที่ยง เป็นเวลาที่มากพอจะเริ่มทำตาม ‘แผนการ’ ที่วางไว้ อย่างไรก็ตามสำหรับวันแรกนี้แอนน์กับอักษร เลือกที่จะเดินถ่ายรูปตามบริเวณต่าง ๆ เก็บไว้ก่อนเสียมากกว่า
ไม่ว่าจะเป็นเต็นท์ต่าง ๆ หรือว่าเขตป่าไม้ใกล้ ๆ รวมไปถึงพวกวิวสวย ๆ ซึ่งทั้งคู่ให้พวกพี่อาสาสมัครช่วยนำทาง และแนะนำจุดที่พวกเขาคิดว่าสวยที่สุดให้ กว่าจะตระเวนครบหมดรู้ตัวอีกทีก็หมดเวลาอิสระซะแล้ว เพราะนอกจากแอนน์จะมีเดินหลง และลืมเส้นทาง ยังต้องคอยระวังไม่ให้จูงอักษรไปสะดุดหรือตกหลุมที่ไหน เรียกว่าเป็นไปอย่างช้า ๆ และทุลักทุเลใช้ได้ (ซึ่งถ้าไม่มีพวกพี่ ๆ อาสาสมัครคอยช่วยอาจจะใช้เวลานานกว่านั้น หรือจบโดยการหลงทางกัน) อย่างไรก็ตามถึงจะใช้เวลานานไปนิดก็นับว่าคุ้มค่า เพราะว่าพวกเธอสองคนได้รูปสวย ๆ มาเยอะแยะเชียวล่ะ
ถัดจากเวลาอิสระก็เป็นเวลาอาหารเที่ยง ในช่วงเวลานี้อักษร และแอนน์ช่วยกันจดลำดับรายการสิ่งที่จะทำลงสมุดบันทึกของแอนน์ และช่วยกันออกความเห็นไอเดียต่าง ๆ อย่างสนุกสนาน แต่ดูเหมือนนั้นจะทำให้พวกเธอกินข้าวกันเสร็จช้ามาก จนครูพี่แคโรไลน์ต้องเดินมาตามเลยทีเดียว
เมื่อทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้ฤกษ์เข้าสู่กิจกรรมหลักของวัน ซึ่งกำหนดการในวันนี้ก็คือการส่องสัตว์ป่าในป่าลึก อย่างช้างป่า, เสือดาว หรือเสือโคร่ง หากแต่เด็กน้อยทั้งสองกับมีจุดมุ่งหมายจะเอากล้องไปถ่ายอย่างอื่นนอกจากนั้นน่ะสิ
หลังจากจูงมือเดินและมองหาสักพักทั้งสองก็พบกับเป้าหมายแรก บุรุษสองคนที่จะรับหน้าที่เป็นคนนำสำรวจส่องสัตว์ป่า ‘ครูจิณณ์’ ครูสอนศิลปะ และ ‘คุณแม๊กเวล ซอนเนอร์’ นักการทูตประจำโรงเรียน (ที่ตอนแรกทำแอนน์งงเล็กน้อยว่าปกติโรงเรียนมีนักการทูตกันด้วยหรือ แต่ก็คิดเข้าใจเอาว่าอาจจะเป็นวัฒนธรรมของประเทศนี่ก็ได้ล่ะมั้ง)
แอนน์จูงมืออักษรเข้าไปหาทั้งสองโดยไม่ลืมที่จะพยายามระวังพื้นที่รอบ ๆ ไปด้วย ใช้เวลาสักพักก็มาถึงตัวครูจิณณ์ และคุณแม็กเวลที่ดูเหมือนกำลังพูดคุยเรื่องสัพเพเหระเรื่อยเปื่อยกันอยู่ แต่พอมายืนตรงหน้าแอนน์กลับกินจุดเสียอย่างนั้น
เราจะทำอะไรต่อไปนะ.. ทำไมเรามาหาพวกคุณครูล่ะ?? แอนน์ทำหน้าเอ๋อใส่คุณแม๊กเวลที่เพิ่งสังเกตเห็นเด็กน้อยทั้งสอง และกำลังยิ้มให้เหมือนถามว่ามา ‘มาหาพวกครูมีอะไรงั้นหรือครับ’ ไปได้สักพัก ก็ฉุกคิดขึ้นได้แล้วยกมือขึ้นอ่านโน้ตที่จดไว้ เมื่อเช็คเสร็จสรรพจึงเริ่มเข้าเรื่อง
"ครูจีน พีแม๊กเวล แอนน์ถ่ายรูปหน่อยด้ายหรือป่าวคา" แอนน์เงยหน้ามองทั้งคู่ตาใสแจ๋ว เอ่ยด้วยภาษาที่ชวนงงเล็กน้อย เพราะถึงจะอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สองแล้ว แม้การเรียบเรียงคำพูดภาษาไทย และสำเนียงจะดีขึ้นมาก แต่ก็ยังมีปัญหาบ้างอยู่ดี
"ได้สิ!! ได้อยู่แล้ว~" แม็กเวลตอบเสียงร่าเริงก่อนจะกระโดดไปกอดคอเพื่อนสนิทอย่างจิณณ์ และหันมาฉีกยิ้มชูสองนิ้วให้เป็นเชิงบอกว่าพร้อมแล้วนะ!
ครูจิณณ์ที่ไม่สามารถได้ยินเสียงใด ๆ และไม่ได้ทันได้สังเกตถึงการปรากฎตัวของนักเรียนตัวน้อยทั้งสองคน หันมากระซิบถามคนที่กอดคออยู่อย่างงง ๆ
"แอนน์เขาอยากถ่ายรูปพวกเราแหนะ!" แม๊กเวลหันหน้าไปอธิบายให้เพื่อนฟังด้วยรอยยิ้มกว้าง เห็นดังนั้นครูจิณณ์ก็พยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันมายิ้มให้กล้องตามแม็กเวล
"หนึง สอง ซามม" สิ้นเสียงนับเด็กสาวก็ผมสีอ่อนก็กดชัตเตอร์ แอนน์กดถ่ายเพิ่มอีกสองสามรูปเผื่อไว้ ก่อนจะเปลี่ยนเปลี่ยนเป็นโหมดอัดวีดีโอ แล้วยกกล้องวีดีโอขึ้นมารออัด ขณะที่อักษรหยิบเอาไมค์ของเล่น (?) ออกมา ส่งให้คนตัวสูงทั้งสองคน
"ค่ายสาหนุกหมายคา รู้สืกยังไงบ้าง" แอนน์เอ่ยขณะเริ่มกดอัดวีดีโอ
ครูจิณณ์นิ่งไปเล็กน้อย เหมือนกับกำลังประมวลผลอยู่ เพราะว่าแอนน์ยังพูดไม่ค่อยชัดนัก จึงทำให้การอ่านปาก ทักษะที่เขามักจะใช้ในการสื่อสารกับคนอื่น เป็นไปได้ยากกว่าปกติเล็กน้อย
"สนุกดีนะ ไม่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้มานานแล้ว ที่นี่ต้นไม้เยอะมาก" ครูจิณณ์ตอบในที่สุดขณะที่นัยน์ตาสีเข้มแอบเหล่มองคนข้างตัวนิดหน่อย เพราะรู้ว่าเจ้าหมอนี่กลัวป่ากลางคืนขนาดไหน "อากาศก็ดี บรรยากาศก็ดี รวม ๆ แล้วก็ถือว่าโอเคเลย"
เมื่อครูจิณณ์สัมภาษณ์เสร็จก็เป็นคราวที่คนร่าเริงข้างกายจะตอบบ้าง แม๊กเวลเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใสยิ่งกว่าตอนแรก
"สนุกสิ! สนุกมากเลย มีอะไรให้ทำเยอะแยะเต็มไปหมดเลย!!" เขาเอ่ยด้วยดวงตาเป็นประกาย บ่งบอกถึงความตื่นเต้นที่เปี่ยมล้นออกมาจากใจ "เดินเล่นก็สนุก ดูสัตว์ก็ตื่นเต้น บางตัวเคยเห็นแต่ในหนังสือ บางตัวก็ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยล่ะ!!
แม็กเวลค่อย ๆ นับนิ้วให้ฟังทีละอย่างว่าเขาได้ทำอะไรมาบ้าง ซึ่งทุกอย่างล้วนแต่สนุกและแปลกใหม่สำหรับเขาทั้งสิ้น "ตอนกลางคืนก็สนุกเหมือนกัน ละครเรื่องเมื่อคืนตลกดี ฮ่าๆๆ"
ระหว่างที่พูดก็หันไปมองเพื่อนผู้นอนดูละครอยู่ด้วยกัน เพราะพวกเขาอาศัยอยู่ในเต็นท์เดียวกัน ครูจิณณ์พยักหน้าเสริมให้เป็นเชิงเห็นด้วย แต่นอกจากการพยักหน้าแล้ว... แม็กเวลยังมองเห็นความเป็นห่วงในดวงตาคู่นั้น เขาจึงกอดคอเพื่อนแน่นขึ้นนิดหน่อย "ฉันไม่เป็นไร"
เสียงนั้นเอ่ยกระซิบแผ่วเบา ถึงแม้ใจจะนึกกังวลกับความหวาดกลัวของตัวเอง ป่าตอนกลางคืนเป็นหนึ่งในปัจจัยกระตุ้นที่อาจทำให้อาการของเขากำเริบ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เก็บมาคิดมากจนเกินไป
.. เพราะว่ามีเพื่อนอยู่ด้วย เขารู้ว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ชายหนุ่มผมทองสะบัดไล่ความคิดออกจากหัวก่อนจะเอ่ยถามกลับบ้าง
"แล้วแอน กับษรล่ะ สนุกไหม?" แม็กเวลถามกลับด้วยรอยยิ้มกว้าง
"สาหนุกคา เอ่อ" แอนน์อยากจะบอกเหมือนกันว่าสนุกตรงไหน แต่หัวโล่งไปหมดเลยจนต้องหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาดู เอ เหมือนจะเขียนบอกไว้นิดหน่อย "ทีนี่สวยแล้วก็อากาดดีมากมาก พวกสัดก็สวยมากมาก" ที่จริงอยากบรรยายมากกว่าสวยแต่ว่าเธอคิดคำอื่นไม่ออกเลย "ตอนนี้ก็สาหนุกมากมากเลยคา"
“สนุกคะ” อักษรตอบพลางยิ้มกว้าง “ษรชอบที่นี้มากเลยค่ะ ก่อนหน้านี้ไปสำรวจกับแอนน์มาล่ะ”
“งั้นเหรอ ๆ” แม็กเวลพยักหน้าไปพลางขณะยิ้มกว้าง “ดีแล้วล่ะนะ งั้นเราไปส่องสัตว์กันไหม แอนน์จะได้ถ่ายวีดีโอพวกสัตว์เก็บไว้ดูด้วยไง”
แอนน์พยักหน้าขณะกำลังจะจูงมือษรให้เดินเตาะแตะตามพวกคุณครูไป แต่ว่าษรกลับชะงักเสียก่อนเหมือนนึกขึ้นได้ว่าพวกเธอยังไม่ได้ถามคำถามสำคัญเลยนี่นา!
เพราะว่ามัวแต่ตื่นเต้นที่ต้องมาคุยกับครู เธอเลยเงียบตลอดช่วงที่ถ่ายวีดีโอ ซึ่งดูเหมือนแอนน์ก็จะลืม ‘เรื่องนั้น’ ไปแล้วด้วย ไม่ได้ ๆ จะมามัวกลัวไม่ได้นะอักษร ต้องรีบถาม
“อ เอ่อ เดี๋ยวก่อนค่ะ” เมื่อเห็นว่าภาพเบลอ ๆ ของคนเดินนำเริ่มจะห่างไปไกลแล้ว ษรจึงรีบเรียกแบบกล้า ๆ กลัว ๆ “คือว่า.. ยังมีอีกคำถามหนึ่งค่ะ!”
“อะไรเหรอครับ?” ชายหนุ่มทั้งสองหันมาถามแทบจะพร้อมกันอย่างงง ๆ
ช่วงเวลากิจกรรมนั้นจบลงโดยที่พวกเธอเพิ่งจะถ่ายวีดีโอคนในค่ายตามที่ตั้งใจไว้ไปได้แค่คู่เดียวเท่านั้น ที่จริงพวกเธอก็ตั้งใจจะไปถามคนอื่นต่อหรอกนะ แต่ว่า..
‘ไม่ได้นะครับ’ แม็กเวลโบกนิ้วไปมา ‘อุตส่าห์มาถึงอุทยานแห่งชาติกันแล้ว ต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าสิครับ! ถึงการถ่ายรูปจะเอามาดูอีกรอบได้ แต่การซึบซับธรรมชาติโดยตรงด้วยตนเองก็สำคัญนะ เพราะงั้นพี่ขอสั่ง ห.หีบ สระอา ไม้โท ม.ม้า ห้ามมมมมมม น้องแอนน์น้องษรไล่สัมภาษณ์ทุกคนตอนนี้เด็ดขาด มาค่ายทั้งทีก็ต้องสนุกให้เต็มที่นะครับ!!’ ชายหนุ่มผมสีทองเอ่ยขณะทำมือเป็นรูปกากบาทตัวใหญ่ ๆ ด้วยหน้าตาจริงจังสุดชีวิต ซึ่งครูจิณณ์ก็พยักหน้าเห็นด้วย
‘ครูชอบ แล้วก็สนับสนุนในสิ่งที่ทั้งสองคนอยากทำนะ แต่ครูก็เชื่อว่าพวกเขาคงอยากเห็นน้อง ๆ สนุกสนานกับค่ายเหมือนกันมากกว่าจะมานั่งเครียดเรื่องถ่ายวีดีโอ เพราะงั้นในเวลาทำกิจกรรมหลัก และเวลาทำหน้าที่ต้องทำให้เต็มที่เสร็จเรียบร้อยดีก่อนนะ เข้าใจไหม’
แอนน์กับอักษรพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แม้ในใจจะแอบค้านเล็ก ๆ ว่าถ้าทำแบบนั้นก็ถ่ายวีดีโอไม่ทันน่ะสิก็ตาม
“ษรรู้แล้ว!” ษรเอ่ยเสียงใสขณะรับเสื้อผ้ามาจากพี่อาสาสมัคร เด็กสาวคลี่ผ้าออกเพื่อสะบัดน้ำเล็กน้อยก่อนยกส่งให้แอนน์นำไปหนีบกับราวตากผ้า
“ถ้างั้นพวกเราก็ช่วยกันทำหน้าที่ตรงนี้ให้เสร็จเร็ว ๆ แล้วไปสัมภาษณ์กันไหม ถึงจะมีเวลาแค่แป๊ปเดียว แต่ว่าอย่างน้อยถ่ายเพิ่มให้ได้สักคนก็ยังดีเนอะ”
แอนน์พยักหน้าเห็นด้วยขณะหนีบเนื้อผ้าด้วยตัวหนีบสีฟ้าสดใสกับลวดที่ขึงอยู่
“น้านสินา!” แอนน์เอ่ยอย่างกระตือรือร้น ก้มตัวไปรับเสื้อผ้าชิ้นต่อไปมาอย่างรวดเร็ว
“มาช่วยกานทำห้ายเส็ดเรวเรวกานเถอะ!”
“น้องษร ตากกลับหัวนะจ้ะ ให้พี่ช่วยแก้ให้นะ” พี่อาสาสมัครสาวเอ่ยเสียงอ่อนโยน
“น้องแอนน์ แค่เอาผ้าขึ้นตากก็พอนะจ้ะ ยังไม่ต้องเก็บลงตะกร้า”
“น้องแอนน์ สะบัดผ้าก่อนนะจ้ะ อ๊าาาา ไม่ได้น้า อย่าเอาผ้าเปียกไปรวมกับอันที่แห้งแล้วสิ”
“น น้องษร อันนั้นไม่ใช่เสื้อผ้านะ นั้นถุงที่เราเอามาใส่ของเฉย ๆ จ้ะ เอาลงมาก่อน”
“น้องแอนน์ น้องษร อันนั้นบ็อกเซอร์ของพวกคุณครูนะจ้ะ เอาไปตากรวมกับชุดนักเรียนโต้ง ๆ แบบนั้นไม่ได้น้า!!!”
ถึงจะบอกว่าช่วยกันทำให้เสร็จเร็ว ๆ แต่ก็เหลือเวลาอีกแค่นิดหน่อยก่อนจะไปทานอาหารเย็นเท่านั้น..
เมื่อกลับมาถึงเต็นท์ เด็กสาวทั้งสองก็ทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างเหนื่อยอ่อน
แค่เอาผ้าขึ้นมาตากเท่านั้นเอง แต่ว่ากลับใช้เวลานานกว่าที่คิด
แอนน์มักจะลืมว่าต้องเอาผ้าผืนไหนมาไว้ตรงไหน เก็บได้หรือยัง หรือต้องทำอะไรต่อ จนเกือบเอาผ้าเปียกไปรวมกับผ้าแห้ง หรือเอาชุดของทุกคนปนมั่วกันหมด ส่วนษรเองก็มีหนีบกลับด้าน กลับหัวกลับหลังบ้าง หรือบางทีหยิบเอาอะไรที่ไม่ใช่เสื้อผ้า แต่วางไว้ข้างกันมาหนีบเพราะมองไม่ค่อยเห็นชัดนัก
“เหนื่อยจังเลยเนอะ..” อักษรว่าพลางพลิกตัวไปมาบนที่นอน
“อืมม” แอนน์เอ่ยขณะเอาหน้าซุกหมอน เธอก็เคยช่วยคุณแม่ทำงานบ้านบ้างหรอก แต่เพราะปกติที่บ้านใช้เครื่องปั่นแห้งเลยไม่ชินกับการแยกมาตากแบบนี้
อักษรกลิ้งไปเรื่อย ๆ ก่อนจะหยุดที่ปากเต็นท์ ครั้นพอเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมก็เบิกกว้างเป็นประกาย “แอน ๆ “ เด็กสาวผุดลุกขึ้นนั่งพลางกวักมือเรียกเพื่อนด้วยความตื่นเต้น “มาดูนี่สิ..”
แอนน์คลานเข่าไปหาช้าก่อนจะชะโงกหัวออกไปมอง ... “...ว้าว”
ท้องฟ้ายามค่ำคืนบัดนี้ถูกประดับประดาด้วยแสงดาวน้อยใหญ่ ราวกับกล่องอัญมณีอย่างไรอย่างนั้น กลิ่นหอมสดชื่นของป่าไม้ และลมพัดเอื่อย ๆ เสริมให้บรรยากาศรอบ ๆ งดงามราวกับภาพวาดของศิลปินเอก
แอนน์รีบคลานกลับเข้าไปหยิบกล้องออกมาถ่าย หากแต่พอกดชัตเตอร์แล้ว มองรูปก็รู้สึกผิดหวังนิด ๆ
“เป็นอะไรไป”
แอนน์ส่ายหน้าเบา “ม่ายมีอาราย”
ภาพที่ถ่ายออกมาสวยทีเดียวเชียวล่ะ
.. แต่ว่าถึงอย่างนั้น
.. ก็ยังบันทึกความงามทั้งหมดไว้ไม่ได้
แอนน์นั่งกอดเข่าซุกใบหน้าลงกับขาทั้งสองข้าง
ทั้งที่อยากจะจดจำความงามนี้ไว้.. ถ้าจำได้คงจะดี
อักษรมองเพื่อนยิ้ม ๆ ขณะเงยหน้ามองบ้าง ภาพตรงหน้าเป็นสีเข้มของรัตติกาล กับแสงสว่างขาวเป็นดวง ๆ “แอนน์ ท้องฟ้าสวยหรือเปล่า”
คนถูกถามมองเพื่อนรักก่อนจะตอบเบา “สวย สวยมากเลย”
“เหรอ” เด็กสาวยิ้มรับ ก่อนหลับตาจินตนาการถึงความสวยงามก่อนจะหันมายิ้มให้ “พรุ่งนี้เราก็มาพยายามกันเถอะนะ”
พอได้ยินเช่นนั้นอีกฝ่ายก็ยิ้มตาม “..อือ มาพายายามกานนา”
“แอนน์”
“คา?”
“วันนี้เหนื่อยจังเลยเนอะ”
“อืม”
“แต่ว่าสนุกมาก ๆ เลยเนอะ!”
“อือ!”
วันที่ 3 ของการเข้าค่าย
เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ แอนน์กับอักษรจึงเริ่มเดินเตาะแตะเพื่อหาเป้าหมายคนต่อไป ประธานนักเรียนคนใหม่แกะกล่อง พี่ไทระ พยัคอรุณนั้นเอง
ระหว่างเดินเตาะแตะหาเด็กสาวผมสีอ่อนมองซ้ายขวาขณะเดินเพื่อคอยระวังว่าไม่มีหลุมอยู่ตรงไหน แต่เหมือนจะมองมากไปหน่อย..
"สอน นี่พวกเรากำลางจาไปหนายนะ “ ..จนลืมจุดหมายไปแล้วเลยมาถามจุกน้อยข้าง ๆ
"เรากำลังจะไปหาพี่ไทระล่ะ!" อักษรตอบเสียงใส ถึงจะช่วยมองทางไม่ได้ แต่ยังดีที่พอช่วยเพื่อนของเธอจำได้ล่ะนะ! "แอนเห็นพี่ไทระรึยังง่ะ..."
สาวน้อยผมจุกมองซ้ายมองขวา หรี่ตามองไปทางนู้นทีทางนี้ที.. ต...แต่ก็ไม่ได้ช่วยเท่าไหร่..
หาพี่ไทยรัฐ-- เอ้ย ไทระสินะ เหมือนจะพอจำรุ่นพี่คนนี้ได้ล่ะ! แอนน์ตอบขณะมองซ้ายขวาตาม "ยางเลย--"
ไม่ทันจะพูดจบเด็กสาวผมแกละก็สังเกตเห็นรุ่นพี่ผมสีดำที่เดินมาทางนี้พอดี
รุ่นพี่หนุ่มที่บังเอิญมาเดินเล่นแถวนั้นหันไปเห็นรุ่นน้องคนสนิททั้งสองคนกำลังช่วยกันมองหาอะไรบางอย่างอยู่ จึงวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปหาทั้งสองคน ก่อนจะถามพร้อมกับส่งรอยยิ้มซันชายแบบประจำให้ "ษร แอน หาอะไรกันอยู่เหรอฮะ ให้พี่ช่วยไหม"
"เจอแลว! เจอพี่ทายราแลว!!" แอนน์เขย่ามือเพื่อนที่จูงอยู่ไปมา พลางหันมามองอักษรด้วยความตื่นเต้น
"หาพี่ทายราคา" ประโยคสุดท้ายหันมาตอบคำถามอีกฝ่าย "ขอถายรูปได้หมายคา"
อักษรที่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยพร้อมกับแรงเขย่าที่ส่งมาถึงมือ เงยหน้าขึ้นตอบอีกฝ่ายเช่นกัน "ษรกับแอนมาหาพี่ไทระค่ะ"
"มาสัมภาษณ์!" ษรช่วยเพื่อนพูดอีกแรง ขณะแสดงท่าทางประกอบคำพูดโดยการกำมืออีกข้างไว้ให้เหมือนถือไมค์แล้วยื่นออกไป
ซึ่งอาจจะแปลก ๆ สำหรับคนที่มองเห็นอักษรกำลังยื่นไมค์ไปให้ความว่างเปล่า...
ได้ฟังเช่นนั้นไทระก็ยิ้มแฉ่งให้รุ่นน้องทั้งสองพลางตอบกลับว่า "ได้เลยฮะ สัมภาษณ์กับถ่ายรูปได้เลยฮะ"
ครั้นเห็นว่าอีกฝ่ายตอบโอเค สองสาวรุ่นน้องก็หันไปยิ้มดีใจให้กันและกันใหญ่ ทำให้ไทระที่มองอยู่รู้สึกเอ็นดูจนอยากแกล้ง (?) สักนิดขึ้นมาทันที
ชายหนุ่มรีบเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทว่าสีหน้ากลับร่าเริงสุด ๆ "แต่พอสัมภาษณ์เสร็จแล้ว แอนกับษรต้องมาเซลฟี่กับพี่นะฮะ! จะได้ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกัน"
เมื่อเห็นว่าแอนกับอักษร พยักหน้าตกลงทันที ไทระจึงรีบเสริมต่อด้วยรอยยิ้มกว้าง "และตอนถ่ายต้องมัดแกละสองข้างด้วยนะฮะ ฮ่าๆ"
แอนน์ที่พยักหน้าหงึก ๆ ขณะฟังอีกฝ่ายอยู่ก็เอียงคองงเมื่อได้ยินข้อแลกเปลี่ยน.. แต่ว่าเธอก็มัดแกละอยู่แล้วนะ? อ้ะ แต่ว่ายังไม่เคยเห็นษรมัดเลยนี่นา แถมพี่ไทระก็จะมัดด้วยสินะ!
"พีทายราจะมาดแกละดวยสินาคา!" แอนน์ที่มีแรงฮึดสุด ๆ ขึ้นมารีบพยักหน้าตกลงทันที
อักษรเองก็พยักหน้าพร้อม ๆ กัน หันมาพูดกับเพื่อนด้วยท่าทางที่ดูตื่นเต้นไม่แพ้กัน "ว้าว...ถ้าพี่ไทมัดด้วยก็โอเคเนอะแอนเนอะ!"
เมื่อเห็นว่าสองสาวตอบตกลงชายหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม ที่จริงเขาเสนอแบบนั้นเพราะอยากสนิทสนมกับรุ่นน้องมากกว่านี้ และอยากให้แอนจำตนเองได้ด้วยจึงหาวิธีให้เป็นที่จดจำ
ถ้ามีความทรงจำร่วมกันคงจำได้ง่ายละนะ! คิดพลางยิ้มกริ่มก่อนจะเอ่ยเสียงสดใส
"งั้นมาสัมภาษณ์กันเลยฮะ!"
เด็กสาวผมสีอ่อนเปลี่ยนโหมดกล้องเป็นอัดวีดีโอก่อนจะขึ้นยกมาเตรียมรอ หลังจากสัมภาษณ์ครูจิณณ์กับพี่แม็กเวลล์ไปเมื่อวาน และเกือบจะลืมถามคำถามบางอย่างไป พวกเธอก็ตกลงกันว่าจะให้แอนน์เป็นคนถ่าย และอักษรเป็นคนถาม ซึ่งทำให้การสัมภาษณ์ง่ายขึ้นมากทีเดียว .. แต่ษรอย่าคิดคำถามนานนะ เดี๋ยวแอนลืม
สาวน้อยผมจุกยิ้มชอบใจเมื่อได้ยินรุ่นพี่ตอบตกลงก่อนจะขยับเขยื้อนจัดการเตรียมตัวให้พร้อม ระหว่างนั้นก็คิดคำถามไปด้วย
"อืมมม..." จริง ๆ แล้วคำถามก็คงไม่ได้ต่างกับที่ถามพวกคุณครูมากหรอกมั้ง... คิดในใจขณะครางในลำคอเบา ๆ และเรียบเรียงคำถามในหัวไปพลาง
"พี่ไทระคะ มาครั้ง...เอ้ย มาค่ายครั้งนี้สนุกรึเปล่าคะ?"
เด็กน้อยเอ่ยถาม โชคดีที่จัดท่าทางไว้ และไปยืนใกล้ ๆ แล้วเลยถามได้สะดวก แถมยังพอมองเห็นอีกฝ่ายได้ลาง ๆ ด้วย ถึงจะถามอย่างตะกุกตะกักไปบ้าง แต่ษรพยายามแล้วนะ !
แต่ปรากฎว่าคนที่เป็นรุ่นพี่ดันตอบคำถามที่ตั้งใจจะถามต่อมาเสียหมดในรอบเดียว สาวน้อยที่ยังไม่ทันได้ถามต่อถึงกับนิ่งเพราะต้องรันคำถามในหัวขึ้นมาใหม่
.. แต่เธอควรถามอะไรดีนะ?
"อืมมม พี่ไทระหัวเราะแบบนี้ต้องมีความสุขมากจริง ๆ เเน่เลย" อักษระยิ้มแย้ม "แล้ว ๆ พี่ไทชอบตอนไหนของค่ายมากที่สุดหรือคะ?"
อักษรกระพริบตาปริบ ๆ รอคำตอบสุดท้ายของคนตัวสูง เธอคิดว่าถามกันคนละเท่านี้น่าจะพอดี เพราะกลัวว่าถามนานเดี๋ยวรูมเมทของเธอจะลืมเอาว่าต้องทำอะไรกันต่อ
คำถามต่อมาของษรทำให้ไทระนิ่งไปครู่หนึ่ง แต่ก็แค่แป๊บเดียวล่ะนะ ชายหนุ่มตอบคำถามขณะที่ยังยิ้มร่าเริงเช่นเคย "ชอบสุดน่าจะตอบเล่นรอบกองไฟฮะ เพราะมีอะไรหลาย ๆ อย่างให้ทำด้วยกัน"
พูดจบแล้วก็ทำท่านึกต่ออีกหน่อย "แต่ที่จริงก็ชอบหมดเลยนะฮะ ได้มาเที่ยวกับทุกคนมันสนุกมาก ๆ เลย" รอยยิ้มของรุ่นพี่หนุ่มยิ่งเผยกว้างมากกว่าเดิม เขาสนุกกับการเข้าค่ายครั้งนี้มากเลยล่ะ!
"พี่ไทระชอบเหมือนษรเลย! ษรก็ช๊อบชอบบบ" ถึงจะไม่ค่อยเห็นแต่ก็แน่ใจว่าอีกฝ่ายต้องยิ้มแน่ ๆ สาวน้อยผมจุกก็เลยยิ้มบ้าง ฮี่~
ฝ่ายไทระเมื่อเห็นรุ่นน้องยิ้มแล้ว เขาจึงคิดว่าคำตอบที่ให้ไปน่าจะโอเคสำหรับการสัมภาษณ์ครั้งนี้ แล้วก็เขายังไม่ลืมเรื่องที่ขอไปหรอกนะ! คิดแล้วคนตัวสูงก็เปลี่ยนรอยยิ้มจากร่าเริงเป็นกรุ้มกริ่มแทน "ษร แอนฮะ ดีใจจังเลย เราชอบเหมือนกัน พี่ให้สัมภาษณ์โอเคแล้วใช่ไหมฮะ"
สาวน้อยสองคนพยักหน้าหงึกหงัก พร้อมกับจุกน้อยของษรที่ขยับไปด้วย นั่นเลยทำให้ไทระแน่ใจว่าคำตอบของตนเป็นที่น่าพึงพอใจแล้ว
"ถ้างั้นถึงเวลาแล้วฮะ..." ไทระหยิบหนังยาวที่พกตัดตัวไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ขึ้นมา ...ห้าหกเส้น ก่อนจะส่งให้สองสาว "ถึงเวลามัดผมแกละกันแล้วฮะ!"
เมื่อเห็นว่าแอนน์ทำหน้างง รุ่นพี่หนุ่มจึงอธิบายเพิ่มเติม "เราสัญญาว่าจะมัดผมแกละถ่ายรูปด้วยกันฮะ" แต่พอเด็กสาวทำท่าจะบอกว่าตนมัดผมแกละอยู่แล้ว ไทระเลยรีบพูดต่อทันที "เป็นแกละสูงฮะ พี่ขออนุญาตนะ" ว่าแล้วอีกฝ่ายก็เข้าไปจัดแจงทรงผมให้แอนน์ทันที ผมแกละต่ำ ๆ อย่างทีทำประจำกลายเป็นผมทรงทวินเทลในเวลาชั่วอึดใจ "โอ๊ะ น่ารักจังฮะ"
ดูเหมือนทางอักษรเองก็มัดเสร็จแล้วเช่นกัน และในเมื่อสองสาวมัดแล้ว มีหรือที่จะยอมให้รุ่นพี่ไม่ต้องมัด?
เมื่อเห็นว่ารุ่นพี่หนุ่มทำท่าจะเริ่มจัดการหัวตัวเอง อักษรก็ยกมือขอมัดผมให้ไทระ ซึ่งชายหนุ่มก็ส่งยิ้ม และย่อตัวลงให้แทนคำตอบ ไม่กี่นาทีต่อมาไทระก็ได้ทรงแกละ
ถึงจะเป็นแกละที่เล็กเหลือเกินก็เถอะ ..แต่ผู้ชายมัดแกละก็อย่างนี้แหละนะ!
แอนน์ที่ยืนมองอยู่ยกมือขึ้นแตะทวินเทลทั้งสองบนหัวแปะ ๆ ก่อนจะหันมองษรกับพี่ไทระ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม .. ล แล้วมัดทำไมนะ
"มัดเพราะว่าเราจะถ่ายเซลฟี่กันฮะแอนน์" ไทระเตือนอีกรอบก่อนจะขอยืมกล้องไป
เมื่อได้ยินคำตอบแอนน์ก็พยักหน้าหงึก ๆ ..เอ อันนั้นวางแผนว่าจะทำกันด้วยเหรอ แต่ว่าเมื่อเห็นว่าอักษรยืนเตรียมถ่ายรูปแล้วจึงไล่ความคิดไปและเดินเตาะแตะไปยืนข้าง ๆ ต้องทำหน้ายังไงดีนะ เอ่อ.. สุดท้ายเด็กสาวก็ตัดสินใจยิ้มกว้าง ๆ ตามรุ่นพี่ไป
"ษรน่ารักมั้ยอ้า.." เด็กสาวเอ่ย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแกละสองข้างนี่มันเหมาะรึเปล่า.. แต่ไม่ทันได้คิดต่อพี่ไทระก็ยกกล้องมาเตรียมจะกดชัตเตอร์ ษรจึงเอ่ยเสียงใส "ยิ้มมมม"
มันต้องน่ารักแน่ ๆเลย แอบอยากเห็นเหมือนกันนะ…
"ขอบคูณนาคาพี.. " แอนน์เอ่ยเมื่อรับกล้องกลับมา พยายามนึกชื่ออีกฝ่าย “ทายรัด" แต่ดันออกมาเป็นชื่อหนังสือพิมพ์เสียอย่างนั้น
“ฮ่า ๆ ยินดีเลยฮะ ถ้ามีอะไรให้รุ่นพี่คนนี้ช่วยอีกบอกได้เสมอนะ” คนที่เพิ่งได้รับชื่อใหม่เป็นหนังสือพิมพ์ชื่อดังของไทยไปหมาด ๆ หัวเราะชอบใจก่อนจะยิ้มกลับให้ “พอถ่ายวีดีโอเสร็จแล้ว อย่าลืมเอามาอวดพี่นะฮะ!”--------------------------------------------------------------------------
- ผู้มาเยือนผู้มาเยือน
Re: ROOMMATE 8 : Summer Camp
Mon 15 May 2017, 23:16
- เรื่องราวในค่ายฤดูร้อน: คำตอบ (3):
- --------------------------------------------------------------------------
วันที่ 4 ของการเข้าค่าย
เมื่อฟ้าเริ่มมืดก็เป็นเวลากิจกรรมรอบกองไฟ ที่จะมีคุณครูทั้งสองเป็นตัวเอกในการจัดกิจกรรมสันทนาการ คนแรกคือ ‘ครูอิสรา พัฒนศักดิ์’ หรือที่เด็ก ๆ หลายคนมักจะเรียกติดปากกันว่า ‘ครูพี่ไอน์’ เนื่องจากครูเคยเป็นรุ่นพี่ศิษย์เก่ามาก่อนนั้นเอง และอีกคนคือ ‘ครูเกรียงไกร บินทะลุหลังคา’ (.. แค่นามสกุลก็กินครูคนอื่น ๆ ขาดแล้ว) เป็นคุณครูที่มีผมสีรุ้งสุดทันสมัยล่ำแฟชั่นไปไกล และมักจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหลากสีสุดสดใสที่แม้อาจจะดูแสบตาไปบ้างแต่ก็น่าประทับใจ
ซึ่งอักษรรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยเหมือนกันที่จะได้ร่วมกิจกรรมรอบกองไฟ ถึงจะล่วงเข้าวันที่ 4 แล้ว แต่มันก็น่าสนุกดีออก! แถมยังลุ้นในแต่ล่ะวันว่าจะต้องทำอะไรในคืนนั้น
แอนน์จูงมือษรเดินไปหาครูอิสราที่ดูง่วนกับการเตรียมตัวนิดหน่อย เพื่อจะขอสัมภาษณ์ตามที่ตั้งใจกันไว้ ถึงจะยังหาครูเกรียงไกรไม่เจอ แต่ว่าพอเริ่มงานคงจะได้เจอเองค่อยถามตอนนั้นแล้วกัน ตัดสินใจแล้วเด็กสาวก็ยกมือขึ้นสะกิดไหล่ครูหนุ่มเบา ๆ
"คูณคูคา ขอถายรูปได้หมายคะ"
ฝั่งอักษรที่ไม่รู้ว่าถึงจุดหมายหรือยังก็ได้แต่เดินตาม พอเพื่อนของเธอหยุดเลยมีแอบชนนิดหน่อย แต่นั่นแสดงให้เห็นว่าถึงแล้ว ครั้นพอแอนน์พูดจบอักษรน้อยก็คอยช่วยเสริมให้กับเพื่อนของเธอ "ษรกับแอนมาถ่ายรูป... แล้วก็มาสัมภาษณ์คุณครูด้วยค่ะ"
ครูอิสราที่กำลังท่องบทมุกตลกของพี่ไมค์ชะงัก เมื่อได้ยินเสียงพูดสำเนียงแปลก ๆ ของเด็กผู้หญิงผมเรือนผมสีเฮเซล จึงหันไปทางต้นเสียง .. ษรกับแอนนาเบลล์นี่เอง มาสัมภาษณ์เหรอ? เล่นอะไรกันรึเปล่านะ? ครูหนุ่มคิดในใจก่อนจะยิ้ม และตอบอย่างสุภาพ
"สัมภาษณ์หัวข้อไหนเหรอครับ?"
"ความรูสืกในการมาคายคา แลวกอ.. แลวกออารายนา" เด็กสาวหันมาถามเพื่อนที่มัดผมจุกข้าง ๆ ตัว แต่ว่าแบบนี้เหมือนเป็นนักข่าวจริง ๆ เลย! แอนน์คิดรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา 90% เลยล่ะ!
จากที่ตื่นเต้นเพราะต้องมาถามคุณครูแล้ว พอแอนน์หันมาถามกระทันหันแบบนี่ยิ่งทำให้อักษรตื่นเต้นไปใหญ่ เกือบลืมคำถามเลยแหน่ะ
"ล...แล้วก็..." สาวน้อยผมจุกเอ่ยตะกุกตะกักเล็กน้อยก่อนจะรีบบอกคำถามอีกข้อไป ..เธอว่าเธอบอกคำถามไปครบแล้วมั้งนะ
"ถ้า...ถ้ามันไม่รบกวนเวลาคุณครูไอน์" น้ำเสียงฟังดูค่อย ๆ เบาลง เด็กสาวรู้ว่าอีกฝ่ายใจดีแต่เธอก็ยังแอบเกร็ง ๆ แถมเกรงใจเขาด้วย...
หื้มม เหมือนจะไม่ได้มาเล่น ๆ แหะ.. ครูหนุ่มขำในคอลึก ๆ เพราะสัมผัสได้ว่าเสียงของสาว ๆ ค่อย ๆ เบาลง ๆ .. เอ่อ.. ผมว่าผมยิ้มแล้วนะ คิดแล้วก็กระแอ่มไอไปทีนึง
"เอาสิครับ ได้เลย เริ่มเลยรึเปล่า?"
"เริมได้เลยคา" แอนน์ยกกล้องขึ้นมาเตรียมกดวีดีโอถ่ายด้วยสีหน้าจริงจัง สวมบทเป็นตากล้องล่ะ!
"ซาม สอง หนึง" หลังจากนับเลขแล้วแอนน์กดถ่าย ตื่นเต้นนิดหน่อยแต่พยายามไม่ให้มือสั่น
อ...แอนน์เริ่มแล้ว แต่ษรยังเกร็งๆอยู่เลยนะ ฝั่งนักข่าวจำเป็นก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน เอาน่า! อักษรทำได้!
"สวัสดีค่ะคุณครูไอน์" เด็กสาวเอ่ยพร้อมกับยื่นไมค์ของเล่นที่คราวนี้เอามาด้วยแล้ว "เอ่อ... มาค่ายครั้งนี้รู้สึกยังไงบ้างคะ? คุณครูสนุกรึเปล่า??” ฟู่ว...เธอถามออกไปแล้ว
หืม เริ่มแล้วเหรอ อัดเสียงใช่มั้ยนะ หรือถ่ายวิดิโอด้วย? คิดสะระตะไปไม่ถึงไหน เด็กนักเรียนตัวน้อยก็ยิงคำถามออก (แบบตะกุกตะกัก) มาแล้ว ครูอิสราจึงตั้งสติก่อนตอบด้วยเสียงนุ่มนวล
"สนุกครับ นึกถึงสมัยเรียนที่มาเข้าค่ายเลย" แต่พอตอบเสร็จครูหนุ่มกลับเริ่มกังวลเสียอย่างนั้น ผ ผมตอบสั้นไปมั้ยนะ แต่มันนึกออกแค่นี้จริง ๆ ไม่รู้จะบรรยายอะไร..
แอนน์ที่ฟังคำตอบขณะพยายามถ่ายไปพลางอย่างตั้งใจให้ภาพนิ่งที่สุดชะงักตาม ค ครูตอบเสร็จแล้วเหรอ เสร็จแล้วสินะ..?
เพราะรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่จึงแอบโผล่หัวมาจ้องเพื่อนเหมือนถามว่าครูตอบเสร็จแล้วเหรอ ถามต่อเลยดีไหม
ฝั่งอักษรนั้นเมื่อได้ยินคำตอบก็เลิ่กลั่กยิ่งกว่าเดิม ยิ่งตอบมาสั้น คนที่รอฟังคำตอบอยู่ก็ยิ่งรู้สึก.. ฮือ...
"โอ...เคค่ะ!" อักษรสูดลมหายใจ "ถ้างั้น ๆ อีกคำถามนึงนะคะ” เธอเอ่ยถามคำถาม แต่เหมือนในคำถามนั้นเธอจะลืมใครอีกคนไป อักษรต้องใช้เวลาไปหลายวิทีเดียวกว่าจะพูดอีกครั้ง ก่อนจะพยายามย้ำอีกรอบให้น้ำเสียงดูดังฟังชัดมากขึ้น
เอ.. ครูอิสรานิ่งไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถาม กับชื่อแรกที่ได้ยิน เขามีเรื่องจะพูดถึงเยอะทีเดียว แต่กับอีกคนนี่เขาไม่สนิทสักเท่าไหร่นี่สิ อืม...ครูรุ่นพี่หยุดเรียบเรียงคำพูดไปพักหนึ่ง
แต่เพราะบรรยากาศจากนักข่าวจำเป็นทั้งคู่เหมือนกำลังลุ้นสุด ๆ ทำให้อีกฝ่ายพยายามตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ และพยายามพูดให้เยอะขึ้น
เมื่อรอจนมั่นใจว่าอีกฝ่ายตอบเสร็จแล้ว แอนน์ก็พยักหน้ายิ้มแล้วลดกล้องลง ถ่ายเสร็จเรียบร้อย!
เมื่อวีดีโอเสร็จเด็กสาวก็เดินเตาะแตะกลับไปยืนข้าง ๆ เพื่อนอีกครั้ง ษรดูตื่นเต้นมาก ๆ เลย เธอก็เหมือนกัน แต่ว่าก็เหมือนจะจบลงด้วยดีแล้วล่ะนะ..
แต่เดี๋ยว.. เหมือนลืมอะไรไป เหมือนยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง..
ฝั่งอักษร เพราะคิดว่าพยักหน้าไปด้วยอาจทำให้เป็นผู้ฟังที่ดี ตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอเลยกำลังพยายามพนักหน้าตามไปกับสิ่งที่คนอายุมากกว่าเพิ่งจะตอบ
โอเค
ฟู่ว..เรียบร้อย...
ตอนนี้อาจารย์ของเธอพูดจบเป็นที่เรียบร้อย คนถือกล้องก็น่าจะเลิกถ่ายแล้ว
แต่เธอมีอะไรให้คิด....
แอนน์พยายามนึกสิ่งที่ลืมให้ออก แต่หัวกลับโล่งไปหมด สุดท้ายเลยตัดสินใจหยิบสมุดโน๊ตมาดูแล้วเงยหน้าถาม "ขอถ่ายรูปคูณคูแยกด้วยได้ไหมคะ"
ไม่แน่ใจว่าที่ลืมใช่เรื่องนี้หรือเปล่า แต่ว่าน่าจะใช่ล่ะ หวังว่านะ..
"เอ๋..?" ษรหันไปมองตามเสียงจากเพื่อนของเธอก่อนร้องสงสัย "ษรว่าษรลืมด้วยแน่ ๆ เลย ก่อน...ก่อนหน้านี้เหมือนเราไม่ได้ถ่ายรูปบางคนด้วยล่ะ"
"ง้านเดียวเราไปขอถ่ายอีกรอบพู่งนี้หมาย" แอนน์เสนอ เพราะว่าคืนนี้ก็ดึกแล้ว มืด ๆ แบบนี้ถ้าเดินตามหาทุกคนอาจจะหลงก็ได้
เด็กสาวหันไปพูดคุยกัน เหมือนจะมีแอบบ่น ๆ นิดหน่อย แต่นี่เป็นการปรึกษา.. อ.. ไม่สิ พูดคุยกันของนักข่าวต่างหาก!
พวกเด็ก ๆ เหมือนจะจัดการอะไรกันสักอย่างอยู่หลังจากที่เขาตอบคำถามเสร็จ ครูหนุ่มรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เด็ก ๆ ถามกันแค่นี้ .. ม ไม่ชวนคุยเหรอครับ คือผมก็ไม่ใช่คนคุยเก่งซะด้วย.. แอบคิดมากเล็กน้อยแต่พอได้ยินอีกฝ่ายขอถ่ายรูปก็ถึงกับบางอ๋อ
"เอาสิครับ แต่ช่วยบอกตำแหน่งกล้องให้ครูด้วยนะ" เพราะครูมองไม่เห็น คิดในใจก่อนจะเอ่ยต่อ "อยากได้ท่าไหนรึเปล่า" เพราะคิดว่าเด็ก ๆ น่าจะชอบถ่ายภาพด้วยท่าทางเก๋ ๆ กัน เขาเลยถามไป
"ด้ายคา" แอนพยักหน้าหงึก ๆ แม้จะสงสัยนิดหน่อย ก่อนจะขยับตัวไปด้านหน้าครู "ตอนนีพวกเราอยู่โตงหนาคูแลวนาคา" แอนเรียกพลางโบกมืออีกข้างที่ไม่ได้ถือกล้องไปมา
ท่าหรือ.. เอาท่าไหนดีนะ แอนน์คิดก่อนหันไปขอคำแนะนำจากเพื่อน "สอนว่าเอาท่าหนายดี"
"ท่าเหรอ... ษรไม่รู้ว่าเขาฮิตท่าไหนกัน รู้จักแต่ท่าแบบนี้อ้าา" อักษรยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาชูสองนิ้วแล้วแนบที่แก้มก่อนจะเอียงหัวหน่อย ๆ เธอก็ไม่รู้ว่าท่านี้มันจะดูแปลก ๆ ไปมั้ยสำหรับคุณครู.. แต่มันน่ารักออกนะ!
"เอ่อ..." ครูหนุ่มครางในลำคอ พอรู้ว่าเด็ก ๆ กำลังปรึกษาท่าทางกันจากเสียงคุย เพราะเขามองไม่เห็นจึงไม่รู้ว่าท่าไหนที่ษรบอก และใกล้จะได้เวลาทำกิจกรรมแล้วด้วย คนตัวสูงจึงออกปากชวน "ท่าไหนจับครูทำท่าทางได้นะ เดี๋ยวรอบกองไฟจะเริ่มแล้วนะครับ"
แอนน์ฟังแล้วก็พยักหน้า ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว มันก็ดูน่ารักดีด้วยนะ "ง้านเอาท่าน้านแล้วกาน สอนช่วยจับแขนครูอีกข้างได้หมาย" พอจัดครูชูสองนิ้วเรียบร้อยแล้ว แอนน์ก็เดินเตาะแตะไปยืนจุดเดิมแล้วกดถ่ายรูป
แต่.. แล้วแอนน์น้อยก็ปิ๊งไอเดีย อยากเห็นครูทำท่า ‘นั้น’ จัง!
"ขออีกท่านาคา!" คิดแล้วไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินเตาะแตะไปเขย่งจับแขนให้ครูทำท่าซารางเฮโยรูปหัวใจ ก่อนจะเดินกลับมากดถ่ายอีกครั้งอย่างรวดเร็ว "หนึง สอง ซาม เสร็จแล้วคา! ขอบคุณนาคาครู"
พอทำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ษรน้อยก็ยิ้มดีใจ ในที่สุดมันก็ผ่านไปได้ด้วยดี "ขอบคุณค่าคุณครูไอน์" สาวน้อยผมจุกยิ้มและยกมือไหว้ ถึงอีกฝ่ายจะไม่เห็น แต่ก็ดีออกนะ ไม่เสียอะไร เราเคารพเขานี่นา
"เอ่อ..." อักษรเว้นช่วงไปเหมือนกำลังเรียบเรียงคำพูด "ถ้าคุณครูมีอะไรให้ช่วย เรียกษรกับแอนได้นะคะ!" ไหน ๆ มารบกวนเวลาแล้ว ถ้ามีอะไรช่วยได้ก็ต้องช่วยหน่อยละนะ!
ครูหนุ่มที่เพิ่งโดนเด็ก ๆ จับท่าทางให้ถ่ายรูปอย่างสนุกสนานยิ้มให้นักข่าวจำเป็นทั้งสอง
..อาจจะเก้ ๆ กัง ๆ ไปบ้าง แต่เด็กก็คือเด็ก มาสนุกกันนี่นะ รูปเขาคงออกมาตลกน่าดู ต้องให้เจ้าแม็กมันบรรยายให้ฟัง ถ้ามันไม่ขำท้องแข็งก่อนน่ะนะ
"โอเคครับ ขอบใจมาก ปะ ไปรอบกองไฟกัน"
วันที่ 5 ของการเข้าค่าย
“รอดวยยยย” แอนน์เอ่ยขณะกึ่งจูงกึ่งลากเพื่อนให้วิ่งตามยูไป
"อะไรอ่ะ? หมีบุกหรอ!?" เสียงตื่นตกใจของษรน้อยดังขึ้น ขณะถูกลากไปจนตัวปลิว
"ง่ะ อย่าคิดว่าลูกครึ่งจะวิ่งตามไม่ได้นะ” เด็กหนุ่มเอ่ยขณะเร่งสปีดตามเพื่อนตนไปติด ๆ “ถ้ายูแพ้ ยูต้องให้ษรถ่ายรูปนะ!"
ขณะนี้ภาพที่ทุกคนเห็นคือเด็กน้อยทั้งสี่กำลังวิ่งไล่จับกันเป็นวงกลม
..เดี๋ยว แล้วการสัมภาษณ์ล่ะ!?
ย้อนกลับไปประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านั้น วันนี้แอนน์กับอักษรช่วยกันทำหน้าที่กันอย่างตั้งใจ อีกทั้งเพราะทำมาหลายวันแล้วจึงทำกันได้คล่อง และรวดเร็วขึ้นมาก จึงเหลือเวลาเยอะมากพอดูเชียว น่าจะไปสัมภาษณ์ได้หลายคนเลยล่ะ!
วันนี้ทั้งสองตัดสินใจไปที่ป่าใกล้ ๆ เหมือนจะได้ยินจากคุณครูว่ามีรุ่นพี่ แล้วก็เพื่อน ๆ หลายคนรับผิดชอบหน้าที่อย่างเก็บฟืน เก็บผลไม้ หรือให้อาหารสัตว์อยู่ใกล้ ๆ นี้
เดินไปได้สักพักก็เจอกับร่างเล็ก ๆ ที่กำลังเก็บผลไม้อย่างขะมักเขม้นอยู่ไกล ๆ คนนี้แอนน์จำได้ เอ.. ชื่อสุอะไรสักอย่าง ใช่หรือเปล่านะ สูท? สุด? สุ? เธอจำได้ว่าเคยเห็นเขาอยู่กับพี่ผู้ชายอีก แต่วันนี้ไม่เห็นอยู่ด้วย หรือว่าแยกกันทำหน้าที่นะ
ด้วยท่าทีที่ดูตั้งใจขั้นแข็ง ทำเอาแอนน์ลังเลไม่กล้าขัดไปแว้บหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหา เอานิ้วจิ้มหลังจึก ๆ เรียก"รุ่นพีคา แอนขอถายรูปได้หมายคา"
ระหว่างทางเดินษรก็เงยมองดูนู่นนี่ไปเรื่อย ๆ ด้วยสายตาแล้วทำให้มองเห็นแต่เพียงต้นไม้ เหมือนจะมีเงา ๆ....นั่นผลไม้รึเปล่าหว่า...? คิดไปเรื่อยเปื่อยก็ได้เสียงของรูมเมทดังขึ้นเรียกให้เจ้าตัวหันไปมอง คงจะเจอเป้าหมายแล้วสินะ อักษรมองภาพเบลอ ๆ ตรงหน้าตาม เมื่อเห็นว่าไม่ได้ยืนอยู่ไกลกันมากเลย เด็กสาวจึงยื่นมือไปแตะ ๆ คนรุ่นพี่บ้าง ช่วยเพื่อนเรียก
สุภะที่กำลังเก็บผลไม้อย่างเพลิน ๆ ก็เป็นต้องสะดุ้งหลังจากที่เขาได้ยินเสียงของเด็กผู้หญิงบวกกับมีแรงสะกิดจึก ๆ ที่ข้างหลัง พอหันไปมองก็พบว่าเป็นรุ่นน้องแอนน์กับษรนี่เอง เมื่อได้ยินคำขอก็มีท่าทีลังเลนิดหน่อยก่อนจะตอบอึกอัก
"เอ๊ะ...ก...ก็ได้ครับ”
"ถาง้าน.." แอนน์ยกกล้องขึ้นมาเพื่อถ่ายรูปก่อน รอจนอีกฝ่ายทำท่าเสร็จพร้อมจึงนับแล้วกดชัตเตอร์ "หนึง สอง สาม.. ยี้ม"
เมื่อถ่ายเสร็จเรียบร้อยเด็กสาวผมออกจึงเปลี่ยนโหมดเป็นกล้องวีดีโอเตรียมอัด "พวกเราขอสัมพาดพีด้วยด้ายหมายคา"
"อื้อ ๆ ขอสัมภาษณ์ด้วยนะคะ!" เมื่อการถ่ายรูปผ่านไปด้วยดี ต่อไปก็เป็นการเผชิญโชคกับการสัมภาษณ์! ษรคิดในใจขณะส่งสายตาเป็นประกายให้อีกฝ่าย และเอ่ยพร้อม ๆ กัน
ฝั่งสุภะนั้นถึงจะมองแอนน์ และษรอย่างชั่งใจ แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้าหงึกหงักว่าง่าย "อือ ๆ ว่ามาเลยครับ"
"พีรูสืกยางไงกับค่ายเหรอคะ" พอถามปุ๊ป แอนน์ก็ยกกล้องขึ้นถ่ายวีดีโอขณะอีกฝ่ายตอบคำถามทันที
ด้วยความที่คิดว่ารุ่นพี่สุภะน่าจะพอฟังที่แอนน์ถามออก เด็กสาวผมจุกเลยยังไม่ได้พูดอะไร ค่อยรอเสริมทีหลังแล้วกันเนอะ คิดแล้วก็ทำหน้าที่ต่อ ยืนยิ้มปล่อยออร่าฟรุ้งฟริ้งเป็นฉากได้ดี!
"ก็...สนุกครับ สัตว์เยอะด้วย" สุภะตอบพลางก้มลงมองผลไม้ในอ้อมแขนแก้อายเวลาที่กล้องจับมาที่เขา
.. ต ต้องถามว่าอะไรอีกนะ.. แอนติดสถานะกินจุด เมื่อคิดว่าต้องถามอะไรต่อ เพราะลืมไปแล้วว่ามาถึงคำถามไหน จึงชะโงกมามองษรเหมือนขอความช่วยเหลือ แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็นสีหน้าตน แต่ว่า.. ษรก็มักจะรู้เสมอว่าเธอกำลังวิตกอะไร เพราะงั้น ร- เราอาจจะมีพลังจิตสื่อถึงกันก็ได้นะ! (...)
เหมือนรูมเมทของเธอจะเงียบไป หรือว่าอาจจะลืม.. อักษรที่ยืนฟังอยู่คิด ก่อนจะช่วยคิดคำถามเพิ่มให้ "อ...เอ่อ...อืมมม" สาวน้อยครางในลำคอสักพักก่อนจะช่วยถามสิ่งที่ยังไม่ได้ถามเพิ่มให้
จริง ๆ คำถามที่เตรียมมาก็มีแค่สาม จะให้ถามอย่างอื่นหรอ อ... อักษรคิดไม่ออก
"...มีอะไรอีกไหมครับ?" เมื่อตอบเสร็จเรียบร้อยสุภะก็มองหน้ารุ่นน้องทั้งสองสลับไปมาอย่างงง ๆ
"ม่ายมีแล้วคา" แอนน์ส่ายหน้า เพราะอีกฝ่ายตอบสั้น ๆ ตอนแรกเลยไม่แน่ใจว่าตอบเสร็จหรือยัง "ขอบคูณนาคา" เด็กสาวเอ่ยก่อนผงกหัวให้
"ขอบคุณค่า" ษรน้อยก้มหัวให้คนรุ่นพี่หน่อย ๆ "ถ้าพี่สุภะมีอะไรให้ช่วย เรียกษรกับแอนได้ตลอดนะคะ" ว่าแล้วก็ยิ้มให้จนตาหยี เห็นอีกฝ่ายเงียบแบบนี้แล้วอดไม่ได้จริง ๆ เอาไว้คราวหน้า จะมาสานสัมพันธ์บ้าง!
"ขอบคุณเช่นกันครับ" สุภะเอ่ย พลางโค้งหัวตอบรับหน่อย ๆ
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของเด็กสาวทั้งสอง แต่ถ้าได้ช่วยอะไรบ้างเขาก็ดีใจแล้ว
แอนน์กับษรจูงมือกันเดินหาเป้าหมายคู่ต่อไป นั้นคือเพื่อนร่วมชั้นอย่างยู และพาสนั้นเอง
แอนน์มองหาไปเรื่อย ๆ จนไปเห็นร่างที่นั่งเหม่อคู่อยู่ไกล จึงแกว่งมือที่จูงไปมาบอกษร "เจอแลว อยู่โตงน้าน"
"อ๊ะ อื้อ ๆ " ษรพยักหน้าตอบรับ และค่อย ๆ เดินตามเจ้าของมือที่จับอยู่ ตอนนี้เจอเพื่อนๆทั้งสองคนของเธอแล้ว แต่เธอสงสัยเหมือนกันนะ…
..คงไม่ได้กำลังยืนเหม่ออยู่ใช่มั้ย…
"หืม" พาสเอ่ยขณะหันไปมองแอนน์ที่วิ่งมาหาเขาอย่างงง ๆ “แอนน์?”
"..." ส่วนยูนั้นไม่ได้ยินเสียงพาสที่เรียกทักแอนน์ เด็กหนุ่มยังคงยืนมองก้อนเมฆอยู่ .. เอ๊ะ ก้อนเมฆที่นี่ไม่เหมือนที่โรงเรียนนินา
"ยู กับ กับ.." แอนน์ยกข้อมือขึ้นดูโน้ต ก่อนจะเรียกชื่ออีกฝ่ายตะกุกตะกัก ขณะโบกมือให้ "พ พาด"
"ขอถายรูปหน่อยได้หมาย" แอนน์ยกกล้องขึ้นชู
"มาสัมภาษณ์ด้วยน้า" อักษรยิ้มให้ทั้งพาสและยู แต่ดูเหมือนยูกำลังจะดูเมฆเหมือนเคย..
ม...เมื่อไหร่จะหันมารับรอยยิ้มเราบ้างง่ะ.....
พาสได้หันมามองอักษรยิ้มให้ก็พยักหน้าหงึก ๆ กอดไหล่ยูลากมาถ่ายรูป "เอาละ เรามาถ่ายรูปกัน เอาละยู กับเรา พร้อมนะ 1 2 3"
"!" ด้วยความที่ถูกพาสกอดไหล่กระทันหันยูจึงตกใจ เด็กหนุ่มรีบย่อตัวมุดออกจากแขนของพาส วิ่งไปหลบหลังกิ่งไม้ (?) ทันที
ส่วนคนที่ถือกล้องรอถ่ายอยู่แบบแอนน์ก็ตกใจตามยูที่จู่ ๆ อีกฝ่ายก็วิ่งไปหลบ ..เกิดอะไรขึ้นเหรอ!? "ยูจาปายหนาย" เด็กสาวเอ่ยด้วยท่าทางเลิ่กลั่กเหมือนไม่รู้จะทำยังไง
เดี๋ยว...
แล้วทำไมเรายืนมองยูที่อยู่หลังกิ่งไม้ล่ะ
"เรากามลางจาทำอารายนา สอน" แอนน์หันไปถามจุกน้อยข้าง ๆ อย่างงง ๆ
"เรากำลังจะมาถ่ายรูป แล้วก็สัมภาษณ์ยูกับพาสล่ะ!" ษรน้อยรีบตอบเพื่อนของเธอไป ก่อนมองซ้ายขวาหาคนที่วิ่งหลบไปไหนเสียแล้วก็ไม่รู้ "แล้วยูไปไหนแล้วอ่ะ... นั่นใช่ยูหรือเปล่า...?" อักษรหรี่ตามองอะไรสักอย่างที่เบลอ ๆ ที่ อยู่หลังกิ่งอะไรบางอย่าง...
"อืม ใช่แล้วละ” พาสเอ่ยก่อนจะมองเพื่อนที่หลบหลังกิ่งไม้ “ยูกลัวกล้องหรือเปล่า.. ยู กลับมาหาเรานะ มาถ่ายรูปด้วยกัน" เด็กหนุ่มเอ่ยก็จะวิ่งปรู๊ดไปทางยู
ฝั่งยูเมื่อมองลอดผ่านกิ่งไม้เห็นพาสวิ่งเข้ามาหาตัวเอง ก็เข้าใจในทันที
..เอ๋ พาสจะวิ่งเล่นกับยูหรอครับ
ไม่ให้จับได้หรอกนะ ยูวิ่งเก่งครับ!!!
คิดแล้วยูก็เริ่มวิ่งหนีพาสไปทั่วลานกว้าง วนรอบต้นไม้ และวิ่งฝ่าษรกับแอนไป โดยไม่ได้พูดอะไรเลย
ฟิ้ว—
ลมถึงกับตีหน้าแอนน์เลยทีเดียว เด็กสาวมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างงุนงง
ทำไมยูกับพาสถึงวิ่งไล่จับกันล่ะ เกิดอะไรขึ้น ...
ร หรือว่าเรากำลังวิ่งไล่จับกันอยู่ !?
แอนเข้าใจไปตามนั้น ก่อนจะจูงษรพาตามพาสกับยูไป "รอดวยย"
ฟิ้ว—
ด้วยคน...
รู้สึกเหมือนจะมีอะไรวิ่งผ่านไปนะ...
ว่าแต่.... เกิดอะไรขึ้น!?
อักษรที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรถูกลากตามไปด้วย
"อะไรอ่ะ? หมีบุกหรอ!?"
"ง่ะ อย่าคิดว่าลูกครึ่งจะวิ่งตามไม่ได้นะ ถ้ายูแพ้ ยูต้องให้ษรถ่ายรูปนะ" พาสเอ่ยขณะวิ่งตามยูไป
เมื่อหันหลังไปเห็นว่ามีคนวิ่งตามมาเป็นพรวน ทั้งพาส แอน แล้วก็ษรที่ดูจะถูกแอนลากมาด้วย เพราะไม่อยากแพ้ ยูจึงเพิ่มสปีดให้ตัวเอง
"เอ๊ะ"
..โครม..
วิ่งได้ไม่เท่าไร ยูก็สะดุดยอดหญ้า (?) ล้มหัวทิ่มไปกับพื้นอย่างกระทันหัน--------------------------------------------------------------------------
- ผู้มาเยือนผู้มาเยือน
Re: ROOMMATE 8 : Summer Camp
Mon 15 May 2017, 23:22
- เรื่องราวในค่ายฤดูร้อน: ความรู้สึก (4):
- --------------------------------------------------------------------------
ด้วยความที่เป็นนักกีฬาเก่า (...) แอนน์จึงวิ่งได้ค่อนข้างเร็ว และตามมาทันในที่สุด ถึงจะลืมไปแล้วว่าตัวเองวิ่งมาทำไมก็เถอะนะ ..
ครั้นเห็นยูล้มหน้าทิ่มก็ตกใจ เด็กสาวผมสีอ่อนยืนมองแบบทำอะไรไม่ถูก "ป เปนอารายหมาย"
อักษรที่เหมือนหางเลขที่โดนลากติดกันมายังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นว่า แต่เหมือนพอหยุดแล้วจะมีเสียงดัง ปึก!...
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครหรืออะไรชนอะไร เด็กสาวจึงพยายามหรี่ตามอง และพบเข้ากับ... ยูที่นอนอยู่บนพื้น???
"อะไรอ้า... ยูล้มหรอ??" ษรเอ่ยขณธพยายามหรี่ตามองให้มากขึ้น "เป็นอะไรรึเปล่ายู"
"อ่า.. ยูแพ้ มาให้ษรถ่ายรูปซะดี ๆ" พาสที่วิ่งเข้ามาอีกคนแตะไหล่เพื่อนที่นอนอยู่ ก่อนจะจับยกขึ้นมา "เจ็บไหม ยู"
"ไม่เจ็บครับ" ยูลูบหน้าตัวเองเบา เขาไม่แน่ใจว่าความรู้สึกเจ็บคือแบบไหน แต่คิดว่าตัวเองสบายดีแม้จะชาหน้านิด ๆ "รอบต่อไปตาใครครับ?” เสียงที่ถามออกไปดูจะติดตื่นเต้นน้อย ๆ ทำไมทุกคนถึงมาวิ่งไล่จับกันเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าวิ่งเล่นสนุกดี
อ เอ.. สรุปนี่เรากำลังวิ่งไล่จับกันอยู่งั้นเหรอ? แอนน์เข้าใจไปตามสถานการณ์ยกมือชูสูงจนสุดแขนแกว่งไปมาอย่างกระตือรือร้น ไม่ได้เล่นวิ่งไล่จับมานานแล้วนี่นา! "แอน ๆ ไม่ แอนกาบสอน พ้อมกัน (พร้อมกัน) พ้อ (เพราะ) วาสอนมองม่ายเหน แอนจาพาวิ่ง"
ดูเหมือนเด็กสาวจะลืมเป้าหมายหลักไปโดยสิ้นเชิง
จู่ ๆ ดันกลายเป็นว่าแอนก็จะไปวิ่งไล่จับด้วยเสียอย่างนั้นอักษรจึงรีบเขย่ามือคนข้าง ๆ เพื่อเตือน "ไม่ได้นะแอน" เธอเองก็อยากเล่นเหมือนกันล่ะน่า...เอาเป็นว่า สัมภาษณ์เสร็จแล้วค่อยเล่นนะ! "เรายังไม่ได้สัมภาษณ์พาสกับยูเลยน้า...ยังไม่ได้ถ่ายรูปด้วย"
"ไม่มีตาใครนะยู เขามาสัมภาษณ์เรา งั้นถ่ายรูปกับผู้ที่มาสัมภาษณ์กับเราก่อนไหม” พาสถามยู เขาก็เอาจริงเอาจังบ้างในบางครั้งสำหรับงานน่ะนะ!
"สัมภาษณ์?" ยูมองหน้าพาสอย่างงุนงง แล้วหันไปมองทางแอนน์กับษร พร้องกระพริบตาปริบ ๆ "อร่อยไหมครับ?"
ได้ยินเช่นนั้นพาสจับหัวยูมาใกล้ ๆ พลางเอาหน้าแนบ "เดี๋ยว ๆ สัมภาษณ์คือ คนที่เขามาพูดคุยกับเราแบบสอบถามนะ ไม่ใช่ของกิน”
สัมภาษณ์.. อ้าว ไม่ได้เล่นวิ่งไล่จับกันเหรอ..
แอนน์ติดสถานะกินจุดอีกครั้ง เอียงคอครุ่นคิดได้ครู่หนึ่งก็นึกเป้าหมายจริง ๆ ออก จ- จริงด้วยต้องสัมภาษณ์!
"ช่ายยย" แอนน์พยักหน้าหงึกหงัก ยกกล้องขึ้นอย่างแข็งขัน "พวกเราจาถามคามถามยูกาบพาด ยูกาบพาดมองก้องตอนตอบด้วยนา (พวกเราจะถามคำถามยูกับพาส ยูกับพาสมองกล้องตอนตอบด้วยนะ) "
"ใช่ ๆ มองกล้องน้า" ว่าแล้วษรก็ชี้ไปทางแอนก่อนจะค่อย ๆ ถาม
"ยู ๆ ษรอยากรู้ว่ายูชอบค่ายนี้รึเปล่า"
"พาสด้วยนะ พาสชอบมั้ย"
"ชอบค่ายนี้ไหม?” พาสเอียงคอครุ่นคิดอยู่ครู่ ก่อนจะตอบ “ผมชอบ แต่ว่าผมกลัวฝน กลัวมันจะตกลงมาตอนไปค่าย" เด็กหนุ่มตอบขณะเงยหน้ามองกล้อง
"..ตก..." จังหวะที่รอพาสพูดเสร็จนั้น มองกล้องนิ่ง ๆ ได้ไม่ถึง 15 วินาที ยูก็เริ่มมองไปรอบ ๆ และแหงนหน้ามองฟ้า
..วันนี้ฝนจะตกไหมนะ?..
..ฝนตกจะมีน้ำ..
..หิวน้ำจังเลย..
..ยูจะกินน้ำเขียวดีไหมนะ..
เหม่อไปแล้วจ้า
ยูตอบหรือยังนะ ... ทางคนถ่ายเองก็ลืมไปแล้วว่าอยู่ตอบไปหรือยัง
หรือว่ายูจะตอบก่อนพาสนะ? เพราะไม่แน่ใจแอนน์เลยไม่กล้าถามต่อ ได้แต่มองไปทางษรตาปริบแบบขอตัวช่วย
ตอนนี้เธอยังไม่ได้คำตอบจากเพื่อนอีกคนนึง ซึ่งเหมือนจะเงียบ... เงียบไปแล้ว...
ถ้า...แอนอยู่ตรงนี้ กล้องหันไปทางนั้น ยูกับพาสก็น่าจะยืนอยู่แถว ๆ นั้น
อักษรที่คิดได้ก็ค่อย ๆ เดินตรงไป พอเห็นเงาคนลาง ๆ ก็เริ่มยื่นมือไปสะกิด ๆ คนที่คิดว่าน่าจะเป็นยู
"ยู ๆ ยูสนใจษรหน่อยยย" หวังว่าจะพอคุยกันได้มากกว่าเดิม.. วันนี้เธออุตส่าห์เลือกยางมัดผมสีน้ำเงินมาเลยนะ!
"อ่า เอ้ายู หันหน้ามองกล้องกันนะ" พาสจับหน้ายูหันไปยังกล้อง "โฟกัสกันนะยู เขามาขนาดนี้แล้ว ต้องสัมภาษณ์เลย"
จู่ ๆ ก็โดนพาสจับหน้าหันไปทางกล้อง สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวตอนนี้จึงถูกพูดออกมาอย่างทื่อ ๆ "ยู จา กีน นาม เขีย.. (ยูจะกินน้ำเขียว)" ใบหน้ายังถูกมือสองข้างจับไว้อยู่ ปากจึงขยับได้ไม่ดีเท่าไรนัก
"อารายนา" แอนน์เอียงคอมอง เมื่อได้ยินคำศัพท์ภาษาไทยแปลก ๆ ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน แอนน์เดินเตาะแตะเข้าไปใกล้ขึ้นจะได้ถ่ายเห็นหน้าชัด ๆ "พูดหม่ายได้หมาย"
อะไร...เขีย ๆ นะ? อย่าว่าแต่คนต่างชาติเลย คนไทยเองก็ยังจะไม่รู้เรื่อง..
เด็กสาวมองเงาลาง ๆ ที่เพิ่งจะเอ่ยประโยคแปลก ๆ อย่างมึน ๆ เห็นแอนน์ติดสถานะกินจุดบ่อย ๆ ตอนนี้ได้รับการยืนยันจากอักษรแล้วว่าสถานะนี้นี่แพร่ติดกันได้ ...
"โอ้ย กรรม ไม่ใช่เวลากินกันตอนนี้ ฮ่าฮ่า” พาสที่มองเหตุการณ์อยู่หัวเราะ “เดี๋ยวหอมแก้มซะเลย ฮ่าฮ่าฮ่า ผมแค่แซวเฉย ๆ นะ" พาสพูดติดตลกก่อนจะหันหน้าไปทางตากล้องจำเป็นที่ยืนมึนอยู่ "ถามเลยนะ แอนน์ ส่วนยู เหมือนจะบอกว่าอยากกินน้ำเขียวนะ" พาสเอ่ยก่อนจะก้มหน้าอาย ๆ
ด้านคนที่บอกว่าอยากจะกินน้ำเขียว เมื่อแอนน์เคลื่อนกล้องมาใกล้ เจ้าตัวก็ยื่นหน้าจนเกือบติดกล้อง "แอนถ่ายรูปเหรอ ยูดูได้ไหม" ลมหายใจจากจมูกของเด็กหนุ่มเล่นเอาเลนส์กล้องแอนน์มัวไปหมด
"น้ามเขียว.." แอนน์ทวน
ทำไมถึงเป็นน้ำเขียวล่ะ? น้ำเขียวคืออะไร? แล้วเกี่ยวอะไร? ทำไมต้องเป็นน้ำเขียวด้วย? อยากกิน? น้ำเขียวคืออาหารเหรอ? หรือเมื่อกี้จะถามกันว่าอยากกินอะไร ? แอนน์ครุ่นคิดด้วยความเครียดราวกับเป็นปัญหาลึกลับแห่งจักรวาล
"ม่ายช่าย ถ่ายวีดีโอต่างหาก ถายูอยากดูต้องตอบคามถามดีดีก่อน" เด็กสาวเอ่ยดึงกล้องกลับออกมา .. แต่มองภาพบนหน้าจอแล้วทำไมมันเบลอจัง
แอนน์ผู้เข้าใจว่ามันเบลอเพราะหน้าจอเลอะเอาปลายเสื้อขึ้นมาเช็ด ๆ ...เอ๊ะ ทำไมไม่ดีขึ้นเลยล่ะ
"......."
หรี่ตาสิ หรี่มากกว่านี้อีก...
ดูเหมือนสาวผมจุกจะทำอะไรไม่ได้ในคราวนี้ มันพอเห็นก็จริง ๆ แต่ได้ยินแค่เสียงพูดคุยกับหน้าที่ไม่ชัดนี่... ลำบากจัง
"แอน ๆ ถามยูนะว่ายูชอบค่ายนี้รึเปล่า" เพราะคิดว่าเด็กหนุ่มทั้งสองน่าจะฟังแอนน์มากกว่า อักษรเลยค่อย ๆ สะกิดคนข้าง ๆ แล้วบอกคำถามให้
"เฮ้อ ตายูเอ้ย ตอบคำถามจากแอนน์หน่อยสิ จริงจังกับงานหน่อย ๆ” พาสเอ่ย ตอนนี้เขาลงไปนั่งจุ๊มปุ๊กรอคำตอบอยู่บนพื้นแล้วล่ะ
เมื่อได้ยินคำถามที่อักษรสะกิดบอกแอน และเพราะมีชื่อตัวเองอยู่ในนั้น ยูจึงทวนคำถามในใจ เขารู้จักคำว่าชอบ ชอบแปลว่ามีความสุข..
..ชอบรึเปล่า?
..ยูชอบต้นไม้
..ชอบก้อนเมฆ
..ท้องฟ้าก็ชอบ
..วิ่งเล่นก็ชอบ
..ชอบษร ชอบแอน ชอบพาส..
"ชอบครับ"
ยูหันไปบอกอักษรอย่างกระตือรือร้น ดวงตาเป็นประกาย
"ชอบ"
"ชอบ"
"ชอบ"
เค้าพูดแล้วชี้ไปที่ต้นไม้ ที่ภูเขา ที่ท้องฟ้า
แอนผู้รับบทเป็นตากล้องรีบเลื่อนเลนส์ตามยูไป อย่างน้อยก็ตอบมาแล้วล่ะนะ! เสร็จแค่นี้แล้วหรือเปล่านะ เอ..
ต้องถามอะไรอีกหรือเปล่า ด้วยความไม่แน่ใจจึงยังคงถ่ายต่อไปก่อน เผื่อษรจะถามต่อ
"ดีจัง!" เมื่อได้ยินยูตอบว่าชอบเด็กสาวก็ยิ้มดีใจ ถึงไม่รู้ว่าชี้ไปนู่นนี่จะหมายถึงอะไร.. แต่ก็ได้คำตอบนะ
คราวนี้มาถึงคำถามสำคัญแล้วษร คำถามที่เป็นเมนหลักของวีดีโอนี้ ..
"งั้นพาส พาสมีอะไรอยากฝากถึงผอ.กับคุณเอลีทรึเปล่า???" อักษรเว้นช่วงไปเล็กน้อยก่อนจะหันไปถามยูด้วย "ยูอยากบอกอะไรผอ. กับคุณเอลีทไหม?"
"ก็เอ่อ.. ก็.. คงจะไม่มีอะไรแล้ว แต่ว่าผมคิดถึงนะครับ ผอ." พาสบอกคำตอบไป
"บอกอะไรครับ?" ยูมองหน้าเพื่อนผมจุกของเขาอย่างงงงวย เขามีเรื่องที่ต้องบอกผอ.ด้วยเหรอ ว่าแต่เขาก็รู้หรอกว่าผอ.คือคุณลุงใจดีที่ชอบเดินหลับตา แต่คุณเอลีทเนี้ยใครกันนะ?
ใช่ คนที่หัวสีเหลืองรึเปล่า เอ๋ แอนก็หัวเหลืองนิ ลุงช่างซ่อมท่อก็หัวเหลือง..
ยูคิดไปเรื่อยเปื่อยแล้วก็เริ่มมองหัวจุกของษรที่ดูเหมือนจะเด้งไปมาน้อย ๆ
..หืม จุกสีน้ำเงิน ไม่ใช่สีแดงเหมือนปกติ..
..ดีจังเลย..
..งึม..
..หิวข้าว..
นั้นสิบอกอะไร.. ยูต้องบอกอะไรนะ เอ คำถามที่เตรียมมามีสามคำถาม ตอนนี้คำถามไหนแล้วนะ..
"ความรู้สืก" แอนครุ่นคิดก่อนจะเลือกใช้คำที่มีความหมายกลาง ๆ เอาตัวรอดได้ดี! (....)
"ใช่ ๆ บอกความรู้สึก" ษรเสริม ตอนนี้ไม่มีอะไรลุ้นกว่าการให้ยูตอบคำถามแล้ว
นี่มันเรื่องระทึกดี ๆ นี่เอง...
หึ่ย..
ฝั่งพาสที่กลับลงไปนั่งรอคำตอบอีกครั้งเรียกเพื่อนของเขา "เอ่อ ยู ๆ สติ ๆ กลับมาก่อน บอกความรู้สึก ความรู้สึกของผอ. กับความรู้สึกของอาจารย์เอลีทน่ะ"
"รู้สึก.."
เด็กชายไม่รู้จักความรู้สึกดีเท่าไรนัก เขาไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไง หรือตัวเองรู้สึกแบบไหน
ยูแยกไม่ออกว่าอะไรคือความรู้สึก อะไรคือความต้องการ
.. มันซับซ้อนเกินไปสำหรับเขา
ความรู้สึกมีอะไรบ้างนะ? ยูพยายามทบทวนความจำของตัวเอง รวบรวมคำว่ารู้สึก
..รู้สึก..
..รู้สึก..
..รู้สึก..
"ยูรู้สึกขอบคุณครับ"
"รู้สึกชอบ"
ยูเลือกที่จะหยิบเอาคำที่เขามักใช้คู่กับความรู้สึกบ่อย ๆ ขึ้นมา
และก็มีอีกคำนึงที่เขาคิดว่า นี้น่าจะเป็นความรู้สึกเขาในตอนนี้เช่นกัน
"..."
"รู้สึก.. หิวข้าวครับ"
แอนน์ไม่เคยรู้สึกปลื้มปิติขนาดนี้มาก่อนในชีวิต..
ถึงจะจำไม่ได้ว่ายูตอบอะไรยังไงไปบ้างหรือยัง นี่อาจจะเป็นคำถามแรกก็ได้ แต่เธอกลับรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก (...)
นี่เสร็จแล้วหรือยังนะ เสร็จแล้วใช่ไหม ยังมีคำถามอะไรอีกหรือเปล่า.. ตากล้องแอบมองนักข่าวตาปริบ ตอบว่าเสร็จแล้วทีเถอะ..
ได้ยินยูบอกหิวข้าวก็แอบขำ มันตลกก็จริงแต่เธอดีใจมากกว่านะ ยังได้คำตอบมาอีกหนึ่ง ดีจัง...
"โอเคเลย ขอบคุณน้า เสร็จเรียบร้อยแล้วว" อักษรยิ้มแล้วตบมือแปะ ๆๆ เป็นสัญญาณให้แอนน์ด้วย "ยูหิวข้าวใช่ม้า ไว้ไปกินข้าวกันเถอะ! พาสด้วยนะ!"
"ครับ!" พาสตอบอักษรแล้วลุกขึ้นยืนมองกล้อง
"กินข้าว!" ยูยืดตัวตรงและชูมือขึ้นฟ้า นั้นเป็นท่าแสดงความยินดีของเขาแหละนะ
เรากินข้าวกันได้แล้วใช่ไหม ษรบอกว่าไปกินข้าวกันเถอะนินา ได้เวลากินข้าวแล้วสินะ ยูหันไปจูงมือพาสไว้ข้างนึง อีกข้างจูงมือษรซึ่งตอนนี้จับมือกับแอนอยู่ เขาอยากรีบไปให้ถึงเต็นท์ครัวกลางแล้ว!
..กินข้าว!
..กินข้าว!!
..กินข้าว!!!
แม้จะมีเสียงเพื่อนร้องบอกบางอย่าง แต่ยูที่ใจจดจ่อกับอาหารไปแล้ว จึงไม่ได้ยินใด ๆ ทั้งสิ้น
ดูเหมือนเด็กชายสหรัฐ คงลืมคิดไปว่าถ้ายังไม่ถึงเวลาตามตารางค่าย ครัวเขาก็ไม่มีข้าวให้เราทานหรอกนะ
พอเดินไปถึงเต็นท์ครัวกลางคำตอบที่ได้รับกลับมาจากคุณเชฟคงทำให้ 'รู้สึก' เจ็บปวดน่าดู
“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา”
“อะไร ๆ เกิดอะไรขึ้นเหรอแอนน์” ษรที่กำลังเก็บเสื้อผ้าเตรียมกลับโรงเรียนอยู่ เมื่อได้ยินเสียงร้องของเพื่อนก็วิ่งตาตื่นมาหาทันที
“ย ยางม่ายด้ายถ่าย..” แอนน์เอ่ยตะกุกตะกัก
“ยังไม่ได้ถ่าย?” ษรเอียงคอดูงุนงง จริงอยู่ที่พวกเธอถ่ายไม่ครบทุกคน แต่ก็ดูเหมือนแอนน์จะไม่ได้กังวลมากอะไรในตอนแรกที่คุยกันนะ หรือว่าจะลืมถ่ายใครที่สำคัญไป คิดแล้วก็รีบถามก่อนที่ความทรงจำอีกฝ่ายจะหายไป “ยังไม่ได้ถ่ายใครเหรอ”
แอนน์ท่าทางเลิกลั่กยกนิ้วขึ้นชี้..
คนที่ถาม และย้อนกลับมาชี้ตัวเธอเอง
ที่เขาว่าตากล้องมักจะไม่มีรูปตนเองในอัลบั้มนี้น่าจะเป็นเรื่องจริง..
วันที่ 6 ของการเข้าค่าย
“เอาล่ะ น้องแอนน์ น้องอักษรอยู่นิ่ง ๆ นะจ้ะ” อาสาสมัครสาวเอ่ยก่อนจะยกกล้องขึ้น “เอ้า ยิ้มแล้วมองกล้องหน่อยสิ น้องอักษรจะทางขวาอีกนิดนึงจ้ะ ใช่ ๆ แบบนั้นล่ะ”
ยังนับว่าเป็นโชคดีอยู่บ้างที่พวกเธอนึกออกก่อนจะกลับโรงเรียนจึงพอจะมีเวลาถ่ายในช่วงเวลาอิสระตอนเช้า ตอนแรกก็ทุลักทุเลกันมากพอควร เพราะอักษรมองไม่ค่อยชัด จึงไม่สามารถถ่ายแอนน์ได้ตรง แต่ก็เป็นโชคดีอีกครั้งที่พวกพี่ ๆ อาสาสมัครผ่านมาช่วยพอดี
“....”
“....”
“เอ่อ.. น้องแอนน์ น้องษร..”
“ค่า/คา”
“เริ่มถ่ายวีดีโอแล้วน้า..”
แอนน์กับอักษรมองหน้ากันโดยมิได้นัดหมาย รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเป็นอย่างมาก ตอนถูกสัมภาษณ์ทุกคนรู้สึกแบบนี้เองสินะ!
“ที่ค่ายนี้..” อักษรเป็นคนเริ่มก่อน เธอสูดหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยอย่างร่าเริง “ษรชอบมากเลยล่ะ! ช๊อบชอบมาก ๆ เลย พี่ ๆ ที่ดูแลก็ใจดี ได้ทำกิจกรรมเยอะแยะ รู้สึกสนุกมาก ๆ เลย” พูดจบก็ยิ้มตาหยี
“แอนน์ก้อชอบคา” เด็กสาวจับมือเพื่อนสนิทแน่นขึ้นเหมือนเรียกความกล้า “ถืงจาจามม่ายด้ายแต่วา.. รู้สืกมีความสูกมากมากเลยคา”
“ส่วนสิ่งที่จะฝากถึงผอ. กับคุณเอลีท” เด็กสาวมัดผมจุกยิ้ม ก่อนจะเอ่ยเสียงใส “ษรอยากให้ผอ.มามาก ๆ เลยค่ะ คิดว่าผอ.ต้องชอบแน่ ๆ! ส่วนคุณเอลีท.. ใช่คนที่รดน้ำวันนั้นหรือเปล่าหว่า.. ถ้าใช้ษรก็อยากให้เขามาน้า เห็นทำหน้าดุ ๆ .. มานี้อาจจะได้สนุกไปด้วยกัน จะได้มีรอยยิ้มมมม” ว่าแล้วก็ยิ้มแฉ่งใส่กล้องอีกหนึ่งรอบ
“แอนน์ก้อเหมือนกานคา” เด็กสาวชาวอังกฤษเอ่ยขณะมองกล้อง “อยากให้ผอออ กาบคูณเอลีทมามากมากเลยคา”
“คราวหน้าต้องมาดวยกานห้ายดายนาคา”
“ใช่ มาให้ได้นะคะ!”
“เสร็จแล้วจ้ะ” พี่สาวอาสาสมัครยิ้มก่อนจะกดปุ่มหยุดอัดวีดีโอ แล้วยิ้มให้ทั้งสอง “พวกพี่ ๆ เอง.. ก็จะรอน้อง ๆ มาคราวหน้ากันนะ”--------------------------------------------------------------------------
- ผู้มาเยือนผู้มาเยือน
Re: ROOMMATE 8 : Summer Camp
Mon 15 May 2017, 23:28
- เรื่องราวในค่ายฤดูร้อน ความหมายที่แท้จริงของของฝาก (5):
- --------------------------------------------------------------------------
วันที่ 3 หลังจบค่ายฤดูร้อน
ชายหนุ่มร่างเล็กเคาะประตูห้องผู้อำนวยการเบา ๆ ก่อนจะยืนรอ เขาเพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่นาน ก็มีโทรศัพท์จากผู้อำนวยการเรียกให้เขามาพบที่โรงเรียน แม้จะไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เอลีทก็มาตามนัดในที่สุด เอาเถอะ.. เดี๋ยวผอ. คงจะบอกเขาเองล่ะมั้ง อาจจะเป็นเรื่องกิจกรรมโรงเรียนกิจกรรมต่อไปก็ได้
ยืนรอไม่นานนักประตูก็เปิดออกให้เห็นคุณรัตติกาลยืนรออยู่ เมื่อเข้าไปก็พบกับผู้อำนวยการนรินทร์ เลขาฝึกหัด แคโรไลน์ ลอสกันที่ยืนยิ้มหวานอยู่ คุณหมอเกลิน คริสตัล และ.. เด็กนักเรียนตัวน้อยสองคนยืนรออยู่พร้อมกับ.. แผ่นซีดีผูกโบว์ในมือ?
“เรียกผมมามีเรื่องอะไรหรือครับ ผอ.?” เอลีทเข้าประเด็นทันที
“ที่จริง.. ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ” หากแต่คำตอบกลับผิดจากที่คาดไว้ ผอ.เกาหลังหัวเบา ๆ ดูมึนงงไม่ต่างกัน “พอกลับมาถึงโรงเรียน คุณรัตติกาล กับคุณแคโรไลน์ก็บอกให้ผมโทรเรียกคุณมาบอกว่ามีเรื่องสำคัญมากที่ต้องให้ดูน่ะครับ”
มาถึงตรงนี้รัตติกาลก็กระแอมไอก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน “ใช่ค่ะ สำคัญมากๆ เลยล่ะ” เธอเหลือบมองแขกตัวน้อยทั้งสองคน
“แต่ก่อนจะเข้าเรื่องดิฉันคงต้องรบกวนให้ทั้งสองคนนั่งลงบนโซฟาก่อนนะคะ เราจะได้ดูสิ่งสำคัญนั้นกันชัด ๆ” พูดจบใบหน้าสงบนิ่งก็ยิ้มบาง
เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองนั่งลงแล้ว แคโรโลน์ก็รับแผ่นซีดีมาจากแอนน์ และอักษรก่อนจะใส่เข้าไปในแล็ปท็อป รออยู่ครู่โปรแกรมเล่นวีดีโอก็เริ่มเล่น เห็นดังนั้นหญิงสาวจึงรีบกดหยุดไว้ก่อนจะเดินนำคอมมาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าผู้อำนวยการนรินทร์ และคุณเอลีท
“นี่เป็นของฝากจากแอนน์กับหนู ไม่สิ จากทุกคนในค่ายค่ะ” อักษรเอ่ย
“พี่พีช กาบพี่ทายรา และคูณแม็กเวลล์ก็ช่วยตาดต่อให้ด้วยนาคา” แอนน์เสริม
เมื่อทั้งสองพูดจบแคโรไลน์กดเกิดเริ่มวีดีโอ ในช่วงแรกนั้นเป็นภาพถ่ายสถานที่ต่าง ๆ และทุกคนตอนอยู่ที่ค่ายพร้อมกับเพลงประกอบช้า ๆ ผ่านไปสักพักก็เข้าหมวดวีดีโอ ใบหน้าสดใสของคุณแม็กเวลล์โผล่ขึ้นมาเป็นอย่างแรก ก่อนจะมีเสียงถามคำถามดังขึ้น
เมื่อได้ยินคำถามแม็กเวลล์ก็ตอบเสียงใส ก่อนที่กล้องจะเลื่อนไปทางครูจิณณ์ที่ตอบด้วยใบหน้ายิ้มเช่นเดียวกัน
“อ๋อ เป็น.. วีดีโอที่ระลึกการเข้าค่ายแล้วก็สัมภาษณ์ความรู้สึกในการเข้าค่ายงั้นเหรอ” เอลีทเอ่ยเบา ๆ ขณะมองภาพภาพเคลื่อนไหวตรงหน้า
นรินทร์ยิ้มบางเมื่อได้ยินเสียงของแม็กเวลล์ และจิณณ์ “ดีจังเลยนะครับ ทุกคนดูท่าทางสบายดี—“
“ชู่!” แคโรไลน์ยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปาก “ไม่ใช่แค่สัมภาษณ์ความรู้สึกหรอกนะคะ ลองฟังต่อก่อนสิ”
"แล้วพีมีอะไรจาฝากถืงผอออ กับคุณเอลีทที่ไม่ได้มาด้วยหมายคา "
"ผอ.ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เด็ก ๆ สบายดี รับรองปลอดภัยหายห่วง" จิณณ์โบกมือให้กล้อง ใบหน้าแต้มรอยยิ้ม "คุณเอลิทก็ด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงนะฮะ ที่นี่ส้วยสวย อากาศดีดี๊ ขอบคุณที่จัดทริปให้พวกเราได้มาเที่ยวกันนะครับบ ไว้พวกเราจะเที่ยวเผื่อน้าา"
"เอ... คำที่อยากฝากงั้นเหรอ" แม๊กเวลล์โครงหัวครุ่นคิดเล็กน้อย "อ๊ะ!! รู้แล้ว!!"
เมื่อนึกอะไรดี ๆได้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคักกับตัวเอง เขาหันไปมองกล้องตาเขม็งก่อนจะพูดว่า
"พลาดแล้วฮะที่ไม่ได้มารอบนี้ ที่นี่อากาศสดชื่นมากกกกกก แบร่~~" แม็กเวลล์ลากเสียงในคำสุดท้าย ก่อนจะแลบลิ้นปริ้นตาใส่กล้องจงใจเย้าหยอก ว่าไปแล้วก็รู้สึกแปลก ๆ อยู่เหมือนกัน ปกติเห็นหน้าคาดตาผอ.อยู่ทุกวันแท้ ๆ พอไม่เห็นแล้วก็รู้สึกแปลก ๆชอบกล ถึงจะไม่ได้คิดถึงอะไรขนาดนั้นก็เถอะ
"ทั้งสองคนอย่าลืมดูแลตัวเองกันด้วยนะฮะ" ประโยคสุดท้ายถูกเอ่ยด้วยเสียงที่แผ่วเบาลง ราวกับไม่อยากพูดออกมาเท่าไหร่ หากมันก็เป็นน้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงออกมาอย่างชัดเจนตามประสาคนเก็บอารมณ์ไม่เก่ง
“นอกจากจะเป็นความรู้สึกของทุกคนที่มีต่อค่ายแล้ว.. ยังเป็นความรู้สึกที่ต้องการฝากถึงพวกคุณทั้งสองคนด้วยนะคะ” รัตติกาลเอ่ยยิ้ม ๆ
รู้สึกอายแบบแปลก ๆ เพราะว่าในวีดีโอนั้นก็มีช่วงของเธออยู่ด้วย พอต้องมายืนมองทั้งสองคนมองตัวเองแล้วมันรู้สึกเขินพิลึกเหมือนกัน “ยังไงก็ตั้งใจฟังนะคะ ตากล้องกับนักข่าวจำเป็นตัวน้อยต้องวิ่งวุ่นไปรอบค่ายหลายรอบเชียวกว่าวีดีโอจะเสร็จ”
วีดีโอนั้นฉายไปเรื่อย ๆ มีสั่นบ้าง มัวบ้าง โฟกัสไม่ตรงบ้าง เสียงบางช่วงตอนค่อนข้างตะกุกตะกัก แผ่วเบา และมีเสียงแทรกหากแต่ก็เห็นได้ชัดว่าคนถ่ายพยายามที่จะให้เห็นใบหน้าทุกคนชัด ๆ ...
"ก็ดีค่ะ เปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ดีเหมือนกัน ได้คุยกับหลายคนที่ปกติไม่ค่อยได้ใกล้ชิด นี่ก็พึ่งรู้ว่าคุณแคโรไลน์ชอบอ่านหนังสือเหมือนกันเลย มีเรื่องให้คุยกันเยอะแยะเลยค่ะ ยิ่งผอ. ไม่อยู่แบบนี้เราสองเลขายิ่งนินทากันสะดวกเลยเชียว" รัตติกาลเอ่ยขณะกลั้วหัวเราะในลำคอ ก่อนจะเริ่มฝากข้อความของตนถึงทั้งสองคนบ้าง
"ดิฉันคอยดูแลเด็ก ๆ ให้อยู่ ไม่จำเป็นต้องห่วงหรอกนะคะ ผอ.ตั้งหน้าตั้งตาเคลียร์เอกสารกองนั้นให้เสร็จเถอะค่ะ หวังว่ากลับไปแล้วมันจะเสร็จนะคะ... อ๊ะ ไม่สิ เราไม่ใช่เลขาแล้วนี่นา... อะแฮ่ม!! ยังไงอยู่คนเดียวก็อย่าลืมทานข้าวทานปลานะคะ แล้วพบกันค่ะ" พูดจบก็กระตุกยิ้มมุมปาก
เว้นช่วงไปเล็กน้อยก่อนจะฝากถึงชายหนุ่มอีกคน "คนนี้ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ บางทีเขาอาจจะกำลังมีความสุขอยู่ในรังรักกับสาวที่ไหนก็ได้ แต่ยังไงก็กลับมาไว ๆ ก็แล้วกันนะคะ ดิฉันคิดว่าคุณต้องชอบที่นี่อย่างแน่นอนค่ะ
เอาไว้จะถ่ายรูปไปฝากนะคะ"
“สนุกดีค่ะ ได้ใช้เวลาในสถานที่ที่สวยงามแบบนี้ ได้ทำกิจกรรมพาเด็ก ๆ ดูพืชสมุนไพร แล้วก็ได้คุยกับคุณรัตติกาลเยอะแยะเลย” แคโรไลน์ยิ้มหวานให้กล้อง “ขอให้ทั้งสองคนรักษาสุขภาพด้วยนะคะ แล้วก็ผอ. อย่าลืมเคลียร์เอกสารให้เสร็จนะคะ! แคลรออยู่นะ!”
“อ๋อออ ความรู้สึกที่มีต่อค่ายก็รู้สึกดีที่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตาข้างนอก ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ แล้วก็รู้สึกสนุกมาก ๆ เลยฮะ” รันเดลเอ่ยเสียงสดใส ก่อนจะดูเศร้าลงเล็กน้อย “ผอ.กับคุณเอลีท.. น่าเสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้มาด้วยกัน แต่ก็เข้าใจว่าคงมีธุระสินะครับ ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วย และถ้ามีโอกาสก็อยากให้มาด้วยกันสักครั้งนะครับ!”
ตอบของตัวเองเสร็จ รันเดลก็มาช่วยพากย์ให้รูมเมท “พีก็บอกว่าสนุกเหมือนกันครับ แล้วก็.. อุ๊บ ฮ่าฮ่าฮ่า” ชายหนุ่มหลุดขำเมื่ออ่านสิ่งที่รูมเมทตนเขียน “ผอ. กับคุณเอลีทดูแลตัวเองด้วยนะครับ คราวหน้าอยากให้มาสัมผัสธรรมชาติด้วยกัน โดยเฉพาะคุณเอลีท แสงแดด และธรรมชาติดีต่อการเจริญเติบโตนะครับ!”
"สนุกมากเลยฮะ!" ไทระตอบอย่างไม่ลังเล "ได้ทำกิจกรรมตั้งหลายอย่าง แถมได้ออกมาเที่ยวด้วยฮะ" ดูท่าเหตุผลข้อหลังจะเป็นสิ่งที่เจ้าตัวชอบอยู่ไม่น้อย
"เสียดายที่ผอ.กับคุณเอลีทไม่มา"
ไทระแกล้งทำหน้าเศร้า
แต่ใครดูก็รู้ว่าเขาอยากหยอกคนที่ไม่ได้มาค่ายนี้ด้วย "ถ้ามาจะต้องสนุกมาก
ๆ แน่ฮะ ไว้เดี๋ยวไทระจะเที่ยวเผื่อนะฮะ!" จากนั้นเขาก็หัวเราะชอบใจยกใหญ่เชียว
“สนุกมากครับ” พีชพยักหน้า ก่อนประธานชมรมโสตจะแอบเหลือบมองรูมเมทตนนิด ๆ “มีลำบากตอนที่ตามหาประธานนักเรียนผู้หลงป่า แต่โดยรวมนับเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ “ถ้าจัดอีกครั้งอย่าลืมมาร่วมแจมกับทุกคนนะครับทั้งสองคน”
“รู้สึกยังไง ก็เดียร์สนุกมากค่ะ! ได้รู้จักเพื่อน ๆ น้อง ๆ
หลายคนมากขึ้น~” เดียร์เอ่ยขณะยิ้มกว้างชูสองนิ้วให้กล้อง “ฝากถึงผอ. กับครูเอลีทนะคะ ไม่ได้มาคงเหงาตาย ถ้าเดียวดายมาหาเรานะคะ ฮ่าฮ่าฮ่า”
เซย์ยิ้มก่อนจะยกกระดาษที่เขียนข้อความขึ้นโชว์ โดยมีเดียร์ช่วยรูมเมทพากย์ประกอบ “เซย์เขียนว่า ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ค่ายสนุกมากเลย ได้ทำอาหารก็สนุก ถึงจะมีทำพลาดนิดหน่อย.. อ่อ คัพเค้กนั้นสินะ เซย์.. แต่เป็นความทรงจำที่ดีค่ะ!” สิ้นเสียงเด็กสาวก็หยิบกระดาษอีกใบขึ้นมา เดียร์เริ่มอ่านข้อความต่ออีกครั้ง “ขอบคุณนะคะผอ. คุณเอลีทด้วย คราวหน้าต้องมาให้ได้นะคะ ใช่แล้ว คราวหน้าต้องมานะคะ!” เสียงสดใสตอนท้ายดูเหมือนจะมาจากตัวผู้พากย์เอง
"ก็...สนุกครับ สัตว์เยอะด้วย" สุภะตอบพลางก้มลงมองผลไม้ในอ้อมแขนแก้อายเวลาที่กล้องจับมาที่เขา เมื่อถึงคำถามที่สองเจ้าตัวก็ดูครุ่นคิดคำตอบอยุ่สักพักก่อนจะเงยหน้าตอบพลางยิ้มบาง สั้น หากแต่เต็มไปด้วยความรู้สึก "อืมม ค่ายหน้าต้องมาให้ได้... นะครับ"
“เป็นการเข้าค่ายครั้งแรกที่ประทับใจมาก ๆ ถึงจะมีผิดพลาดอะไรหรือมีเรื่องอะไรที่ไม่น่าจดจำบ้าง แต่ก็จะเก็บทุก ๆ เรื่องราวเอาไว้เป็นความทรงจำฮะ!” แม็ซตอบในมือเขาเต็มไปด้วยผลไม้เช่นกัน “คราวหน้าต้องมาให้ได้นะฮะ อยากให้ทั้งสองมาเห็นจริง ๆ ว่าค่ายสนุกแค่ไหน”
“สนุกครับ นึกถึงสมัยเรียนที่มาเข้าค่ายเลย” ครูอิสราตอบก่อนใบหน้าจะเริ่มฉายความกังวลว่าตัวเองตอบสั้นไปหรือไม่ เมื่อมาถึงคำถามที่สองเจ้าตัวก็สูดหายใจลึก พยายามตอบด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ และตอบให้เยอะกว่าเดิม “ก็ อยากบอกผอ.ว่าเข้าค่ายสนุกมาก ถ้ามีโอกาสผมอยากให้คุณมาด้วยจริง ๆ น่าเสียดายมาก ๆ เลย กลิ่นอายสดชื่น ๆ แบบนี้ ทำให้ผม… นึกถึงคุณ ส่วนคุณเอลิท... พยายามกับงานเข้านะครับ สู้ๆ"
“อื้อ! สนุกสิ ก่อนที่ผมจะเข้าโรงเรียนนี้ ผมไม่เคยได้ทำอะไรแบบนี้หรอกนะ ถึงป่ามันจะทำให้ผมกลัวนิดหน่อยก็เถอะ แต่ก็สนุกมาก! แล้วก็ดีใจครับ ที่ได้มาเที่ยวกับเพื่อน ๆ” ภูมิยิ้มบาง ก่อนใบหน้าเขาจะเศร้าลงเล็กน้อย “น่าเสียดายนะครับที่ไม่ได้มาด้วยกัน ครั้งหน้าต้องมาให้ได้นะครับ”
“ก็สนุกมากครับ ถึงแม้จะเหนื่อยบ้างนิดหน่อย แต่การเหนื่อยครั้งนี้ ผมว่าคุ้มนะฮะ แถมยังได้ตรวจตราค่าย ผมว่ามันก็สนุกไปอีกแบบนะ เดินไปเดินมา ตรวจหาสิ่งผิดปกติ ผมว่าโอกาสแบบนี้หาได้ยากนะ เอ หรือผมจะไปเป็นยามดีนะ ฮ่าฮ่าฮ่า! … ยังไงก็คนอื่น ๆ ที่กำลังเข้าค่าย ไม่ต้องเป็นห่วงนะฮะ พวกเราจะตรวจตราให้เป็นอย่างดีเลย!!” กรเอ่ยก่อนจะใช้แขนข้างหนึ่งกอดคอภูมิไว้ ขณะอีกข้างทำท่าตะเบ๊ะ โชะ!!! “ผอ. ครับ ตั้งใจทำงานนะครับ อย่าหักโหมละ สุขภาพก็สำคัญนะครับ พยายามเข้านะครับ! คุณเอลีท ดูแลท่านเรเน่ให้ดีนะขอรับ อย่าไปทำให้ท่านเรเน่เหนื่อยเพิ่มละครับ และก็ท่านพี่เรเน่หายไว ๆ นะขอรับ พยายามเข้านะครับทั้งสามคน สู้ ๆ!!”
"การได้มาค่ายก็รู้สึกได้เปิดหูเปิดตามากค่ะ... ปกติไม่ค่อยได้ไปไหน เนื่องจากสายตาที่ค่อยข้างเลือนลาง ทำให้ลำบากในการเดินทางด้วย” เด็กสาวเอ่ยก่อนจะยิ้มกว้าง “รู้สึกประทับใจความเป็นธรรมชาติค่ะ แม้บางทีเราอาจจะเห็นไม่ชัด แต่เรารู้สึกได้ รู้สึกผ่อนคลายและสนุก ได้ยินเสียงของสัตว์ป่านานาชนิดด้วย สิ่งที่อยากจะฝากถึงผอ. และคุณระบบ คุณพลาดค่ะ! พลาดมาก ผอ.ไม่ใช่เดอะเฟส! ฮิฮิฮิ" ฮิโซกะหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะโบกมือให้จากด้านในเต็นท์เสบียง
เมื่อเห็นว่าเพื่อนตอบเสร็จแล้ว รินก็พิมพ์ข้อความลงบนแอพพลิเคชั่นก่อนจะกดเปิดเสียง “สนุกดีค่ะ รู้สึกประทับใจมาก ๆ ขอบคุณที่จัดค่ายฤดูร้อนให้ทุกคนนะคะ รินอยากให้ทุกคนมาด้วยกันค่ะ”
"รู้สึกเหรอคะ ...คงจะเป็น ...ดีใจที่ได้ช่วยเหลือคนที่เจ็บหน่ะค่ะ เพราะเมื่อทางคนเจ็บมาหาเรา ก็อยากจะพึ่งเราเป็นสิ่งแรก ..มันเลยทำให้เราอิ่มเอมใจหน่ะค่ะ " ฮันนาเอ่ยอย่างนุ่มนวล "เรื่องทั้งสองคนนั้น… ก็ถ้ามีคราวหน้าหรือยังไง ก็อยากให้มานะคะ มันสนุกมากจริง ๆ ทุกคนดูสนุกกันมากจริง ๆ"
“สนุก” ยูมินตอบสั้น ๆ เด็กสาวมีปัญหาในการจัดการอารมณ์ ถึงกระนั้นก็พยายามจะตอบให้ดีที่สุด เพราะอยากจะให้คนที่ฟังรู้สึกมีความสุข “ขอบคุณนะคะ ยูมินมีความสุขมากเลย ทั้งสองคนรักษาสุขภาพด้วยนะคะ คราวหน้ามาให้ได้นะ”
น้ำเงยหน้ามองกล้องในมือเธออุ้มไก่ตัวน้อย และถุงอาหารเอาไว้ “สนุกดีค่ะ ได้ให้อาหารเจ้าพวกตัวน้อยด้วย ขอบคุณที่จัดค่ายขึ้นมานะคะผอ. คุณเอลีท ทั้งสองคนดูแลตัวเองด้วยนะคะ”
“สนุกสิ การที่ได้พาเด็ก ๆ มาค่ายฤดูร้อนที่นี่ สอนให้เขาได้ทำอะไรด้วยตัวเองหลายอย่าง และใช้ชีวิตด้วยกันได้ และทุกคนก็สามัคคีกันดี ทุกคนต่างรับผิดชอบทำหน้าที่ของตนเองที่ได้รับมอบหมายไว้ ทำให้ครูประทับใจมาก” ครูเกรียงไกรในมาดคนป่าเหมือนเตรียมพร้อมสำหรับกิจกรรมรอบกองไฟอย่างเต็มที่เอ่ยก่อนจะยิ้มบางให้กล้อง
“.. ผมอยากให้พวกคุณทั้งสองได้มาด้วยกันนะครับ เด็ก ๆ ของพวกเรามีความสุขมาก อยากให้คุณได้มาเห็นรอยยิ้มของพวกเขาด้วยตัวเองครับแล้วก็ขอบคุณ.. ที่จัดค่ายฤดูร้อนให้เด็ก ๆ ได้มาเที่ยวด้วยนะครับ”
.. ของที่ระลึก
เกิดจากคำสองคำมาประกอบกัน คือ “ของ” ซึ่งหมายถึง “สิ่ง” และ “ที่ระลึก” ซึ่งหมายถึง “ที่ทำให้นึกถึงหรือคิดถึง” รวมกันมีความหมายว่า สิ่งที่ทำให้นึกถึงหรือคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง และจากแนวสรุปความหมายของคำเช่นนี้ อาจให้คำจำกัดความที่มีแนวความหมายในลักษณะคล้ายคลึงกันออกไปได้อีก เช่น..
ของที่ระลึก อาจหมายถึงสิ่งต่าง ๆ ที่นำมาใช้เป็นตัวจูงให้เกิดการคิดถึงหรือนึกถึงเรื่องราวที่ได้เกี่ยวข้อง
ของที่ระลึก อาจหมายถึงสิ่งที่ใช้เป็นสื่อเพื่อหวังผลทางด้านความทรงจำให้สิ่งที่ผ่านมาในอดีตกลับกระจ่างชัดขึ้นในปัจจุบัน
และของที่ระลึกอาจหมายถึง..
สัญลักษณ์แทนบุคคล เหตุการณ์ เรื่องราว ฯลฯ ที่ได้รับการออกแบบสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อกระตุ้น หรือเน้นย้ำความทรงจำให้คิดถึงหรือนึกถึงอยู่เสมอในบุคคล เหตุการณ์ หรือเรื่องราวนั้น ๆ ...
“ที่จริงมันยังไม่เสร็จสมบูรณ์หรอกนะคะ แฮะ ๆ” ษรเอ่ยพลางเกาแก้ม เมื่อเธอได้ยินเสียงเพลงประกอบที่ดังขึ้นตอนวีดีโอจบ “พวกเรายังถ่ายไม่ครบทุกคนเลย”
แอนน์พยักหน้า “พ้อง้านพวกเราเลยต้างใจว่าจา.. แก้ตัวหม่ายนายรอบหน้าคา (เพราะงั้นพวกเราเลยตั้งใจว่าจะ.. แก้ตัวใหม่รอบหน้าค่ะ)” เด็กสาวยิ้ม “ตอนทีปายค่ายราดูร้อนครั้งหน้า พวกเราอยากจาถ่ายให้หม่าย ให้ครบทูกคน.. (ตอนที่ไปค่ายฤดูร้อนครั้งหน้า พวกเราอยากจะถ่ายใหม่ให้ครบทุกคน)”
อักษรเองก็ยิ้มกว้าง เธอจับมือแอนน์ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดกับผู้ใหญ่ทั้งสอง “และครั้งหน้าเราอยากให้มีผอ. กับคุณเอลีทอยู่ในนั้นด้วยค่ะ”
“เอาไงดีคะ เด็ก ๆ ขอขนาดนี้แล้ว” รัตติกาลเอ่ยพลางขำเบา ๆ “จะใจร้ายทำลายความหวังได้ลงเชียวหรือคะ?”
“... ครับ” ผู้อำนวยการนรินทร์เอ่ยพลางยิ้มบางให้เด็กนักเรียนทั้งสอง แม้จะมองไม่เห็น แต่เสียงเหล่านั้นกลับทำให้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ “ครั้งหน้าผมจะไปด้วยแน่นอน”
“ผมเองพอได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกว่าจะพลาดไม่ได้เหมือนกัน” คุณเอลีทเอ่ย ประโยคหลังหันไปยิ้มขำให้หญิงสาวอีกคนในห้องที่นั่งเงียบมาตั้งนาน “ด้วยเหตุนี้ถ้าคราวหน้าคุณเรเน่ป่วยผมจะส่งคุณหมอเกลินไปแทนแล้วกันนะครับ”
“อืม ๆ .. อ- เอ๋ เดี๋ยวสิคะ หมายความว่ายังไง!?” คุณหมอสาวที่พยักหน้าเห็นด้วยตอนแรก ชะงักเมื่อได้ยินชื่อของตนเองในประโยค และดีเลย์อยู่สามวิกว่าจะแปลความความหมายของคำพูดนั้นออก
“ก็หมายความตามนั้นแหละครับ” พูดจบชายหนุ่มก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนที่ทั้งห้องจะอบอวลไปด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะเช่นกัน
ค่ายฤดูร้อนได้จบลงแล้ว..
--------------------------------------------------------------------------
✎ A. รางวัลสำหรับคู่ที่ทำภารกิจได้เพอร์เฟ็คและน่าอัศจรรย์มาก 100%
เข็มกลัดผู้พิทักษ์ เข็มกลัดผู้พิทักษ์ที่จะป้องกันไม่ให้ผู้ที่ได้รับเข็มกลัดนี้สูญเสียค่า Grade Exp. จากกิจกรรม Event : Summer Camp โดยจะคืนค่าประสบการณ์ที่สูญเสียไปจากกิจกรรมให้ทั้งหมดเป็นจำนวน +150 Grade Exp. แต่หากเจ้าของเข็มกลัดนี้ร่วมกิจกรรมและไม่ถูกหักค่าประสบการณ์ไป ความสามารถของเข็มกลัดนี้จะไร้ผลในทันที |
MASTER TRIANGLE STAMP ตราประทับระดับสูงสุดในหมวดภารกิจรูมเมทและภารกิจพิเศษ มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยมทองคำแท้ มีมูลค่า +200 Grade Exp. จะได้รับเมื่อปฎิบัติภารกิจได้เพอร์เฟ็คเป็นที่น่าประทับใจแก่ผู้อำนวยการโรงเรียน |
+3,000,000 Spirit Point ไอเทมเพิ่มแต้มสะสม Spirit Point ตามปริมาณที่กำหนด สามารถนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยนเป็น CHIPS ได้ในภายหลัง |
GOLDEN HONOR DEGREE TROPHY ถ้วยเกียรติยศทองคำแท้ มอบให้แด่ผู้ที่สามารถปฎิบัติภารกิจหรือร่วมกิจกรรมต่างๆที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นได้น่าประทับใจผู้อำนวยการเป็นอย่างมาก |
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|