สวัสดี! ผู้มาเยือน ยินดีต้อนรับสู่ Quaint School Community คอมมูโรงเรียนสำหรับผู้พิการ

Go down
Nearmoki-2b
Nearmoki-2b
เทียบเท่ามัธยมศึกษาปีที่ 1
INFO.Narin
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน

Star Piece0
CHIPS+65 M 413 K 676
Credit
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp111100 / 100100 / 100Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp211

Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Empty Re: Maxwell's Diary [EP.18][END]

Thu 16 Jun 2016, 18:53
EP.12

"ครูครับ ผมขอเป็นคนเช็คชื่อทุกคนได้ไหมครับ?"

เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นอีกวันหนึ่ง ครูประจำชั้นกะพริบตา
มองเจ้าเด็กผมดำด้วยความสงสัย นึกครื้มอะไรของเขานะ?

"อยากได้อะไรเหรอจ๊ะ? ครูไม่เพิ่มคะแนนให้เราหรอกนะ"

คุณครูหยอกเล่นด้วยน้ำเสียงใจดี ปกติมีหรือที่จิณณ์จะ
สนใจช่วยเหลือเธอ เห็นเอาแต่นั่งคุยอยู่กับเพื่อน
จริงสิ.. 'เพื่อน' ที่ว่าไม่ได้เข้าเรียนมาสักพักแล้วนี่นะ..

"เอาสิจ๊ะ ครูฝากด้วยนะ"

หญิงสาววัยกลางคนยื่มแฟ้มเล่มบางให้ เธอมองรอยยิ้ม
ของนักเรียนพลางถอนหายใจกับตัวเองด้วยความโล่งใจ
ในที่สุดเจ้าเด็กที่ซึมกระทือมาหลายวันก็ยอมยิ้มเสียที
แล้วเช่นนี้จะให้เธอปฏิเสธได้อย่างไร

จิณณ์ก้าวมายืนที่หน้าชั้นขณะที่ครูละออกไปยืนพิงกำแพง
เพื่อนร่วมห้องพากันมานั่งประจำที่ราวไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เพราะบางวันหัวหน้าห้องหรือประธานนักเรียนก็เป็นคนทำ
หน้าที่เช็คชื่อแทนคนเป็นครู

"ภาคิน"
"เราอยู่นี่ๆ"

เด็กหนุ่มคนหนึ่งโบกมือร่าเริง สองหนุ่มยิ้มให้กันก่อนจิณณ์
จะขีดเครื่องหมายถูกลงบนกระดาษรายชื่ออย่างขะมักเขม้น
ดวงตาสีดำกรอกสายตาไล่อ่านรายชื่อทุกคนภายในห้อง
อย่างตั้งใจ แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ใส่ใจกับการเช็คชื่อ
แต่กำลังตั้งหน้าตั้งตาค้นหาชื่อ 'อเล็กซ์' ในกระดาษ

'ดูเหมือนห้องเราจะไม่มีคนชื่ออเล็กซ์จริงๆสินะ...'

จิณณ์รู้ดีว่าโรงเรียนสุดหรูที่เขากำลังเรียนอยู่นั้นประกอบ
ไปด้วยลูกคนรวยผู้มียศตราฐานะมากมาย และบางที
พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้ใช้ชื่อจริง หลายคนเลี่ยงที่จะ
เอ่ยนามสกุลตัวเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือริแอร์ที่ไม่ได้
แนะนำตัวด้วยนามสกุลตอนที่แนะนำตัวหน้าชั้น
ที่เขาจำได้เพราะมันพึ่งผ่านมาได้ไม่นานเท่าไหร่
ดวงตาสีดำกรอกหาชื่อเด็กสาวภายในลิสรายชื่อ

'ริแอร์ กิลเล็ต งั้นเหรอ? นามสกุลคุ้นๆจัง...'

เด็กหนุ่มขมวดคิ้วครุ่นคิด ปากก็เอ่ยชื่อเพื่อนคนต่อไป
สมองยังคงตั้งสมาธิอยู่กับเรื่องอื่นโดยสิ้นเชิง

'อย่างน้อยริแอร์ก็ไม่น่าใช่อเล็กซ์ แม็กจะเรียก
ริแอร์ว่าอเล็กซ์ไปทำไม?'

คำถามที่ไม่มีคำตอบยังคงวนเวียน เขาเงยหน้า
ขึ้นมองเพื่อนร่วมห้องที่คุ้นหน้าเคยตากันดี
เจ้าพวกนี้เนี่ยนะที่จะทำร้ายแม็กเวลจนปางตาย?
ไม่ว่ายังไงก็เชื่อไม่ลงจริงๆ ลึกๆแล้วเขาก็โล่งใจ
ที่ไม่มีชื่ออเล็กซ์อยู่ในกระดาษรายชื่อคนร่วมห้อง

.

.

.

"พี!!"

เด็กหนุ่มมัดจุกหันหน้าหาต้นเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นรุ่นพี่
ที่รู้จักดีจึงหยุดเดินและปล่อยให้รุ่นพี่เดินเข้าหา เขากำลัง
อยู่ในระหว่างการเดินออกจากตึกเรียนเพื่อที่จะกลับบ้าน
ในช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ

"พี ในห้องเรามีเพื่อนที่ชื่อว่าอเล็กซ์บ้างมั้ย?"

รุ่นน้องมองหน้าจิณณ์ด้วยสีหน้าสงสัยก่อนจะส่ายหน้า
เป็นคำตอบ

"ไม่มีเหรอ? แน่ใจนะว่าไม่มี?"

พีพยักหน้าตอบรับเร็วไว เขาไม่มีเพื่อนร่วมห้องที่ชื่ออเล็กซ์

'เขาเป็นใครฮะ?'

เด็กหนุ่มรีบหยิบสมุดเล่มเล็กมาเขียนเพื่อถามรุ่นพี่

"คนที่ยกโทษให้ไม่ได้น่ะ"

จิณณ์ยีผมคนตัวเล็กกว่าด้วยความเอ็นดูแม้สีหน้าที่มี
จะจริงจังไม่เข้ากับการกระทำ เขาหันหลังวิ่งจากไป
ปล่อยให้เจ้าตัวเล็กยืนงงอยู่เพียงลำพัง

.

.

.

นอกจากพีแล้วเขาก็ไล่ซักถามรุ่นพี่รุ่นน้องทุกคนที่รู้จัก
แต่ถึงจะวิ่งวุ่นทั่วโรงเรียนแล้วแต่ก็ไม่ได้ความอะไร
ไม่มีใครรู้จัก 'อเล็กซ์' เลยแม้แต่คนเดียว เด็กหนุ่มผู้ไม่รู้
จะทำอย่างไรจึงได้แต่เดินคอตกหมดหวัง เมื่อรู้ตัวอีกที
ขาก็พาเดินมายังหน้าห้องพยาบาล ร่างสูงยืนนิ่งครุ่นคิด
อยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินเข้ามาหวังมาเยี่ยมเพื่อน

เพลงปลากรอบ:

'แอ๊ด'

ประตูเปิดออกเผยให้ห้องพักผู้ป่วยที่คุ้นตาดี ห้องสีขาว
ยังคงประดับด้วยดอกไม้สดและลูกโป่งมากสีสันเติมแต่ง
บรรยากาศให้สดใส จิณณ์มองข้าวของรอบห้องก่อนจะ
เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย ดวงตาสีดำมอง
ใบหน้าเพื่อนที่มีเครื่องช่วยหายใจครอบอยู่ เขามอง
ริมฝีปากใต้เครื่องช่วยหายใจด้วยแววตาเศร้าหมอง

"นายมักจะยิ้มอยู่เสมอแท้ๆ.. แต่วันนี้คงอารมณ์ไม่ค่อยดี
สินะ"

ไร้คำตอบจากคนบนเตียง มีเพียงร่างกายที่ขยับน้อยๆ
ให้รู้ว่ายังมีลมหายใจ คนมาเยี่ยมพูดต่อโดยไม่สนใจว่า
จะไม่ได้รับคำตอบ

"ฉันคิดว่าความสดใสของสิ่งของพวกนี้มันเทียบกับ
รอยยิ้มของนายไม่ได้เลย ดูเหมือนคนอื่นๆคงคิด
เหมือนกันสินะ ของเยี่ยมไข้ถึงได้เยอะขึ้นทุกวัน"

ดวงตาเหม่อมองดอกไม้สีสด ช่างน่าแปลกที่กลิ่นหอม
ของดอกไม้ไม่ได้ช่วยให้เขาผ่อนคลายขึ้นเลย แม้จะเป็นสิ่ง
วิเศษเพียงใดแต่ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่ต้องการก็ไร้ประโยชน์
สิ่งที่ดวงใจปรารถนามีเพียงรอยยิ้มของเพื่อนเท่านั้น

"ฉันไม่มีของมาเยี่ยมเหมือนคนอื่นๆหรอกนะ แต่ฉันจด
บทเรียนวันนี้มาให้นายแล้ว วางไว้ตรงนี้นะ"

สมุดบางเล่มหนึ่งถูกวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงคนไข้
เสียงภายในห้องผลันนิ่งเงียบไป จิณณ์นั่งมองเพื่อน
อยู่เงียบๆ แม็กเวลที่เขารู้จักนั้นแทบไม่เคยอยู่นิ่งเลย
เพราะฉะนั้นเขาถึงได้เรียกเพื่อนว่าลิงแม็กเวล แม็กเวล
คนนั้นมักจะกระโดดโหยงเหยงทำตัวบ้าบออยู่รอบตัว
เขาเสมอ ความทรงจำที่มีทำให้รอยยิ้มบางเผยขึ้นบน
ใบหน้า ถึงมันจะเป็นเพียงรอยยิ้มเศร้าหมองก็ตามแต่

"แม็ก... อเล็กซ์เป็นใครเหรอ?"

บรรยากาศเงียบสงบไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆ ถึงอย่างนั้น
จิณณ์ก็ยังเว้นช่วงสนทนาหวังว่าเพื่อนอาจจะตอบรับ
แม้ใจจะรู้ดีว่ามันช่างโง่เขลาสิ้นดี เด็กหนุ่มนั่งเงียบ
รอฟังคำตอบอยู่พักใหญ่ก่อนจะเงยหน้าเริ่มพูดอีกครั้ง

"ทำไมนายถึงไม่เคยเล่าเรื่องอเล็กซ์ให้ฉันฟังเลยล่ะ?"

ริมฝีปากเรียวเม้มแน่น จิณณ์มักจะเล่าให้เพื่อนฟัง
เวลาที่มีเรื่องทุกข์ใจ เขารู้สึกสบายใจเมื่อได้เล่าให้
ใครสักคนฟัง หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็สามารถ
หัวเราะให้กับเรื่องทุกข์ใจได้เป็นปกติ เมื่อเราเล่า
ความทุกข์ให้ใครฟังความรู้สึกนั้นจะบรรเทาลง
แล้วทำไมเพื่อนถึงไม่เคยเล่าอะไรให้เขาฟังเลย?

"เพราะนายคิดว่าฉันคงช่วยนายไม่ได้งั้นเหรอ?"

เขามักทำตัวเรื่อยเปื่อยเหมือนไม่ค่อยสนใจอะไร
แต่แท้จริงแล้วเขาก็เห็นมาสักพักแล้วว่าแม็กเวล
ดูไม่สดใสเหมือนเคย ทั้งแววตาที่หม่นหมอง
รอยยิ้มที่ถูกปั้นขึ้นทั้งๆที่ใจไม่ได้ต้องการ
เขามองเห็นและรับรู้ทุกอย่างมาโดยตลอด
แต่ก็ไม่เคยเอ่ยปากถามเลย ท่าทางเหล่านั้น
อาจเป็นการขอความช่วยเหลือจากแม็กเวลก็
เป็นได้ ถึงอย่างนั้น... ถึงอย่างนั้นแล้ว...

"คนที่ยกโทษให้ไม่ได้น่ะ มันคือตัวฉันเองไม่ใช่รึไง"

มือทั้งสองข้างบีบกำแน่นพยายามสกัดกั้นอารมณ์
ถ้าเขาทำอะไรสักอย่างตั้งแต่แรกบางทีแม็กเวลอาจ
จะไม่ต้องประสบเหตุการณ์เช่นนี้ ถ้าเขาใส่ใจที่จะถาม
พยายามเค้นให้เล่าเรื่องอเล็กซ์ตั้งแต่แรกละก็
บางทีตอนนี้เพื่อนอาจจะนั่งอยู่ข้างๆแทนที่จะนอน
แน่นิ่งเช่นนี้ ความรู้สึกที่เอ่อล้นทำให้ขอบตาร้อนผ่าว
จิณณ์รู้ดีว่าทุกการกระทำที่ทำอยู่นั้นขับเคลื่อนด้วย
ความรู้สึกผิด ที่พยายามทุกอย่างอย่างเต็มที่เพราะ
รู้สึกเจ็บใจ ถ้าลงมือทำอะไรสักอย่างตั้งแรกละก็..
ถ้าเกิดเขาทำตัวน่าพึ่งพามากกว่านี้ละก็.. แม็กเวลคง
จะกล้าพึ่งพาเขามากกว่านี้

สิ่งที่ทำได้ตอนนี้มีเพียงแต่การตามหาอเล็กซ์เพื่อที่จะ
ไถ่บาปให้ตัวเอง เพื่อที่หวังว่าแม็กเวลจะยกโทษให้
ที่เพื่อนอย่างเขาเอาแต่ยืนมองโดยไม่ทำอะไรเลย

"ฉันขอโทษ.. ฉันขอโทษจริงๆ.."

เขาเอื้อมมือไปแตะมือบอบช้ำเย็นเฉียบของเพื่อน

"นายตื่นมาบอกฉันสิว่าอเล็กซ์เป็นใคร..."

สมัยเด็กๆจิณณ์เคยสูญเสียเพื่อนคนหนึ่งที่มีความหมาย
ต่อชีวิตของเขามาก  ช่วงที่หูเริ่มพิการจิณณ์ก็หยุดพูด
เพราะกลัวว่าจะพูดอะไรผิดไป เพราะไม่ได้ยินเสียงตัวเอง
แต่เธอเป็นผู้ที่มอบความกล้า มอบเสียงให้เขาอีกครั้ง
ทำให้เขากล้าที่จะพูดกับคนอื่นๆและมีเพื่อนมากมาย
แต่สุดท้ายแล้วเธอคนนั้นก็จากเขาไปตลอดกาลทั้งๆที่
ยังแสนเยาว์วัย ไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนนี้ เขาก็ไม่
สามารถช่วยใครเอาไว้ได้เลย...

เขาโน้มศีรษฟุบลงกับเตียง ร่างสูงสั่นคลอนไปทั้งกายา

"แม็ก... ตื่นสิ... ตื่นสิแม็ก!!"

เตียงนุ่มถูกทุบแรงครั้งหนึ่งความคับแค้นใจ แต่ไม่ว่าจะเอ่ย
เรียกมากเพียงใดเสียงที่มีก็ไม่อาจส่งไปถึงใคร ไม่ว่าจะตัวเขา
หรือแม็กเวล ก็ไม่มีใครได้ยินน้ำเสียงที่กำลังเพรียกร้องทรมาน

"ได้โปรด..."

เสียงภาวนาสั่นคลอนที่ไม่ได้การตอบรับยังคงดังต่อไป...



Where did I go wrong? I lost a friend
Somewhere along in the bitterness
And I would have stayed up with you all night
Had I known how to save a life

ฉันทำอะไรผิดไปนะ? ถึงได้เสียเพื่อนไปทั้งคน
ภายใต้ความขมขื่นที่ไหนสักแห่งนั้น
และฉันคงจะอยู่เป็นเพื่อนนายทั้งคืน
ถ้าฉันรู้ว่ามันจะช่วยชีวิตนายได้



TBC ๐ ๐ ๐


แก้ไขล่าสุดโดย Nearmoki-2b เมื่อ Wed 12 Oct 2016, 16:43, ทั้งหมด 2 ครั้ง

Signature ------------------------------------------------>
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Ckbaw
Nearmoki-2b
Nearmoki-2b
เทียบเท่ามัธยมศึกษาปีที่ 1
INFO.Narin
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน

Star Piece0
CHIPS+65 M 413 K 676
Credit
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp111100 / 100100 / 100Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp211

Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Empty Re: Maxwell's Diary [EP.18][END]

Thu 16 Jun 2016, 23:23
EP.13

การค้นหาอเล็กซ์ยังคงดำเนินต่อไปแม้เวลาจะล่วงเลยมา
หลายวัน ในระหว่างที่กำลังใช้เวลาหลังเลิกเรียนไปกับ
การตามอาอเล็กนั้นเอง อยู่ๆเสียงประกาศจากลำโพง
ก็ดังขึ้นทั่วบริเวณโรงเรียน

'ประกาศ ขอเรียนเชิญคุณจิณณ์เข้าพบที่ห้องปกครอง
ด้วยค่ะ'

หลังจากประกาศดังได้ไม่นานมือถือของเจ้าของชื่อก็
ผลันสั่นไหว จิณณ์หยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกงขึ้นดู

'ขอเรียนเชิญคุณจิณณ์เข้าพบที่ห้องปกครองด้วยค่ะ'

ข้อความจากทางโรงเรียนทำเอาเด็กหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย
นี่เขาโดนฝ่ายปกครองจับได้ซะแล้วเหรอ?... ด้วยความ
สงสัยจึงทำให้เปลี่ยนทิศทางรีบสาวเท้าไปยังห้องปกครอง
ในใจก็คิดไปพลางว่าถ้าหากถูกจับได้ว่ากำลังตามหาอเล็กซ์
แล้วจะแก้ตัวว่าอย่างไรดี แต่สิ่งที่แน่ใจคือเขาจะไม่มีทาง
หยุดแค่นี้เด็ดขาด ไม่จนกว่าจะหาอเล็กซ์เจอ...

.

.

.

หากทันทีที่เข้าไปยังห้องปกครองดวงตาสีดำก็ต้องเบิกกว้างด้วย
ความคาดไม่ถึง ข้ออ้างมากมายที่เตรียมมาต่างอันตรธานหาย
การปรากฏตัวของใครบางคนทำให้สมองที่เคยวุ่นวายกลาย
เป็นสีขาว

"คุณแม่!!"

เบื้องหน้าคือร่างบางของผู้หญิงผมดำท่าทางดูใจดี เธอเผยยิ้ม
หวานให้ เด็กหนุ่มรีบสาวเท้าเข้าหาคนเป็นแม่ด้วยท่าทีรีบร้อน

"คุณแม่มาทำอะไรที่นี่ฮะ!!"

พูดเสร็จก็รีบกวาดสายตามองรอบห้อง ภายในห้องปกครองมี
พนักงานฝ่ายปกครองเดินไปมา รวมทั้งหัวหน้าฝ่ายปกครอง
ผู้ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เอลิทยืนกอดอกพิงกำแพงระหว่างมองมา
ทางพวกเขา จิณณ์ทำท่าจะพูดอะไรกับเอลิทแต่คุณแม่พูดสวน
ขึ้นเสียก่อน

"แม่แค่อยากมาหาน้ำตาลเอง ไม่ได้เหรอจ๊ะ?"

หญิงสาวเรียกลูกชายว่า 'น้ำตาล' ซึ่งเป็นชื่อเล่นตอนที่อยู่ที่บ้าน
เด็กหนุ่มมองหน้าผู้เป็นแม่สลับกับครูฝ่ายปกครองด้วยแววตา
สับสน ดวงใจเต้นระรัวด้วยความระแวง ถึงครูเอลิทจะบอกห้าม
ไม่ให้ยุ่งกับเรื่องนี้ทว่าสุดท้ายแล้วจิณณ์ก็ยังยุ่งเกี่ยวด้วยอยู่ดี
แต่ตอนนี้สถานการณ์แตกต่างกัน คนตรงหน้าเขาคือคนเป็นแม่
ซึ่งเป็นครอบครัวที่รักยิ่ง ทั้งครูและเพื่อนต่างรู้กันดีว่าจิณณ์มี
ครอบครัวที่อบอุ่นและเขาก็รักครอบครัวยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
เพราะฉะนั้นถ้าแม่บอกให้เขา 'หยุด' เขาก็คงต้องหยุด
จิณณ์ยืนกัดฟันเคร่งเครียดเนื่องจากสถานการณ์ไปไกล
เกินกว่าที่คิดเอาไว้ แต่ทันใดนั้นเองที่เสียงใสเอ่ยเรียกขึ้น

"ตาลจ๊ะ"

ไม่เรียกเปล่า เธอเดินเข้ามากอดลูกชายที่ตอนนี้ตัวสูงกว่าแล้ว
แต่ถึงเช่นนั้นเธอก็ยังลูบศีษระลูกอย่างอ่อนโยนราวกับเป็นเด็ก
เล็กๆ คนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ได้แต่ยืนตัวแข็งอยู่เช่นนั้น

"เราไปคุยกันที่ห้องดีมั้ย แม่คิดถึงตาลมากเลย มีเรื่องคุย
เยอะแยะเต็มไปหมดเลย"
"ต แต่?..."

จิณณ์หันมองเอลิทด้วยสีหน้าเชิงต้องการคำอธิบาย

"ไม่ดีใจเหรอ คุณแม่มาหาทั้งที?"

หัวหน้าฝ่ายปกครองถามเสียงเรียบและรอยยิ้มเช่นปกติ
ได้ยินเช่นนั้นเด็กหนุ่มจึงหันไปคุยกับฝ่ายคนเป็นแม่แทน

"คุณแม่ไม่มีเรื่องจะคุยกับตาลเหรอฮะ?"
"มีสิจ๊ะ เยอะเยอะไปหมดเลย ไม่รู้คืนนี้จะพูดหมดมั้ย
มีเรื่องป๊ามาเม้าท์ด้วยล่ะ หุหุหุ อย่าไปบอกป๊านะ"

คุณแม่ดันหลังลูกชายระหว่างแสดงท่าทีอยากเม้าท์
จะแย่แล้ว ถึงจะยังคงสงสัยแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเดิน
ตามแม่ไปในที่สุด

.

.

.

ทั้งสองเปลี่ยนสถานที่คุยเป็นห้องพักส่วนตัวของลูกชาย
ทันทีที่เข้ามาในห้องคุณแม่ก็ต้องชะงักเพราะในห้องที่เคย
คุ้นตาบัดนี้กลับเต็มไปด้วยกระดาษต่างๆแปะเต็มฝาผนัง

"ขอโทษนะฮะ ไม่ทันได้เก็บห้องเลย"

หญิงสาวส่ายหน้าเป็นเชิงไม่เป็นไร ใบหน้ายังคงประดับด้วย
รอยยิ้มเช่นเคย เธอเดินเข้าไปมองกระดาษเหล่านั้นซึ่งมีทั้ง
รายชื่อนักเรียนในห้องเรียนต่างๆประกอบด้วยรูปถ่ายรวม
นักเรียนในแต่ละชั้น ไหนจะกระดาษที่เป็นลายมือจิณณ์เอง
ที่เขียนถึงสมมุติฐานต่างๆและใช้ปากกาสีแดงโยงเส้นไปมา
ยุ่งเหยิง เหงื่อผุดขึ้นบนขมับของเด็กหนุ่มผู้เต็มไปด้วยความ
ตื่นตระหนก

"น้ำตาลกำลังเล่นเป็นนักสืบอยู่เหรอ?"

คำถามถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียอ่อนหวานแสดงความสนใจ

"ตาลไม่ได้เล่น..."

คำตอบดังขึ้นเบาๆราวกับเพียงพูดในลำคอกับตัวเอง
คุณแม่ยิ้มมองฝีมือลูกที่อยู่บนผนังระหว่างที่มือลูบสัมผัส
กระดาษที่ถูกเขียนด้วยลายมือของจิณณ์ เธอเห็นความ
ตั้งใจและความทุ่มเทที่ลูกชายมีให้เรื่องดังกล่าว

"หนูแม็กยังไม่ฟื้นสินะ..."

เด็กหนุ่มพยักหน้า เขาเดินไปนั่งลงบนขอบเตียงชั้นล่าง
ของเตียงสองชั้น แม่กลัวว่าลูกจะอ่านปากไม่สะดวกเลย
เดินตามไปนั่งยองตัวลงที่เบื้องหน้าลูกชาย เธอรวบกระโปรง
และคุกเข่าลงโดยไม่ถือสาว่าจะนั่งอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าลูก

"คุณเอลิทไม่ได้เล่าให้คุณแม่ฟังเหรอฮะ ว่าตาลทำอะไรบ้าง?"
"เล่าแล้วจ๊ะ"
"แล้วทำไมคุณแม่ถึงยังยิ้มอยู่ล่ะฮะ?"

เจ้าของสีหน้าเปื้อนยิ้มกลั้วหัวเราะน้อยๆก่อนที่จะกุมมือ
เด็กหนุ่มเอาไว้ เธอมองตาลูกชายอย่างตรงไปตรงมา

"เพราะแม่ภูมิใจในตัวน้ำตาลยังไงล่ะ"

ดวงตาสีดำเบิกกว้าง ยิ่งทำให้เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้น
กว่าเดิม มือของจิณณ์ถูกบีบเอาไว้แน่น

"แม่ไม่เคยเห็นตาลจริงจังขนาดนี้มาก่อนเลยนะ
ปกติตาลน่ะ ชอบทำเป็นไม่ค่อยสนใจอะไรใช่ม้า
ก็เพราะไม่อยากเจ็บปวดก็เลยไม่อยากนึกถึง
ตาลเป็นแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ตอนที่ตัวเล็กๆแล้ว"

คุณแม่กลั้วหัวเราะเอ็นดูเมื่อนึกถึงลูกสมัยเด็กๆ

"แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่แม่เห็นตาลเลือกที่จะสู้
ทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องเจ็บปวด ทั้งๆที่รู้ว่าต้องสู้คนเดียว
แต่ตาลก็ยังยืนหยัดไม่ยอมแพ้"

หยาดน้ำตาไหลผ่านดวงแก้มของเด็กหนุ่มผู้อดกลั้น
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาพยายามที่จะไม่ร้องไห้
หากเขื่อนน้ำตาก็พังทลายลงด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ
แม่มองด้วยกริยาสงบเย็น ใบหน้ายังคงติดยิ้มน้อยๆ

"ตอนที่น้ำตาลเข้าโรงเรียนใหม่ๆแม่กับป๊าก็ห่วง
แทบแย่ กลัวว่าจะเข้ากับเพื่อนๆไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่า
พวกเราจะห่วงมากเกินไปสินะ เพราะตาลมีเพื่อนที่
ให้ความสำคัญขนาดนี้อยู่ทั้งคน"

"ทั้งๆที่ให้ความสำคัญ แต่ตาลทำอะไรให้แม็ก
ไม่ได้สักอย่าง.."

เสียงสั่นเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา จิณณ์ร้องไห้โดยไม่ปกปิด
อีกต่อไป

"ตาลกลัวว่าแม็กจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก กลัวเหลือเกิน.."

คุณแม่ยกมือขึ้นปาดน้ำตา เธอลูบแก้มเจ้าเด็กขี้แย
อย่างถนุถนอม

"ต้องตื่นสิ หนูแม็กแข็งแรงจะตายไป!!"

เสียงใสเอ่ยถ้อยคำปลอบประโลมทำให้อีกฝ่ายใจเย็น
ลงบ้าง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาออกตามหาอเล็กซ์โดย
ไม่ได้หยุดพัก เหนื่อยทั้งกาย ทรมานทั้งใจ รู้สึกเหมือน
ตัวเองกำลังดิ้นรนวิ่งหนีจากความผิดบาป และถ้าหา
อเล็กซ์ไม่เจอก็จะไม่สามารถไถ่บาปให้กับเพื่อนได้

"ตาลไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดหรอกนะ"

ราวกับอ่านใจได้ เสียงนั้นส่งตรงลึกไปในจิตใจลูกชาย
เขามองแม่ด้วยสายตาสงสัย เขาจะไม่ผิดได้อย่างไรกัน?

"แต่ตาลเห็นนะ!! เห็นว่าแม็กไม่ปกติ แต่ตาลไม่ได้ถาม
อะไรแม็กสักอย่าง.. ไม่ได้ทำอะไรเลย.."
"ตาลไม่ได้อยู่กับแม็กตอนที่เขาลำบากอย่างนั้นเหรอจ๊ะ?"
"ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ตาลพยายามจะชวนแม็กไปทานข้าว
ด้วยกันตลอด..."

คุณแม่ยิ้มให้ก่อนตอบเสียงใส

"ตาลก็ทำในสิ่งที่ตาลทำได้แล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ?"
"แต่..."

หญิงสาวยืดแก้มลูกชายออก เจ้าเด็กหนุ่มตกใจร้องเสียงอู้อี้

"เห็นอีกทีลูกแม่ก็โตเป็นหนุ่มซะแล้ว พยายามสู้เพื่อผู้อื่น
อย่างสุดใจ ถ้าเล่าให้น้องๆฟังน้องจะต้องตั้งชื่อให้เป็น
'sugar hero' แน่ๆเลย"
"ง่ะ ไม่เอาหรอกฮะ ชื่อแบบนั้น"

คุณแม่กลั้วหัวเราะชอบอกชอบใจ สุดท้ายแล้วเด็กผู้อดไม่ได้
จึงหัวเราะตามในที่สุด ทั้งสองคนหัวเราะให้กันด้วยรอยยิ้ม
จากใจจริง จิณณ์รู้สึกสบายใจขึ้นมากหลังจากที่ได้ระบาย
เมื่อปล่อยมือออกจากเกมส์เด็กหนุ่มจึงโน้มศีรษะลงบนบ่า
คนเป็นแม่ เขาซุกศีรษะถูไหล่บางราวกับเด็กต้องการความ
อบอุ่น คุณแม่ลูบผมลูกอย่างอ่อนโยน ไม่รู้ทำไมเวลาที่แม่
พูดด้วยน้ำตาถึงพาลจะไหลเอาง่ายๆ ทั้งๆที่เป็นเพียงคำพูด
เพียงเล็กน้อยกับการกระทำที่ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิม
แต่เขากลับรู้สึกได้รับความใส่ใจ การปลอบประโลม
ได้รับความรู้สึกที่ขาดหายไปตลอดหายวันที่ผ่านมา
หยาดน้ำตาไหลรินลงบนไหล่ที่บัดนี้ดูเล็กนิดเดียวเมื่อ
เทียบกับไหล่ของตน เขาร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับ
เด็กน้อยที่ใจสลาย ร่างสูงถลาตัวลงไปกอดแม่แน่น

'ฮึก.. ฮึก... ตาลกลัวเหลือเกิน'






TBC ๐ ๐ ๐

Signature ------------------------------------------------>
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Ckbaw
Nearmoki-2b
Nearmoki-2b
เทียบเท่ามัธยมศึกษาปีที่ 1
INFO.Narin
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน

Star Piece0
CHIPS+65 M 413 K 676
Credit
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp111100 / 100100 / 100Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp211

Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Empty Re: Maxwell's Diary [EP.18][END]

Fri 17 Jun 2016, 16:25
EP.14

หลายวันต่อมา ณ.ห้องพักผู้ป่วยส่วนตัวห้องของแม็กเวล

"อ๊ะ มาเยี่ยมแล้วเหรอคะคุณจิณณ์"

เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนผงกหัวให้ก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง
วันนี้เขาก็มากับสมุดบันทึกบทเรียนประจำวันอีกเช่นเคย
จิณณ์วางสมุดเล่มบางที่โต๊ะข้างเตียงเช่นทุกครั้ง สิ่งที่
แตกต่างคือตัวตนของรัตติกาลผู้นั่งอยู่อีกฝั่งของเตียง
เด็กหนุ่มเอ่ยสนทนากับเธอด้วยน้ำเสียงสบายๆบ่งบอก
ถึงความสนิทสนมของทั้งสองฝ่าย

"แม็กเป็นยังไงบ้างครับ?"

หญิงสาวเลขาส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือร้าย ไม่มีแววว่าจะตื่นและอาการไม่ได้
ทรุดลงไปจากเดิม เด็กนักเรียนเลื่อนเก้าอี้ล้มตัวลงนั่ง
และเฝ้ามองเพื่อนด้วยรอยยิ้ม อย่างน้อยตอนนี้แม็กเวล
ก็สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจออกได้ ซึ่งนั่นก็เป็นข่าวดี
มากพอแล้วสำหรับจิณณ์

"ขี้เซาจังเนอะ ไม่ยอมตื่นสักที"
"นั่นสิคะ"

พวกเขาหัวเราะให้กัน ตั้งแต่ที่ได้พบแม่ท่าทางของจิณณ์
ก็ดูดีขึ้นมาก ถึงจะยังตามหาอเล็กซ์อยู่แต่ก็ไม่ได้ตาม
อย่างเอาเป็นเอาตายอย่างเก่า เขาพูดคุยเรื่อยเปื่อยกับ
เลขาสาวที่นั่งตาปรือเหมือนจะหลับได้ทุกเมื่อ แต่ช่าง
น่าแปลกที่กลับตอบได้ทุกคำถามโดยไม่ตกหล่น
ทั้งสองคุยกันออกรสโดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีความ
เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับร่างบนเตียง ร่างที่นอนแน่นิ่ง
มานานเริ่มปรือตาขึ้นช้าๆ เขากะพริบตาถี่ๆหลายที
เพราะยังไม่คุ้นกับแสง ปลายนิ้วเริ่มขยับเล็กน้อย
ทันใดนั้นเองที่จิณณ์สังเกตได้ถึงความเคลื่อนไหว

"แม็ก!!"

เขารีบเด้งตัวลุกไปดูอาการของเพื่อนทันที เลขาสาว
ที่เคยทำท่าเหมือนจะหลับเองก็สะดุ้งตื่นด้วยเสียงเรียก
เธอรีบลุกตามเข้าใกล้

"อาการนายเป็นยังไงบ้าง!?! มองเห็นฉันมั้ย?
ได้ยินรึเปล่า? หายใจออกปกติมั้ย? เจ็บตรงไหนมั้ย?
แล้วนายจำฉันได้มั้ย!?!"

จากที่มึนงงอยู่แล้วพอเจอการรัวคำถามแบบคอมโบ
ยิ่งกว่าการซักถามของแม่สามีเข้าไปยิ่งมึนหนักกว่าเก่า
สีหน้าที่มีดูอึนๆตามประสาคนพึ่งได้สติ คนพึ่งตื่นพยายาม
จะยันตัวลุกขึ้นนั่ง สีหน้าแสดงความเจ็บปวดเล็กน้อย
อีกสองคนที่เห็นรีบเข้าไปช่วยพยุง รัตติกาลรีบนำ
หมอนมารองหลังให้นั่งสบายยิ่งขึ้น  จากนั้นเธอจึง
ตรวจเช็คร่างกายร่างกายผู้ป่วยโดยคร่าวว่าประสาท
สัมผัสต่างๆยังครบถ้วนสมบูรณ์ดีหรือไม่

"ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะโอเคดีนะคะ"

รอยยิ้มเผยขึ้นบนใบหน้าเลขาสาวและเพื่อนผู้ตั้งอก-
ตั้งใจอ่านปากลุ้นผล พวกเขาให้เวลาแม็กเวลในการ
ปรับตัวพักใหญ่ หลังจากนั่งงัวเงียงุนงงอยู่นานแม็กเวล
ก็เริ่มเปล่งเสียงขึ้น เสียงที่เอ่ยเป็นเสียงแผ่วเบาไม่มีแรง

"คุณรัต..."

คำเรียกที่เอ่ยคือชื่อของเลขาสาว รัตติกาลรีบเข้าใกล้
หวังให้ได้ยินเสียงแผ่วเบาชัดขึ้น

"มันเป็นฝีมือของ 'อเล็กซ์' ...."

ประโยคแรกที่เอ่ยขึ้นทำเอาทุกคนตกใจไม่แพ้การฟื้น
ของเจ้าตัว ช่างเป็นการเปิดตัวที่ตื่นตาตื่นใจเสียจริง
รัตติกาลแสดงสีหน้าครุ่นคิดระหว่างที่เพื่อนสนิท
อ้าปากค้าง

"อเล็กซ์เป็นใคร!!"

จิณณ์รีบถามร้อนใจ ใครกันแน่ที่มาทำร้ายเพื่อนเขา
เขาจะไม่มีวันปล่อยไปเฉยๆอย่างแน่นอน คนป่วย
แสดงสีหน้าอึดอัดใจ เมื่อเห็นเช่นนั้นเพื่อนจึงเข้าไป
จับไหล่ไว้แน่น

"นายไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะจัดการเอง!!"

คนพูดตั้งท่าชกต่อยที่ดูติดตลกเสียมากกว่าน่าเกรงขาม
เพราะตัวบางร่างน้อยแถมใบหน้าติดไปด้วยรอยยิ้มกว้าง
ขนาดนี้จะไปสามารถทำร้ายใครได้กันเล่า เขาดีใจกับ
การฟื้นของเพื่อนมากจนเก็บเอาไว้ไม่อยู่ อารมณ์และ
ความยินดีถูกแสดงออกทางสีหน้าชัดเจน หากแม็กเวล
ไม่ได้ยินดีตามไปด้วย สีหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ
เขามองออกไปหน้าต่างก่อนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

"มันไม่ใช่เรื่องของนายสักหน่อย.."

ดีใจอยู่ได้เพียงชั่วอึดใจก็ผลันหน้าถอดสีไปทันตา
คำตอบที่ได้ทำเอาดวงใจที่เคยสดใสเจื่อนลงทันใด
คนฟังผงะตัวออกไปเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว เขามองหน้า
เพื่อนด้วยสีหน้าไม่เข้าใจความ ตกใจอยู่ชั่ววูบคนที่
หน้าซีดเซียวลงก็รีบส่ายหน้ากับตัวเองเร็วไว เขากำมือ
แน่นระหว่างที่มองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้าจริงจังกว่าเก่า
ช่วงการสนทนานิ่งเงียบไปราวกับทิ้งโอกาสให้เพื่อน
ได้ตอบอีกครั้ง จิณณ์ยืนมองกดดันนิ่งเงียบไม่พูดจา
ดวงตาทั้งสองสบมองกันพักหนึ่งก่อนที่ดวงตาสีเทา
จะเป็นฝ่ายละสายตาเปลี่ยนทิศ จิณณ์มองคนบนเตียง
ด้วยความไม่สบอารมณ์พร้อมทั้งเอ่ยน้ำเสียงขุ่นเคืองใจ

"งั้นก็ตามใจนายก็แล้วกัน"

ร่างสูงพลิกตัวหันหลังสาวเท้าเดินออกจากห้องไป
แม็กเวลมองเพื่อนที่เดินออกไปด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
เลขาสาวผู้เฝ้ามองสถานการณ์เงียบๆมาสักพักตัดสินใจ
เอ่ยพูดหลังจากที่เหลือกันเพียงสองคน

"ใจร้ายจังนะคะ"

เด็กหนุ่มหันมองด้วยใบหน้าหม่นหมอง

"ทั้งๆที่จิณณ์มาเยี่ยมคุณทุกวัน แล้วเขาก็ออกตามหา
'อเล็กซ์' เพื่อคุณแท้ๆ"

ดวงตาสีเทาเบิกกว้างจ้องมอง สิ่งที่ได้ยินทำเอาหัวใจ
หยุดเต้นไปชั่วขณะ สำหรับแม็กเวลแล้ว 'จิณณ์' กับ
'อเล็กซ์' ไม่สมควรอยู่ในประโยคเดียวกัน พูดง่ายๆ
คือเขาไม่ต้องการให้จิณณ์รับรู้เรื่องนี้

"ดิฉันเชื่อว่าตอนนี้เขาก็คงไปตามหาอเล็กซ์ต่อ"

ดวงใจผลันเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะ มือใหญ่บีบกำผ้าห่ม
เอาไว้แน่น ดูเหมือนจะมีเรื่องหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่าง
ที่เขาไม่มีสติ แต่ถึงเช่นนั้นเด็กหนุ่มก็ยังคงยึดมั่นกับ
ความคิดของตนเอง

"แบบนี้แหละดีแล้ว.. มันอันตรายเกินไปสำหรับจิณณ์
ที่จะอยู่กับผม.. เป็นแบบนี้แหละดีแล้ว.."

คนพูดเม้มปากแน่น ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่ใช่
คนเก็บความรู้สึกเก่ง ความเจ็บปวดถูกถ่ายทอดทาง
สีหน้าชัดเจน รัตติกาลถามต่อด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

"แล้วคุณถามเขาหรือยังว่ามัน 'ดีแล้ว' สำหรับเขา
จริงๆหรือเปล่า?"

ไร้ซึ่งคำตอบ มีเพียงสายตางุนงงจากคนบนเตียง
แม็กเวลขมวดคิ้วไม่เข้าใจความ รัตติกาลที่เห็นเช่นนั้น
จึงได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

"เฮ้อ คุณเนี่ยนะ สมแล้วจริงๆที่เป็นลูกชายของ
'ผู้หญิงคนนั้น' เรื่องง่ายๆแบบนี้กลับไม่เข้าใจ"

เธอดันตัวลุกจากเก้าอี้ก่อนจะเริ่มก้าวเดินไปทางประตูห้อง
โดยไม่เหลียวมองคนป่วยแต่อย่างใด

"ดิฉันไม่ได้ใจดีอย่างผอ. เพราะฉะนั้นคงไม่มานั่งบอกคุณ
ทุกอย่างหรอกนะคะ ทำความเข้าใจให้ได้ด้วยตัวเองเถอะค่ะ"

คนบนเตียงมองแผ่นหลังนั้นด้วยความสับสน น้ำเสียงนิ่งเรียบ
สร้างบรรยากาศรู้สึกกดดัน หญิงสาวผมยาวหยุดยืนอยู่ตรง
หน้าประตูที่เปิดค้างไว้

"ดิฉันจะไม่ช่วยหรอกนะคะ"
'แกร๊ก'

ประตูห้องถูกปิดลงทิ้งคนป่วยผู้ดวงใจอ้างว้างไว้เพียงลำพัง






TBC ๐ ๐ ๐


แก้ไขล่าสุดโดย Nearmoki-2b เมื่อ Wed 12 Oct 2016, 16:44, ทั้งหมด 1 ครั้ง

Signature ------------------------------------------------>
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Ckbaw
Nearmoki-2b
Nearmoki-2b
เทียบเท่ามัธยมศึกษาปีที่ 1
INFO.Narin
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน

Star Piece0
CHIPS+65 M 413 K 676
Credit
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp111100 / 100100 / 100Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp211

Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Empty Re: Maxwell's Diary [EP.18][END]

Fri 17 Jun 2016, 20:27
EP.15

"ดิฉันจะไม่ช่วยหรอกนะคะ"
'แกร๊ก'

ประตูห้องถูกปิดลงทิ้งคนป่วยผู้ดวงใจอ้างว้างไว้เพียงลำพัง
หากแทบจะทันทีหลังจากที่ประตูปิดลงเสียงเจี๊ยวจ๊าววุ่นวาย
หลังประตูก็ดังขึ้น แม็กเวลนั่งตัวแข็งด้วยดวงใจตื่นตระหนก
เกิดอะไรขึ้นกันนะ?

"หมอคะ ช่วยจับไว้ที!!"

เสียงนั้นเป็นเสียงที่คุ้นเคยดี มันคือเสียงของรัตติกาล
แม้เขาจะแทบไม่เคยได้ยินเธอผู้เยือกเย็นตะโกนเช่นนี้
มาก่อนก็ตาม เสียงฝีเท้าดังวุ่นวายเบื้องหลังประตูบานหนา

"เอ๊ะ!?! อะไร!! ทำไม?? ปล่อยผมนะ!?!"

เสียงคุ้นหูดังขึ้นไกลๆ ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกใจไม่ดีเอาเสียเลย
ราวกับมีเหตุการณ์ฉุกกระชากลากถูเกิดขึ้นสักพักก่อนที่
ประตูห้องผู้ป่วยจะถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ร่างของใครบางคน
ถูกเลขาสาว 'จับโยน' เข้ามาในห้อง จากนั้นประตูก็ปิดลง
เร็วไว

'แกร๊ก'

เสียงล็อคประตูจากด้านนอกดังขึ้น ใครบางคนรีบทุบประตู
กระวนกระวาย

"คุณเลขา!! ปล่อยผมออกไป ผมมีอะไรต้องไปทำนะ!!"

ไม่มีเสียงตอบรับจากคนหลังประตู แต่มีเสียงสั่นของมือถือ
ที่คุ้นหูดังขึ้นแทน เด็กหนุ่มผู้(ถูกบังคับ)มาเยือนรีบหยิบ
โทรศัพท์ขึ้นดูข้อความที่ได้รับ เขาถอนหายใจหน้าตาเนือยๆ
ร่างสูงยืนนิ่งอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเดินมาหาผู้ป่วยผู้นั่ง
เหงื่อตกงุนงงอยู่ที่เดิม

"คุณลขาบอกว่าให้ฉันคุยกับนายให้รู้เรื่อง"

จิณณ์เดินกลับมานั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วยอย่างไม่สบอารมณ์นัก

'ไหนบอกว่าจะไม่ช่วยไง...'

แม็กเวลเหงื่อตกเล็กน้อยระหว่างคิดในใจ บรรยากาศในห้อง
แลดูอึดอัดอึมครึม ต่างฝ่ายต่างนั่งเงียบกันอยู่พักใหญ่
สุดท้ายแล้วแม็กเวลผู้ทนความอัดอึดไม่ไหวจึงตัดสินใจพูดขึ้น

"โกรธเหรอ?..."

เสียงที่เอ่ยถามเป็นเสียงหงอยเหงาของคนรู้สึกผิด

"เปล่า"

คำตอบถูกเอ่ยขึ้นแทบจะทันที จิณณ์เอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย
เป็นปกติ ทำเอาคนฟังเลิกคิ้วประหลาดใจ

"แล้วทำไม?..."
"ก็นายไม่ยอมบอกว่าอเล็กซ์เป็นใครฉันก็เลยจะไปหาเอง"

แม็กเวลทำหน้าเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ที่ออกจากห้อง
ไปไม่ใช่เพราะว่าโกรธ แต่เพราะจะไปตามหาอเล็กซ์งั้นหรือ?
ไม่รู้ว่าเพราะพึ่งฟื้นสมองเลยยังตามไม่ค่อยทันหรือเพราะสิ่งที่
จิณณ์พูดฟังดูไม่น่าเชื่อกันแน่

"ทำไมนายถึงไม่โกรธฉันล่ะ?"

คำถามนี้ถูกเว้นระยะในการตอบเล็กน้อย เด็กหนุ่มผมดำ
ยกมือเกาแก้มด้วยสีหน้าลังเล แต่สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจ
พูดออกมา

"อันที่จริงก็โกรธนิดหน่อย แต่เพราะรู้ว่านายโกหก
ก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก"

ดวงตาทั้งสองสบจ้องมองกัน จิณณ์มองตาเพื่อนอย่าง
ตรงไปตรงมา

"เวลาที่นายโกหกนายจะหลบตาฉัน"

ทันใดนั้นเองที่แม็กเวลหลบสายตามองนอกหน้าต่าง
หัวใจที่เคยสงบผลันเต้นด้วยจังหวะที่เร็วขึ้น

"นายจะใช้คำว่า 'อืม' เวลาที่รู้สึกไม่ดี"

ดวงตาสีเทาเบิกกว้างเมื่อความเป็นจริงทิ่มแทงดวงใจ
นี่จิณณ์สังเกตเขามาโดยตลอดเลยงั้นเหรอ? เขาไม่
ตอบรับใดๆ เพราะไม่รู้จะทำตัวยังไงถึงได้แต่มอง
ไปนอกหน้าต่าง

"ทั้งๆที่รู้ทั้งหมดนั่นอยู่แล้วแท้ๆ... แต่ฉันก็ทำอะไร
ไม่ได้สักอย่าง.."

แม็กเวลชำเลืองตามองเพื่อนผู้นั่งกำมือแน่น สีหน้า
เต็มไปด้วยความทรมาน

"มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ!! มันไม่ใช่ความผิดของนายเลย
มันเป็นความผิดของอเล็กซ์ต่างหาก!!"
"แล้วอย่างนั้นอเล็กซ์นั่นมันเป็นใครล่ะ!!"

ร่างบนเตียงสะดุ้งเฮือก เขาไม่เคยเห็นเพื่อนแสดงอารมณ์
มากขนาดนี้มาก่อน สีหน้าเจ็บปวดที่ต้องการคำตอบของ
จิณณ์ไม่ใช่สิ่งที่สามารถปฏิเสธได้ แต่คำตอบที่ต้องการ
ก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถพูดออกไปได้ง่ายๆเช่นกัน แม็กเวล
กลืนน้ำลายเอือกหนึ่ง ดวงใจอันสับสนเต้นระรัวเร็วไว
เขาหลับตาแน่นระหว่างตัดสินใจครั้งใหญ่ บรรยากาศ
ห้องผลันเงียบสนิท แม้แต่จิณณ์ที่ต้องการคำตอบเอง
ก็ไม่เอ่ยพูดอะไรเพิ่มเติม เขาเพียงนั่งรอด้วยหวังว่า
เพื่อนจะยอมพูดขึ้นเอง หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก
แม็กเวลจึงตัดสินใจได้ว่า ในเมื่อเพื่อนทำเพื่อเขาถึง
เพียงนี้แล้ว เขาก็จะไม่ปิดบังและทำลายความรู้สึก
ของเพื่อนอีกต่อไป แม้ใจในจะเต็มไปด้วยความกลัว
แต่เจ้าตัวก็รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี เสียงทุ้ม
เอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสั่น

"อเล็กซ์... ก็อยู่ตรงหน้านายไง"

ดวงตาสีดำเบิกกว้าง ภายในดวงตาสะท้อนภาพแม็กเวล
เพื่อนผู้มักเต็มไปด้วยรอยยิ้มบัดนี้แสดงสีหน้ายากอธิบาย
แม้จะมีรอยยิ้มแต่งแต้มอยู่แต่กลับให้ความรู้สึก
อึดอัดทรมานไปถึงกลางใจ จิณณ์ไม่สามารถเข้าใจ
ได้ในทันที เขาเพียงแต่มองหน้าเพื่อนโดยไม่พูดอะไร
ใจหนึ่งก็ปรารถนาว่าคงอ่านปากผิดไป เด็กหนุ่มผมทอง
ใช้เวลาที่เพื่อนสับสนใจการรวบรวมความกล้า ครั้งนี้
เขาพูดออกมาโดยมองตาผู้ฟังอย่างตรงไปตรงมา

"เวลากลางคืน.. บางทีอเล็กซ์ก็มาแทนที่ฉัน.."

สีหน้าคนฟังแสดงถึงคำถามที่มากกว่าเก่า ถึงแม้จะ
ไม่เข้าใจแต่ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกแย่ขนาดนี้

"ฉันไม่เข้าใจ..."
"อเล็กซ์ก็คือฉัน..."

แม็กเวลตอบเสียงพึมพำราวกับพูดย้ำกับตัวเอง

"ฉันไม่เข้าใจที่นายพูด นายคือแม็กเวลไม่ใช่เหรอ?"

จิณณ์สับสนเป็นอย่างมาก ใจหนึ่งก็คิดว่าเพื่อนอาจจะ
หัวกระแทกจนความทรงจำบิดเบือนไป แต่อะไรบางอย่าง
ในใจบอกว่าเขาควรจะรับฟังที่เพื่อนพูดให้ถึงที่สุด
แม้เรื่องราวความจริงจะเป็นเช่นไรก็ตาม บางทีอาจจะ
เป็นจิณณ์เองที่ไม่อยากยอมรับความจริง แต่ครั้งนี้เขา
ตกลงกับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่หนีอีกต่อไป คนกำลัง
ตกใจพยายามปรับน้ำเสียงถามไถ่เพื่อนอย่างใจเย็น

"นายช่วยอธิบายให้ฉันเข้าใจหน่อยได้ไหม?"

คนบนเตียงแสดงท่าทีอ้ำอึ้ง แต่ความจริงใจที่ส่งผ่าน
น้ำเสียงซื่อตรงนั้นทำให้จิตใจโอนอ่อน แม็กเวลกำลัง
หวาดกลัว กลัวที่บอกความจริง กลัวว่าเพื่อนจะรับไม่ได้
กลัวว่าจิณณ์จะตีตัวออกห่างเมื่อได้รู้ความจริง กลัวที่..

"แม็ก"

เจ้าของชื่อเงยหน้ามองเพื่อนที่กำลังแสดงสีหน้าเป็นห่วง
ช่างน่าแปลกที่เพียงการเสียงชื่อสั้นๆด้วยน้ำเสียงธรรมดา
กลับทำให้เขารู้สึกใจเย็นลงได้ เสียงของหัวใจเริ่มกลับมา
เต้นตามจังหวะอีกครั้งหนึ่ง แม็กเวลพยักหน้าให้ก่อนที่จะ
เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงซื่อตรง

"ฉันเป็นโรคสองบุคลิก"






TBC ๐ ๐ ๐


แก้ไขล่าสุดโดย Nearmoki-2b เมื่อ Sat 18 Jun 2016, 14:30, ทั้งหมด 2 ครั้ง

Signature ------------------------------------------------>
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Ckbaw
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Empty Re: Maxwell's Diary [EP.18][END]

Fri 17 Jun 2016, 20:35
โถ่ พี่แม็กผู้น่าสงสาร
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Empty Re: Maxwell's Diary [EP.18][END]

Fri 17 Jun 2016, 22:42
ไพโบล่าเหรอครับ...
Nearmoki-2b
Nearmoki-2b
เทียบเท่ามัธยมศึกษาปีที่ 1
INFO.Narin
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน

Star Piece0
CHIPS+65 M 413 K 676
Credit
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp111100 / 100100 / 100Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp211

Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Empty Re: Maxwell's Diary [EP.18][END]

Fri 17 Jun 2016, 22:50
EP.16

"ฉันเป็นโรคสองบุคลิก หรือจริงๆต้องเรียกว่า
โรคบุคลิกวิปลาสจะถูกต้องกว่า มันเป็นโรคที่ทำให้ฉัน
มีอีกบุคลิกนึงที่ไม่ใช่ตัวเองอยู่ในตัว ซึ่งนั่นก็คืออเล็กซ์
มันเป็นสาเหตที่ทำให้ฉันอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้"

ครั้งนี้คำอธิบายถูกเอ่ยขึ้นอย่างเถรตรงชัดเจน อันที่จริง
จิณณ์ก็เคยสงสัยถึงการคงอยู่ของแม็กเวลผู้ร่าเริงภายใน
โรงเรียนควิ้นท์อยู่บ้าง แต่เวลาผ่านล่วงเลยไปจนเขาเลิก
ที่จะใส่ใจ ก็รู้อยู่ว่าเพื่อนไม่ได้มีความพิการทางร่างกาย
หากไม่เคยคาดคิดเลยว่าเพื่อนจะมีอาการทางจิตใจ

"หมายความว่ายังไง?.. แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
นายบอกว่านายตกจากดาดฟ้าด้วยฝีมือของอเล็กซ์
พอมาทีนี้นายก็บอกว่านายคืออเล็กซ์ งั้นนายตกลง
ไปจากดาดฟ้าได้ยังไง?"

ดวงตาสีเทามองต่ำลงไปยังมือที่ประสานกุมไว้ที่หน้าตัก
ความลำบากใจฉายอยู่บนสีหน้า

"จะพูดว่าฉัน 'ฆ่าตัวตาย' ก็ว่าได้..."

จิณณ์มองเพื่อนอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ไม่เคยคิดฝัน
ว่าริมฝีปากที่มักเปื้อนรอยยิ้มสดใสจะเอ่ยคำว่า 'ฆ่าตัวตาย'
ออกมา เขาเคยคิดว่าตัวเองสนิทกับแม็กเวล..
ทว่าตอนนี้กลับไม่แน่ใจอีกต่อไป....

"อันที่จริงแล้วทางทฤษฏีแล้ว 'ฉัน' ไม่ได้ฆ่าตัวตาย
เพราะ 'อเล็กซ์' เป็นคนที่กระโดดลงไปในตอนนั้น
แต่ในทางปฏิบัติแล้วร่างกายของ 'ฉัน' กระโดดลง
ไปเอง เพราะฉะนั้นจึงนับเป็นการฆ่าตัวตาย"

แม็กเวลเริ่มพูดเรื่องชวนงงอีกครั้ง เพื่อนพยายาม
คิดตามเต็มกำลัง แม้จะยังสับสนแต่ก็พยายาม
ประคองสติที่เหลืออยู่ไว้ให้มั่น

"แล้วนายรู้ตัวรึเปล่าตอนที่อเล็กซ์จะกระโดดลงไป?"
"ฉันจะไม่มีความทรงจำตอนที่อเล็กซ์เข้ามาแทนที่
ความทรงจำล่าสุดของฉันคือการที่ฉันลืมของไว้ที่
ห้องโสตก็เลยกลับมาเอา ซึ่งฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ฉันก็
เลยพอประติดประต่อเรื่องราวได้ว่าเป็นฝีมืออเล็กซ์
เพราะอเล็กซ์จะออกมาเฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้น"

คนฟังไปก็รู้สึกแย่ไป ยิ่งแม็กเวลสามารถอธิบาย
เรื่องราวได้เป็นปกติยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ขึ้นไปอีก
ทั้งๆที่แม็กเวลรับรู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้วแต่เขากลับ
ไม่เคยได้รับรู้อะไรเลย

"แล้วช่วงก่อนหน้านี้ที่นายชอบนอนในคาบเรียน?.."
"ฉันมีความรู้สึกว่าช่วงนี้อเล็กซ์ออกมาบ่อยขึ้น
ฉันก็เลยไม่กล้านอนในตอนกลางคืน..."
"ทำไมนายไม่บอกฉันสักคำล่ะ ถ้าบอกฉันก็คง
จะไปนอนเป็นเพื่อนนายแล้ว"

แววตาสีเทาหมองลงกว่าเดิม เขามองเพื่อนที่กำลัง
แสดงสีหน้าสับสน

"ฉันไม่อยากให้นายมาที่ห้อง.."
"แต่ฉันไปมาแล้ว"

คนบนเตียงหน้าซีดเซียวไปถนัดตา

"นายไม่อยากให้ฉันไปที่ห้องถึงขนาดต้องวางแผน
ลงลิฟท์ไม่ซ้ำกันในแต่ละวันเลยอย่างนั้นน่ะเหรอ?"

น้ำเสียงนั้นฟังดูเหมือนประชดประชัน แต่ฟังอีกที
ก็แฝงไปด้วยความปวดร้าว แม็กเวลไม่มีอะไรจะ
ปฏิเสธ

"ฉันไม่มีรูมเมทเหมือนคนอื่นๆ แล้วห้องฉันก็จัดวาง
แปลกๆ"
"ฉันก็ไม่มีรูมเมทเหมือนกัน"
"มันไม่เหมือนกัน.. ฉันไม่ควรมีรูมเมท ฉันควร
อยู่คนเดียว ควรนอนคนเดียวในตอนกลางคืน...
ของทุกอย่างก็ต้องจัดวางไว้สูงๆเพื่อที่อเล็กซ์
จะไม่หยิบมาทำอะไรไม่ดีกับฉันในตอนกลางคืน"

จิณณ์มองสีหน้าทรมานของเพื่อนที่ไม่เคยมี
โอกาสได้เห็นมาก่อน ทำไมถึงไม่เคยเอะใจว่า
ภายในรอยยิ้มแสนหวานนั้นจะมีอะไรซ่อนอยู่
เขาเพียงรับทุกอย่างในแบบที่เห็น หัวเราะเล่น
กับเพื่อนไปวันๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเพื่อนต้องต่อสู้
อยู่เพียงลำพัง

"ทำไม.. นายถึงไม่เคยบอกอะไรฉันเลยล่ะ?"
"........."

ดวงใจของคนบนเตียงผลันหล่นวูบ

"นายไม่เคยเห็นฉันเป็นเพื่อนเลยหรือไง?"

คำถามบาดลึกลงกลางใจจนไม่สามารถอยู่นิ่งได้

"ไม่ใช่นะ!! เพราะว่าฉันเห็นนายเป็นเพื่อน อยากให้
นายอยู่ด้วย ฉันกลัวว่านายจะรับไม่ได้ถ้าได้รู้ความจริง
กลัวว่าตัวเองจะสร้างปัญหาให้นาย ฉันกลัวว่า.."
"แล้วคิดว่าฉันไม่กลัวรึไง!!"

น้ำตาคลอขึ้นที่ขอบตาของเด็กหนุ่มผมดำ เขารีบ
ยกมือปาดเช็ดน้ำตาออกเร็วไว เหลือไว้เพียงใบหน้า
ขึงขังจริงจัง

"แล้วคิดว่าฉันไม่กลัวรึไงที่ต้องมาเห็นเพื่อนนอน
หมดสติโดยที่ไม่มีใครบอกได้ว่าจะตื่นขึ้นมาอีกรึเปล่า"

จิณณ์กัดฟันพยายามข่มความรู้สึก

"ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันคิดว่าเราเป็นเพื่อนกันมาตลอด
แต่ดูเหมือนนายจะไม่ได้คิดแบบนั้นเลยสักนิด"
"ไม่ใช่อย่างนั้นนะ!!"

แม็กเวลปฏิเสธร้อนรน ที่เขาไม่เคยเล่าอะไรให้จิณณ์ฟัง
ก็เพราะไม่อยากให้จิณณ์ต้องมาเดือดร้อนกับเรื่องของตัวเอง
ไม่อยากรบกวนเพื่อนเพราะกลัวว่าเพื่อนจะไม่อยากอยู่ด้วย
เขาพยายามอธิบายสิ่งที่คิดออกเป็นคำพูดให้เพื่อนได้ฟัง

"ถ้าต้องปิดบังตัวตนแล้วนายจะมาเรียนที่นี่ทำไม?"
"แต่โรคของฉันมันอันตราย ฉันขอร้องให้พวกคุณครูเก็บ
เรื่องนี้ไว้เป็นความลับเพราะฉันไม่อยากให้ใครต้องกลัวฉัน"

'อ๋อ.. เพราะอย่างนี้สินะพวกครูถึงได้ไม่ใส่ใจในสิ่งที่เราพูด'

ประโยคสุดท้ายเป็นการพึมพำกับตัวเอง จิณณ์มองเพื่อนที่
กำลังงุนงงไม่เข้าใจความ ดูเหมือนว่าแม็กเวลจะพูดความจริง
เขาไม่อยากทำให้เพื่อนเดือดร้อน แต่ความจริงนั้นมีแต่จะทำให้
จิณณ์หงุดหงิดขึ้นมากกว่าเก่า

"นายเข้าใจความหมายของคำว่า 'เพื่อน' บ้างรึเปล่า?"






TBC ๐ ๐ ๐


แก้ไขล่าสุดโดย Nearmoki-2b เมื่อ Sat 18 Jun 2016, 15:09, ทั้งหมด 3 ครั้ง

Signature ------------------------------------------------>
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Ckbaw
Nearmoki-2b
Nearmoki-2b
เทียบเท่ามัธยมศึกษาปีที่ 1
INFO.Narin
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน

Star Piece0
CHIPS+65 M 413 K 676
Credit
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp111100 / 100100 / 100Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp211

Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Empty Re: Maxwell's Diary [EP.18][END]

Sat 18 Jun 2016, 01:47
EP.17

เพลงปลากรอบ:

"นายเข้าใจความหมายของคำว่า 'เพื่อน' บ้างรึเปล่า?"

จิณณ์ถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติ แม้จะกำลัง
รู้สึกขุ่นเคืองใจแต่เขาก็ไม่อยากใส่อารมณ์เพราะเห็นว่าแม็กเวล
กำลังสับสนไม่น้อยเลย

"เข้าใจสิ เพราะฉะนั้นฉันถึงได้.."
"นายกลัวว่าฉันจะรับนายไม่ได้?"
"ใช่...."
"ห๋า? จะบ้าเปล่า"

เด็กหนุ่มผมดำเบ้ปากหงิกงอ ส่วนแม็กเวลนั้นกำลังเลิกลั่กลนลาน
เพราะไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไปกันแน่

"นายน่ะ เก่งเลขมั้ย?"
"ไม่...."
"แล้ววิทย์ล่ะพอไหวมั้ย?"
"ไม่...."
"แล้วเคยจำพวกวิชาท่องจำอื่นๆได้มั้ย?"
"ไม่...."
"คหกรรมทำอาหารล่ะ ทำเป็นมั้ย?"
"ไม่...."
"จนปัจจุบันเคยจำกฏกติการการเล่นบาสได้มั้ย?"
"ไม่...."
"แล้วฉันเคยตีตัวออกห่างนายบ้างมั้ย?"

ดวงตาสีเทาเบิกกว้างด้วยความคาดไม่ถึง

"ไม่...."

ปากที่พูดอ้าค้างไว้เช่นนั้นราวกับพึ่งเข้าใจบางอย่าง

"นั่นแหละ คือคำตอบ"

จิณณ์พูดเสียงเรียบ เขาฉีกยิ้มให้เพื่อนผู้ยังคงอึ้งอยู่

"นายห่วยแตกมาตั้งหลายเรื่องแล้ว จะเพิ่มเรื่องอาการป่วย
ขึ้นมาอีกสักเรื่องมันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลย ทีนี้เข้าใจรึยัง?"

ทันใดนั้นเองที่สายน้ำตาไหลรินผ่านดวงแก้มเด็กหนุ่มผมทอง
เขาอ้าปากเหมือนกำลังพูดหากไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมา

"เฮ้ย!!"

จิณณ์ตกใจรีบเด้งตัวเข้าหา มือทั้งสองต่างโบกสะบัดลนลาน

"เป็นอะไรไป? เจ็บตรงไหนรึเปล่า!?!"

คนบนเตียงเริ่มสะอึกสะอื้น น้ำตายังคงไหลเป็นสายราวกับก๊อกรั่ว

"เจ็บตรงนี้..."

เขาพูดพลางดึงมือเพื่อนมาวางทาบบนอกฝั่งซ้าย จิณณ์สัมผัส
ได้ถึงการสั่นไหวเร็วไวของดวงใจ ใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่กำลัง
ช้อนมองอยู่ตอนนี้ให้ความรู้สึกเหมือนลูกหมาที่กำลังอ้อนวอน
ให้เจ้านายสนใจ เด็กหนุ่มใช้มืออีกข้างขยี้เรือนผมสีดำไปมา
ก่อนจะถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขาล้มตัวลงนั่งที่ขอบเตียง
ใกล้ชิดเพื่อนมากกว่าเก่า น้ำเสียงที่เอื้อนเอื่อยติดโทนอ่อนนุ่ม
มากกว่าเดิม

"นี่ต่างหากล่ะ คือความหมายของคำว่าเพื่อน"

คนป่วยกะพริบตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาอย่างไม่เข้าใจความ

"เวลาที่นายมีความสุขนายก็บอกฉัน เวลาที่นายเจ็บนายก็บอกฉัน"
"แต่นั่นมันจะทำให้นายต้องเจ็บไปด้วยนะ?.."
"แล้วไงล่ะ?"

จิณณ์พลิกมือที่ถูกจับอยู่เป็นฝ่ายกำมือเพื่อนเอาไว้แทน

"แล้วมันจะทำไมล่ะ? นายจะบอกว่าฉันไม่มีปัญญาจะข้ามมัน
ไปได้อย่างนั้นน่ะเหรอ?"
"ไม่ใช่แบบนั้น..."
"งั้นเราก็มาเจ็บให้มันสุดๆแล้วก็ข้ามผ่านมันไปด้วยกัน
แล้วหลังจากนั้นเราก็ไปหาอะไรอร่อยๆกินกัน แบบนี้เป็นไง?"

เขาบีบมือแรงขึ้นโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ป่วยที่พึ่งฟื้นตัว
น้ำตาของผู้ป่วยยิ่งเอ่อร้นไหลรินมากขึ้น หากว่ามันไม่ได้มา
จากความเจ็บปวด แต่มาจากปิติและความโล่งใจ

"นี่คือสิ่งที่ 'เพื่อน' เขาทำกันงั้นเหรอ?"
"เออน่ะสิ นายนี่สมเป็นนายจริงๆ แค่นี้ก็ไม่รู้"

จิณณ์ยักไหล่หยอกล้อ เขาฉีกยิ้มกว้างด้วยความโล่งอก

"สนุกด้วยกัน เศร้าด้วยกัน เล่าความลับให้กันฟัง ประมาณนั้นแหละ"

เด็กหนุ่มผมดำปล่อยมือเพื่อนออกก่อนจะมานับนิ้วถึงเรื่องราว
ที่เพื่อนสามารถแบ่งปันร่วมกันได้ ระหว่างนับนั้นเองก็นึกอะไร
บางอย่างออก

"อ๊ะ!!"

เสียงอุทานทำให้คนป่วยเงยหน้ามองเพื่อนด้วยความสงสัย
จิณณ์ยิ้มมุมปากในไอเดียดีๆที่นึกขึ้นได้

"เอางี้ดีมั้ย นายบอกความลับของนายให้ฉันรู้แล้ว
ฉันจะบอกความลับของฉันให้นายรู้บ้าง จะได้เสมอกันไง"
"ความลับของนาย?..."

จิณณ์พยักหน้าก่อนที่จะกระแอมเสียงทีหนึ่ง

"ความลับของฉันก็คือ..."

สีหน้าจริงจังของเขาทำให้แม็กเวลพลอยขึงขังตามไปด้วย

"คือ..."
"ครอบครัวของฉัน...."
"ครอบครัวของนาย?...."

ดวงใจผู้ป่วยเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี มีเรื่องอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับ
ครอบครัวของจิณณ์งั้นหรือ? สีหน้าคนเล่าเองก็ดูไม่ดีเอาเสียเลย
เขาควรจะบอกให้หยุดเล่าดีกว่าไหมนะ? ระหว่างที่คิดเพื่อนก็
เอ่ยประโยคสุดท้ายออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ครอบครัวของฉันเรียกฉันว่า 'น้ำตาล' แหละ"
"............ เอ๋?"

แม็กเวลกะพริบตาปริบๆด้วยสีหน้าราวกับไก่ตาแตก

"ฉันมีน้องสาวฝาแฝดที่ชื่อน้ำหวานกับน้ำผึ้ง พ่อแม่ก็เลยเรียก
ฉันว่าน้ำตาล บางทีก็ตาลเฉยๆ"
"ห๊ะ???..."
"อะไร?"
"เนี่ยนะความลับของนาย!?!"
"ใช่สิ ผู้ชายชื่อน้ำตาลน่าอายจะตายไป"

จิณณ์เบ้ปากเง้องอน ส่วนคนฟังอ้าปากค้างเหมือนรับสารไม่ทัน
เด็กหนุ่มผมทองนิ่งชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่เสียงหัวเราะจะดังขึ้นเบาๆ

"ฮะๆๆๆๆๆๆ อะไรของนายเนี่ย"

รอยยิ้มกว้างเผยขึ้นทั้งๆที่น้ำตายังเอ่อคลอขอบตา จิณณ์แปลกใจ
นิดหน่อยเพราะถึงจะจงใจเล่าตลกๆแต่ก็ไม่คิดว่าเพื่อนผู้อาบไปด้วย
น้ำตาจะหัวเราะออกมาจนได้ เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงกลั้วหัวเราะตาม
ด้วยความโล่งใจ

"ตาล"

แม็กเวลเอ่ยเรียกด้วยรอยยิ้มปริ่มใจ

"หืม?"
"ตาล"

เขาเรียกอีกครั้งด้วยรอยยิ้มที่กว้างกว่าเดิม

"ว่าไง?"

จิณณ์เลิกคิ้วมองขำๆ

"ตาล"

คราวนี้เรียกไม่พอ ยังแถมเสียงหัวเราะคิกคักตามหลังให้ด้วย

"อะไรเล่า อย่าล้อสิ"
"ไม่ได้ล้อสักหน่อย"

น้ำเสียงขี้เล่นพูดขึ้นพร้อมการโคลงหัวไปมาดูท่าทีมีความสุข

"ตาล"
"อะไร?"
"ขอโทษนะ"

แม้เสียงที่เปลี่ยนจะส่งไปไม่ถึง แต่สีหน้าขึงขังก็ทำให้จิณณ์รับรู้
ความจริงจังของสถานการณ์ เขาถามกลับยิ้มๆ

"เรื่องอะไร?"
"เรื่องที่ฉันทำเหมือนนายไม่ใช่เพื่อน ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ"
"รู้แล้วน่า.."

พูดยังไม่ทันจบประโยคดีก็โดนดึงเข้าไปในอ้อมกอดคนตัวสูงกว่า
เสียก่อน แม็กเวลสวมกอดร่างในมือแน่นด้วยเรี่ยวแรงที่ไม่เหมือน
คนป่วย

"โอ๊ยๆๆ เบาๆ นายจะฆ่าฉันเรอะ!!"

ทันทีที่ได้ร้องโวยวายอ้อมกอดนั้นก็ผลันผ่อนแรงลง เด็กหนุ่มผมทอง
ซุกหน้าลงบนไหล่เพื่อนพลางถูจมูกไปมาราวกับลูกหมาที่กำลัง
ออดอ้อน

"ฮ่าๆๆ จั๊กจี้น่า"

แม้จะไม่ได้ยินเสียงแต่สัมผัสที่ได้รับก็ถ่ายทอดความรู้สึกแทนได้
เขารู้สึกถึงความรู้สึกผิดของแม็กเวล ราวกับอ้อมกอดที่ได้รับนั้น
กำลังพยายามทดแทนช่วงเวลาที่ปล่อยให้จิณณ์ต้องอยู่คนเดียว
เสียงหัวเราะที่มีเริ่มเงียบเบาลงไป เหลือเพียงบรรยากาศเงียบงัน
ปราศจากคำพูดใดๆ มีเพียงอ้อมกอดที่กระชับให้แน่นขึ้นเท่านั้น
พวกเขาเพียงหลับตาและซึมซับความรู้สึกจากกันและกัน
ราวกับเวลาถูกหยุดนิ่งไว้เพียงเท่านั้น

แต่ทันใดนั้นเอง...

'ปึก!!'
"อ่อก!!"

จิณณ์สวนหมัดเข้ากลางลำตัวผู้ป่วยโดยแรงที่ไม่รุนแรงแต่
ก็ไม่อ่อนโยนเช่นกัน

"วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ"

เด็กหนุ่มผมดำพูดทั้งๆที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวโตกว่า
แม็กเวลรีบพยักหน้าซ้ำๆหลายๆทีหวังให้อีกฝ่ายรับรู้
คนเจ็บกำลังจะโอดครวญแต่อีกเสียงเอ่ยขึ้นเสียก่อน

"อย่าทิ้งฉันไปอีกคนเลยนะ.."

ร่างในมือสั่นคลอนราวกับกำลังหวาดกลัว เขากระชับตัว
ในอ้อมกอดราวต้องการไออุ่น แม็กเวลโอบรอบตัวเพื่อนไว้
ก่อนจะพยักหน้าทีหนึ่งเป็นการตกลง เป็นซะอย่างนี้จะให้
เขาทิ้งไปได้อย่างไรกัน มีแต่อยากจะอยู่ใกล้มากขึ้นเท่านั้น
มือใหญ่ลูบหลังปลอบประโลมเพื่อนช้าๆอย่างเบามือ
เขารอจนกว่าจิณณ์จะหายตัวสั่น จากนั้นจึงตบหลังเบาๆ
สองทีเป็นการเรียก เด็กหนุ่มผมดำผละตัวออกจากอ้อมแขน
เล็กน้อยเพื่อให้เห็นหน้าอีกฝ่ายก่อนจะช้อนสายตาเลิกคิ้ว
ถามว่ามีอะไร

"เพื่อน เรียกหมอให้หน่อยได้มั้ย?"
"ทำไมเหรอ?"
"แผลเปิดน่ะ.. แฮะๆ"

เสียงหัวเราะแห้งๆดังขึ้นก่อนที่ดวงตาสีดำจะมองลงไปยัง
ลำตัวคนแนบชิด โลหิตไหลซึมผ่านชุดผู้ป่วยย้อมชุดสีม่วง
ส่วนหนึ่งให้ผลันกลายเป็นสีแดงสด

"ม๊ายยยยยยยย!!"






TBC ๐ ๐ ๐


แก้ไขล่าสุดโดย Nearmoki-2b เมื่อ Wed 12 Oct 2016, 16:45, ทั้งหมด 2 ครั้ง

Signature ------------------------------------------------>
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Ckbaw
pangkawjoa
pangkawjoa
ประธานนักเรียน
ประธานนักเรียน
เทียบเท่า ศาสตราจารย์อาวุโส / ผู้บริหารอาวุโส
INFO.Taira Payakaroon
อาจารย์ภาษาไทย

Star Piece3258
CHIPS+601 M 722 K 265
Credit
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp111100 / 100100 / 100Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp211

-30% Grade Exp. สูงสุด

PASSPORT
 :
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp1112380/21000Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Bar-em13  (2380/21000)
 :

Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Empty Re: Maxwell's Diary [EP.18][END]

Sat 18 Jun 2016, 13:02
Nearmoki-2b พิมพ์ว่า:

"ตาล"
"อะไร?"
"ขอโทษนะ"

..............

ทันทีที่ได้ร้องโวยวายอ้อมกอดนั้นก็ผลันผ่อนแรงลง เด็กหนุ่มผมทอง
ซุกหน้าลงบนไหล่เพื่อนพลางถูจมูกไปมาราวกับลูกหมาที่กำลัง
ออดอ้อน

ไทระสัมผัสได้ถึงออร่าครับ...ไทระสัมผัสได้ Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 333264140

ครูพี่จิณณ์พยายามมาก อ่านไปนี่แบบสงสารเลยอ่ะ ทำเพื่อพี่แม็กมากเลยครับ
Nearmoki-2b
Nearmoki-2b
เทียบเท่ามัธยมศึกษาปีที่ 1
INFO.Narin
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน

Star Piece0
CHIPS+65 M 413 K 676
Credit
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp111100 / 100100 / 100Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp211

Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Empty Re: Maxwell's Diary [EP.18][END]

Sat 18 Jun 2016, 17:55
EP.18

แม้ว่าจะฟื้นได้สติแล้วแต่แม็กเวลก็ยังต้องนอนรักษาตัว
อีกเป็นอาทิตย์ ถึงเจ้าตัวจะนอนบ่นทุกวันว่าอยากกลับไป
จัดรายการเสียงตามสายจะแย่แล้วแต่ก็ไม่มีใครยินยอม
แต่อย่าหวังว่าลิงแม็กเวลจะยอมนอนนิ่งเมื่อตายังลืมอยู่
เขาแอบหนีออกจากห้องหลายต่อหลายครั้งเพื่อออกไป
เล่นซนกับคนอื่นๆ และแผลเจ้ากรรมก็เปิดออกอีกหลาย
หนทำให้ช่วงเวลาพักฟื้นยิ่งยาวนานขึ้นไปอีก แต่สุดท้าย
แล้ววันนี้เขาได้รับอนุญาตให้กลับเข้าเรียนจนได้!!

.

.

.

คาบเรียนแรกกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เด็กนักเรียนชั้นมัธยม-
ศึกษาปีที่ห้าพากันมานั่งประจำที่ของตัวเอง จิณณ์มอง
ซ้ายขวาหาเจ้าเพื่อนตัวดีที่พึ่งถูกปล่อยของออกกรง
ทว่ากลับไม่มีตัวตนของแม็กเวลอยู่ในห้องเรียน

"ไม่ใช่ว่าวันนี้แม็กจะกลับมาเรียนแล้วเหรอ?"

คนถามคือประธานนักเรียนผู้รู้ท่วงทันทุกข่าวสาร
เขาเดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะของจิณณ์

"ใช่ แต่ยังไม่เห็นเลย"
"ถ้ามาไวๆก็ดีสิเนอะ"
"อื้ม~"

จิณณ์ยักไหล่ยิ้มๆระหว่างมองเพื่อนร่วมห้องอีกคนที่เข้า
มาใกล้ เธอคือสาวน้อยบนรถเข็นผู้มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

"จิณณ์คะ.."

้น้ำเสียงหงอยเหงาเรียกเด็กหนุ่มผู้นั่งอยู่ที่โต๊ะประจำที่
ตั้งแต่เกิดเรื่องภายในห้องชมรมดาราศาสตร์ในครั้งนั้น
ทั้งสองคนก็เข้าหน้ากันไม่ติดเสียเท่าไหร่ แต่ถึงเช่นนั้น
เขาก็ตั้งใจอ่านปากรับฟังสิ่งที่เพื่อนสาวจะพูด

"เราขอโทษนะคะที่ตอนนั้นไม่ได้บอกความจริง
ทั้งๆที่จิณณ์เองก็ร้อนใจมากแท้ๆ"
"ความจริงเรื่องอะไรเหรอ?"
"คือเรา.. อยู่บนดาดฟ้าใน 'วันนั้น'"

ประโยคนั้นเรียกความสนใจจากผู้ฟังได้เป็นอย่างดี

"วันนั้นเราขึ้นไปดูดาวปกติ แล้วช่วงเย็นๆแม็กก็ขึ้นมา
บนดาดฟ้า แต่เรารู้สึกว่าแม็กดูน่ากลัวชอบกลเลย
ไม่กล้าเข้าไปทัก พอดูดาวไปสักพักหันกลับมาอีกที
แม็กก็หายไปจากดาดฟ้าแล้ว.. เราไม่กล้าพูดเพราะ
กลัวจะถูกกล่าวหาว่ามีร่วมส่วน เรารักที่นี่มากและ
ไม่อยากโดนไล่ออกจากโรงเรียนแห่งนี้จริงๆ"

เด็กสาวเอ่ยด้วยความลำบากใจ น้ำเสียงที่พูดเองก็
สั่นคลอนราวกับจะร้องไห้ เหตุการณ์วันนั้นยังคง
ค้างคาในจิตใจเธอเรื่อยมา ริแอร์ไม่สามารถสงบ
จิตสงบใจได้หากไม่ได้สารภาพความจริง จิณณ์
มองเงียบๆก่อนที่รอยยิ้มจะเผยขึ้นที่มุมปาก

"เรื่องมันเป็นอย่างนี้เองสินะ ขอบคุณมากสำหรับเบาะแส"

เด็กหนุ่มเอ่ยสบายๆด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง ริแอร์ถอนหายใจ
โล่งอกให้กับรอยยิ้มนั้น เมื่อเห็นว่าครูประจำชั้นเข้าห้องเด็กสาว
จึงขอตัวกลับไปนั่งประจำที่ของตน เสียงพูดคุยในห้องเรียบเงียบลง
ต้อนรับการเข้ามาของครู

"เอาล่ะทุกคน วันนี้ครูมีนักเรียนจะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันนะ"
"เห๋!?!"

เสียงเจี๊ยวจ๊าวดังขึ้นภายใน เด็กนักเรียนหันไปซุบซิบกันด้วย
สีหน้าประหลาดใจ

"เด็กแลกเปลี่ยนเข้ามาใหม่อีกแล้วเหรอ?"
"นั่นสิ ปีนี้มีนักเรียนแลกเปลี่ยนเยอะจัง ริแอร์พึ่งมาเอง"
"ถ้าเป็นผู้ชายหล่อๆก็ดีสิเนอะ ฮิๆๆ"

คุณครูตบมือทีสองทีเป็นการเรียกความสนใจกลับคืน
เมื่อนักเรียนเงียบเสียงลงแล้วคุณครูสาวก็พยักหน้าให้กับ
ใครบางคนที่ยืนอยู่หน้าห้องเรียน ร่างที่ปรากฏขึ้นเป็นร่างสูง
ของเด็กหนุ่มผมทองจากต่างแดน เขายืนมาหยุดอยู่หน้า
ชั้นเรียน บรรยากาศในห้องช่างเงียบงันไร้เสียงใดๆ

"ทำไมทุกคนทำหน้าเหมือนเห็นผีงั้นล่ะ ฉันยังไม่ตายนะเฮ้ย!!"

เด็กหนุ่มหน้าชั้นกล่าวระหว่างมองสีหน้าเพื่อนแต่ละคน
ที่ตกตะลึงจนพร้อมใจกันนั่งนิ่งเงียบ เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึง
กระแอมเสียงทีหนึ่งก่อนเริ่มประโยคใหม่อีกครั้ง

"สวัสดีครับทุกคน ผมชื่อ แม็กเวล ซอนเนอร์"

จากตกตะลึงสีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนฉายแววความสงสัย
ทุกคนรู้จักแม็กเวลดีอยู่แล้ว ทำไมต้องแนะนำตัวใหม่ด้วย?
หรือเขาจะหัวกระแทกจนความจำเสื่อมไปเสียแล้ว?
คนหน้าชั้นเรียนกวาดสายตามองคนรอบห้องด้วยสายตา
ที่จริงจังขึ้นกว่าเดิม เขาสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่
จากนั้นจึงเริ่มเอื้อนเอ่ยประโยคต่อไป

"ผมมีโรคประจำตัวคือโรคบุคลิกวิปลาส นั่นแปลว่าผม
มีอีกบุคลิกหนึ่งที่แปลกแยกออกมา แต่อาการของผม
จะแสดงเฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้น เพราะฉะนั้นผม
จึงไม่เป็นอันตรายต่อทุกคน"

คนในห้องเริ่มหันหน้ามองกันและกัน พวกเขาไม่เคย
รับรู้เรื่องอาการป่วยของแม็กเวลมาก่อน ซึ่งก็เหมือน
กับจิณณ์ที่ครั้งหนึ่งเคยสงสัยจนเลิกที่จะสงสัยไปแล้ว
เด็กหนุ่มมองปฏิกริยาของเพื่อนๆด้วยความหวาดกลัว
มือที่กุมกันไว้กำลังสั่นคลอน เขาบีบมือตัวเองไว้แน่น

"มันไม่เป็นไรถ้าหากจะรู้สึกกลัว ผมจะพยายามทำให้
ทุกคนเชื่อใจ จะพิสูจน์ให้เห็นว่าผมไม่ได้เป็นอันตราย
เพราะฉะนั้นแล้ว ขอฝากตัวด้วยนะครับ"

เด็กหนุ่มโค้งศีรษะเล็กน้อยพลางหลับตาแน่นรอรับฟัง
ปฏิกริยาตอบรับจากคนในห้อง เพื่อนในห้องคงจะโกรธ
มากแน่ๆที่โดนเขาหลอกให้อยู่กับตัวเองมาเสียนาน
แม็กเวลเม้มปากรอรับชะตากรรมที่กำลังจินตนาการ
บรรยากาศภายในห้องยังคงนิ่งเงียบไปอีกพักหนึ่ง
ก่อนที่จะเริ่มมีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง

'แปะๆๆ'

เสียงปรบมืองั้นเหรอ? แม็กเวลลืมตาข้างหนึ่งด้วยความ
อยากรู้ หากทันใดนั้นเองที่ดวงตาสีเทาต้องเบิกกว้าง
ภาพที่เห็นคือภาพของคนรู้จักดี จิณณ์กำลังปรบมือ
ให้ด้วยสีหน้าขึงขัง บ่งบอกถึงการรับฟังอย่างจริงจัง
และความยอมรับจากใจจริง เพื่อนรอบข้างที่เห็นเช่นนั้น
จึงเริ่มพากันปรบมือตาม ไม่นานเสียงปรบมือก็ดังก้อง
ไปทั้งห้องกว้าง ราวกับเป็นเสียงนั้นกำลังยินยอมต้อนรับ
การกลับมาของหนึ่งสมาชิกร่วมห้อง

ความตื้นตันใจที่มีทำเอาพูดไม่ออก แม็กเวลไม่รู้ว่าต้อง
ทำตัวอย่างไร เขาได้แต่ยืนฟังเสียงกึกก้องที่ดูเหมือนจะ
ไม่มีวันจบสิ้น เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกได้ถึงความร้อนบนขอบตา
แต่ทันใดนั้นเองเสียงโวยวายเริ่มดังขึ้นเรียกความสนใจ

"โหยย นายเป็นมนุษย์หมาป่าเรอะ แปลงร่างตอนกลางคืน"
"โครตเจ๋งว่ะเพื่อน!!"

เหล่าเพื่อนร่วมห้องเริ่มพากันลุกไปมุงเพื่อนที่รู้จักดี

"งี้สินะ เวลาชวนเล่นเกมส์กี่คืนๆถึงไม่เคยมาสักที"
"งั้นเราเลื่อนไปเล่นกันเร็วหน่อยดีมั้ยวะ?"
"เออๆ ตั้งแต่เลิกเรียนเลยก็ได้"

เพื่อนหนุ่มยกมือพาดแขนเพื่อนหนุ่มผมทองผู้ตัวสูงกว่า

"แต่คราวนี้นายต้องมานะเว้ย"

แม็กเวลมองเพื่อนรอบกายอย่างไม่เชื่อสายตา นี่มัน
ต่างจากสิ่งที่คาดการณ์เอาไว้โดยสิ้นเชิง เมื่อไม่ได้
คำตอบจึงโดนเพื่อนกระทุ้งศอกเข้าให้

"โอ๊ย อ..เออๆ ไปๆ"

ตอนนี้ในดวงใจอันสับสนปะปนไปด้วยความรู้สึกอัน
หลากหลาย ทั้งกังวล ตื่นกลัว ประหลาดใจ และมาก
ที่สุดคือ 'ความดีใจ' ที่เพื่อนๆเปิดใจยอมรับตัวตนของ
เขาโดยไม่รังเกียจหรือหวาดกลัว ทั้งๆที่เขาพยายาม
ปิดบังเป็นความลับกับเพื่อนๆมาตลอด แต่เรื่องที่กังวล
เพียงลำพังมาตลอดเวลาหลายปี แท้จริงแล้วมันกลับ
ไม่มีอะไรเลย มีเพียงตัวเขาที่ปิดใจเสมอมา

ดวงตาสีเทาหันไปสบกับดวงตาสีดำของเพื่อนสนิท
จิณณ์ฉีกยิ้มกว้างแสดงความยินดี ทันใดนั้นเองที่
หัวใจของแม็กเวลผลันเต้นไวขึ้น หัวใจที่บีบรัดทำ
เอารู้สึกวูบไปชั่วขณะ นี่เขาตื่นเต้นกับการบอก
ความจริงกับทุกคนมากเกินไปอย่างนั้นเหรอ?
เด็กหนุ่มเอามือนาบหน้าอกข้างซ้ายสัมผัสจังหวะ
ของหัวใจที่เต้นระรัว รู้สึกเหมือนความรู้สึกบาง
อย่างกำลังก่อกำเนิดขึ้นในดวงใจ มันคืออะไรกันนะ?
ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย..

แม็กเวลเผยรอยยิ้มให้กับตัวเองพลางนึกย้อนถึง
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขาทั้งกังวลทั้งหวาดระแวง
ว่าเพื่อนจะรับรู้เรื่องของตัวเอง สุดท้ายแล้วการปิดบัง
ก็ย้อนกลับกลายเป็นการกีดกั้นตัวเองออกจากเพื่อนๆ
เขาคิดมาตลอดว่าถ้าเขาไม่ยิ้มเพื่อนก็คงไม่อยู่ด้วย
คิดมาตลอดว่าจริงๆแล้วคงไม่มียอมรับเขาในแบบที่เป็น
แต่แล้วเหตุการณ์ทั้งหมดก็บอกกับเขาว่าทั้งหมดเป็นแค่
เรื่องที่คิดไปเองทั้งสิ้น

ถ้าเขาเปิดใจพูดกับเพื่อนให้เร็วกว่านี้เรื่องราวทั้งหมดนี้
ก็อาจจะไม่เกิดขึ้น เขาอาจจะไม่ต้องเจ็บตัวปางตาย
แต่ลึกๆแล้วแม็กเวลก็รู้สึกพึงพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่
ถึงแม้ตอนนี้ร่างกายจะเต็มไปด้วยบาดแผลที่พร้อม
จะเลือดนองเอาได้ง่ายๆ ถึงแม้จะฝันอย่างยาวนาน
ว่าได้นั่งอยู่ริมแม่น้ำสักแห่งที่มีคุณลุงหน้าตาใจดีมา
ไล่ตะเพิดไปให้ไกลๆ ถึงสุดท้ายแล้วจะไม่รู้ว่าจะไปไหน
ลุงเลยไปหาผ้ามานั่งปิกนิกด้วยกันอยู่ริมแม่น้ำสายยาว

แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ตื่นขึ้นมาอยู่ดี และบทเรียนราคาแพง
ครั้งนี้ก็สอนให้รับรู้ถึงสิ่งที่ไม่เคยใส่ใจมาก่อน เขาได้รับรู้ถึง

คุณค่าของคำว่า 'มิตรภาพ'






END

แถม

Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 154hfgm

AUTOREPLY พิมพ์ว่า:ขอแสดงความยินดี ! คุณได้รับค่าลิขสิทธิ์จากฉายาพิเศษ...
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Q-tag-27100 x 100,111 x 6 x 0.31
=
+18,620,646 Spirit Point

Signature ------------------------------------------------>
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Ckbaw
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Empty Re: Maxwell's Diary [EP.18][END]

Sat 18 Jun 2016, 18:33
เย้ๆๆๆ จบไปอีกเรื่องแล้ววว
ได้รู้ซะทีว่าแม็กกี้เป็นอะไรรร

//ตบมือแปะๆ
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Empty Re: Maxwell's Diary [EP.18][END]

Sat 18 Jun 2016, 18:50
สรุปพี่ริแอร์ไม่ได้ไปดูพี่ไอน์อาบน้ำหรอกหรอคะ ฮ่า
Nearmoki-2b
Nearmoki-2b
เทียบเท่ามัธยมศึกษาปีที่ 1
INFO.Narin
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน

Star Piece0
CHIPS+65 M 413 K 676
Credit
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp111100 / 100100 / 100Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp211

Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Empty Re: Maxwell's Diary [EP.18][END]

Sat 18 Jun 2016, 20:47
Extra

"คุณเลขา ขอให้แม็กย้ายห้องมาอยู่กับผมได้มั้ยฮะ?"

รัตติกาลหันมองเด็กหนุ่มตัวสูงสองคนผู้กำลังวิ่งเข้าหา

"ทราบดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะว่าคุณแม็กเวลควรอยู่
คนเดียว นี่ก็เพื่อความปลอดภัยของคุณเองนะคะ"
"แต่แบบนั้นแม็กก็เหงาแย่เลยไม่ใช่เหรอฮะ?"

คนที่วิ่งถึงก่อนคือเด็กหนุ่มผมดำ หลังจากนั้นไม่นาน
เด็กหนุ่มผมทองก็วิ่งตามมาทัน เขาหอบเล็กน้อย
ตามประสาคนร่างกายยังไม่แข็งแรงดี

"คุณแม็กเวล ทำไมไม่บอกเพื่อนไปล่ะคะ?"
"ผมจะพยายามดูแลตัวเอง กินยาตรงเวลา อาการจะได้
ไม่กำเริบ"

คำตอบที่ได้ทำให้หญิงสาวเลขาแปลกใจไม่น้อย
เพราะโดยปกติแล้วแม็กเวลจะพยายามกีดกันตัวเอง
ออกจากเพื่อนและไม่ยอมให้ใครต้องเสี่ยงเพื่อตน
หากครั้งนี้เขากลับแสดงสีหน้าตั้งใจไม่ย่อท้อ
จิณณ์เองก็รีบพยักหน้ารับปากว่าจะช่วยดูแลอีกแรง
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามเธอคงจะไม่สามารถ..

"นะฮะ!!~~"

สองหนุ่มประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพรียง
ดวงตาใสแป๋วสองคู่ส่องประกายอ้อนวอนแวววับ
ทำเอาหญิงสาวต้องผงะตัวไปเล็กน้อย เธอกลืนน้ำลาย
มองเจ้าเด็กเจ้าของดวงตาเป็นประกายสุดออดอ้อน

'น..น่ารัก น่ารักเกินไปแล้ว!!'

รัตติกาลกระแอมเสียงด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

"ก ก็ได้ค่ะ.. จะลองไปคุยกับผอ.ให้ดู แต่ทั้งสองคน
ต้องรับปากว่าจะดูแลตัวเองกันดีๆนะคะ แล้วก็อยู่ได้
จนกว่าคุณจิณณ์จะได้รูมเมทคนใหม่เท่านั้นนะคะ"
"เย้~~ ตกลงฮะ~~"

เด็กทั้งสองกระโดดแทคมือกันฉลองความยินดี
ก่อนที่จะพากันวิ่งกลับไปทางเดิม ใบหน้าของทั้งสอง
เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มมีความสุข เลขาสาวมองภาพนั้น
ระหว่างส่ายหัวน้อยๆให้เจ้าเด็กจอมซนทั้งสอง

"ดูเหมือนจะเข้าใจแล้วสินะคะ.. คุณแม็กเวล"

.

.

.

"ฮึบ!!"

กล่องใบสุดท้ายถูกวางลงบนพื้นห้อง เด็กหนุ่มผมทอง
ยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ขมับ จากนั้นจึงยืนยิ้มกว้างมอง
'ห้องพักใหม่' ของตน

"แม็ก ฉันเอากล่องนี่วางไว้บนตู้เสื้อผ้าดีมั้ย?"

เพื่อนร่วมห้องพูดระหว่างที่ยืนอยู่บนเก้าอี้เพื่อเพิ่มความสูง

"สูงไปหน่อย หยิบลำบาก"

ิจิณณ์โคลงหัวครุ่นคิด มือประคองกล่องสีขาวขนาดกลางซึ่ง
เอาไว้เก็บข้าวของจุกจิกของเพื่อนร่วมห้องคนใหม่

"อืม.. นายหยิบลำบากงั้นเหรอ งั้นในตู้เสื้อผ้าล่ะเป็นไง?"

ความใส่ใจที่เพื่อนมีให้ทำให้เขายิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้

"ดีเลย จริงๆไม่ต้องเอาของไปไว้ที่สูงก็ได้ แค่ใส่กล่องหรือ
ใส่ตู้ให้เรียบร้อยอเล็กซ์ก็จะไม่ยุ่งกันมันแล้ว"
"อเล็กซ์เนี่ย เป็นพวกขี้เกียจสินะ.."

เสียงหัวเราะเริงร่าดังขึ้นในห้องสว่างบรรยากาศอบอุ่น
พวกเขาใช้เวลาสักพักกว่าจะช่วยกันจัดข้าวของแม็กเวล
ให้เข้าที่เรียบร้อย

"เฮ้อ"

เด็กหนุ่มผมทองทิ้งตัวนั่งบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า

"ว่าแล้วนายอยากนอนชั้นบนหรือชั้นล่าง?"

เพราะเตียงของพวกเขาเป็นเตียงสองชั้นจึงควรตกลง
กันให้เรียบร้อยเสียก่อน

"นายต้องนอนชั้นบน"

จิณณ์เลิกคิ้วให้กับประโยคที่ดูจริงจังกว่าปกติ

"ไม่รู้ล่ะ เผื่อไว้ก่อน ถ้าฉันเกิดตื่นมาตอนกลางคืนแล้ว
นายรู้สึกตัวก็ให้นายทำเป็นนอนต่อไป ห้ามคุยกับฉัน
เด็ดขาด ถ้านั่นคือ 'ฉัน' จริงๆแล้วฉันจะทักนายเอง"
"แล้วก็นะ..."

แม็กเวลกอดอกพลางร่ายคำเตือนยาวราวกับฉลากยา
ที่ต้องจริงจังก็เพราะว่าเป็นห่วงเพื่อน จิณณ์เข้าใจดี
จึงเดินไปนั่งข้างๆและตั้งใจอ่านปากเงียบๆโดยไม่
ตอบโต้อะไร เขาคอยพยักหน้าเป็นระยะให้รู้ว่าสนใจ
ฟังอยู่

"นายเข้าใจใช่มั้ย?"
"รู้แล้วน่า"

เมื่อรู้สึกเหมือนแม็กเวลกำลังจะกลอเทปซ้ำใหม่อีกรอบ
จึงต้องรีบเบรคไว้เสียก่อน จิณณ์เปลี่ยนไปให้ความสนใจ
กับมือถือแทน เขานั่งจิ้มข้อความในมือถือพักหนึ่งก่อน
จะหันหน้ากลับหาเพื่อนร่วมห้องอีกครั้ง

"ทำไรอ่ะ?"
"ส่ง SMS ไปชวนไอน์มาปาร์ตี้ขึ้นห้องใหม่กัน"
"อ๊ะ ดีๆๆ"

รอยยิ้มกว้างเผยขึ้นบนใบหน้าคนที่เคยหน้าเครียด
ดูเหมือนจิณณ์จะดึงความสนใจสำเร็จสินะ ที่จิณณ์ชวน
แม็กเวลมาอยู่ด้วยกันเพราะเห็นว่าต่างฝ่ายก็ต้องอยู่ห้อง
คนเดียว ไหนๆก็ไหนๆแล้วอยู่ด้วยกันเลยน่าจะทำให้
ห้องนี้มีสีสันขึ้นมาบ้าง แน่นอนว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะ
ทำให้เพื่อนเครียดไปกว่าเดิม

"กินอะไรกันดีน้า"
"กินอีกแล้วเรอะ"

แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เพื่อนจะหายเครียดและนึกถึง
ของกินในปาร์ตี้แทน เพราะแม็กเวลมัวนอนพักฟื้นอยู่
นานทำให้แก๊งค์สามหนุ่มไม่ได้รวมตัวพร้อมหน้ากันมา
พักใหญ่ ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะรวมตัวกันอีกครั้ง!!

แม็กเวลเอนตัวลงนอนบนเตียงก่อนหยิบตุ๊กตาหมีสีชมพู
ของจิณณ์มากอดไว้ จิณณ์ว่าจะแกล้งทวงคืนเล่นๆทว่า
รอยยิ้มไร้เดียงสาแสนสบายใจนั้นทำให้เขาตัดสินใจ
ปล่อยเพื่อนไว้เช่นนั้น ราวกับอยากจะรักษาภาพนี้ไว้
นานๆ ไม่ว่าอย่างไรแม็กเวลก็ดูไม่เหมาะสมกับโรคที่
เป็นเลย เขาทั้งสดใสและมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอแท้ๆ
ทำไมกันนะ? ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับแม็กเวลด้วย?

"แม็ก.."
"หืม?"

เจ้าของชื่อขยับปากตอบทั้งๆที่หลับตาอยู่

"นายเป็นโรคประจำตัวของนายมาตั้งแต่เกิดรึเปล่า?"
"เปล่าหรอก มันมีบางอย่างเกิดขึ้นน่ะ"

น้ำเสียงนั้นตอบสบายๆเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร

"เกิดอะไรขึ้นเหรอ? เล่าได้เปล่า"
"ต้องได้สิ"

หัวใจที่เคยสงบเต้นไวขึ้นเล็กน้อย ไม่นึกว่าจะตอบรับ
ง่ายดายขนาดนี้ เอาเข้าจริงแล้วคนฟังก็ยังไม่ทันได้
เตรียมใจเลย จิณณ์กลืนน้ำลายเอือกหนึ่งระหว่าง
ที่จับจ้องริมฝีปากตั้งใจรับสาร

"แต่ไว้คราวหน้านะ"
"อ อ้าว!!"
"แม็ก!!"

ไร้ปฏิกริยาตอบรับจากแม็กเวลที่ท่านเรียก มีเพียง
ร่างสูงที่ขยับเล็กน้อยตามลมหายใจอันสม่ำเสมอ
ดูเหมือนเขาจะเข้าห้วงนิทราไปเสียแล้ว คงจะเหนื่อย
ที่ต้องขนของไปมาทั้งๆที่ร่างกายยังไม่ฟื้นตัวดีสินะ

"นิ่งเป็นหลับขยับเป็นกินจริงๆเล้ย"

จิณณ์มองเพื่อนด้วยรอยยิ้มขบขันก่อนจะลุกขึ้น
หวังไปทำความสะอาดต่อเสียหน่อย ยังไงซะต่อจากนี้
พวกเขาก็จะได้อยู่ร่วมห้องกันไปอีกสักระยะหนึ่ง
ไม่จำเป็นต้องคุยทุกอย่างภายในวันนี้ก็ได้ ไม่ว่าจะวันนี้
พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ก็ยังจะได้เจอหน้ากันอยู่ดี เขายักไหล่
กับตัวเองระหว่างที่มือก็เก็บอุปกรณ์เครื่องเขียนของตน
ลงลิ้นชักให้เรียบร้อย

'ไว้คราวหน้าแล้วกันเนอะ'

- END -

เรื่องราวในอดีตของแม็กเวลเป็นอย่างไรกันแน่
โปรดติดตามต่อไปได้ในซีรีย์หน้า!!

Signature ------------------------------------------------>
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Ckbaw
Nearmoki-2b
Nearmoki-2b
เทียบเท่ามัธยมศึกษาปีที่ 1
INFO.Narin
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน

Star Piece0
CHIPS+65 M 413 K 676
Credit
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp111100 / 100100 / 100Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Exp211

Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Empty Re: Maxwell's Diary [EP.18][END]

Sat 18 Jun 2016, 21:45
สวัสดีค่ะ Nearmoki-2b เองค่ะ!!

จบไปแล้วกับ Maxwell's Diary ที่หลายคนแซวว่า
'แม็กเวล' ไม่เห็นมีบทเลย มันเป็นอาถรรพ์นิยายของฉัน
ว่าชื่อใครได้ขึ้นเป็นชื่อเรื่อง คนนั้นจะไม่มีบทในเรื่องค่ะ
(หัวเราะชอบใจ) อันที่จริงที่ชื่อเรื่องนี้ก็เพราะว่าคีย์หลัก
ของเรื่องคือสมุดไดอารี่ของแม็กเวลค่ะ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีประวัติศาสตร์การดองอันยาวนานมาก
และตลอดเวลาที่ดองมานั้นเนื้อเรื่องก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
จนในที่สุดก็เป็นอย่างที่ทุกคนได้อ่านกันนี้ หวังว่าจะ
ทุกคนจะสนุกไปกับอ่านอ่านนิยายเรื่องนี้บ้างไม่มาก
ก็น้อยนะคะ

เรื่องนี้ดำเนินเรื่องโดย 'จิณณ์' ซึ่งเป็นตัวละครของคุณแพร์
ตลอดเวลาการแต่งนี้ฉันก็ได้ไปรบกวนเธออยู่เรื่อยๆ
ตอนแรกขอสารภาพว่ารู้สึกเกร็งเพราะไม่แม่นคาแรคเตอร์
ตัวละครของคนอื่น โดยเฉพาะใช้เป็นตัวหลักแบบนี้ยิ่งรู้สึก
เกร็งเข้าไปใหญ่ค่ะ แต่ตลอดการแต่งที่ผ่านมาฉันก็รู้สึก
ผูกพันธุ์กับตัวละครมากขึ้น และรู้สึกชื่นชมในความ
แข้มแข็ง ความเข้าใจ ความไว้ใจ ที่เขามีต่อเพื่อนค่ะ
แต่งไปก็นึกไปตลอดเลยว่า นี่ถ้าเป็นผอ.คงจะร้องไห้
น้ำท่วมโรงเรียนไปแล้วแน่ๆเลย (หัวเราะ)

สองสามตอนหลังสุดเป็นตอนที่ฉันชอบมากที่สุดในเรื่องนี้
เพราะมันเหมือนเป็นผลลัพธ์จากความพยายามของจิณณ์
แม้บางฉากจะดูหวานมากแต่ฉันก็ตั้งใจที่จะคงคอนเซป
เรื่องไว้ด้วยเรื่องของ 'มิตรภาพ' เป็นหลัก แม้ตอนสุดท้าย
แม็กจะทนต่อความเท่ของจิณณ์ไม่ไหวจนต้องใจสั่นก็ตาม
(หัวเราะชอบใจ)

สิ่งที่ฉันรู้สึกว่าขาดหายไปในเรื่องก็คือเรื่ององค์ประกอบ
รอบตัวของจิณณ์ ปกติเขาจะเป็นตัวละครที่เด่นเรื่องของ
เพื่อนฝูงและครอบครัวมากค่ะ เขามีครอบครัวที่อบอุ่น
รวมทั้งมีความเข้าใจในเรื่องของมิตรภาพเป็นอย่างดี
แต่ด้วยความที่เขาเป็นสายคอมมาดี้และโดยปกติแล้ว
จะค่อนข้างทำตัวเรื่อยเปื่อยสบายๆ การจะจับมาเล่นบท
ดราม่านั้นไม่ใช่โจทย์ที่ง่ายเลยล่ะค่ะ

ฉันก็เลยตัดสินใจตัดองค์ประกอบรอบข้างของเขาออก
ทั้งหมด ให้เหมือนกับว่ามีเพียงจิณณ์คนเดียวที่กำลัง
ต่อสู้อยู่ หลังจากนั้นฉันก็ค่อยๆบีบและค่อยๆไล่ต้อน
อารมณ์เขาไปเรื่อยๆทีละนิดละหน่อยให้เขาลงไปใน
จุดที่ต่ำที่สุด เพื่อที่จะให้คนคิดบวกได้คิดลบที่สุด
เท่าที่จะทำได้ ซึ่งทางคุณแพร์ก็บอกมาว่าบีบอีกนิดนึง
จิณณ์ก็จะระเบิดตู้มกลางทุ่งข้าวสาลีเป็นโกโก้ครั้นซ์
อยู่แล้วค่ะ (หัวเราะ)

การที่ได้เห็นคนที่ปกติไม่ค่อยใส่ใจอะไรมาสู้สุดใจเพื่อ
ใครสักคนเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันคิดรู้สึกว่า 'จิณณ์นี่โครตเท่เลย'
เมื่อมองดูรอบข้างตัวเองก็พบว่าฉันเองนั้นก็มีเพื่อนเท่ๆแบบนี้
อยู่ในชีวิตเช่นกัน เพื่อนที่คอยช่วยเหลือ คนที่คอยอยู่เคียง-
ข้างในเวลาที่ฉันไม่ได้ยิ้ม คนที่คอยสอนให้ฉันได้เข้าใจ
เรื่องง่ายๆที่หลงลืมไป และฉันก็อยากจะรักษาพวกเขาเอาไว้
ถ้านิยายเรื่องนี้ได้ทำให้ผู้อ่านได้นึกย้อนถึงมิตรภาพดีๆและ
ช่วงเวลาแสนสุขที่มีร่วมกับเพื่อนได้บ้างละก็ ฉันก็คงรู้สึกยินดี
และยิ้มไปกับคุณด้วย

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่ติดตามมาจนจบ ขอบคุณคุณแพร์
ที่ให้ยืมตัวละครมาใช้และให้คำปรึกษาเป็นอย่างดี ขอขอบคุณ
เพื่อนทุกคนที่ทำให้ฉันเข้าใจถึงเรื่องมิตรภาพและสามารถเขียน
นิยายเรื่องนี้ออกมาได้

ขอขอบคุณจากใจจริงๆค่ะ






เกล็ดความรู้เกี่ยวกับโรคของแม็กเวล

อันที่จริงคำว่า 'โรคสองบุคลิก' ฟังดูเหมือนชื่อที่อธิบายอาการ
ของแม็กเวลได้อย่างเรียบง่ายและตรงไปตรงมา แต่พอลองเสิร์จ
หาข้อมูลดูแล้วปรากฏว่าในภาษาไทยนั้น โรคสองบุคลิกเป็นชื่อ
ภาษาไทยของโรค Bipolar Disorder (ไบโพล่า) ซึ่งไม่ตรง
กับอาการของแม็กเวลเสียทีเดียวค่ะ โรคไบโพล่าคือโรคที่
ผู้ป่วยอาจมีบางช่วงเวลาที่ซึมเศร้ามากๆและบางช่วงเวลา
ที่ไฮเปอร์อเลิร์ทสุดๆสลับกันไป แต่ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นโดยที่
ผู้ป่วยรู้ตัวตลอดเวลาว่าตอนไหนสุขหรือเศร้า แค่ไม่สามารถ
ควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ แต่โรคของแม็กเวลคือโรคที่ทำให้
เขามีบุคลิกแตกแยกที่ไม่ใช่ตัวเขาขึ้นมา

โรคของแม็กเวลมีชื่อเรียกภาษาไทยว่า 'โรคบุคลิกวิปลาส'
ซึ่งมาจากชื่อทางการแพทย์ว่า dissociative identity
disorder (DID) หรืออีกชื่อคือ Multiple Personality
Disorder (MPD) ต่อจากนี้ไปฉันจะเรียกว่า DID นะคะ

DID คือโรคที่ผู้ป่วยจะมีบุคลิกแตกแยกขึ้นมา ซึ่งโรคนี้
สามารถมีบุคลิกแยกได้มากกว่าหนึ่งคน โดยส่วนใหญ่แล้ว
ทุกบุคลิกจะมีชื่อและบทบาทหน้าที่ของตนเองที่ไม่จำเป็น
ต้องเกี่ยวข้องกับตัวตนจริงๆของคนๆนั้นเลยก็ได้ และส่วน
ใหญ่ผู้ป่วยจะไม่สามารถจดจำช่วงเวลาที่ถูกแทรกแทรง
ด้วย 'บุคลิกแยก' ได้

สำหรับตามเนื้อเรื่องแล้วแม็กเวลมี 'อเล็กซ์' เป็นบุคลิก
แตกแยกเพียงคนเดียว เขาจะจำเรื่องราวตอนที่เป็นอเล็กซ์
ไม่ได้ ไม่สามารถสื่อสารกับอเล็กซ์ได้ ไม่รู้ว่าอเล็กซ์เป็นใคร
หรือต้องการอะไร จุดต่างของอเล็กซ์กับลักษณะทั่วไปของ
บุคลิกแตกแยกคือส่วนใหญ่บุคลิกแตกแยกจะสามารถพูดคุย
และใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพียงแต่ว่าเขาไม่ใช่คนเดียวกันกับ
เจ้าของร่างกายจริงๆก็เท่านั้นเอง แต่ที่ผ่านมาอเล็กซ์ยังไม่
เคยพูดคุยกับใคร อเล็กซ์มีระบบการคิดที่ไม่ซับซ้อนและ
ไม่ทำเรื่องที่ยุ่งยาก เช่นถ้าของวางอยู่ในกล่องเขาก็จะ
ไม่เปิดหรือไม่จับมันขึ้นมา จะหยิบจับเฉพาะสิ่งที่หาจับ
ได้ง่ายๆเท่านั้น ซึ่งนั่นคือสาเหตุที่ทางหอพักจัดชั้นเก็บของ
ในห้องแม็กเวลเอาไว้สูงๆ เพื่อที่อเล็กซ์จะได้ไม่เอื้อมหา

แล้วที่แม็กเวลกลัวที่จะเล่าให้คนอื่นฟังก็เพราะอเล็กซ์มี
'พฤติกรรมก้าวร้าว' นี่คือเรื่องที่สามารถบอกได้ในตอนนี้ค่ะ
ถ้าอยากรู้เพิ่มเติมละก็ ขอเชิญชวนให้ติดตามซีรีย์ต่อไป
'Duende' ที่จะพาทุกคนย้อนรอยอดีตแม็กเวลไปด้วยกันนะคะ!!





อ้างอิง

ความแตกต่างระหว่างไบโพล่าและ DID คลิ๊กที่นี่





สุดท้ายนี้อยากบอกว่า (ยังไม่ไปอีกเรอะ!!)
ทุกคนเห็นสิ่งที่ซ่อนไว้ในนี้หรือไม่...

Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 2ro2g43


Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 333264140 ......

Signature ------------------------------------------------>
Maxwell's Diary [EP.18][END] - Page 2 Ckbaw
ขึ้นไปข้างบน
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
2012 © Powered by QUAINT