สวัสดี! ผู้มาเยือน ยินดีต้อนรับสู่ Quaint School Community คอมมูโรงเรียนสำหรับผู้พิการ

Go down
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Sun 06 Mar 2016, 16:26
Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Anxzz5

ตอนที่ 1

หนึ่งสัปดาห์ก่อน

อิสราถูกเรียกใช้จากครูห้องธุรการให้นำเอกสารสำคัญไปให้ผู้อำนวยการที่นอนพักอยู่ภายในห้องพยาบาลของโรงเรียน เด็กหนุ่มรู้สึกตะขวงใจเพียงนิดหน่อยด้วยไม่อยากรบกวนผู้อำนวยการที่กำลังพักผ่อนร่างกายอยู่ในห้องพยาบาล หากแต่เสียงยืนยันจากเลขานุการส่วนตัวของผู้อำนวยการว่าเป็นเอกสารสำคัญมาก อิสราจึงยอมไปพบผู้อำนวยการแต่โดยดี

"ทางนี้ค่ะอิสรา"

เสียงหวานใสของอาจารย์พยาบาลประจำห้องเชื้อเชิญให้เด็กหนุ่มย่างก้าวเข้าไป กลิ่นอันคุ้นเคยสมัยมัธยมต้นที่ชอบแวะเวียนมาห้องนี้บ่อยๆ ทำให้อิสราหยุดนิ่งซักพัก ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า เด็กหนุ่มนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง เสียงขยับกายบนฝูกนอนตรงหน้าทำให้อิสรารู้ได้ว่าผู้อำนวยการคงจะรับรู้การมาถึงของตนเองแล้ว เด็กหนุ่มเอ่ยดวยน้ำเสียงกริกเกรงพลางยื่นเอกสาร

"นี่เอกสารที่คุณรัตติกาลฝากผมเอามาให้ผอ.ครับ"
"อืม..."

เอกสารถูกฉวยออกไปจากมือ และเสียงกระดาษกระทบฝาไม้ก็ดังขึ้นเพียงบางเบา อิสรารู้สึกเก้อนิดหน่อยเพราะไม่รู้ว่าต้องรอผอ.เซ็นต์เอกสารให้เสร็จหรือไม่ จึงยังคงนั่งรอด้วยท่าทีสงบนิ่ง อีกฝ่ายใช้น้ำเสียงที่ดูแปลกไปกว่าเดิมชวนพูดคุย หากแต่อิสราก็ยังสงวนท่าทีเพราะไม่คิดว่าตนควรจะพูดเล่นกับฝ่ายที่อาวุโสกว่า จวบจนเมื่อทั้งคู่เงียบ เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจขอตัว

"เดี๋ยวก่อน!"

ยังไม่ทันได้ออกเดิน แรงกอดรัดที่โถมเข้ามาก็ทำใหอิสราตัวแข็งจนไม้เท้าหลุดออกจากมือ เสียงของไม้เท้าขาวที่กระทบพื้นดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบเชียบ เด็กหนุ่มแปลกใจระคนตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แรงกอดที่โถมเข้ามาไม่ได้ต้องการปองร้าย แต่มันเหมือนกับกำลังโหยหา โหยหาอะไรบางอย่าง ลมหายใจที่รดอยู่ข้างหูทำให้อิสรารู้สึกตัวร้อนและขนลุก คำอ้อนวอนเพียงแผ่วเบาทำให้สงบใจและยืนนิ่ง

ผู้อำนวยการไม่เหมือนเดิม นี่คือสิ่งที่เขาสัมผัสได้ ชายที่ปกติจะใช้คำพูดสบายๆ และน้ำเสียงสุภาพกลับร้องขอบางอย่างกับเขาด้วยน้ำเสียงราวกับเด็กน้อยที่ขาดความอบอุ่น อ้อมกอดที่รัดเขาเอาไว้ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้พบผู้ชายอีกคนที่ต้องการอะไรบางอย่าง

และความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่รู้จักก็เริ่มก่อเกิดขึ้นในใจของเด็กหนุ่ม

ปัจจุบัน


อิสราลืมตาที่ไร้การมองเห็นขึ้นอย่างยากลำบาก ความรู้สึกที่ถูกสัมผัสโดยไม่ตั้งใจเมื่อสัปดาห์ก่อนยังหลงเหลืออยู่โดยที่ไม่สามารถลบออกไปได้ เขายังจดจำได้ว่ายืนให้ผู้อำนวยการกอดอยู่นานหลายนาทีกว่าอีกฝ่ายจะยอมปล่อยมือ ตัวเขานั้นจากมาโดยที่ไม่ได้กล่าวอะไร และผู้อำนวยการก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อเขาด้วยเช่นกัน เด็กหนุ่มยังคงจดจำได้ว่าความรู้สึกแปลกๆ และหัวใจที่เต้นแรงในวันนั้นเป็นอย่างไร อิสราหยัดกายลุกก่อนจะเอามือหนามากุมที่อกของตัวเองเอาไว้

มันยังเต้นแบบปกติอยู่

แต่เมื่อนึกถึงอ้อมกอดนั้นทีไร...หัวใจมันก็มักจะเต้นแปลกๆ และความรู้สึกบางอย่างมักจะผุดขึ้นมาโดยทันที เช่นตอนนี้ที่เขานึกถึง มันก็เป็นอีกแล้ว

"พี่ไอน์... ตื่นเช้าจังเลยค่ะ"
"อ่อ ไอรีน"

ทันทีที่ลุกจากเตียงได้ เสียงใสๆ ของไอรีน เด็กสาวที่มีอาการป่วยด้วยโรคหัวใจก็ดังขึ้น ผมสั้นสีอ่อนและดวงตาสีฟ้าใสของเธอจับจ้องไปที่รูมเมทรุ่นพี่อย่างสงสัย เนื่องด้วยไม่เคยเห็นอิสราตื่นในเวลานี้ เสียงฝีเท้าของรูมเมทดังขึ้นที่ปลายเตียง ทั้งคู่กล่าวอรุณสวัสดิ์แก่กันก่อนที่อิสราจะลุกขึ้นล้างหน้าแปรงฟัน โดยปกติไอรีนจะแต่งตัวเสร็จและหายออกไปจากห้องก่อนที่อิสราจะลุก ยามเช้าของอิสราเป็นอะไรที่เชื่องช้าเสมอ แม้จะได้ชื่อว่าเป็นประธานนักเรียนที่ขยันมากและมีความรับผิดชอบมาก แต่เวลาเช้าของอิสราไม่ใช่ของที่ถูกกับเขานัก

แต่วันนี้มันแปลกไปจนรูมเมทสาวร่วมห้องถึงกับเอ่ยปาก

"ช่วงนี้ตื่นเช้านะคะ ปกติไอรีนออกจากห้องแล้วพี่ไอน์ถึงตื่นนี่นา"
"อืม ก็นะ..."
"งั้นไอรีนไปก่อนนะคะ"
"ครับ"

อิสราสวมเนคไทแล้วออกจากห้อง ทักทายเพื่อนร่วมชั้นแล้วนั่งประจำโต๊ะ ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาก็
ไม่ค่อยได้แวะห้องธุรการหรือห้องทำงานของผู้อำนวยการเลย ถ้าห้องผู้อำนวยการล่ะก็เขาไม่ได้ไปเลยต่างหาก แต่ถ้าไปแล้วเด็กหนุ่มก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาควรจะทำตัวเช่นไรต่อหน้าผู้อำนวยการหลังจากถูกกอดไปแบบนั้น

"ไอน์ ได้ข่าวว่าผอ.เข้าห้องพยาบาล แกหายดียังง่ะ"
"ไม่รู้สิ"
"เอ้า ไม่ได้แวะห้องผอ.เลยเหรอ"
"ช่วงนี้ไม่เลย"
"อ่อๆ... เห็นนายชอบแวะไปห้องพักครู นึกว่านายจะรู้"
"เราก็ไม่รู้เหมือนกัน" อิสรายิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนจะตอบคำถามของเพื่อนสนิทอย่างจิณณ์ไป อีกฝ่ายก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก จนเมื่อคาบเรียนเริ่มต้นขึ้น เรื่องที่วนเวียนอยู่ในหัวของอิสราก็ถูกเด็กหนุ่มสลัดทิ้งไป

พักเที่ยงที่วุ่นวาย เพื่อนร่วมห้องทุกคนรีบกรูกันออกจากห้องเป็นปกติ มักจะเหลืออิสราเป็นคนสุดท้ายที่เลือกจะออกจากห้องช้ากว่าใคร เด็กชายค่อยๆ ก้าวย่างไปที่หน้าห้อง พลันเสียงเรียกก็ดังขึ้น

"คุณอิสรา"
"ครับ?"

อิสราจับทิศทางต้นเสียงก่อนจะหันตัวไปด้านนั้น เสียงนี้คงเป็นของคุณเลขา

"เย็นนี้หลังเลิกเรียน ไปพบผอ.ที่ห้องด้วยนะคะ"
"...มีงานอะไรเหรอครับ" อิสราถามเสียงเบาอย่างเหม่อลอย
"ดิฉันไม่ทราบค่ะ ผอ.แค่ฝากมาถึงประธานนักเรียน"
"...ครับ ขอบคุณที่มาบอกผม"
"ทานข้าวให้อร่อยนะคะ"
"ครับ"

รัตติกาลกล่าวก่อนจะเลี่ยงไปทางอื่น อิสรายืนนิ่งค้างอยู่หลายวินาทีก่อนที่เสียงเรียกจากเพื่อนจะดังขึ้น เมื่อนั้นเด็กหนุ่มจึงหลุดจากพวัง

การเรียนช่วงบ่ายถูกรบกวนด้วยความว้าวุ่นภายในหัว อิสราขบคิดว่าเขาควรจะทำตัวเช่นไร ที่เรียกไปพบตอนเย็นๆ ทั้งๆ ที่ไม่เคยโดยเรียกไปแบบนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า เด็กหนุ่มรู้สึกเป็นกังวลหากแต่ไม่ได้ปรึกษาหรือปริปากกับใคร แม้แต่เพื่อนสนิทที่นั่งข้างๆ กันอย่างจิณณ์ก็ไม่รู้ถึงความว้าวุ่นใจ ทั้งคู่ยังคงพูดคุยหยอกล้อกันเป็นปกติ จนเมื่อเสียงออดครั้งสุดท้ายดังขึ้นเป็นเวลาเลิกเรียน จิตใจที่พยายามจะสงบของอิสราก็เริ่มถูกระตุ้น

"ไปกินเค้กปะ" จิณณ์เอ่ยชวนเพื่อนอย่างอารมณ์ดี

อิสราอึกอักเล็กน้อย แต่ก็ยอมบอกเพื่อนเสียงอ่อยระคนขอโทษในที

"'โทษที ผอ.เรียกฉันไปหาน่ะ"
"หะ? เรียกไปหา??"
"อือ"

จิณณ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย

"นายไม่เคยโดยเรียกไปแบบนี้เลยนี่หว่า ไปทำไรมาวะ?"
"...เปล่านี่"

อิสราเม้มปากลงเล็กน้อย พร้อมกับกลืนน้ำลายลงคอ เรื่องที่ 'ถูกกอด' เขาไม่เคยปริปากบอกใครมาก่อน และภาวนาในใจขอให้การถูกเรียกพบในวันนี้คงไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น เด็กหนุ่มยื้อเวลาทำใจด้วยการเดินไปที่ห้องผอ.อย่างเชื้องช้า เสียงเพื่อนๆ ร่วมโรงเรียนดังอยู่รอบกายตลอดทางเดิน จนเมื่อถึงหน้าห้อง เขาสูดหายใจเข้าลึก

อิสรายกมือกดอินเตอร์โฟนก่อนจะกรอกเสียงลงไป

"ผอ.ครับ ผมอิสรามาเข้าพบครับ"
"เชิญเลยครับ"

คนข้างในตอบทันทีที่เด็กหนุ่มกล่าวจบประโยค เสียงลั่นของกลอนอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้นเบาๆ เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าประตูสามารถพลักเข้าไปได้ อิสรารู้สึกเหมือนเวลาช่างผ่านไปอย่าเชื่องช้า เมื่อผลักบานประตูและก้าวเข้าไปในห้อง แอร์เย็นฉ่ำก็กระทบกับผิวกาย

"คุณอิสรา เชิญนั่งที่โซฟารอผมสักครู่นะครับ"
"...ครับผอ."

อิสราพอจะจำได้ว่าโซฟาที่ห้องทำงานของผอ. อยู่ที่ไหน แต่ขาของเขาช่างก้าวออกไปอย่างยากเย็นนัก เมื่อเจอโซฟาและนั่งลงแล้ว เด็กหนุ่มก็เทสมาธิไปหูเพื่อฟังว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร เสียงกระดาษดังขึ้นรัวๆ เหมือนเจ้าของห้องกำลังเปิดหาอะไรสักอย่าง ซักพักเสียงย่ำเท้าไปมาก็ดังขึ้น และเสียงเปิดกระดาษยังคงมีอยู่ มีเสียงครางงึมงำในคอเบาๆ เหมือนผู้อำนวยการกำลังบ่นมองหาอะไรสักอย่าง อิสรากำแล้วคลายมืออย่างเก้อๆ ไม่รู้ว่าควรให้ความช่วยเหลือดีหรือไม่ จนเมื่อเสียงร้องเบาๆ เหมือนพบของที่ต้องการดังขึ้น อิสราจึงค่อยๆ สงบใจลง

"ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ" นรินทร์หรือผู้อำนวยการกล่าวพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาอีกตัว
"ไม่เป็นไรครับ"
"คือว่านะ..."

น้ำเสียงที่เป็นการเป็นงานดังขึ้น เป็นเสียงที่เขารู้จักเป็นอย่างดีตั้งแต่ที่เข้าโรงเรียนมาจนถึงบัดนี้ นี่คือผู้อำนวยการที่เขารู้จัก ไม่ใช่ผู้ชายที่อ้อนวอนขออ้อมกอดจากเขาในวันนั้น อิสราไม่กล้าเอ่ยถามถึงวันนั้นและคิดว่าเขาเองควรจะลืมไปเช่นกัน จึงสลัดเรื่องที่กังวลออกไปทั้งหมดและตั้งใจฟังสิ่งที่ผู้อำนวยการนรินทร์กำลังบอก

ทั้งคู่แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมที่จะจัดขึ้นภายในโรงเรียนราวๆ สองชั่วโมงจนตะวันเกือบลับขอบฟ้า นรินทร์ให้เหตุผลว่าที่ผ่านมาในการประชุมคณะครูไม่เคยได้ความเห็นจริงๆ จากนักเรียนเลยทั้งๆ ที่กิจกรรมเกือบทั้งหมดจัดขึ้นเพื่อนักเรียนในโรงเรียน จึงอยากให้เขาซึ่งเป็นตัวแทนนักเรียนได้ออกความเห็นบ้าง ซึ่งความเห็นจากปากมักดีกว่าการเขียนลงบนกระดาษแสดงความคิดเห็นซึ่งกว่าร้อยละ 90 เขียนความเห็นแบบขอไปที

"ผมไม่ใช่คนที่ออกความเห็นเยอะนะครับ"

อิสราแย้งขึ้นอย่างเกรงใจ นรินทร์อมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยท่าทีเป็นกันเอง

"ก็พอรู้ล่ะครับ แต่ก็ยังดีที่คุณตอบผมทุกคำถามนะ"
"...เหรอครับ"
"จะว่าไป พวกเราคุยกันนานมากเลยนะ ไม่ใช่ผมเบียดเวลาอาหารเย็นคุณนะ" นรินทร์กล่าวพร้อมกับหยิบเอานาฬิกาดิจิตอลขึ้นมาเพื่อฟังเสียงบอกเวลา และเสียงที่ได้ยินก็บอกว่าเวลานี้มันค่ำมากแล้ว
"...ค่ำแล้ว ผมว่าพอแค่นี้ก่อนดีกว่า รบกวนเวลาคุณมาก"
"ถ้าผมได้ช่วยผอ. จะอยู่ดึกๆ ก็ได้ครับ"
"สมกับเป็นประธานนักเรียนจริงๆ เลยนะครับคุณอิสรา ขอบคุณมากครับ วันนี้พอก่อนนะ"

นรินทร์รวบเอกสารที่กระจายอยู่บนโต๊ะก่อนจะเชื้อเชิญให้อิสราลุกขึ้น

"ผมต้องมาอีกมั้ยครับ?"

อิสราเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ติดจะเกรงใจอีกฝ่าย นรินทร์ไม่ได้ตอบทันที เขาเดินมาส่งนักเรียนถึงที่หน้าประตูก่อนจะเอ่ยขึ้น

"มาครับ"
"อ่อ งั้นผมขอตัวนะครับ"

อิสรากล่าวลาด้วยน้ำเสียงสุภาพก่อนจะหมุนตัวกลับ แต่ยังไม่ได้ทันได้ก้าวเดินพ้นอาณาเขต เสียงเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความมั่นคงก็ดังขึ้นไล่หลัง มันเป็นประโยคที่ทำให้อิสราถึงกับชะงักอยู่กับที่ พร้อมกับเรียกเอาความรู้สึกประหลาดให้พุ่งขึ้นมา

"เรื่องวันนั้นผมขอโทษนะครับ"

อิสราไม่ได้หันกลับไปฟัง แม้เสียงที่ส่งออกมาจากปากของผู้อำนวยการจะหนักแน่นและกดต่ำแค่ไหน อิสราก็มั่นใจว่าเขาไม่ได้ฟังผิด ขณะที่กำลังสงบจิตใจและควรเอ่ยอะไรตอบกลับไปบ้าง ประโยคต่อมาของนรินทร์ก็ดังขึ้นเสียแล้ว

"วันนี้ขอบคุณนะครับที่มาช่วยผม พรุ่งนี้มาอีกนะ"
"...ครับ"
"ทานข้าวเยอะๆ นะครับ"

แล้วสักพักเสียงประตูที่ถูกปิดก็ดังขึ้นที่ด้านหลัง อิสรายืนนิ่งค้างอยู่หน้าห้องอยู่หลายวินาที ความรู้สึกที่แปลกประหลาดลอยอบอวลไปทั่วหน้าอกและหัวใจที่เต้นระรัวทำให้อิสราต้องยกมือขึ้นมากุมเอาไว้เด็กหนุ่มคิดไปว่าผอ.คงจะลืมไปและไม่ต้องการเอ่ยถึง แต่ก่อนจากกันวันนี้ผู้อำนวยการกลับเอ่ยประโยคขอโทษออกมา

น้ำเสียงที่ได้ยินนั้นหนักแน่นมั่งคงและแฝงความจริงใจออกมาอย่างที่อิสราไม่เคยได้ยิน อิสราแปลกใจละรู้สึกดีใจอย่างประหลาดที่เขาได้พบอีกด้านซึ่งเขาไม่เคยพบมาก่อน ตลอดเวลาที่รู้จักกันก็เป็นเพียงแค่ประธานนักเรียนและผู้อำนวยการเท่านั้น แต่สิ่งที่ได้ยินและความรู้สึกที่สัมผัสได้นั้น...เด็กหนุ่มคิดว่าเขาคงไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ

มันแตกต่างไปจากเดิม

====================================================
เหตุการณ์เริ่มขึ้นหลังจาก รัตติกาลซีรี่ส์


แก้ไขล่าสุดโดย EinZ เมื่อ Thu 03 Aug 2017, 15:58, ทั้งหมด 8 ครั้ง
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Re: Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Sun 06 Mar 2016, 17:15
Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] 206541132

เลือดวายพุ่งเลยค่ะ
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Re: Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Sun 06 Mar 2016, 21:05
ตอนที่ 2


"อรุณสวัสดิ์พี่ไอน์ ตื่นเช้าอีกแล้ว"
"ครับ สวัสดี"

อิสราส่งเสียงทักทายไอรีนที่กำลังจัดกระเป๋าเรียนอยู่ เด็กสาวเมื่อเหลือบเห็นรูมเมทรุ่นพี่ตื่นเช้าก็ส่งเสียงทักในทันที ช่วงนี้อิสรารู้สึกว่าตัวเองตื่นเช้าบ่อยมากขึ้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับได้ แต่มันกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกง่วงงุนในเช้านี้เลย เด็กหนุ่มลุกขึ้นล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะสำรวจตัวเอง เขายกมือขึ้นลูบใบหน้าที่ชุ่มน้ำของตัวเองอย่างช้าๆ แล้วกุมมันเอาไว้

'เรื่องวันนั้นผมขอโทษนะครับ'

น้ำเสียงทุ้มต่ำของผู้อำนวยการยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเขา เกิดมา 17 ปีอิสราไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เขาบอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร มันรู้สึกหน่วงๆ เบาๆ ในอก แต่บางครั้งมันก็ดูน่าตื่นเต้นหอมหวานอยู่ในที และบางครั้งมันก็ทำให้เขาหลงใหลอยากเข้าใกล้ใครบางคน

คิดแล้วอิสราถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ พร้อมตกใจตัวเอง เด็กหนุ่มตบหน้าตัวเองเบาๆ สองสามครั้งแล้วรีบแต่งตัวไปเรียน

"ไอน์"
"ง-ไง!!"
"ตกใจไรวะ"

จิณณ์ที่เดินมาทักด้านหลังเพื่อนขมวดคิ้วสงสัยกับอาการตกใจของอิสรา โดยปกติแล้วอิสราจะรู้ตัวว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้ ไม่มีครั้งไหนที่ทักแล้วเจ้าตัวจะสะดุ้งตกใจขนาดนี้ หากแต่เด็กหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย เพื่อนคงมีทีเผลอทีเหม่อลอยอยู่บ้าง

"ช่วงนี้เห็นแกมานั่งโต๊ะก่อนทุกทีเลยแหะ ปกติมาพร้อมกันนี่นา"
"ขยันว่ะ"
"ฮ่าๆ ให้มันขยันแบบนี้ทุกวันแล้วกันคุณประธาน"
"เราก็ขยันตลอด"
"เหรออออ"

จิณณ์ลากเสียงยาวล้อเลียนเพื่อน เรียกเอารอยยิ้มกว้างๆ ที่นานๆ จะออกมาทีของอิสรา ทันทีที่หย่อนตัวลงที่เก้าอี้ จิณณ์ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

"เอ้อ เมื่อวานเป็นไงบ้างวะ"
"เมื่อวาน?"
"เอ้า โดนผอ.เรียกไปหานิ"
"..."

เมื่อถูกเพื่อนสะกิด เด็กหนุ่มถึงกับนิ่งเงียบ ประโยคที่คิดว่าไม่ควรเก็บมาาคิดกลับลอยวนเวียนขึ้นมาในหัวจนถึงกับทำให้อิสราชะงัก ในอกของเด็กชายรู้สึกวูบไหวเล็กน้อย อิสราข่มความรู้สึกแปลกๆ ไว้แล้วยิ้มที่มุมปากนิดหน่อยก็จะเสตอบไป

"ไม่ไง ไปช่วยงานน่ะ"
"เอ้าเรอะ ผอ.ไม่ได้ป่วยอะไรใช่มั้ย"
"...ไม่นะ"

อิสราเองก็เคยนึกสงสัยอยู่เช่นกันว่าทำไมเมื่อาทิตย์ก่อนผอ.ถึงต้องไปนอนอยู่ที่ห้องพยาบาล แถมยังมีท่าทีแปลกๆ อีกด้วย แต่เด็กหนุ่มก็ไม่สงสัยอะไรไปมากกว่านั้น เนื่องด้วยไม่ใช่กิจของตนแถมอาจจะเป็นการก้าวก่ายผู้ใหญ่มากเกินไปอีกด้วย

การเรียนในต้นเทอมยังผ่านไปอย่างช้าๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น อิสราเดินผ่านห้องธุรการในช่วงพักเที่ยงและตอนนั้นเองก็มีเสียงเรียกรั้งเด็กหนุ่มเอาไว้

"อิสรา"
"ครับ?"

เสียงที่เรียกเอาไว้เป็นเสียงของเลขาฯ สาวของผู้อำนวยการ ช่วงนี้ดูเธอจะหมั่นแวะทำธุระต่างๆ แทนผู้อำนวยการอยู่เสมอ อิสราก็ยังติดใจสงสัยอยู่ว่าผู้อำนวยการอาจจะยังไม่สบายอยู่ แต่เมื่อวานที่ไปพบ ทุกอย่างกับปกติดี แน่นอนว่าเด็กหนุ่มสงสัยแต่ไม่อยากถามหรือสืบเอาความใดๆ

อิสรายืนนิ่งอยู่กับที่ รอให้อีกฝ่ายเข้ามาหาหรือพูดอะไร อาจจะดูเสียมารยาทแต่การรีบทะเล่อทะล่าเข้าไปหาอาจจะเป็นอันตรายกับอิสราเอง ซึ่งข้อนี้บุคลากรในโรงเรียนต่างทราบข้อปฏิบัติต่อนักเรียนที่มีความพิการแตกต่างกันเป็นอย่างดี จึงไม่คิดว่าเป็นการเสียมารยาทแต่อย่างใด

เลขาฯสาวย่างก้าวมาหยุดตรงหน้าเด็กหนุ่มที่สูงกว่าเธอเล็กน้อย

"เมื่อวานได้ไปพบผอ.รึเปล่าคะ?"
"ไปมาแล้วครับ"
"ผอ.ว่ายังไงบ้าง โอเคมั้ย?"

อิสราไม่รู้ว่าคุณรัตติกาลถามว่าเขาโอเคหรือถามว่าผู้อำนวยการโอเค แต่น่าจะหมายถึงโดยรวม เด็กหนุ่มตอบไปตามความจริง ทุกอย่างดูดีมาก ยกเว้นก่อนจะกลับ...

"ดีค่ะ ดิฉันก็นึกแปลกใจว่ามีอะไร แค่ไปช่วยงาน...สินะ"
"ครับ"

ทำไมยิ่งพยายามระงับอารมณ์ ทุกคนรอบกายเขาก็เหมือนจะยิ่งพูดบางอย่างให้เขานึกถึง อิสราเม้มปากบอกลารัตติกาล โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมองตามหลังอย่างเป็นห่วง รัตติกาลพอจะฟันธงได้ว่านรินทร์นั้นเป็นอะไร และยิ่งยืนยันได้จากการได้เห็นการกระทำของนรินทร์ต่ออิสราผ่านหน้าจอวันนั้น แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะไม่ติดใจอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง หญิงสาวผมดำถอนหายใจสั้นๆ คลายความกังวล ซึ่งเธอคิดผิด...

เมื่อกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น อิสราก็ยังคงเก็บของและออกจากห้องอย่างเชื่องช้ากว่าทุกวัน

"ไอน์ เค้กปะ อยากกิน"
"เอ่อ... วันนี้ไม่ละกัน"
"ไรวะ ปกตินายชอบเค้กนิ"

อิสรายิ้มแห้งๆ ให้กับคำตัดพ้อของเพื่อนสนิท

"ต้องไปหาผอ.น่ะ"
"หะ... โดนเรียกอีกแล้วเหรอ?"
"อืม"

จิณณ์มองเพื่อนที่ก้มหน้าตอบก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ แล้วตบไหล่เพื่อนหนึ่งทีก่อนจะสะพายกระเป๋าออกจากห้องเรียน เหลือเพียงเด็กหนุ่มที่ยังคงนั่งติดเก้าอี้อยู่ ความเงียบเข้ามาแทนที่ห้องเรียนอันวุ่นวาย มันเงียบเสียจนอิสราสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง

วันนี้เขาควรจะทำตัวเช่นไรนะ? เมื่อก่อนไม่เคยต้องมาขบคิดว่าควรทำตัวยังไงเมื่อเข้าพบผอ. แต่จากวันนั้นแล้ว เขาไม่สามารถทำตัวตามปกติได้เลย เด็กหนุ่มรู้สึกกังวล และไม่รูว่าต้องทำตัวเช่นไร เพราะเขารู้สึกต่อผู้อำนวยการแปลกไปจากที่เคย

รู้สึกแปลกไป

อิสรารู้แค่ว่ามันไม่เหมือนเดิม แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเพราะอะไร จนในที่สุดเด็กหนุ่มก็สรุปอย่างตัดบทว่าเขาคงคิดมากไปเอง มันไม่มีอะไร แล้วลุกจากห้องเรียนที่ร้างผู้คน เดินไปตามโถงที่ไร้วี่แววของนักเรียน เดินเรื่อยๆ ไปตามทางจนไปหยุดอยู่ที่หน้าห้อง อิสรากลืนน้ำลายลงอย่างฝืนๆ แล้วกดอินเตอร์โฟนเรียก

"ผอ.ครับ ผมอิสรานะครับ"
"..."

วันนี้คนข้างในไม่ได้ตอบกลับในทันทีแบบเมื่อวาน อิสรายังใจเย็นยืนรออยู่หลายสิบวินาที ขณะที่มือกำลังเอื้อมไปด้านหน้าเพื่อส่งเสียงอีกครั้ง เสียงที่ดังออกมาก็ทำให้เด็กหนุ่มหยุดชะงัก

"มาแล้วเหรอครับ เชิญเข้ามาได้ครับคุณอิสรา"

สิ้นประโยคเสียงกลอนประตูก็ดังขึ้น อิสราผลักประตูแล้วก้าวเข้าไปอย่างระมัดระวัง แอร์ที่เย็นฉ่ำกระทบกับผิวกายอีกครั้ง อิสรารู้สึกเหมือนได้กลิ่นที่ 'คุ้นเคย' บรรยากาศวันนี้ไม่ต่างจากเมื่อวาน เด็กหนุ่มระงับความว้าวุ่นและหัวใจที่ไม่สงบให้สงบลง พลางก้าวไปด้านหน้า

"เชิญครับ"
"ครับผอ."

ผู้อำนวยการยังคงไว้ความสุภาพและน้ำเสียงที่ดูเป็นกันเองกับเขา เสียงวางเอกสารที่ถูกแปลงเป็นอักษรเบลล์ถูกวางลงที่โต๊ะแก้วด้านหน้า อิสราถอดกระเป๋าที่สะพายออกไว้ข้างลำตัวพลางเอื้อมไปหยิบเอกสารขึ้นมาอ่าน

"เพิ่งเลิกเรียนเหรอครับ?"
"เอ่อ...เลิกนานแล้วครับ"
"งั้นเหรอ”

อิสราไม่รู้ว่าตัวเองควรจะต่อประโยคเช่นไร เพราะไม่ใช่คนพูดเก่ง เขาก้มหน้าลงแล้วใช้ปลายนิ้วสัมผัสอักษรที่เรียงรายอยูบนกระดาษ

"นี่คือกิจกรรมที่ผอ.คิดเหรอครับ"
"ครับผม"
"ดูน่าสนใจมากเลยครับ"

อิสราไล่อ่านอย่างเพลิดเพลิน ระหว่างที่ไล่ดูรายละเอียดอย่างคร่าว น้ำเสียงที่เบาบางของผู้อำนวยการก็ลอยขึ้นมา

"ผมคิดว่าคุณจะไม่มาซะแล้ว"

ปลายนิ้วของอิสราหยุดชะงัก

"ผมขอโทษที่มาช้าครับผอ."
"ผมไม่ได้ว่าอะไรครับ ไม่ต้องขอโทษก็ได้"
"แต่ว่า..."
"ผมต้องขอบคุณที่คุณมาต่างหาก งานนี้ผมเป็นคนขอร้องให้คุณช่วยนะครับ"

อิสราผ่อนคลายท่าที เด็กหนุ่มคิดไปว่าเขาคงทำกิริยาไม่เหมาะสมที่มาช้า แต่ดูเหมือนผู้อำนวยการจะ
ไม่ได้ติติงเรื่องที่เขามาช้าแต่อย่างใด

"ผมเป็นประธานนักเรียนนะครับ งานไหนที่ได้ช่วยผอ.ผมเต็มใจเสมอ"
"ครับๆ" นรินทร์ตอบพร้อมกลั้วหัวเราะเพียงน้อย

เนื่องจากอิสรามาช้า ทั้งคู่นั่งปรึกษางานกันไปเพียงชั่วโมงก็ต้องหยุด นรินทร์ถือวิสาสะดึงกระดาษออกมาจากมือของเด็กหนุ่มคนขยัน อิสราที่เป็นคนขี้เกรงใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งรู้สึกผิดและเกรงใจหนัก เขานึกโทษตัวเองอยู่ในใจว่าไม่น่าคิดมาก หรือกังวลอะไรจนต้องมาช้าแบบนี้เลย อีกฝ่ายก็แค่จะให้มาช่วยงานแท้ๆ

"เพิ่งเริ่มเองนะครับผอ."
"พอแล้วครับ เดี๋ยวให้พวกครูหรือฝ่ายกิจการนักเรียนเค้าทำต่อเถอะ"
"แต่ผมอยากช่วย"
"หืม?"
"ผมมาช้านะครับ"

นรินทร์เอียงคอพลางขบคิด ถ้าเด็กหนุ่มสุดเงียบขรึมที่เขารู้จักเอ่ยออกมาเช่นนี้ แสดงว่ากำลังรู้สึกผิดและต้องการจะทำอะไรบางอย่างเพื่อชดใช้ความผิดสินะ นรินทร์กลั้วหัวเราะในคอเบาๆ ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ

"งั้นอยู่ช่วยผมอย่างนึงได้มั้ย?"
"อะไรครับ"

อิสรารีบตอบอย่างกระตือรือล้น สักพักอิสราก็รู้สึกเหมือนนรินทร์กำลังลุกออกจากโซฟาไปที่ไหนซักที่ในห้องทำงานแห่งนี้ เสียงเปิดตู้ดังขึ้นเบาๆ และสักพักเสียงย่ำเท้าก็กลับมาที่เดิม อีกฝ่ายกำลังนั่งลงบนโซฟาและเสียงของกล่องกระดาษที่มีน้ำหนักถูกวางลงบนโต๊ะแก้วแทนที่ของกองเอกสาร

"นี่ครับ มา'ช่วย'ผมหัดเล่นเจ้านี่ที"
"ครับ?"
"เกมเศรษฐีไงครับ"
"อ-เอ๋..."

อิสรารู้สึกเลิกลั่ก จู่ๆ เขาก็ถูก 'ผู้อำนวยการสถานศึกษา' ชวนเล่นเกมซะงั้น อิสราไม่รู้ว่าควรจะตอบตกลงไปดีหรือไม่ หากจะปฏิเสธก็คงจะเป็นการเสียมารยาท เด็กหนุ่มจึงตอบตกลงจะเล่นกับผู้อำนวยการด้วยน้ำเสียงเบาหวิว

กระดานที่ถูกออกแบบให้ใช้ปลายนิ้วสัมผัสและลูกเต๋าแบบพิเศษถูกจัดวาง ดูเหมือนนรินทร์จะเคยเล่นมาก่อน แต่สำหรับอิสราเค้าเคยเล่นแต่บนมือถือเท่านั้น ไม่เคยเล่นแบบที่ต้องมีกระดาษหรือลูกเต๋าให้จับแบบนี้เลย

"ผมเคยเล่นแต่บนมือถือ"
"โทษทีนะครับ ผมมันโลวเทคน่ะ"
"อ-เอ่อ..." นี่เราไปว่าเขาโบราณรึเปล่านะ อิสราคิด
"มาเล่นแบบ Manual เป็นเพื่อนผมหน่อยละกันนะครับ"
"ครับผอ."

แต้มถูกทอยครั้งแล้วครั้งเล่า อิสรารู้ตัวดีว่าตัวเองไม่ค่อยมีดวงเท่าไหร่ และครั้งนี้ก็คงจะเป็นเช่นกันไม่ว่าจะทอยกี่ครั้งก็ซุ่มเสี่ยงจะหมดตัวเสียเหลือเกิน จนนรินทร์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามต้องเอ่ยขึ้น

"ผมก็นึกว่าผมเล่นไม่เป็น เล่นกับคุณรัติทีไรถึงหมดตัว แต่ผมว่าคงไม่ใช่แล้วล่ะ"
"..." อิสราถึงกับเงียบกริบกับการล้มละลายและพ่ายแพ้ให้กับนรินทร์ ผู้อำนวยการส่งเสียงขำคิกออกมาในแบบที่อิสราไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่เสียงกระแอ่มไอก็ดังขึ้นก่อนที่น้ำเสียงราบเรียบและมีความเป็นกันเองอยู่ในทีแบบฉบับเดิมจะกลับมา
"พอดีกว่า รบกวนคุณมากแล้ว"
"ถ้าได้ช่วยผมก็ดีใจครับ"
"ครับ ช่วยได้มากเลย ช่วยมาเล่นกับผมเนี่ย ผมสนุกมาก"
"..."

เกิดการเดธแอร์เพียงชั่วครู่ อิสราคิดว่าตนควรพูดอะไรออกไปบ้าง ก่อนที่สมองจะประมวลผล ปากที่มักจะตรงกับใจ (จนกลายเป็นตรงไปตรงมา) ก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน

"ผมก็สนุกครับ"
"..."

พูดแล้วอิสราก็ต้องกลืนน้ำลาย อีกฝ่ายเงียบไปหลายวินาที ก่อนที่น้ำเสียงในแบบของเย็นวานนั้นที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนจะดังขึ้น

"ไว้พรุ่งนี้... มาเล่นกับผมอีกซักเกมได้มั้ยครับ"

อิสราจำไม่ได้ว่าตัวเองตอบตกลงไปหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ น้ำเสียงที่ทุ่มต่ำที่เขาไม่คุ้ยเคยยังคงลอยวนเวียนอยู่ในหัว เด็กหนุ่มจำไม่ได้ว่าตัวเองกลับมาที่ห้องได้ยังไง เขาล้มตัวลงนอนทั้งชุดนักเรียนและนิ่งค้างคิดถึงคำขอร้องที่เพิ่งได้ยินมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

ผู้อำนวยการไม่ได้ชวนเล่นแบบขอไปทีหรือชวนแบบหยอกเย้าแบบที่ผู้ใหญ่หยอกเด็ก น้ำเสียงและความรู้สึกที่ถูกส่งออกมาทำให้เด็กหนุ่มใจเต้นระส่ำ ความโหยหาอันบางเบาที่เด็กหนุ่มสัมปัสได้นั้นคืออะไร นั่นใช่ผู้อำนวยที่เขารู้จักจริงๆ หรือเปล่า อิสรายกมือขวาขึ้นกำเสื้อที่อกขางซ้ายของเขาไว้แน่น ความรู้สึกแปลกๆ ลอยอบอวนไปทั่ว และดูเหมือนมันจะหนักข้อมากขึ้น เด็กหนุ่มหลับตาลงพลางพ่นลมหายใจ

ตอบไปว่าอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่าพรุ่งนี้เขาจะไม่ยอมไปสายแน่นอน


แก้ไขล่าสุดโดย EinZ เมื่อ Mon 14 Mar 2016, 02:20, ทั้งหมด 1 ครั้ง
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Re: Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Mon 07 Mar 2016, 21:34
ปูเสื่อเลยค่ะ

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] 2578617245
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Re: Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Mon 07 Mar 2016, 21:38
Dear พิมพ์ว่า:ปูเสื่อเลยค่ะ

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] 2578617245

ขอบคุณครับ
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Re: Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Thu 10 Mar 2016, 04:43
ตอนที่ 3


เด็กสาวยืนเช็ค BPM ด้วยมือถือเพื่อดูว่าหัวใจของตัวเองปกติหรือไม่ก่อนออกจากห้อง ขณะที่กำลังยืนนิ่งรอผลอยู่ ไอรีนก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า วันนี้อิสรารูมเมทรุ่นพี่ไม่ได้ตื่นเช้าเหมือนหลายวันที่ผ่านมา เด็กสาวยิ้มที่มุมปากพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นมาน้อยๆ คงกลับมาเป็นอิสราคนเดิมแล้วสินะ ขณะที่กำลังต้องอยู่ในห้วงความคิด ตัวเลขบอก BPM ก็ปรากฏขึ้น สีหน้าของเด็กสาวแสดงความโล่งใจ แล้วสักพักเสียงกุกกักก่อนที่ร่างโซเซๆ ทรงผมยุ่งๆ ของรูมเมทจะปรากฏสู่สายตา

"อรุณสายๆ ค่ะพี่ไอน์"
"อืม... ดีครับไอรีน"

อิสราลูบหน้าตัวเองไปมาหวังปลุกให้ได้สติ ก่อนจะไต่ถามเพื่อนร่วมห้อง เสียงของไอรีนอยู่ห่างออกไปในทิศใกล้กับประตูห้อง คงจะกำลังไปที่ตึกเรียนสินะ แต่อยู่แบบนั้นแสดงว่ากำลังเช็คความปกติการเต้นของหัวใจอยู่แน่นอน เด็กหนุ่มคิดคำนวณในใจ

"หัวใจโอเคมั้ยครับไอรีน"
"ดีค่ะพี่ไอน์"
"ครับ ทำอะไรอย่าหนักมากนะ"
"แหะๆ ค่ะ ไอรีนไปก่อนนะคะ"
"ครับผม"

เสียงปิดประตูดังขึ้น อิสราถอนหายใจเล็กน้อย เมื่อคืนเขารู้สึกว่าได้นอนหลับสบายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หลังจากที่นอนหลับๆ ตื่นๆ มาหลายคืนติดๆ กัน

แถมวันนี้ยังตื่นสาย...ไม่สิ ตื่นเวลาปกติของตัวเองเสียด้วย อิสรานึกแล้วยิ้มให้กับตัวเอง

'ไว้พรุ่งนี้... มาเล่นกับผมอีกซักเกมได้มั้ยครับ'

อิสราที่กำลังแปรงฟันคิดถึงประโยคนั้นที่ได้ยินเมื่อวาน ไม่รู้หรอกว่าผู้อำนวยการจะตั้งใจชวนเขาให้มาจริงๆหรือเปล่า แต่ในเมื่อตอบ 'ตกลง' ไปแล้ว วันนี้อิสราก็ไม่อยากปฏิเสธหรอกนะ อีกอย่าง...เด็กหนุ่มรู้ใจตัวเองดีว่ามันเรียกร้องอยากจะได้ยินเสียง อยากใช้เวลาแม้เพียงน้อยกับ 'ผู้ชายคนนั้น' มากแค่ไหน มันมีมากขึ้นจนเขาเองก็ประหลาดใจตัวเอง

เสียงที่ได้ยินเมื่อวาน มันทำให้เขาอยากไปหา และอยากรู้ว่า... อะไรทำให้ผู้ชายที่ได้ตำแหน่งผู้อำนวยการของโรงเรียน ยิ้มแย้มและมีท่าที่ที่เจิดจรัสแจ่มใสอย่างเขา ถึงได้เข้ามากอด เรียกร้องและพูดประโยคที่เหมือนกำลังโหยหานั้นกับเขาได้

อยากรู้จักให้มากกว่านี้จัง

"อ้าว เฮ้ย! มาพร้อมกัน!?"
"เออ...หวัดดี"
"ดีท่านประธานฯ รีบเถอะจะเข้าแถวแล้ว"
"ครับๆ คุณเพื่อน"

จิณณ์ส่งเสียงประหลาดใจเมื่อพบหน้าอิสราที่หน้าห้องเรียน หลายวันมาแล้วที่อิสราจะมาแต่เช้าจนเหมือนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่วันนี้เขากลับมาพร้อมๆ กับเพื่อนสนิทเหมือนแต่ก่อน จิณณ์งงนิดหน่อยแต่ไม่ได้ติดใจเอาความอะไรก่อนจะกึ่งเดินนำเพื่อนให้รีบเข้าแถว

การเข้าแถวที่โรงเรียนประธานนักเรียนไม่จำเป็นจะต้องยืนพูดหรือทำพิธีหน้าเสาธงอะไรมากมาย ฉะนั้นอิสราจึงเหมือนเด็กนักเรียนคนอื่นๆ ที่ต้องเข้าแถวพร้อมกับเพื่อนร่วมสายชั้น เมื่อการเคารพธงชาติจบลง ผู้อำนวยการก็จะขึ้นมากล่าวปราศรัยเล็กน้อย ระหว่างนั้นจิณณ์ก็กระซิบกระซาบกับอิสราที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ

"ไอน์"
"หือ..?"

ทั้งคู่พูดคุยด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ

"เมื่อวานเป็นไง"
"เมื่อวาน?"
"ไปหาผอ.มานิ"
"...อ่อ"

อิสราเบิกตาเล็กน้อย จิณณ์จ้องไปปากของอิสราไม่กระพริบ อีกฝ่ายพยายามขยับปากให้ชัดเจนแต่เบาเสียงให้ดังน้อยที่สุด

"ไม่มีอะไร โอเคดี"
"อ่อ...อืมๆ"

จิณณ์ส่งเสียงงึมงำในคอ พอดีกับที่นรินทร์กล่าวปราศรัยจบ ทุกคนต่างแยกย้าย อิสรารู้สึกขัดใจนิดหน่อยที่ไม่ทันได้ฟังว่าช่วงท้ายนรินทร์พูดอะไร จะถามเพื่อนก็จะกระไรอยู่ จึงปล่อยผ่านไป แต่ถ้าสงสัยมากๆเย็นนี้จะไปหาผอ.อยู่แล้วก็ค่อยถามแล้วกัน แล้วผอ.จะต่อว่าอะไรเขามั้ยนะ...

คิดแล้วอิสราก็ต้องตกใจตัวเองอีกครั้ง ทำไมเขาถึงกลายเป็นคนหาเหตุผลกระจุกกระจิกเพื่อไปพบผอ.ได้นะ เด็กหนุ่มส่ายหัวสะบัดไล่ความคิดก่อนจะหยิบเอกสารการเรียนขึ้นมา โดยไม่รู้ว่ากำลังโดนเพื่อนสนิทนั่งมองดูอยู่

ตกเย็น ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี และเช่นเดิมที่จิณณ์จะมาชวนเพื่อนไปที่ร้านเค้ก

"วันเสาร์แล้วกัน..."
"ไรว้า โดนเรียกอีกแล้วเหรอ"
"อือ..."
"เอาเถอะ วันเสาร์นะเว้ย!"
"เออน่า"

อิสราบอกลาเพื่อนก่อนจะเก็บกระเป๋า วันนี้ไม่เหมือนเมื่อวาน เด็กหนุ่มรู้แล้วว่านรินทร์ไม่ใช่คนที่จะดุด่าหรือเข้มงวดอะไรมากมาย อาจจะเพราะเป็นการนัดพบนอกเวลาราชการ และอาจจะเป็นแค่ 'คำขอร้อง' ส่วนตัว ที่อิสราจะตอบรับหรือไม่ก็ได้ จึงไม่ได้กำหนดว่าต้องไปหาโดยเร็ว แต่วันนี้เด็กหนุ่มจะไม่ยอมไปช้าแน่นอน

ไม่อยากให้รอนาน นี่คือความคิดหนึ่งที่เด็กหนุ่มรู้สึกได้จากข้างใน เขาหยุดเดินก่อนจะยกมือขึ้นกุมที่อกข้างซ้าย ที่ที่หัวใจของเขากำลังเต้นระรัว...

แปลก...มันแปลกมากขึ้นทุกวัน

"ผมอิสราครับผอ."

เด็กหนุ่มกดอินเตอร์โฟนหน้าห้องและกรอกเสียงลงไป ไม่นานเจ้าของห้องก็ตอบกลับพร้อมกับเสียงกลอนประตูที่ดังขึ้นดังเช่นทุกครั้งที่อิสรามาหา หลังๆ มาเด็กหนุ่มรู้สึกว่าการก้าวผ่านประตูห้องนี้ช่างหลากหลายอารมณ์เหลือเกิน ก่อนหน้านั้นก็กลัว วันก่อนก็กังวล และวันนี้เขารู้สึก...ตื่นเต้นดีใจที่ได้มา

ใช่แล้วล่ะ...อิสราดีใจที่ได้มาพบนรินทร์อีกครั้ง

"เชิญครับคุณอิสรา รอผมที่โซฟาที่เดิมแป๊บนึงนะ ผมเคลียร์เอกสารก่อน"
"อ่อ...ครับ"

เคลียร์งานงั้นเหรอ?

"เอ่อ... วันนี้มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ?" อิสราที่หย่อนตัวนั่งลงบนโซฟาเรียบร้อยแล้วเอ่ยถาม แต่อีกฝ่ายแค่ฮึ่มฮัมในคอเบาๆ ว่า 'ไม่มีหรอก...' เท่านั้น แล้วซักพักเสียงปิดแฟ้มก็ดังขึ้น และเสียงย่ำฝีเท้าซึ่งตรงมายังจุดที่เขานั่งอยู่ก็ดังสะท้อนในหู
"หิวน้ำมั้ยครับ?"
"นิดหน่อยครับ"
"รออีกแป๊บน้า..."

เอ๋...ไม่เคยได้ยินผอ.พูดน้ำเสียงสบายๆ แบบนี้มาก่อนเลย อิสรานึกในใจ

เด็กหนุ่มได้ยินเสียงเจ้าของห้องเดินขึ้นบันไดที่มุมหนึ่งของห้อง จากจังหวะแล้วดูท่าจะคล่องแคล่วน่าดู อิสรานึกทึ่งอยู่ในใจ กว่าเขาจะเดินขึ้นลงบันไดด้วยตัวเองได้ก็หกเจ็ดขวบ แม้แต่ตอนนี้ห้องนอนของเขายังอยู่ที่ชั้นล่างของบ้านเลย จะเดินขึ้นลงแต่ละทียังเสียวๆ แต่นี้ผอ.กลับเดินได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนคนตาดี สมกับเป็นผอ.จริงๆ

แม้ที่โรงเรียนหอพักกับห้องเรียนจะอยู่คนละชั้น แต่เพราะเป็นโรงเรียนชั้นนำสำหรับผู้พิการ อิสราเลยแทบไม่ได้ใช้บันได ขณะที่กำลังนั่งนึกอะไรเพลินๆ เสียงแก้วน้ำที่กระทบกับโต๊ะแก้วและกล่องกระดาษบางอย่างก็ดังขึ้นเรียกสติเด็กหนุ่ม

"ผมมาแล้วครับ"
"ครับผอ."

แต่ยังไงซะนี่ก็คือผู้อำนวยการ ไม่ใช่เพื่อนเล่น อิสราข่มความรู้สึกที่ตัวเขานั้นเรียกมันว่าความรู้สึกแปลกๆเก็บไว้ในซอกหลืบของหัวใจ แล้วแสดงออกด้วยท่าทีที่สุภาพ ไว้ท่าที

นรินทร์เชิญชวนให้เด็กหนุ่มดื่มน้ำและพูดคุยไต่ถามเรื่องการเรียนของวันนี้เล็กน้อย พูดคุยด้วยท่าทีสุภาพและเป็นกันเองอยู่ในทีเฉกเฉนเมื่อวานที่ได้พบกัน อิสรารู้สึกว่าวันนี้ผู้อำนวยการไม่ได้เอาเอกสารมา ครั้นจะท้วงว่ามีงานหรือไม่ก็เป็นการเสียมารยาท แต่จะให้มานั่งเล่นดื่มน้ำเฉยๆ ก็ใช่ที เด็กหนุ่มจึงเอ่ยขึ้น

"วันนี้มีงานอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ"
"งานเหรอ...อืม"

อิสราใจจดใจจ่อรอฟัง

"งานเป็นเพื่อนเล่นผมมั้งครับ"
"ครับ?"

เด็กหนุ่มคิดว่าตนฟังผิดไป อิสรานิ่งอึ้งไปซักพักก่อนที่เสียงหัวเราะเครือๆ ของนรินทร์จะดังขึ้น เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าควรทำตัวเช่นไร จึงยิ้มแห้งๆ ตอบกลับเจ้าของห้อง

"คุณอิสราจะเป็นประธานนักเรียนตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าผมเลยเหรอครับ"
"ยังไงครับ?"
"ก็...จะมาหาผมได้เฉพาะเวลางานไง นี่มาถึงก็ถามหาแต่งาน"
"...ก็ผม...."

แล้วคุณอยากให้ผมมาหาเพราะเรื่องอะไรล่ะถ้าไม่ใช่งาน อิสรานึกในใจอย่างงงงวยแต่ไม่ได้พูดออกไปอีกฝ่ายถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แปลกไป

"ผมรบกวนคุณรึเปล่าครับ?"
"ไม่เลยครับผอ." แน่นอนว่าอิสราตอบแทบจะทันควัน นรินทร์อมยิ้มเล็กน้อย
"ถ้างั้น วันนี้ช่วยงานผมหน่อยนะ...ถือซะว่ามาอยู่เป็นเพื่อนผม คืองานเล็กๆ ละกัน ผมขอร้องในฐานะผอ.เลย"
"ม-ไม่ต้องหรอกครับผอ."
"ได้ใช่มั้ยครับ?"
"...ครับ"

เกิดอาการนิ่งเงียบไปชั่วครู่ แต่ไม่มีบรรยากาศน่าอึดอัดใดๆ อิสรารู้โดยสัญชาตญาณว่าอีกฝ่ายกำลังส่งยิ้มละไมมาที่เขา พลอยทำให้เด็กหนุ่มใจเต้นแรงขึ้น รู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าทั้งที่ในห้องเปิดแอร์เย็น ก่อนที่ความรู้สึกในอกจะทะลักออกมามากกว่านี้ เด็กหนุ่มร้อนรนรีบพูดขึ้นทำลายบรรยากาศนี้

"ล แล้ว..จะให้ผมช่วยอะไรครับ เกมเศรษฐีอีกเหรอครับ?"

ถ้าจำไม่ผิด อิสราได้ยินเสียงกล่องอะไรบางอย่างเหมือนเมื่อวาน แต่แล้วสิ่งที่ได้ยินกลับเป็นเกมสร้างเมืองอีกแบบ ที่ผู้เล่นต้องเล่นด้วยกันเป็นกลุ่มเท่านั้น อิสราฟังผออธิบายกติกาอย่างตั้งใจ และดูจะเป็นเกมใหม่สำหรับเขาอีกทั้งยังน่าสนใจไม่น้อย เพราะนอกจากดวงแล้วยังต้องพึ่งไหวพริบอีกด้วย...แบบนี้ค่อยมีความหวังไม่อับจนหน่อย

"ผมก็ไม่เคยเล่นเกมนี้นะ มาลองกันก่อนดีกว่า ถ้าผมชินแล้วเดี๋ยวเอาไปข่มคุณรัติต่อ"
"ครับ"
"คุณทอยก่อนละกัน"
"อ่า...ได้ครับ"

ในคราแรกทั้งคู่ยังตะกุกตะกักในการเล่น เพราะยังมือใหม่กับเกมกระดานสร้างเมืองทั้งคู่ เกมที่เป็นเหมือนบันไดงูแต่ก็มีการสร้างเมืองควบไปด้วย อีกทั้งยังมีการคิดคะแนนหลายแบบ ทำเอาชายหนุ่มทั้งคู่ถึงกับมึน แต่ผ่านไปซักพักใหญ่ๆ ทั้งคู่ก็เริ่มชินมือ และมีเสียงหัวเราะ เสียงโห่ร้องด้วยความชอบใจดังขึ้นเป็นระยะๆ กำแพงความเคารพที่อิสราสร้างขึ้นก็เริ่มบางลงๆ เรื่อยๆ

และเขาก็เหมือนได้สัมผัสตัวตนที่เหมือนกับเด็กผู้ชายในตัวผู้อำนวยการได้ในบางครั้ง...

"เฮ้อ... จบซะที แพ้คุณอิสราจนได้"
"เพิ่งจะเล่นเป็นครับ เดี๋ยวผอ.ก็เก่ง"
"ครับ เอ้อ กี่โมงแล้วเนี่ย"

นรินทร์ยกนาฬิกาขึ้นมาฟังเสียง มันเป็นเวลาที่ถือว่าค่ำมากแล้ว เวลานี้นักเรียนหลายคนคงเข้าหอเรียบร้อย แต่อิสรายังอยู่ เจ้าตัวเองพอได้ยินเวลาก็เริ่มลุกลี้ลุกลน แบบนี้ไอรีนจะเป็นห่วงเขามั้ยนะ?

"คุณอิสรา...ดึกมากแล้ว พอแค่นี้ละกันครับ รีบกลับห้องแล้วกัน"
"ครับผอ. ผมลานะครับ"
"ครับผม วันนี้ขอบคุณมากนะ"

อิสราลุกขึ้นทำท่าจะจากไป แต่แล้วเสียงของนรินทร์ก็รั้งเขาเอาไว้

"ทานข้าวยังครับ?"
"เอ๋..."

มันเป็นเรื่องปกติมั้ยนะ ที่ผู้อำนวยการจะถามนักเรียนแบบนี้ อิสราหยุดเดินก่อนจะหันไปตอบตามต้นเสียง

"ยังครับ"
"..."

นรินทร์นิ่งเงียบไปชั่วครู่

"ถ้าไม่รังเกียจ ทานข้าวเย็นกับผมซักมื้อมั้ย?"


แก้ไขล่าสุดโดย EinZ เมื่อ Mon 14 Mar 2016, 02:21, ทั้งหมด 1 ครั้ง
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Re: Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Thu 10 Mar 2016, 11:56
Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] 4224095364 Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] 4224095364 Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] 4224095364
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Re: Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Thu 10 Mar 2016, 12:19
Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] 2578617245 Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] 2578617245 Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] 2578617245
Nearmoki-2b
Nearmoki-2b
เทียบเท่ามัธยมศึกษาปีที่ 1
INFO.Narin
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน

Star Piece0
CHIPS+65 M 413 K 676
Credit
Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Exp111100 / 100100 / 100Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Exp211

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Re: Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Fri 11 Mar 2016, 02:42
Message reputation : 100% (1 vote)
Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] 869502462 เขินจัง แก่แล้วแต่เล่นเหมือนเด็กๆเลย

Signature ------------------------------------------------>
Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Ckbaw
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Re: Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Fri 11 Mar 2016, 03:21
ตอนที่ 4


"ถ้าไม่รังเกียจ ทานข้าวเย็นกับผมซักมื้อมั้ย?"

อิสราหยุดก้าวเท้าพร้อมกับลมหายใจที่สะดุดลง ความรู้สึกบางอย่างพวยพุ่งขึ้นมากระตุกที่หัวใจเขาเหมือนเท้าที่ชะงักลง แต่เด็กหนุ่มกลับหยุดความรู้สึกนั้นแล้วคิดในใจว่าผู้อำนวยการคงแค่ชวนไปตามมารยาท อิสรากลืนน้ำลายลงก่อนจะตอบปฏิเสธ เพราะมันคงดูไม่ดีเท่าไหร่นักกับการรบกวนผู้อำนวยการในเวลาเช่นนี้

"ผมไม่รบกวนผอ.หรอกครับ พอมีของกินเหลือที่ห้องอยู่"
"ว้า...กะจะลองสูตรกับข้าวใหม่ซะหน่อย"

อิสราหันกลับไปด้านหลังตามเสียงของนรินทร์  

"ผอ.ทำกับข้าวเองเหรอครับ?"
"ใช่แล้วครับ" น้ำเสียงของนรินทร์เจือความภูมิใจและรอยยิ้มที่สัมผัสได้
"ว้าว..."

อิสราอุทานออกมาอย่างแผ่วเบา การเข้าครัวสำหรับคนตาบอดนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นของมีคมหรือความร้อนอย่างไฟที่ใช้ในการหุ้งต้ม หากไม่ฝึกจนชำนาญย่อมทำไม่ได้แน่นอน เมื่อตอนที่อยู่บ้านเขาก็เด็กเกินไปที่จะจับมีด สำหรับคนที่ห่วงหลานมากมายอย่างคุณยาย การทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายจะต้องไม่เกิดขึ้นกับอิสรา พอโตมาหน่อยก็ดันมาอยู่หอ ได้จับเครื่องครัวแค่วิชาคหกรรมที่มีไม่กี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ การทำอาหารสำหรับอิสราจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

"ก็ผม...ต้องยืนด้วยลำแข้งมาแต่ไหนแต่ไรนี่นะ"
"...ผอ."

น้ำเสียงที่เจือความตัดพ้อดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ไม่ทันที่อิสราจะได้ถามอะไรต่อ นรินทร์ก็เอ่ยขึ้น

"วันนี้ก็ดึกแล้วล่ะ ถ้าจะทำกับข้าวคุณอิสราคงกลับดึกยิ่งกว่านี้ ผมไม่รบกวนคุณแล้วกันนะครับ"
".,.ครับ"

ทั้งคู่เงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่นรินทร์จะเป็นฝ่ายเปิดปากก่อน

"ถ้ายังไง..."
"..." อิสรายังคงนิ่งรอฟัง
"วันศุกร์ ตอนเย็น...มาเป็นหนูทดลองให้ผมหน่อยนะ"

ทั้งคู่ส่งเสียงหัวเราะในคอ รอยยิ้มกว้างๆ ของอิสราเผยออกมา เด็กหนุ่มขบขันเล็กน้อยและตอบตกลงด้วยหัวใจฟูฟอง

เขาดีใจที่ผู้อำนวยการเชิญให้เขามาที่ห้องอีกครั้ง

อิสรารอคอยวันศุกร์อย่างใจจดใจจ่อ แต่มิวายโดนเพื่อนสนิทแขวะอยู่ตลอดว่า

'เฮ้ย วันเสาร์นัดแล้วนะเว้ย'

แน่นอนวันศุกร์จะได้ทั้งกินอาหารฝีมือผอ. วันต่อมาก็ได้กินเค้กกินชาบูกินบลาๆๆๆๆ กับเพื่อนๆ อีก (ผ่านไปหลายวันเมนูเริ่มเพิ่มมากขึ้น ถ้าเป็นวันหยุดยาวจิณณ์คงลากอิสราไปที่บ้านแล้ว) อิสราคิดอย่างอารมณ์ดีจนทำการบ้านไปยิ้มขำไป พลอยทำให้ไอรีนที่นอนเล่นอยู่บนเตียงต้องวางหนังสือการ์ตูนลงแล้วต้องแซว

"อารมณ์ดีจังนะคะพี่ไอน์"
"ก็...นะครับ" เด็กหนุ่มตอบรูมเมทพร้อมรอยยิ้ม
"ฮั่นแน่... มีความรักเหรอคะ"
"เอ่อ..."

คำถามของไอรีนดูจะแทงเข้าอกอิสราอย่างจัง เด็กหนุ่มยิ้มเก้อๆ ก่อนจะเฉไฉบ่ายเบี่ยง แล้วก้มลงทำการบ้านต่อ เมื่อจดเบลล์ลงไปได้ไม่กี่ตัวอิสราก็หยุดคิด เพียงแค่ผู้อำนวยการชวนให้ไปทานอาหารถึงห้องด้วยกัน ทำไมเขาต้องดีใจขนาดนี้ด้วยนะ แล้วมันเหมาะแล้วหรือที่ผู้อำนวยกับนักเรียนจะอยู่เพียงลำพังกันสองต่อสอง? เพราะเริ่มสนิทใจกันและลดท่าทีที่สุภาพต่อกัน ก็ทำให้ตัวเขาเหลิงได้เพียงนี้เชียว เขาควรปฏิเสธผู้ใหญ่ไปไม่ใช่หรือ... แต่คำพูดของนรินทร์วันนั้น..มันกลับเหมือนเป็นการขอร้องให้เขาไปหาเสียมากกว่า

เขาไม่ได้คิดไปเองใช่หรือไม่

จากหัวใจที่กำลังฟูฟองก็ค่อยๆ เหี่ยวลงและเริ่มคิดมากอีกครั้ง ในคืนนั้นอิสรานั่งทำการบ้านเงียบๆ โดยที่ไม่มีรอยยิ้มแห่งความอารมณ์ปรากฏขึ้น

และแล้วเย็นวันศุกร์ก็มาถึง อิสราไม่รู้เวลาทานอาหารค่ำของผู้อำนวยการนรินทร์แน่นอน ครั้นจะไปถามคุณรัตติกาลที่เป็นเลขาของผู้อำนวยการก็จะกระไรอยู่ เพราะมันไม่ใช่เรื่องเป็นทางการอะไร และวันศุกร์เป็นวันที่มีคาบเรียนน้อย ถ้าจะรีบไปก็ดูจะเป็นการเสียมารยาทและรบกวน อิสราจึงใช้เวลาหลังเลิกเรียน เปลี่ยนเสื้อผ้าไปที่ฟิตเนสของโรงเรียน เทรนเนอร์ยิ้มต้อนรับอิสรา

"พี่ไม่เห็นไอน์มาหลายวันเลย ขี้เกียจมาแล้วเหรอ"
"อ่อ เปล่าครับ พอดีช่วงนี้ตอนเย็นยุ่งๆ น่ะครับ"
"งั้นเหรอครับ"

พี่เทรนเนอร์ไม่พูดอะไรต่อ แต่เริ่มแนะนำการออกกำลังกายกับอิสราต่อไป เด็กหนุ่มเริ่มเข้าฟิตเนสตั้งแต่ขึ้นชั้นม.5 เพราะเพื่อให้อาการภูมิแพ้อากาศที่ชอบเป็นดีขึ้น และดูเหมือนมันจะช่วยได้มากขึ้นจริงๆ

"วันนี้พอก่อนละกันครับ"
"ขอบคุณนะครับ"
"เจอกันนะครับ"
"ครับผม"

อิสราหอบหายใจและเหงื่อออกมาก ปกติเขาจะมาพร้อมกับจิณณ์เพื่อนสนิท แต่วันนี้เจ้าเพื่อนสนิทดันหายตัวไปไหนไม่ทราบ ผู้ต้องสงสัยที่ลากจิณณ์ไปคงไม่พ้นแม็กเวล อิสราจึงฉายเดี่ยวมาที่ฟิตเนส ทุกครั้งที่ออกกำลังกายด้วยกัน แค่ 10 นาทีแรกอิสราก็หอบเป็นบ้าเป็นหลังแล้ว แม้ส่วนสูงและน้ำหนักตัวจะไม่แตกต่างกันมากกับจิณณ์ แต่เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองจะอ่อนแอกว่าเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกันอยู่มาก แต่วันนี้พี่เทรนเนอร์ก็ชมว่าอิสราทำได้ดี...

ถ้าฝึกบ่อยๆ เขาเองก็อาจจะแข็งแรงก็ได้ เพราะตั้งแต่เด็กก็...ไม่เคยออกกำลังกายหนักเลย อิสราไม่แน่ใจนักว่าตอนเด็กๆ ได้วิ่งเล่นอะไรเช่นนี้หรือเปล่า

อิสราหอบเอาร่างที่ชุ่มเหงื่อกลับมาห้องเกือบจะเย็นมากแล้ว เด็กหนุ่มรู้สึกหิว แต่เพราะมีนัดกับผู้อำนวยการ ยังไงก็คงไปสภาพนี้ไม่ได้แน่นอน เวลาเองก็เลยมาจนขนาดนี้ อิสราจึงรีบอาบน้ำแล้วพุ่งไปที่ห้องของนรินทร์ในเวลาไม่ถึง 15 นาที

"ผอ..." อิสราหยุดกลืนน้ำลายและหายใจ "...ผมมาแล้วครับ"
"คุณอิสรา!" เสียงที่เล็ดลอดออกมาจากอินเตอร์โฟนแสดงความดีใจออกมาอย่างชัดเจน

สักพักประตูก็สามารถเปิดได้ อิสราพักหายใจหายคอซักห้าวินาทีก่อนจะผลักเข้าไป ด้วยความที่สูญเสียประสาทสัมผัสทางการมองเห็น การรับกลิ่นและเสียงย่อมดีกว่าปกติเพราะถูกใช้มากกว่าคนทั่วไป และการที่รับกลิ่นได้ดีนี่เอง อิสราจึงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอาหารทอดอ่อนๆ ลอยเข้าจมูก

เมื่อเดินไปจนถึงกลางห้อง เสียงตึงตังเหมือนคนกำลังก้าวเท้าลงบนพื้นที่ปูด้วยไม้ดังขึ้นจากด้านหน้าเยื้องไปด้านบน จนเสียงนั้นเข้ามาใกล้ ความสนใจของอิสราจึงมาหยุดอยู่กับสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าแทน

"ผมกำลังทำอาหารอยู่ครับ"
"ผม...มาเร็วไปรึเปล่า"
"ไม่เลยๆ ดูคุณหอบๆ นะ วิ่งมาเหรอครับ"

อิสรารู้สึกเหมือนผู้อำนวยการจะใส่ใจเขามากแม้แต่รายละเอียดเล็กน้อย แต่อิสราก็ไม่ได้คิดอะไรต่อ เด็กหนุ่มตอบกลับอย่างสุภาพ ติดความเขินไว้เล็กๆ

"ค-ครับ ผมกลัวจะมาช้าเลยรีบมา"
"ไม่ต้องรีบขนาดนั้นหรอก มื้อเย็นของผมไม่ได้เริ่มเร็วเท่าไหร่ ไปนั่งรอ..."

ชั่วอึดใจ อิสราคิดว่านรินทร์เหมือนพูดได้ไม่สุดประโยค เขารอฟังว่าประโยคนั้นเป็นประโยคบอกเล่าที่สิ้นสุดแล้วหรือประโยคคำถามที่ยังถามไม่จบ แต่รอได้สักพักคนตรงหน้ากลับนิ่ง อิสราเก้อไปเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจย้ายตัวเองไปยังทิศที่โซฟากลางห้องตั้งอยู่

"ไปนั่งรอที่ชั้นสองดีมั้ย ที่ทานอาหารผมอยู่บนนั้น"
"ชั้นสองเหรอครับ?"

อิสรารู้ว่านั้นคือพื้นที่ส่วนตัวของผู้อำนวยการ มันควรจะต้องเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลมากๆ คนที่จะเข้าไปได้คงต้องได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการหรือเป็นคนสนิทของผู้อำนวยการแน่นอน แต่ผู้อำนวยการออกปากชวนเองแบบนี้ แสดงว่าเขาสนิทกับผู้อำนวยการแล้วงั้นหรือ? หรือแค่ให้ไปนั่งรอเพราะเป็นมารยาท แต่ผู้อำนวยการจะมีมารยาทมากมายกับเด็กเช่นเขาไปทำไมกัน

อิสราอึกอักแสดงความเกรงใจออกไป

"จะดีเหรอครับผอ. นั่นที่ส่วนตัวนะครับ"
"ผมชวนเองนะครับ แสดงว่าผมอนุญาตแล้วนะ"
"เอ่อ..."

อนุญาตแล้ว... คำนี้พอจะทำให้เด็กที่ขี้เกรงใจอย่างอิสราเบาใจได้ว่าไม่ได้ล่วงเกินผู้ใหญ่

"งั้นก็ได้ครับ"
"เชิญเลยครับ ก่อนอาหารไหม้นะ" นรินทร์พูดติดตลก

แต่เมื่อลุกขึ้้นและเสียงเดินของนรินทร์ดังห่างออกไป เด็กหนุ่มก็นึกขึ้นได้ว่า เขาไม่คุ้นชินกับห้องนี้นอกจากที่โต๊ะทำงานและโซฟาชั้นหนึ่ง และการเดินขึ้นลงบันไดในที่ที่ไม่คุ้นเคยของเขานั้น เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่ง อิสราร้องท้วงขึ้นพอดีกับที่นรินทร์กำลังก้าวขึ้นบันได

"ผ-ผอ.ครับ!"
"ครับ?" นรินทร์ชะงักตามเสียงเรียก
"คือว่า...ผมไม่เคยขึ้นชั้นสอง"

นรินทร์เลิกคิ้วขึ้น และใช้เวลาไม่นานชายหนุ่มก็นึกได้เช่นเดียวกัน แม้อิสราจะถือไม่เท้าอยู่ แต่ไม้เท้าก็คงไม่ได้ช่วยให้การขึ้นลงบันไดง่ายขึ้นนัก ชายหนุ่มจึงเดินย้อนกลับมายังอิสราที่ยืนอึกอักอยู่

"คุณอิสรา"
"ครับ"
"ยกมือขึ้นครับ"

อิสรายกมือซ้ายที่ไม่ได้ถือไม่เท้าขึ้นมาที่ระดับอก นรินทร์คว้ามืออิสราได้อย่างแม่นยำ ก่อนจะค่อยๆ ดึงมือนั้นมาแตะที่ศอกของตน ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

"ไม่ต้องกลัวนะครับ บันไดไม่ชัน และห้องนี้ออกแบบเพื่อคนแบบพวกเราอยู่แล้ว ค่อยๆ ตามผมมานะ"
"...ครับ"

อิสราตอบด้วยเสียงเบา เด็กหนุ่มกำลังพยายามระงับใจที่เต้นระรัวเป็นอย่างมาก และหวังไว้เป็นอย่างยิ่งว่าผู้ชายที่กำลังเป็นคนนำทางของเขาตอนนี้จะไม่รัรู้ถึงความแปลกประหลาดจากตัวเขา เพราะตอนนี้อิสรารู้สึกเหมือนตัวเองตัวร้อน เก้ๆ กังๆ ในอกมันรู้สึกซ่านไปด้วยความรู้สึกบางอย่างจากสัมผัสเพียงเสี้ยววิที่ได้รับเมื่อครู่ ตั้งแต่วันนั้นนรินทร์ไม่เคยแตะต้องตัวเขาเลยจนถึงวันนี้

แค่เพียงมือที่สัมผัสกันแบบผ่านๆ... ทำไมใจของเด็กหนุ่มจึงเต้นระส่ำได้ขนาดนั้นเชียวนะ?


แก้ไขล่าสุดโดย EinZ เมื่อ Mon 14 Mar 2016, 02:22, ทั้งหมด 1 ครั้ง
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Re: Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Fri 11 Mar 2016, 06:31
อร๊าย อ่านไปก็ยิ้มไปค่ะ ฟิน~~~

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] 2578617245
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Re: Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Mon 14 Mar 2016, 02:17
ตอนที่ 5



อิสราค่อยๆ ก้าวเท้าตามคนนำืางอย่างเป็นจัวหวะและระมัดระวัง ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นคนนำทางก็ช่างเอาใจใส่ด้วยการไม่เร่งรัดหรือเดินนำเร็วเกินไป ยังใจเย็นพอที่จะให้อิสราค่อยๆ ก้าวขึ้นบันได เมื่อขึ้นมายังชั้นบนที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวของผู้อำนวยการได้ อิสราก็ได้กลิ่นอาหารที่ชัดเจนยิ่งกว่าเดิม และที่เพิ่มเติมเข้ามาอีกหนึ่งความรู้สึกใหม่

ความรู้สึกที่เหมือนเขาเป็นคนพิเศษคนหนึ่งของผู้อำนวยการ

อิสราถูกนำทางให้ไปนั่งที่เก้าอี้เค้าน์เตอร์ตัวหนึ่ง เด็กหนุ่มนั่งลงอย่างว่าง่าย เมื่อศอกของผู้เป็นคนนำทางห่างหายไปจากปลายนิ้ว เด็กหนุ่มก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่ก็ต้องดุตัวเองว่าไม่ควรทำอะไรแบบนี้ หลายวันมานี้อิสรากลายเป็นคนที่ถกเถียงกับตัวเองอยู่ในใจบ่อยขึ้น

"รอซักพักนะครับ ใกล้เสร็จแล้วล่ะ"
"ครับ"
"หิวมากมั้ยครับ?"

อิสรากำลังจะอ้าปากตอบอย่างมีมารยาทว่า 'ไม่มากครับ' แต่เสียงทุ้มต่ำของนรินทร์ก็ดังขัดขึ้นเหมือนดักทางไว้

"เอาตามความเป็นจริงนะครับ"
"เอ่อ..." อิสรานิ่งพิจารณากระเพาะที่กำลังครวญครางของตน แล้วอ้อมแอ้มตอบได้อย่างไม่เต็มเสียงนัก "ก็หิว..มากครับ"
"อดทนรอนิดนึงนะครับเด็กดี"

คำพูดและน้ำเสียงอันอ่อนโยนเรียกเอาเลือดขึ้นมากองอยู่บนใบหน้า อิสราเม้มปากก้มหน้าลงต่ำเล็กน้อย มือที่วางอยู่บนหน้าตักกำแน่น พยายามข่มใจอย่างสุดฤทธิ์ไม่ให้แสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมออกไป

เมื่อรู้ว่าจิตใจตัวเองกำลังคิดอะไรเพ้อเจ้อ อิสราจึงตั้งสติและนิ่งคิด ผู้อำนวยการที่เขารู้จักนั้นใจดีกับเด็กๆ ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กชั้นเรียนไหนหรือมีพื้นเพมาจากไหนก็ตาม ที่หน้าเสาธงผู้อำนวยการก็กล่าวกับนักเรียนอย่างเป็นกันเองในทุกๆ ที นี่คงเป็นเรื่องปกติที่ผู้อำนวยจะพูดปลอบใจเด็กๆ ผู้อำนวยการคงเห็นเขาเป็นนักเรียนในความดูแลคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มองเห็นความสำคัญไปมากกว่านั้น

พอดึงสติตัวเองได้ ใจของอิสราก็เต้นผ่อนคลายลง เหลือเพียงความรู้สึก ‘เสียดาย’ อยู่นิดๆ ที่ตัวเองไม่ได้อยู่ในสถานะพิเศษไปมากกว่านักเรียนคนอื่นๆ เขาก็แค่ถูกปฏิบัติเช่นเดียวกับนักเรียนคนอื่นๆ เรื่องที่เชิญคนขึ้นมาบนชั้นสองนี่ก็เช่นเดียวกัน อาจจะมีเด็กๆ คนอื่นเคยขึ้นมาแล้วก็ได้ เพียงแต่เขาไม่เคยรู้

แล้วความอ่อนแอที่เขาไม่เคยเจอในวันนั้น จะมีใครนอกจากเขาได้เห็นอีกมั้ยนะ?

ภายในห้องเงียบเสียงลง มีเพียงเสียงเครื่องดูดควันและเสียงปิดเตาแก๊สของผู้อำนวยการ อิสราไม่ใช่เด็กช่างพูดจึงเลือกที่จะนั่งสงบอารมณ์อยู่เงียบๆ ซักพักเสียงจานชามหลายใบก็วางลงตรงหน้า อิสราตื่นตัวและรีบออกปากถามผู้อำนวยการ

“เสร็จแล้วเหรอครับ”
“ครับผม”
“ให้ผมช่วยยกมั้ยครับ” เด็กหนุ่มว่าพลางจะลุกจากเก้าอี้
“ไม่ต้องครับๆ คุณอิสราไม่คุ้นกับของในห้องผม เดี๋ยวจะเกิดอุบัติเหตุได้นะครับ”
“แต่ผอ....”
“ผมเชิญมานะครับ วันนี้คุณอิสราเป็นแขกของผมนะ”
“...ครับ”

แต่นั่นยิ่งเพิ่มพูนความเกรงใจของอิสรามากขึ้น และยังเพิ่มความรู้สึกที่ว่าตัวเองเป็นคนพิเศษเข้าไปอีก มันมากขึ้นจนอิสราต้องเม้มปากต่อว่าตัวเองอยู่ในใจว่าให้ทำใจให้สงบ และไม่มีอะไรแบบนั้นแน่นอน แต่มันก็ช่างแสนทำได้ยากเหลือเกินในสภาวะที่จังหวะหัวใจเต้นไม่ปกติเช่นนี้

อาการแบบนี้ไปถามไอรีนที่เป็นโรคหัวใจจะได้คำตอบหรือไม่นะ เด็กหนุ่มที่นิ่งเงียบและเป็นคนไม่คิดอะไรมากมายเริ่มฟุ่งซ่าน

ใช้เวลาไม่นาน ร่างของนรินทร์ก็นั่งลงที่ตรงข้ามกับอิสรา ชายหนุ่มเชื้อเชิญให้แขกผู้มาเยือนได้ชิมอาหาร อิสราตอบรับพร้อมคำขอบคุณก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมา ขณะที่กำลังตั้งท่าจะกิน น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความภูมิใจของนรินทร์ก็ดังขึ้น

“วันนี้ผมทำซุปข่าไก่เป็นครั้งแรก ลองชิมดูนะครับ”
“ว้าว...” เด็กหนุ่มอุทานออกมาเบาๆ แค่ได้กลิ่นก็ยั่วยวนกระเพาะอันครวญครางแล้ว อิสราตักและชิมไปหนึ่งคำ พร้อมกับอุทานออกมาอีก เสียงอุทานของอิสราเรียกเอาเสียงหัวเราะน้อยๆ ของผู้อำนวยการให้ดังขึ้น อิสราไม่รู้ว่านั้นคือการหัวเราะเพราะตลกหรือเอ็นดู จึงยิ้มแบบเก้อๆ

“อร่อยมั้ยครับ?”
“อร่อยมากเลยครับ ผมชอบซุป”
“งั้นทานเยอะๆ ไม่ต้องเกรงใจนะ”
“...ครับ” ถึงจะเกรงใจอย่างไรแต่ปฏิเสธไปผู้อำนวยการก็คงไม่รับความเกรงใจนั้นอยู่ดี อิสราจึงตอบกลับอย่างมีมารยาทและทานอาหารโดยไม่พูดไม่จาในทันที

ช่างสมกับเป็นผู้อำนวยการของควิ้นท์ ประโยคเบาๆ ในวันนั้นที่บอกว่า ‘ยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง’ ทำให้ความชื่นชมที่อิสรามีต่อนรินทร์มากยิ่งขึ้น ไม่รู้ว่าผู้อำนวยการต้องผ่านชีวิตมาเช่นไร แต่ผู้อำนวยการก็ช่างมีความสามารถที่เขาไม่มี ทั้งๆ ที่เป็นผู้พิการประเภทเดียวกันแท้ๆ อิสรานั่งนึกไปพร้อมๆ กับทานข้าวที่เริ่มพร่องจาน

อีกอย่างที่ทำให้เขาสนใจไม่เพียงแต่ความสามารถ เขายังสนใจใน ‘ความอ่อนแอ’ ที่ตัวเองบังเอิญได้พบเข้าในวันนั้น ให้ทำอย่างไรน้ำเสียงที่เว้าวอนของชายหนุ่มในวันนั้นก็ไม่สามารถลบออกไปจากสมองของอิสราไปได้ มันยังคงติดอยู่ในใจและยิ่งอยากทำให้เขารู้จักตัวตนของผู้อำนวยการโรงเรียนมากยิ่งขึ้น

ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ตัวตนของผู้อำนวยการจริงๆ แล้วเป็นเช่นไร นอกจากเขาแล้วจะมีใครได้พบอีกหรือเปล่า อิสราได้แต่ขบคิดขณะที่ตักกับข้าวช้อนแล้วช้อนเล่าโดยไร้ซึ่งเสียงพูดคุย

“อิ่มแล้วครับ” อิสราเอ่ยขึ้นเสียงเรียบเมื่อกวาดข้าวเม็ดสุดท้ายลง
“เพิ่มอีกมั้ยครับ?”
“ไม่แล้วครับ”

อิสราเลือกใช้น้ำเสียงที่นิ่งเรียบแบบปกติของตนพร้อมกับนั่งตัวตรง เพื่อเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขา ‘ไม่ได้โกหกหรือเกรงใจ’ เสียงกลั้วหัวเราะในคอเบาๆ ของฝ่ายตรงข้ามดังขึ้น และเสียงวางช้อนส้อมก็ตามมาเช่นเดียวกัน เป็นสัญญาณให้รู้ว่ามื้ออาหารมื้อนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว

อิสราออกปากจะช่วยทำความสะอาด แต่แน่นอนว่าข้ออ้างของการที่ตัวเขา ‘เป็นแขกรับเชิญ’ ก็ถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง เด็กหนุ่มจึงต้องนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิมด้วยท่าทางเลิกลั่ก ตอนนี้ระดับความเกรงใจของเขาเริ่มลดลงแล้ว เหลือแต่ความรู้สึกที่อยากทำความรู้จักมากกว่าเดิมเข้ามาแทนที่

ยิ่งคิดก็ยิ่งตกใจตัวเอง

นรินทร์อาสาพาอิสรากลับลงมาที่ชั้นล่างทันทีที่ทานอาหารเสร็จ เนื่องด้วยกลัวจะกินเวลาจนดึกมากเกินไป อิสราขอบคุณนรินทร์จากใจจริง มื้ออาหารมื้อนี้สร้างความ ‘พิเศษ’ ขึ้นในความทรงจำ อิสราไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยว่าการทานอาหารธรรมดาๆ กับผู้อำนวยการจะรู้สึก ‘พิเศษ’ ได้ถึงขนาดนี้

“ผมลานะครับ ขอบคุณที่ให้ผมเป็นหนูทดลองซุปข่าไก่”
“ยินดีครับ ถือว่าเลี้ยงตอบแทนที่ช่วยเรื่องงานกิจกรรมโรงเรียน” ท้ายประโยคผู้อำนวยการตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเหมือนคนไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง แต่อิสราไม่ได้ใส่ใจตรงจุดๆ นั้น
“ผมเป็นประธานนักเรียน เรื่องนั้นคือหน้าที่อยู่แล้วครับ”
“ตอบได้สมเป็นประธานนักเรียนจริงๆ เลยนะ” นรินทร์หยอกเอินเล็กน้อย

เกิดการเดธแอร์ขึนเล็กน้อย อิสราคิดว่ารบกวนมากแล้วจึงลากลับ แต่ขณะที่จะหันหลังกลับทางเดิน เสียงเรียบๆ ของนรินทร์ก็ดังขึ้น

“ผมไม่เคยให้ใครขึ้นมาบนชั้นสองมาก่อนเลย”
“...” เด็กหนุ่มนิ่งฟังด้วยท่าทีสงบทั้งๆ ที่หัวใจกำลังเริ่มเต้นอย่างบ้าคลั่ง เหตุใดผู้อำนวยการถึงพูดขึ้นราวกับอ่านความคิดของเขาออก อิสราอ้าปากค้างเล็กน้อยโดยไร้เสียงใดออกจากลำคอ
“ไว้ถ้ามีโอกาส มาชิมฝีมือผมอีกนะครับ”
“...ครับ”

อิสราตอบกลับอย่างเลื่อนลอย เด็กหนุ่มบอกลาอีกครั้งพร้อมกับเดินกลับห้องด้วยจังหวะหัวใจที่เต้นไม่ปกติ

คืนนั้นอิสรารู้สึกเหมือนความรู้สึกที่อยากจะยิ้มให้แก้มแตกลอยล่องอยู่รอบตัวจนแทบนอนไม่หลับ พยายามข่มตาเท่าไหร่ก็มีแต่น้ำเสียงของนรินทร์ลอยไปมาอยู่ในหัว จะพลิกตัวนอนท่าไหนก็ไม่อาจจะนอนหลับลงไปได้ จนเกือบรุ่งสางอิสราถึงได้พล่อยหลับไปได้เพราะความล้า โชคยังดีที่เป็นวันหยุด จึงไม่ต้องตื่นเช้า

เกือบเที่ยงวันอิสรางัวเงียลุกขึ้นมาจากเตียง เสียงร้องทักของรูมเมทก็ดังขึ้น

“พี่ไอน์ตื่นสายสุดๆ เลยนะคะ”
“หือ... ไอรีน”
“ค่ะ ไอรีนเอง นี่เที่ยงแล้วนะคะ”
“เที่ยงเหรอ...”

จะเรียกว่าคำพูดคนทำพิษดีมั้ยนะ... อิสรานึกในใจถึงต้นเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องนอนเกือบเช้าแบบนี้ เด็กหนุ่มนั่งซึมกะทื่ออยู่ที่เตียงเพราะสติยังมาไม่ครบ แต่สิ่งหนึ่งที่นึกขึ้นได้หลังจากที่รู้สึกตัวคือ ‘อยากไปหาผอ.อีกจัง’ อิสราเหม่อลอยอยู่เช่นนั้นก่อนจะรู้สึกกระดากอายกับความคิดตัวเอง ทำไมเขาถึงกลายเป็นคนอยากรู้อยากเห็นชีวิตของผู้อำนวยการไปได้ อีกทั้งยังมีความรู้สึกว่าตัวเองเป็น ‘คนพิเศษ’ เช่นนั้นอีก ทำไมเขาถึงได้คิดอะไรที่เพ้อเจ้อถึงขนาดนั้น

เมื่อคิดว่าตัวเองชักจะไม่ไหวขึ้นทุกวัน อิสราจึงรีบย้ายร่างตัวเองไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาโดยด่วนก่อนที่สมองจะคิดมากไปไกล

ผู้อำนวยการก็แค่เชิญเขามาเป็นหนูทดลองอาหารสูตรใหม่ ก็แค่ตอบแทนที่ช่วยเหลือเรื่องงาน ก็แค่อยากจะขอโทษเรื่องในวันนั้นถึงได้ชวนเขาพูดคุย ก็แค่ปฏิบัติอย่างใจดีกับเด็กๆ เหมือนเช่นคนอื่นๆ ไม่ได้มีอะไรที่ ‘พิเศษ’  อย่างที่ตัวเองเพ้อเจ้อเลยแม้แต่น้อย ถึงจะคิดเช่นนั้น แต่ทุกๆ เศษเสี้ยวของความคิดก็มักจะมีอ้อมกอดที่พิเศษในวันนั้นหวนมาให้นึกถึงอยู่เสมอ

อิสราบ้วนฟองยาสีฟันลงก่อนจะค้ำร่างไว้เหนืออ่างล้างหน้า... ท่าทางเขาจะหมกมุ่นเรื่องนี้เกินไปแล้ว ผู้อำนวยการจริงๆ แล้วเป็นคนเช่นไรกันแน่นะ ภายใต้ท่าทีที่ใจดี อ่อนโยนแต่แผงด้วยความสุภาพแบบนั้น มีอะไรที่ซ่อนอยู่ แต่เขาเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น จะไปถามตรงๆ อย่างที่เขาชอบทำเมื่อเกิดความสงสัยกับเพื่อนจะเป็นไปได้อย่างไรกัน

“ไม่ไหว ทำไม่ได้” อิสราพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะถูหน้าตัวเองด้วยน้ำเย็นจัดแรงๆ

เนื่องจากเป็นวันหยุด อิสราจึงมีเวลามากมายจนไม่รู้จะทำอะไร แต่เขาก็มีงานอดิเรกเล็กๆ น้อยๆ อย่างการเล่นดนตรี ฟังเพลงหรืออ่านนิยาย แต่วันนั้นเรื่องร้องรำทำเพลงนั้นไม่อยู่ในหัวเท่าไหร่ เด็กหนุ่มจึงเลือกนิยายแนวสืบสวนที่อ่านทิ้งไว้และยังวางอยู่บนหัวเตียงมาอ่านแก้เซ็ง

เมื่ออ่านไปได้ซักพัก... อิสราก็ต้องชะงัก โดยปกติเด็กหนุ่มไม่ได้สนใจนิยายรักๆ ใคร่ๆ เพราะคิดว่าอย่างไรสุดท้ายเรื่องก็ต้องลงเอยที่คนสองคนครองรักกัน แต่ไม่น่าเชื่อว่านิยายที่เขาถืออยู่นี้จะแฝงเรื่องของ ‘ความรัก’ เข้าไปด้วย ยิ่งอ่านอิสราก็ยิ่งนึกถึงตัวเอง นึกถึงความคิดตัวเองที่กำลังมีต่อผู้ชายที่มีฐานะเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน

“สนใจ...สนใจจนกลายเป็นตกหลุมรัก...งั้นแหรอ...” ตัวเอกช่างเหมือนกับเขาในตอนนี้เหลือเกิน เพียงเพราะความสนใจและอยากรู้จัก ก่อเกิดเป็นรักข้างเดียว แต่ที่ต่างออกไปหน่อยคือนั่นเป็นเรื่องของชายหญิงในวัยเดียวกัน แต่ความคิดของเขาในตอนนี้ล่ะ..

ตกหลุมรักใช่หรือเปล่า?


เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าความคิดนี้ทำให้ตัวเองหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย จังหวะหัวใจของอิสราเต็นเร็วขึ้นจนต้องเอามือมากุมไว้ เด็กหนุ่มปิดหนังสือลงพร้อมกับมุดหน้าลงหมอนใบใหญ่ ทุบหมอนสองสามครั้งเพราะความรู้สึกมันยิ่งพลุ่งพล่านมากขึ้นกว่าเดิม

เราคงบ้าไปแล้วจริงๆ อิสราสรุปกับตัวเองก่อนจะสโลเสลไปกินข้าว
.
.
.
.
.
วันจันทร์มาถึงอีกครั้ง อิสราก็เริ่มทำใจได้บ้างแล้วว่า ตัวเองคงคิดมากไป คิดมากไม่พอยังเพ้อเจ้ออีกต่างหาก จึงตั้งสติและมาเรียนในเวลาปกติ พูดคุยเล่นกับเพื่อนในชั้นเรียนด้วยความปกติ แต่นั้นก็แค่สิ่งที่ทำไปเป็นมารยาทเท่านั้น พอเห็นผู้อำนวยการขึ้นมาพูดที่หน้าเสาธงหลังจากไม่ได้ขึ้นมาพูดหลายวัน อิสราก็รู้สึกมือไม้ชา ใจเต้นไม่เป็นส่ำ...

เสียงนุ่มๆ นั้น... อิสรารู้สึกว่าเขาอยากฟังผู้อำนวยการพูดไปเรื่อยๆ จังเลย จู่ๆ ในสมองของเขาก็พาลนึกไปถึงสิ่งที่พอจะเป็นข้ออ้างเพื่อจะได้ไปนั่งเล่นที่ห้องอร์เย็นจัดนั้นอีกเช่นหลายวันที่ผ่านมา แต่นึกเท่าไหร่สถานะ ‘นักเรียน’ ของเขาก็แทบไม่มีส่วนให้ใช้ข้ออ้างได้เลย หากจะใช้ความที่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้เป็นอะไรกับผู้อำนวยการเลย นอกจากนักเรียนในการดูแลธรรมดาทั่วไปเท่านั้น เพียงนึกเสียดายแล้วใบหน้าของอิสราก็หมองลงอย่างเห็นได้ชัด

“ไอน์! เฮ้ยไอ้ประธาน!!!”
“อะไรวะ” อิสราหันไปทางเสียงของแม็กเวลที่ตะโกนอยู่ข้างหู
“ลอกคณิตหน่อยยย”
“ไม่”
“ไรว้า กับเพื่อนกับฝูง ใจร้ายชะมัด”

อิสราทำหน้ามุ่ยก่อนจะรื้อของในกระเป๋าและส่งสมุดให้เพื่อนตัวแสบ “เอาไป” แม็กเวลยิ้มร่ารับสมุดมากอดไว้ก่อนจะหุบยิ้มแล้วทำทีท่าจริงจัง “เออ... เป็นไรวะ เรียกตั้งนานไม่ยักตอบ เพิ่งตื่นรึไง หน้ามุ่ยเชียว” อิสราไม่ตอบอะไรก่อนจะพูดเบาๆ ว่า ‘เหอะน่า...’ แล้วเฉไฉไปหยิบหนังสือมาอ่านเป็นการตัดบทแทน พลอยทำให้แม็กเวลเด็กหนุ่มผมทองต้องเออออกลับโต๊ะไปลอกการบ้านอย่างรวดเร็วแทน

ตกเที่ยง อิสรามักจะแยกตัวออกมาอ่านหนังสือเงียบๆ ที่ห้องสมุด ระหว่างที่กำลังหาหนังสือเล่มเดิมอยู่ เสียงที่คุ้นหูก็ทำให้อิสราชะงัก

“ระวังครับ!”
“อ๊ะ! ขอบคุณค่ะผอ.”

อิสราหยุดฟังเสียงพร้อมกับหัวใจที่เต้นเร็วขึ้น ผู้อำนวยการมาที่ห้องสมุดงั้นเหรอ... เขามาทำอะไรที่นี่กัน เสียงๆ นั้นดังออกไปประมาณสองล็อคของชั้นหนังสือ หนึ่งเสียงคือเสียงของผู้อำนวยการ แต่อีกเสียงนั้น...คงเป็นรุ่นน้องแคลโรไลน์ ทั้งคู่พูดคุยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่สำหรับอิสรานั้นชัดเจนยิ่งนัก

“ระวังหน่อยสิครับเด็กดี”
“แหะๆๆ ขอโทษค่ะ”

แล้วเสียงเดินและเสียงพูดคุยก็ผ่านเขาไป อิสรายืนนิ่งคิด

‘ระวังหน่อยสิครับเด็กดี’ ประโยคนี้ช่างคุ้นหูเสียเหลือเกิน... เด็กหนุ่มยิ้มให้ตัวเอง เป็นรอยยิ้มที่แฝงความอ่อนใจให้ตัวเอง คิดไม่ผิดจริงๆ ว่าความใจดีนั้น ไม่ว่ากับใครผู้อำนวยการก็จะแสดงออกเช่นนั้น และยิ่งเป็นเด็กๆ อาการเอ็นดูเช่นนั้นผู้ใหญ่ที่ใจดีอ่อนโยนล้วนเป็นกันทั้งนั้น คุณตาคุณยายของเขาเองก็แสดงออกเช่นนั้นบ่อยครั้ง ทำไมถึงหลงระเริงคิดว่าเขาให้ความพิเศษกับ ‘นักเรียนธรรมดาๆ’ เช่นเขาได้นะ

อิสราเหม่อลอยอยู่พักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องสมุดไปที่อื่นแทน และค่อยๆ ลบความรู้สึกที่สุมอยู่ในอกให้ค่อยๆ หายไปตามจัวหวะที่ก้าวเดิน รวมไปถึงเสียงและอ้อมกอดในวันนั้น มันก็แค่ช่วงสั้นๆ ที่ไม่มีอะไรให้จดจำมากมาย ผู้อำนวยการอาจจะแสดงออกเช่นนั้นกับคนที่ไว้ใจมากกว่าเป็นปกติก็ได้ วันนั้นผู้อำนวยการก็แค่เพ้อเพราะพิษไข้

ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Re: Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Tue 03 May 2016, 00:43
ตอนที่ 6


แม้จะบอกตัวเองเสมอว่าเป็นเพียงการคิดไปเอง แต่ความรู้สึกที่มันเกิดขึ้นแล้ว ช่างยากที่จะลบเลือนออกไป ยิ่งเป็นความรู้สึกที่เกิดมาจาก 'หัวใจ' ของตัวเอง ก็ยิงยากจะลบล้างออกไปให้หมด อิสรารู้สึกว่าไม่ง่ายเลยที่เลิกรู้สึก 'สนใจ' ในตัวของนรินทร์ เพราะอย่างไรในทุกๆ เช้าเขาก็ต้องได้ยินเสียงของผู้อำนวยการที่ต้องขึ้นปราศรัย อิสราอยากเลี่ยงการเข้าแถวในช่วงเช้ามาก อยากจะตื่นสายๆ ให้มาเรียนทันคาบแรกก็พอ แต่รู้ตัวดีว่าคงทำแบบนั้นไม่ได้ จึงสะกดจิตตัวเองให้ทำหูทวนลมเสียงนุ่มนั่นเสีย อย่างไรก็ได้ยินแค่ตอนเช้า แต่แล้วบางวันเขาก็ต้องเอาเอกสารจากห้องธุรการไปให้ผู้อำนวยการเซ็นต์ ทุกอย่างช่างดูปกติ เว้นเสียแต่หัวใจของเขาที่มันชอบเต้นอย่างไม่เป็นจังหวะทุกครั้ง บางคราวถึงกับอยากจะกลับไปเล่นด้วย...จนต้องบีบแก้มตัวเองให้เลิกคิด เป็นอย่างนี้วนไปเวียนมาเกือบสัปดาห์

"เฮ้อออ"

เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงบนเตียงนอนสองชั้นภายในห้องพักของเพื่อนสนิท ด้านเจ้าของห้องก็นั่งกินขนมดูทีวีอยู่บนโซฟาอย่างสบายใจ แต่พอได้เห็นเพื่อนทำท่าทิ้งดิ่ง ก็อดจะไต่ถามไม่ได้

"เป็นไรวะไอน์ ทำท่าเหมือนพลังชีวิตจะหมด" พูดไปก็หยิบขนมเข้าปากไป
"นั่นสิ นายดูเซ็งๆ มาทั้งอาทิตย์เลยนะ" แม็กเวลซึ่งเป็นแขกของจิณณ์อีกคนกล่าวขึ้น เด็กหนุ่มผมทองเอ่ยสงสัยขณะล้วงมือลงถุงขนมที่จิณณ์ถืออยู่ โดยที่สายตามองไปยังร่างที่นอนคว่ำนิ่งกับเตียง

ข้างอิสราก็ยังคงนอนนิ่งๆ อยู่ซักพัก ก่อนจะถอนหายใจดังเฮือกอีกครั้ง แล้วลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางอ้อยอิ่ง

"เบื่อ..." อิสราตอบเสียงเบาแบบไม่มีแรง
"หะ? เบื่อ? นายเบื่อเป็นด้วย?" จิณณ์ถามเสียงสูงอย่างไม่เชื่อ คนนิ่งๆ ที่ดูไม่รู้สึกตื่นเต้นกับอะไรดันเบื่อเป็นซะงั้น แต่เบื่ออะไรเด็กหนุ่มก็ยังไม่เข้าใจ จึงย้ายสายตามายังคนข้างๆ เผื่อคนข้างๆ จะรู้ แต่พอเหมาะพอเจาะกับที่แม็กเวลหันมามองอย่างสงสัยพอดี จึงเป็นอันเข้าใจว่าอีกฝ่ายก็ไม่รู้เช่นกัน

"อืม เป็น" อิสราตอบแล้วจึงทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง ปล่อยให้เพื่อนสนิททั้งสองคนสงสัยต่อไป

วันอาทิตย์ในตอนเช้าทั้งวันอิสราขลุกอยู่แต่ห้องของเพื่อนสนิท หวังว่าการที่มีเสียงเพื่นหรือคนอื่นคอยป้วนเปี้ยนจะทำให้เลิกคิดถึงใครบางคนได้บ้าง และมันก็คงจะจริง เพราะอิสราก็ยิ้มออกมาและรู้สึกหายเบื่อบ้าง การนั่งฟังหนังแอคชั่นเสียงดังแบบระเบิดภูเขาเผากระท่อมก้ทำให้เขาเลิกคิดได้พักหนึ่ง อิสรายิ้มกับมุขตลกในหนัง พาลให้คนที่นั่งข้างๆ เอ่ยขึ้น

"ยิ้มได้แล้วเหรอวะไอน์" แม็กขยับมาป้วนเปี้ยนเพื่อนตาบอด
"อืม ก้มุขตลกดี"
"หวังว่าอารมณ์จะดีต่อไปเรื่อยๆ นะนายน่ะ"
"น่า..." อิสราตาตัดบทสนทนาออกไปก่อนจะเทความสนใจไปที่หนัง

จนถึงอาหารมื้อเย็น เพื่อนสนิททั้งสามคนก้ยังไม่ลุกออกจากห้อง แต่กลับเลือกทานมาม่าถ้วยภายในห้อพร้อมดูหนังเรื่องที่ 3 ของวันไปด้วย นับว่าเป้นการดูหนังที่มาราทอนจนจิณณ์ต้องเอ่ย

"นี่พวกเราดูหนังอย่างกับจะไม่ได้ดูอีก"
"ติดลมนี่หว่า พรุ่งนี้วันจันทร์แล้วนะเว้ยยย" แม็กเวลตอบพร้อมกับยืดตัวอย่างเกียจคร้าน

พอนึกถึงวันจันทร์...อิสราก็หุบยิ้มทันที ที่หุบยิ้มไม่ใช่เพราะกลัวการมาถึงของวันจันทร์ แต่เขาดันนึกถึงคนที่จะพูดปราศรัยหน้าเสาธงในวันพรุ่งนี้มากกว่า

เมื่อเสร็จมื้อค่ำและหนังเรื่องที่ 3 จบลงแล้ว อิสราก็ขอตัวกลับห้องพัก แต่มานึกดูอีกทีอยู่ในห้องก็ต้องเข้าโลกส่วนตัวของตัวเองแน่นอน อิสราจึงเลี้ยวไปเดินเล่นด้านนอกหอพักแทน เขาเดินไปที่ระเบียงทางเดินด้วยจังหวะเนิบช้า ปล่อยให้สมองคิดอะไรไปเรื่อย หากสังเกตตัวเองดูอีกที กลับพบว่าตัวเขานั้นนึกถึงแต่เหตุการณ์เก่าๆ ที่ได้ใช้เวลากับผู้อำนวยการเสียอย่างนั้น ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ ที่ออกมาเดินเล่นเอื่อยเฉื่อย เดินไปเดินมาราวกับชั่วโมง อิสราก็ต้องตกใจตัวเองอีกครั้ง ที่อยากมาเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องพักของผู้อำนวยการโรงเรียน

"มาทำอะไรเนี่ยเรา..." อิสรายืนนิ่งอยู่หน้าประตู

ปกติในวันหยุดแล้ว เขาแทบไม่เคยเห็นผู้อำนวยการปรากฏตัวในโรงเรียนเลย ไม่รุ้ว่าผู้อำนวยการจะออกไปข้างนอกบ้างรึเปล่า เพราะเวลาส่วนใหญ่ก็มักจะเจอกันแค่ในห้องนี้ หรือบางครั้งก้ห้องสมุด และบ่อยสุดคือหน้าเสาธงในทุกๆ เช้า วันหยุดเช่นนี้ผู้อำนวยการจะทำอะไร จะนั่งทำงานหรือนั่งดูหนังแบบเขาหรือเปล่า เขากำลังยิ้มกับอะไร หัวเราะกับหนังบ้างมั้ย จะกินมาม่าหรือทำอาหารเต็มื้อแบบที่กินกับเขาในวันนั้น... หรือว่า จะมีใครมาหาบ้างมั้ย

อิสราได้แต่นึกถึงเรื่องของคนๆ เดียวอยู่หน้าห้องของคนที่คิดถึงคนนั้นนานนับสิบนาที ก่อนที่เจ้าตัวจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วหันหลังเดินกลับไปที่ห้อง

สุดท้ายก็ยังคิดถึง และคงทำได้แค่คิดถึง อิสรายิ้มอย่างขมขื่นให้กับตัวเอง

ในที่สุดวันจันทร์ก็มาถึง และอิสราก็ตื่นเกือบเช้าเป็นปกติ มาเช้าเข้าแถวทัน และได้ฟังเสียงของคนที่ยืนคิดถึงอยู่นานสองนาน เด็กหนุ่มเลิกพยายามบังคับตัวเองให้เลิกคิดถึงแล้ว จึงปล่อยไป ไม่ได้ทำหูทวนลม อยากได้ยินก็ฟังให้เต็มที่ หวังเพียงเวลาจะทำให้เขาชินและเบื่อไปเอง

เมื่อถึงเที่ยง ด้วยความที่ไม่รู้สึกหิวมากมาย เด็กหนุ่มจึงเลือกที่จะนั่งกินแซนวิชทูน่าในโรงอาหารกับเพื่อนซํกพัก ก่อนจะแยกตัวออกมา เวลาพักมีเหลือเกือบ 40 นาที คราแรกเด็กหนุ่มคิดจะแวะไปที่ห้องสมุดขาประจำ แต่ก็เปลี่ยนใจกลางทาง เลี้ยวไปอีกห้องซึ่งก็คือห้องดนตรี แน่นอนเวลานี้ในห้องดนตรีนั้นไม่มีใครอยู่ และไม่มีใครใช้เป็นห้องซ้อมเสียด้วย ในห้องที่เงียบสงบนั้นจึงมีเพียงแค่เขา

อิสราเดินลูบไปตามผนังจนเจอตู้เก็บอุปกรณ์ เด็กหนุ่มเลือกฟลุตซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่ชอบขึ้นมาเป่าลองเสียง ก่อนจะนั่งลงแล้วเริ่มบรรเลงโน้ตเพลงที่ชอบ ขณะที่กำลังเข้าถึงอารมณ์ดนตรี หูที่ไวต่อเสียงของเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ประตูห้อง เมื่อนั้นอิสราจึงหยุดเล่นทันที

"อ้าว..." เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นที่ประตู แม้จะเป็นเพียงเสียงอุทานเบาๆ แต่ก็ทำให้แผ่นหลังของอิสราเหยียดตรง
"ผอ."
"คุณอิสราเหรอครับ หยุดเล่นทำไมครับ ว่าจะเดินมาฟัง"

จู่ๆ อิสราก็รู้สึกเก้อเขินขึ้นมา เป็นเวลาหลายวันแล้วที่เขาไม่ได้อยู่เพียงลำพังกับผู้อำนวยการ การมาเผชิญหน้าที่ไม่ได้ตั้งใจเช่นนี้จึงทำให้เขาวางไม้วางมือไม่ค่อยจะถูก แต่หนุ่มหาเสียงตัวเองไม่เจออยู่หลายวิ ก่อนจะตอบไปแบบเก้ๆ กังๆ

"ผ-ผม..กลัวรบกวนครับ"
"จะรบกวนใครครับ มีกันแค่นี้"
"อ อ่อ..."

เขามั่นใจว่าความประหม่าได้ลดลงไปมากแล้วหลังจากที่ได้เจอกันบ่อยๆ ในช่วงสัปดาห์ก่อนๆ แต่พอได้มาเจอกันอีกครั้ง เขาก็รู้สึกตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ มันรู้สึกดีใจ... ดีใจที่ได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง

เสียงดังคล้ายเก้าอี้ครูดกับพื้นดังขึ้น กลิ่นที่คุ้นเคยเข้ามาใกล้ในระยะที่เอื้อมมือถึง อิสราจึงรู้โดยทันทีว่าผู้อำนวยการกำลังนั่งลงที่ตำแหน่งตรงข้ามกับด้านหน้าของตน

"ชอบเล่นฟลูตเหรอครับ"
"อ้อ ครับ"

ไม่รู้ทำไมอิสรารู้สึกเหมือนหัวใจเขาเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

"เก่งจัง"
"ไม่หรอกครับ ผมเล่นแค่ไม่กี่เพลง"
"แต่ก็เล่นเป็นนี่นา ผมสิ...ไม่ได้ซักอย่าง"
"ในหมวดศิลปะ ก็มีแค่ดนตรีที่ผมเล่นได้นี่ครับ"
"...อย่างนั้นเหรอครับ"

น้ำเสียงแผ่วเบาของอิสราทำให้อิสราชะงัก เด็กหนุ่มรู้สึกได้ว่าบรรยากาศรอบตัวของคู่สนทนาเปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน

"ผมเอง.. ก็เคยวาดรูปมาจนถึงตอนที่ตาบอด"

อิสราสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่้เศร้ามอง จนอยากจะเอ่ยบางอย่างเพื่อปลอบประโลม แต่แล้วเสียงที่สดใสของนรินทร์ก็ดังขึ้นมาแทรกบรรยากาศที่ชวนเหงานั้น

"แต่คุณอิสราก็เก่งนะครับ เล่นฟลูตได้ เล่นให้ผมฟังหน่อยสิ"
"ม ไม่เอาหรอกครับ"

อิสราที่ไม่เคยเกี่ยงหรือบ่ายเบี่ยงอะไรกลับบ่ายเบี่ยงเสียนี่ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังตกใจตัวเอง โชคดีที่นรินทร์ไม่ได้เซ้าซี้ต่อ มีเพียงเสียงหัวเราะเอ็นดูอย่างเบาๆ เท่านั้น

"ไม่เคยเล่นให้ใครฟังเหรอครับ"
"ไม่เลยครับ"
"ที่บ้าน ตายาย พ่อแม่พี่น้องล่ะ?"
"ผมไม่มีพี่น้องหรอกนะครับ ตากับยายก็...ก็ไม่ค่อยได้ฟังหรอก" อิสราพูดเสียงเบาลง ที่จริงเขาก็เพิ่งจะมาหัดจริงจังตอนที่เข้าควิ้นท์นี้มากกว่าเพราะที่บ้านไม่มีเครื่องดนตรี
"อ้อ...หลานชายคนเดียวสินะครับ"
"ครับ"

นี่เป็นครั้งแรกที่อิสรารู้สึกได้พูดคุยกันถึงเรื่องส่วนตัวมากกว่าครั้งไหนๆ สักพักบรรยากาศของทั้งคู่ก็เงียบสงัดลง อิสราอยากจะเป็นคนที่พูดคุยเก่งมากกว่านี้ จะได้ไม่ทำให้บรรยากาศในการพูดคุยอึดอัด ด้วยความที่ตอนนี้ควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ เด็กหนุ่มจึงโผล่งขึ้นโดยไม่ได้ตรอง

"ผอ.ยังเล่นเกมเศรษฐีอยู่มั้ยครับ"
"หืม?" นรินทร์ส่งเสียงแปลกใจ ส่วนอิสรานั้นกลับหน้าซีดเหงื่อตก เขาไม่เคยที่จะลุกลี้ลุกลนแบบนี้มาก่อนเลย เพียงแค่ไม่ได้เจอกันสัปดาห์เดียว ทำไมอิสราถึงได้ตื่นเต้นถึงขนาดที่พูดอะไรไร้สาระแบบนั้นไปได้ เด็กหนุ่มเก้อกระดาก
"อ...เอ่อ..."
"ช่วงนี้ไม่ได้เล่นครับ คุณรัตติไม่ว่าง ส่วนคู่มือของผมอย่างคุณ...ก็ไม่ได้มาหา"
"อ่อ ครับ ที่ห้องไม่มีใครมาหาเลยเหรอครับ" เหงาแย่เลย... อิสราไม่ได้พูดออกไป
"ก็..มีบ้างครับ แต่นานๆ มาหาที"
"เหงาแย่เลย" อิสราเอ่ยขึ้นเมื่อนึกถึงตอนที่เป้นเด็ก ที่นอกจากตายายและครูส่วนตัวที่มาหาไม่กี่วันต่อสัปดาห์แล้ว เขาก็ไม่มีใครมาหาเลย ตอนนั้นเขาทำได้เพียงแต่ฟังเสียงคนพูดคุยกันจากหน้าต่างของห้อง ไปไหนเองก้ไม่ได้ มันช่างเหงาเสียนี่ แต่เมื่อได้มาเข้าโรงเรียน ห้องพักที่เขาอยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้มีแค่เขา ยังมีรูมเมทที่น่ารัก ห้องพักข้างๆก็เป็นเพื่อนสนิท ในห้องเรียนก็มีเพื่อนอีกกว่า 30 คน เขาเดินเหินไปไหนมาไหนได้ภายในพื้นที่อันกว้างใหญ่ แล้วผอ.เล่า...

"ครับ เหงา ผมเองก็แทบไม่ได้ออกจากห้องเลย"
"ถ้าไม่ออกไป แล้วผมไปหาได้มั้ยครับ"

อิสราอยากจะดึงปากตัวเอง

"ได้สิครับ ได้เสมอเลย"

คำตอบของนรินทร์ทำให้หัวใจของอิสราฟูฟ่อง แต่คำว่า 'มารยาท' และ 'กาลเทศะ' ทำให้เขาแสดงความดีใจไม่ได้

"เอ่อ...แต่ไปแล้วคงรบกวนผอ.เปล่าๆ"
"เป็นเด็กดีจริงๆ เลยนะครับคุณอิสรา"

อิสราแทบจะหุบยิ้มไม่ทัน อีกแล้ว...คำพูดที่อ่อนโยนแบบนี้อีกแล้ว วันนี้นรินทร์ทำให้อิสรารเกิดความรู้สึกอันหลากหลายเสียเหลือเกิน ทั้งดีใจ ตื่นเต้น เขินและเซ็งในเวลาเพียง 20 นาที

"นั่นสินะครับ ผมอยู่คนเดียวนั่นแหละดีแล้ว"
"ทำไมผอ.พูดแบบนั้นครับ"

นรินทร์ไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มเพียงลุกขึ้นยืนและกล่าวว่าต้องขอตัวไปที่อื่นต่อโดยไม่ได้จอบคำถามของอิสรา เด็กหนุ่มเองก็คิดว่าคงไปถามอะไรไม่เหมาะสมเขาจึงไม่ได้ถามย้ำต่อ แต่ก่อนจะแยกจากกัน นรินทร์ก็ทิ้งท้ายประโยคไว้

"วันนี้ถ้าอยากมาเป็นคู่มือกิตติมศักดิ์ใให้ผมก็ได้นะครับ...พิเศษแค่คุณอิสราคนเดียวนะ"
"..."

เป็นประโยคเรียบๆ ประโยคเดียวที่ตรึงอิสราไว้กับที่

TBC
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty ตอนที่ 7

Fri 06 May 2016, 16:06


ตอนที่ 7

หลังจากได้รับบัตรเชิญทางวาจา อิสราก็เริมจะชั่งใจว่าควรจะตอบรับคำเชิญดีหรือไม่ ผู้อำนวยการจะรู้สึกว่าเขาดีใจออกนอกหน้าเกิดไปรึเปล่า แล้วมันเหมาะแล้วหรือที่จะไปถึงพื้นที่ส่วนตัวของผู้อำนวยการเพียงเพราะจะไป 'เล่นด้วย' เท่านั้น

แต่แล้วอิสราก็เอชนะด้านที่อยากจะไปไม่ไหว เขาไม่ฝืน ไม่ทรมานตัวเองอีกต่อไป ในเมื่อคนที่อยากเจอเอ่ยปากออกมาเองแบบนี้ เขาจะปฏิเสธหรือแดงคามเกรงใจไปทำไมมากมาย และคำๆ นั้น คำว่า 'พิเศษ' เพื่อเขา มันอาจจะเป็นเพียงคำหยอกล้อของผู้ใหญ่ แต่ไม่ว่าอย่างไรอิสราก็ไม่อยากปล่อยคำๆ นั้นทิ้งไป อยากให้มันเป็นคำพิเศษเฉพาะเขาจริงๆ

หลังเลิกเรียนอิสราก็รีบพุ่งตัวกลับห้อง ไม่ได้สนใจำชวนของเพื่อน เตรียมเนื้อเตรียมตัวอาบน้ำ แต่ไม่วายจะยังไม่นั่งนั่งบีบมือตัวเองอยู่ในห้อง เพราะหายวันแล้วที่ไม่ได้แวะเวียนไปห้องของชายหนุ่ม อิสราจึงเกิดความรู้สึกประหม่าขึ้นมาเสียดื้อๆ ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไปหาแล้วแท้ ไอรีนเด็กสาวรูมเมทที่เพิ่งกลับมาจากออกไปข้างนอกเห้นอิสรานั่งบีบมือสีหน้าเคร่งเครียด จึงอดที่จะทักทายขึ้นด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

"พี่ไอน์คะ"
"ค ครับ!"

ไอรีนเลิกคิ้วมองท่าทางเลิกลั่กของอิสรา

"เป็นอะไรไปคะ หน้าเครียดเชียว"
"เอ่อ...ไม่มีอะไรครับ" อิสราตอบด้วยน้ำเสียงแห้งๆ

ไอรีนจ้องมองอยู่ซักพักก่อนจะไม่ถามต่อ แล้วเดินไปมาในห้องทำธุระส่วนตัวของตัวเองไปด้วย ส่วนอิสราก็ยังคงเม้มริมฝีปากแน่น เขาควรจะทำตัวเหมือนดมิอย่างที่เคยทำ ก็แค่ไปหา พูดคุย แต่ทำไมใจมันยังสั่นๆ หวิวๆอยู่นะ ยิ่งนานวันอิสราก็ยังรู้สึกว่าตัวเองชักจะบ้าบอมากขึ้นทุกวัน

แล้วในที่สุดเด็กหนุ่มก็ตัดสินใจได้ เขาลุกขึ้นตรงไปยังห้องของนรินทร์ กดอินโตโฟนให้สัญญาณอย่างที่เคยทำ เสียงในห้องตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเฉกเช่นเดิมที่เคยได้ยิน ต่างจากเขาที่เริ่มอยู่ไม่สุขขณะที่กำลังยืนรอใฟ้ประตูเปิดออก จู่ๆ เด็กหนุ่มก็มีความรู้สึกว่า 'อยากกลับห้องจัง' ขณะที่กำลังกระวนกระวาย ประตูที่ปิดสนิทออกก็เปิดออกพร้อมกับเจ้าของห้องที่วันนี้เดินมาเปิดประตูต้อนรับด้วยตัวเอง

"เชิญครับ ขอโทษที่ให้รอนะ"
"ไม่เป็นไรครับ"

และก็เช่นเดิมกับห้องที่แอร์เย็นช้ำ บรรยากาศกึ่งห้องเรียนกึ่งบ้าน แต่ที่เพิ่มเติมในวันนี้เป็นเหมือนครั้งล่าสุดที่ได้มา นั่นคือกลิ่นอาหารอ่อนๆ ลอยมาแตะจมูก อิสราหยุดชะงัดดมอยู่่ชั่วครู่

"ผมทำอาหารไว้น่ะครับ รู้สึกขยันอยากทำ"
"อ้อ ครับ"

อิสราเกาหลังคออย่างเก้อเขิน ปกติแล้วเขาจะมาที่ห้องนี้เพราะมีธุระที่ค่อนข้างเป็นการเป็นงาน แต่ครั้งนี้เหตุผลในการมานั้นมันต่างออกไป เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนตัวเองจะแก้มร้อนๆ และเพราะการไม่ขยับตัวไปไหนของอิสราคงทำให้นรินทร์จับพิรุธได้ ชายหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วง

"คุณอิสรามีอะไรรึเปล่าครับ?"
"คือ..."

อิสราไม่รู้จะอธิบายอย่างไร แต่ก็ยอมตอบไปตามตรง

"ผม...รู้สึกเกรงใจ คือมัน...เขิน"
"หืมม? เขินอะไรครับ"

เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายที่หนืดผิดปกติลงคอ แล้วตอบอย่างตะกุกตะกักผิดวิสัย

"คือผม...ไม่เคยมาเล่น แค่มาเล่นกับผอ. แบบนี้น่ะครับ เลย..."
"...อ้อ" นรินทร์ที่นิ่งฟัง ค่อยๆ ประมวลผลก่อนจะตอบรับพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดู

ชายหนุ่มเชิญให้อิสรานั่งที่โซฟาภายในห้องรับแขก ก่อนจะไปหยิบเอาน้ำดื่มมาบริการอย่างไม่ถือตัวว่าเป็นผู้อำนวยการและนักเรียน อิสรารีบฉวยเอาแก้วน้ำมาดื่มและหมดอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งนั่งนิ่งหลังเหยียดตรง ในสมองของเขาคิดสลับซับซ้อนไปมาว่าควรจะวางตัวอย่างไร พูดอย่างไร เพราะวันนี้ไม่มีงานในฐานะประธานนักเรียนให้เขาทำ

"...ครับ"
"ครับ.."

ทั้งคู่ต่างนิ่งเงียบ บรรยากาศอึดอัดแปลกๆ เกิดขึ้นเบาๆ แต่ระหว่างที่กำลังคิดว่าควรจะพูดอะไรซักอย่างนั้น เสียงของทั้งคู่ก็ดังขึ้น

"ผอ...."
"คุณอิสรา..."

ทั้งคู่ชะงักไป แล้วก็เกิดการเดธแอร์อีกครั้ง ก่อนที่นรินทร์จะได้สติก่อน เป็นฝ่ายเชิญให้อิสราพูด

"คุณอิสราก่อนเลยครับ"
"เอ่อ...ผอ.จะพูดอะไรครับ"
"ผมให้คุณพูดก่อนครับ"
"ครับ..."

นรินทร์อมยิ้มเล็กน้อย ส่วนอิสราก็ยิ้มแบบเก้อๆ กับบรรยากาศแบบนี้

"คือ..พอดีผมจะถามว่าปกติวันหยุด ผอ.ไปไหนมั้ยครับ...น่ะ"

มันเป็นแค่หัวข้อที่ชวนพูดคุยซึ่งเขาไม่รู้จะพูดอะไรขึ้นมาเฉยๆ จึงนึกได้ว่าวันหยุดก่อนๆ ตัวเองเคยตั้งคำถามนี้ที่หน้าประตูของห้องนี้ แต่ไม่ได้ถามเจ้าของห้อง วันนี้ได้โอกาสถึงถือเอาหัวข้อไร้สาระนี้ขึ้นมาถาม นรินทร์นิ่งไปซํกพักก่อนจะตอบคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้สื่อว่าเป็นคำถามไร้สาระอะไร

"ผมไม่ได้ออกไปน่ะครับ บอกว่าออกไปไหนไม่ได้น่าจะเหมาะกว่า"
"เพราะว่ามองไม่... ผมออกไปไหนไม่ได้จริงๆ"

แม้น้ำเสียงจะเรียบนิ่งเหมือนบอกเล่าเรื่องราวทั่วไป แต่มันกลับทำให้อิสราที่กำเก้อเขินอยู่ชะงักลงด้วยสัมผัสถึงอะไรแปลกๆ บางอย่างในประโยคนั้น เด็กหนุ่มลืมกาลเทศะและหลุดถามออกไป

"แล้วไม่มีใครมาหาเหรอครับ ถ้าไปไหนไม่ได้" บางครั้งคุณตาคุณยายของเขาก็ลงมาเยี่ยมบ้าง ผู้ปกครองของเพื่อนๆ เขาเองก็มาหาและถือโอกาศออกไปเที่ยวนอกโรงเรียนก่อนจะพามาส่งที่หอพัก แต่กับนรินทร์...ผอ.จะไม่ออกไปไหนกับใครบ้างเลยหรือ

"ก็มีบ้างครับ แต่นานๆ ทีจะมาหา" น้ำเสียงที่ดูอ้างว้างถูกถ่ายทอดออกมาจนอิสราสัมผัสได้ เด็กหนุ่มรู้สึกได้ว่าภายใต้น้ำเสียงที่ดูใจดี และท่าทีสบายๆ เป็นมิตรของผู้อำนวยการคนนี้มีอะไรมากมายแฝงอยู่ เขารู้สึกเหมือนตอนนี้เขากำลังนั่งพูดคุยกับผู้ชายที่กำลัง 'อยู่ตัวคนเดียว' สัมผัสที่ถูกกอดและเสียงอ้อนวอนราวกับต้องการใครซํกคนของผู้อำนวยการถูกรื้อขึ้นมาอีกครั้ง อิสรานั่งนิ่งก่อนจะพลั้งปากถามออกไปอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง

"ครอบครัวล่ะครับ" อย่างน้อยๆ... ก็ต้องมีครอบครัว หรือญาติ...

มีเพียงเสียงหัวเราะอย่างแผ่วเบา ซึ่งไม่รู้ว่าหัวเราะดูแคลนตัวเอง หรือหัวเราะเก้อๆ กันแน่ๆ ก่อนที่น้ำเสียงที่เหมือนไม่ได้ใส่อะไรจะดังขึ้นอย่างเลื่อนลอย

"ที่นี่เป็นคราบครัวของผมครับ"

ไม่เอ่ยถึง และคำตอบที่ช่างสมกับเป็นผู้อำนวยการเช่นนี้ อิสรากลับรู้สึกว่าไม่ใช่ นรินทร์ไม่ได้ตอบตามตรง หรือมันอาจจะเป็นเรื่องจริง อิสรานิ่งคิด หัวใจที่เต้นรัวเพราะความเขินอายกลับเต้นอย่างสงบนิ่ง เขารู้สึกว่าผู้อำนวยการกำลังซ่อน 'ความอ่อนแอ' เอาไว้ แต่เขาเคยพบกับมันแล้ว มันทั้งอ้างว้างและเหงาเสียนี่... เขาอยากเป็นคนเคียงข้างผู้ชายคนนี้ ไม่ใช่เพียงในฐานะนักเรียน...

บรรยากาศเงียบๆ เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่นรินทร์ก็เลือกที่จะต่อบทสนทนาขึ้นอย่างเร็วเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่าง

"แล้วคุณอิสราล่ะครับ ปกติวันหยุดชอบไปไหนรึเปล่า?"
"ผม..."

อิสราอยากบอกอะไรบางอย่าง

"ครับ?"
"ผมชอบผอ...."


avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Re: Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Fri 06 May 2016, 20:34
ในที่สุด!!!
Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] 2578617245 Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] 2578617245
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Re: Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Tue 26 Jul 2016, 21:34
ตอนที่ 8

"ผมชอบผอ...."
"...หืม??"

นรินทร์นิ่งไปเชั่วครู่เพราะสติหลุดกับประดยคอันเลื่อนลอยของนักเรียน ชายหนุ่มตกใจจนเกือบจะลืมตาที่ปิดสนิท ข้างฝ่ายที่เด็กกว่าก็ไม่ได้พูดย้ำ มีเพียงเสียงกลืนน้ำลายเบาๆ และลมหายใจที่ยังสงบนิ่ง ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวใดๆ นรินทร์ที่อึ้งอยู่ซักพักก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามย้ำอีกครั้ง

"เมื่อกี้คุณอิสราบอกผมว่าอะไรนะ?"
"..."

อิสรานิ่งเงียบ ณ จุดๆ นี้เขานึกไม่ออกแล้วว่าจะให้เหตุผลหรือแถหนีคำพูดตัวเองอย่างไร เด็กหนุ่มได้แต่กลืนน้ำลายใหลำคอที่แห้งผาก ใจดวงน้อยค่อยๆ เต้นระรัวจนรู้สึกเหมือนจะหลุดออกมาจากอก เด็กหนุ่มรูสึกควบคุมตัวเองไม่ได้ มือที่วางอยู่บนหน้าตักค่อยๆ กำเข้าหากัน มันสั่นเทาเบาๆ อิสราอยากจะย้อนเวลากลับไปแค่เพียง 10 วินาทีก่อนหน้านั้นก็ดี รู้สึกว่า 'ไม่น่าเลย'

"..."
"..."

ผอ.ยังคงรอคอยคำตอบจากเขาอย่างใจเย็นไม่ได้ลุกไปไหน อิสรารู้ดีว่านรินทร์ได้ยินชัด แต่แค่ต้องการถามย้ำเพื่อย้ำความแน่ใจหรืออาจจะแค่ย้ำสติเขา ไม่นานอิสราก็ตัดสินใจได้ อย่างไรเสียสิ่งที่พูดออกไปก็หาใจความรู้สึกปลอมๆ หรือเรื่องล้อเล่น กับเพื่อนฝูงเขาอาจจะโกหกไปว่า 'ก็แค่ล้อเล่น' ได้ แต่กับคนๆ นี้เล่า...อิสราอยากตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว

"ผมชอบผอ.ครับ"
"ชอบแบบที่ผมเป็นผู้ใหญ่น่าเข้าใกล้เหรอครับ"

นรินทร์เบี่ยงประเด็น เขาสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงแบบนั้นไม่ใช่คำชื่นชมจากเด็กที่ชื่นชมผู้ใหญ่ หรือฮีโร่อะไรทำนองนั้น แต่มันเหมือนกับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลัง 'สารภาพรัก' กับเขา กำลังบอกว่ามีความรู้สึกดีๆ ให้ นรินทร์รู้สึกได้ แต่คนตรงหน้าเขาหาใช่ผู้ชายดาษๆ ทั่วไป เขาเป็นนักเรียน เป็นเด็กที่เรียนดี มีมารยาทและยังมีอนาคต กับคนที่...ไม่กล้าพูดอะไรตามตรงถมยังไม่สบายแบบนี้ มันจะมีอะไรเหมาะกัน...

อิสรารู้สึกหน้าชาเล็กน้อยที่อีกฝั่งคล้ายจะตีมึนไม่รับไม่รู้รู้สึกถึงไมตรี เด็กหนุ่มตั้งความแน่วแน่แล้วตอบไปอีกครั้ง

"ไม่ใช่ชอบแบบนั้นครับ"
"..."

นรินทร์อึ้งไปอีกกับน้ำเสียงอันแน่วแน่ของประธานนักเรียน อิสราเองก็ยังคงใจเต้นตึกตัก เขาคงจะถูกมองว่าเป็นเด็กไม่รู้จักกาลเทศะเสียแล้วกระมังผอ.ถึงได้เงียบไปเช่นนี้ เงียบไปเพียงครู่เสียงหัวเราะเบาๆ ก็ดังขึ้นพร้อมฝามือหนักๆ ที่วางลบศีรษะพร้อมกับขยี้ผมเบาๆ แล้วผละไปอย่างรวดเร็ว

"พูดเล่นไปเรื่อยนะครับคุณอิสรา ตกใจหมดเลย"
"ผอ..."

นรินทร์ลุกออกจากตรงนั้นไปเตรียมอาหาร จู่ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองกำลังรู้สึกตื่นเต้น แต่อีกใจเขาก็กระซิบที่ข้างหูเขาเสมอว่า 'อิสราก็แค่พูดเล่น' เขาที่เป็นแบบนี้น่ะหรือ จะมีใครมารัก เด็กหนุ่มก็อาจจะชอบแค่หน้ากากที่เขาสวมใส่อยู่ แต่ตัวตนที่สกปรกของเขา ใครเลยจะเหลียวแล ตัวตน...ที่แม้แต่เขาก็แทบจะจำมันไม่ได้ เรื่องที่ใครมารักจริงนั้น...ฝันไปเถอะ นรินทร์ยิ้มอย่างดูแคลนให้ตัวเองก่อนะหายเข้าไปในครัว ทิ้งอิสราไว้คนเดียวที่ห้องรับแขกพร้อมกับความตื้นตันดีใจไว้แค่ตรงนั้น

กลิ่นที่คุ้นเคยห่างออกไปไกลแล้ว ใจที่กำลังเต้นรัวกระหน่ำของอิสราค่อยๆ เต้นเบาลง ความตื่นเต้นจางหายไป มีเพียงความ 'ผิดหวัง' เท่านั้น นี่เขาถูกปฏิเสธงั้นหรือ? เพราะเขาเป็นเด็กงั้นเหรอ? หรือเพราะอะไร... อิสรายังคงหันหน้าไปในทิศทางเดียวกับที่กลิ่นนั้นหายไป

"คุณกำลังปฏิเสธผม หรือคุณแค่หนี..."

อิสรานึกถึงอ้อมกอดวันนั้นอีกครั้ง วันที่อ่อนแอของชายที่เขาเริ่มจะตกหลุมรัก นึกถึงน้ำเสียงอันเหงาหงอยเมื่อพูดถึงครอบครัว หรือบรรยากาศรอบตัวเมื่อเอ่ยถึงคนที่มาหา วันหยุดและชีวิตตัวคนเดียในห้องพักที่ใหญ่ที่สุดในโรงเรียนแต่กลับต้องอยู่แต่ภายในนี้ แทบไม่ได้ไปไหน...

เพียงแค่คิด อิสราก็รู้สึกเหมือนนรินทร์เป็นเพียงผู้ชายอ่อนแอคนหนึ่งที่ไม่กล้าออกไปไหน ซ่อนทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาไม่รู้เอาไว้ภายใต้รอยยิ้มและความอ่อนโยนของบทบาทผู้อำนวยการโรงเรียน อิสราอยากเห็นตัวตนของเขามากกว่านี้ หาใช่เพราะอยากสอดรู้ แต่เขากลับอยากดูแล ความรู้สึกในวันนั้นไม่เคยจางหายไป หากวันนั้นเขาไม่มัวแต่ตกใจ คงจะดึงผู้ชายที่กำลังอ่อนแอถึงขีดสุดมากอดให้กำลังใจอีกครั้ง ไม่เดินหายไปแบบนั้น... จะมีโอกาสให้เขาได้ดูแลผู้ชายที่ทำตัวไม่มีอะไรคนนี้ได้อีกมั้ย ทำอย่างไรนะ...

เล่นตกหลุมรักเขาแบบนี้แล้วคงไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกนะ

ผ่านไปเกือบชั่วโมง อิสราที่มีปณิธานแน่วแน่ของตนกับนรินทร์ที่ทำเป็นลืมความรู้สึกที่อิสรามอบให้ก็ลงมือทานอาหารกันอย่างเงียบเชียบ ภายในห้องทานอาหารมีเพียงเสียงชองช้อนส้อมที่กระทบกับจาน เป็นการทานอาหารที่อิสรารู้สึกว่าอึดอัดที่สุด ไม่ต่างจากอีกฝ่ายที่ทนไม่ไหวจนต้องเป็นฝ่ายเริ่มคุย

"คงค่ำมากแล้วสินะครับ"
"ครับ"

นรินทร์ลอบสังเกตท่าทีอิสรา อีกฝ่ายไม่มีการเขินอายหลังการสารภาพรัก มีเพียงการกลับตอบสั้นๆ ตามปกติ เรื่องที่พูดเมื่อตอนเย็น...คงล้อเล่นจริงๆ สินะ นรินทร์ถอนหายใจแผ่วเบา แต่อิสรากลับได้ยิน ยินอิสราสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงถอนหายใจนั้น เด็กหนุ่มรู้สึกผิด ผอ.เบื่อที่เขาเป็นแบบนี้งั้นเหรอ เพราะเขาเป็นเด็กเลยไม่สนใจคำสารภาพนั้นสินะ

"ผมพูดจริงๆ นะครับผอ."
"ครับ? เรื่องอะไรเหรอ"
"ที่บอกว่าผมชอบผอ...." อิสรายังไม่ลดละความพยายาม

นรินทร์รู้ดีกว่าเด็กที่พูดความจริงอย่างตรงไปตรงมาเช่นอิสราไม่มีทางโกหกแน่นอน ชายหนุ่มพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้เอื้อมมือไปดึงอีกฝ่ายเขามากอดและบอกว่า 'ขอบคุณนะ' แต่กลับเลือกที่จะข่มใจและยังคงไว้ซึ่งบทของผู้อำนวยการโรเรียนที่ทั้งใจดีและภูมิฐาน

"จะล้อเล่นกับผมอีกนานมั้ยครับเนี่ย ผมไม่ใช่สาวๆ นะ"
"ผอ.คิดว่าผมล้อเล่นเหรอครับ"
"ก็ใช่น่ะสิครับ คุณอิสราอยากเล่นมุขไหนครับ ผมตามไม่ทัน ตบมุขไม่ได้"

นรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงที่เอ็นดู แต่อิสรากลับไม่ชอบคำตอบนั้นเลย จากที่หน้าชาก็ค่อยๆ เสียใจ ความเสียใจค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบ... หลากหลายเหตุผลที่ถูกปฏิเสธประดังประเดเข้ามาในสมองไม่หยุดหย่อนจนไม่มีกะจิตกะใจจะทานอะไร เด็กหนุ่มวางช้อนส้อมลง

"ผมอิ่มแล้วครับ"
"ทานน้อยจัง จะรีบกลับเหรอครับ"
"ครับ ก็ผอ.คงไม่อยากให้ผมอยู่แล้ว"
"พูดอะไรแบบนั้นครับ..."

อิสราไม่ตอบอะไร เหตุผลเขาก็คงจะยกขึ้นมาว่า 'นั่นสินะ ดึกแล้ว' แบบผู้ใหญ่ใจดีคนหนึ่งเหมือนเคย

"จะว่าไปก็ดึกแล้ว คุณอิสราควรจะกลับห้อง"

นั่นปะไรเล่า.... คราวนี้อิสราเป็นอิสราเองที่ถอนหายใจ

"ขอโทษที่กลับก่อนนะครับ ไม่ได้ช่วยเก็บจาน"
"ไม่เป็นไรครับๆ ผมไปส่งนะ"

อิสรายิ้มเล็กน้อย ถึงไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธรุนแรง ไว้กลับไปตั้งหลักใหม่แล้วค่อยๆ เข้าใกล้ก็แล้วกัน วันนี้ไม่ได้เตรียมตัวแต่ดันพลั้งปาก ยังไงๆ เขาก็จะทำให้นรินทร์เปิดใจให้ได้ ไม่มีคำว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ หรืออะไรทั้งนั้นแล้ว อิสราคิดอย่างคนที่ติดจะหงุดหงิดเล็กน้อย

ขณะที่กำลังจะถึงประตู อิสราก็เดินช้าลงอย่างเห็นได้ชัด เกิดอาการอ้อยอิ่งเล็กน้อย แต่ก็ต้องจำใจบอกลา

"ผมกลับแล้วนะครับ"

แต่ขณะที่กำลังจะหันหลังกลับและก้าวพ้นประตู ข้อมือซ้ายของเขาก็ถูกดึงเอาไว้ อิสราชะงักฝีเท้าแล้วรีบหันกลับไปยังอีกด้าน คนที่ดึงมือเขาไว้ยังคงนิ่งสงบด้วยแรงมือที่แน่นขึ้น ก่อนที่จะคลายออกอย่างรวดเร็ว

"กลับดีๆ นะครับ"
"...ครับ" อิสราไม่ได้ติดใจอะไร คงแค่อยากจะบอกลา เด็กหนุ่มหันหลังกลับพร้อมก็เสียงประตูที่ดังขึ้น แต่เมื่อเดินไปซักพัก อิสราก็นึกได้ "หรือว่า..เหมือนวันนั้น...."

เด็กหนุ่มหยุดนิ่งที่ทางเดิน นึกถึงสัมผัสที่รุนแรงเมื่อครู่อย่างเหม่อลอย โดยที่ไม่รู้ว่าคนที่หลังประตูอีกฝั่งกำลังทิ้งตัวลงกับบานประตู ค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งกับพื้นแล้วเอื้อมมือกอดตัวเองช้าๆ อย่างทรมาน
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Re: Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Fri 29 Jul 2016, 01:30
ตอนที่ 9

"เฮ้อ..."

เป็นอีกครั้งในรอบวันที่เด็กหนุ่มถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่เช้าเข้าเรียน อิสรามักจะถอนหายใจเป็นระยะๆ แบบคนหมดอาลัยตายอยาก เล่นเอาเพื่อนที่นั่งข้างๆ รู้สึกรำคาญจนทนไม่ไหว ขอเอ็ดมันซักหน่อย

"เป็นไรไปอีกฮะไอ้ประธาน"
"...ไม่มีไร"
"ไม่มีไร? นั่งถอนหายใจจนแผ่นดินยุบเนี่ยนะ" จิณณ์ขมวดคิ้วอย่างคนที่ติดจะรำคาญคำว่า 'ไม่มีอะไร' ของเพื่อน เด็กหนุ่มม้วนสมุดจดเล่มบางเป็นกระบอกก่อนจะเคาะลงที่หัวเพื่อนเบาๆ ทีนึง อิสราสะดุ้งลูบศีรษะเล็กน้อยแต่ไม่ได้กล่าวว่าอะไรเพื่อน
"มีไรก็คุยกันได้เว้ย เพื่อนกัน คุยกะเราไม่ได้ก็คุยกะแม็กก็ได้"
"เฮ้อ..."

ยังไม่ทันขาดคำอิสราก็ถอนหายใจอีกรอบ เล่นเอาจิณณ์ที่เพิ่งออกปากเตือนไปหยกๆ ถึงทำตีหน้ามึน

"เออๆๆๆ แล้วแต่นายละกัน"
"เพื่อนรักจิณณ์ งานเคมีเสร็จยางงงง อ้าว ประธาน"

แม็กเวลที่ร่อนถลาเข้ามาเพื่อขอ 'ลอกงาน' อย่างเริงร่าต้องเบรคแทบหัวทิ่มเมื่อเจอออร่าแห่งความเหี่ยวเฉาออกมาจากตัวอิสรา จิณณ์มองหน้าแม็กก่อนจะบุ้ยปากไปทางอิสราพร้อมกับยักไหล่ให้กับสายตาที่ส่งคำถามมาว่า 'มันเป็นไรวะ' ของแม็ก เพื่อนๆ ทั้งสองคนก็จนปัญญาจะช่วย เพราะเจ้าตัวไม่ยอมปริปากใดๆ มีแต่ออร่าที่ชวนเซ็งลอยออกมาจากตัวตลอดวัน

เมื่อตกเย็นก่อนเลิกเรียน แม็กเวลจึงหาเรื่องพูดคุยกับอิสรา ซึ่งไม่พ้นหัวข้อ 'การหายตัวไปในยามเย็นของประธานนักเรียน'

"ไอน์ วันนี้ไม่ไปช่วยงานผอ.เหรอ"

กึก!

อิสราที่กำลังเก็บข้าวของบนโต๊ะเรียนถึงกับหยุดชะงักราวกับหุ่นยนต์หมดถ่าน แม็กเวลที่ยิ้มแย้มแจ่มใจถึงกับหุบยิ้มทันที ออร่าจางๆ แผ่กระจายออกมาหนักขึ้นอย่างรวดเร็วจนตัวเขาที่ปกติไม่ค่อยรับรู้อะไรังสัมผัสได้จนแทบสำลักออร่า

"เฮ้ย เป็นไรวะเนี่ย ทำไมทำหน้าแบบนั้น"
"ไปทำไม ผอ.ไม่อยากเจอฉันหรอกมั้ง"
"ไหงนายพูดแบบนี้ ไปทำอะไรให้ผอ.โกรธเหรอ"
"ก็คงงั้น...มั้ง..." อิสราไม่อยากลงรายละเอียดลึกเท่าไหร่ และหวังว่าเพื่อนจะไม่ถามลึกไปกว่านี้
"ถ้าทำผิดก็ไปขอโทษผอ.ให้หายโกรธสิ แกโกรธไม่นานหรอก"

คำแนะนำธรรมดาๆ ของแม็กเวลเหมือนจุดประกายอะไรบางอย่างในใจของอิสรา เด็กหนุ่มที่แผ่ออร่าห่อเหี่ยวออกมาทั้งวันเริ่มมีประกายแห่งชีวิตขึ้นมาบ้าง จิณณ์ที่นั่งมองดูเพื่อนคุยกันสลับไปมาซ้ายขวาเริ่มจับสังเกตอะไรแปลกๆ ได้บ้างแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก คิดเพียงแต่ว่าตำแหน่งประธานนักเรียนนี่ช่างบอบบางแท้ ต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายของโรงเรียนแถมถ้าทำอะไรไม่ดีอาจจะถูกมองไม่ดีไปด้วย เพื่อนคงทำอะไรพลาดมาสินะ ถึงได้เหี่ยวทั้งวันแบบนี้ ซึ่งความคิดเขาก็เกือบจะถูก

อิสราพลาดที่ไม่ได้เตรียมตัวไปสารภาพรักมาก่อน และเขาไม่ควรจะยอมแพ้ง่ายๆ

ในที่สุดเด็กหนุ่มที่อมออร่าความเหี่ยวมาตลอดก็มีรอยยิ้มเล็กๆ ประดับบนใบหน้า อิสรารีบเก็บข้าวของลงกระเป๋าอย่างรวดเร็วก่อนจะบอกลาเพื่อน

"ขอบใจมากเพื่อน ไปละ"

เด็กหนุ่มตาบอดที่มักจะเดินเหินอย่างระมัดระวัง วันนี้กลับเดินเร็วปานจะบินได้ แม็กเวลและจิณณ์มองตามอย่างมึนงง วันนี้อิสราแปลกไปเหลือเกิน แม็กเวลที่เหม่อมองตามหลังเพื่อนค่อยๆ อุทานออกมาเบาๆ

"ว่าจะชวนไปกินเค้ก..."

ตลอดทางเดินจากห้องเรียนถึงห้องพักอิสราขบคิดวางแผนร้อยแปดพันเก้าไว้ในใจ เขาไม่เคยขบคิดอะไรมากมายขนาดนี้มาก่อน ด้วยไม่ใช่คนช่างวางแผนมากมาย อาจจะมีแผนคร่าวๆ แล้วทำไปเรื่อยๆ อย่างที่ควรจะเป็น แต่นี่เขามีทั้งแผนเอ แผนบี แผนบลาๆๆ เพื่อทำให้นรินทร์ยอมรับความรู้สึกของเขาที่มอบให้ให้ได้ แต่เมื่อนึกๆ ดูแล้ว การจะหาข้ออ้างเพื่อใกล้ชิดนั้นทำได้ยากยิ่งเหลือเกิน อิสราขบคิดไปพลาง... แต่ก็ปิ๊งบางอย่างเล็กๆ ที่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีได้

ใช้เวลาเตรียมตัวราวๆ ชั่วโมงจนตะวันเกือบจะลับขอบฟ้า อิสราก็บอกลารูมเมทร่วมห้องว่าจะออกไป 'ช่วยงานผอ.' และคงจะกลับดึก ให้นอนก่อนได้ ซึ่งรูมเมทสาวน้อยน่ารักก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ อิสรารวบรวมความมั่นใจก่อนจะก้าวเท้าออกจากห้องไป ในใจกะว่าอีกคนน่าจะว่าและคงกำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่ เด็กหนุ่มสูดหายใจลึกก่อนจะยกมือกดอินเตอร์โฟน

ตืดดด...

ไม่มีเสียงตอบกลับจากคนภายในห้อง อิสราเริ่มเสียความมั่นใจเล็กน้อย ปกติเวลานี้อ.มักจะเลิกทำงานแล้ว แล้วทำอาหารเย็นเสมอ หรืออาจะยังอยู่ในครัวถึงไม่ได้ยินเสียงอินเตอร์โฟน? เด็กหนุ่มตัดสินใจยกมือกดอินเตอร์โฟนแล้วยืนรออย่างใจเย็นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ก็ไม่มีเสียงตอบรับอีก อิสราแปลกใจก่อนจะกดย้ำเป็นครั้งที่สามแล้วกรอกเสียงลงไปด้วย

"ผอ.ครับ ผมอิสราครับ" น้ำเสียงไม่ได้แสดงถึงความประหม่าหรือเขินอาย เด็กหนุ่มรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากที่ควบคุมตัวเองได้ วันนี้ต้องไปได้สวยแน่นอน รอซักพักเสียงเครือของคนในห้องก็ดังตอบกลับมา
"ครับ...คุณอิสรา"

เด็กหนุ่มคงไม่รู้ตัวว่าทันทีที่เสียงของคนในห้องตอบกลับมา เขาก็ยิ้มกว้างอย่างสดใสที่สุดในรอบวัน อิสรารีบกดอินเตอร์โฟนอีกครั้ง

"ผมมาเยี่ยมครับ ขอเข้าไปได้มั้ย" ด้านมาก.. เอาก็เอาวะ...
"...ได้ครับ เชิญครับ"

ประตูเปิดออกแล้ว แต่อิสราไม่รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวภายในห้อง ขณะที่กำลังก้าวเดินและจะส่งเสียงเรียกอีกครั้ง ร่างของเขาก็ชนเขากับบางสิ่งบางอย่างที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าของเขา

"อ๊ะ.."
"วันนี้ไม่มีงานนี่ครับ" นรินทร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งเล็กน้อย อิสราแปลกใจ เพราะมันเป็นน้ำเสียงของคนที่หมดแรงซึ่งไม่ค่อยได้พบเจอนักกับผู้อำนวยการโรงเรียนวันนี้...หรือว่า...
"ผอ.ไม่สบายหรือเปล่าครับ"
"หืม? ผมสบายดี"
"แน่นะครับ"
"ครับ ผมสบายดี" น้ำเสียงตอนท้ายช่างหนักแน่นเหลือเกิน มันไม่ได้เพียงย้ำกับคนฟังเท่านั้น มันย้ำกับคนพูดไปด้วย แต่คนฟังก็ไม่เชื่อใจเท่าไหร่ วันนี้ผอ.แปลกไป
"ผมมารบกวนรึเปล่าครับ..."
"ไม่หรอกครับคุณอิสรา นั่งก่อนิ ทานอะไรมารึยัง ผมกำลังทำข้าวเย็น"

นรินทร์เดินนำอิสราไปที่โซฟากลางห้องที่ประจำ แต่อิสราไม่ได้นั่งลงปม่จะเดินตามมา นรินทร์แปลกใจเล็กน้อย ที่จริงก็ทั้งแปลกใจและตกใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เสียงอินโตโฟนดังขึ้นมาแล้ว เวลานี้จะเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากอิสรา นรินทร์ไม่คิดว่าอิสราจะอยากมาหาเขาอีก แต่เจ้าเด็กนี่...กลับมาหาเขาและพูดคุยตามปกติเหมือนเดิม

เหมือนเดิม...รึเปล่านะ


"นั่งสิครับ เดี๋ยวผมไปเตรียมกับข้าวแป๊บ ทานอะไรมารึยัง"
"ยังครับ ผมกะมาฝากท้องกับผอ."
"คุณอิสราช่วงนี้ชอบเล่นมุขแปลกๆ นะครับ" นรินทร์กลั้วหัวเราะเล็กน้อยขณะที่หัวใจกำลังเต้นตึกตักๆ ไม่เคยมีคนคิดจะ 'ฝากท้อง' กับเขามาก่อน ไม่มีคนที่อยากร่วมทานอาหารกับเขามานานแล้ว แต่วันนี้มันอะไร นรินทร์คล้ายกับจะตัวสั่น เขาพยายามอย่างมากที่จะควบคุมตัวเองด้วยการรีบหันหลังแล้วเดินไปที่ครัวอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้อิสรายืนเก้อคนเดียว เด็กหนุ่มอ้าปากอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่ทันการ ได้แต่เม้มปากแล้วถอนหายใจเบาๆ

"หนีอีกแล้ว..."

อิสราพึมพำกับตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟา ซักพักเสียงท้องร้องก็บอกให้เด็กหนุ่มรู้ว่าเลยเวลาอาหารเย็นและกระเพาะของเขาก็ต้องการสารอาหารอย่างรุนแรงแล้ว อิสราลูบท้องตัวเองพลางบอกมันให้อดใจรออีกนิด เพียงชั่วครู่เสียงฝีเท้าของเจ้าของห้องก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า

"วันนี้เป็นข้าวผัดธรรมดาๆ นะครับ ผมกะทำอะไรง่ายๆ ไม่คิดว่า...คุณอิสราจะมา"

ท้ายประโยคนรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา อิสราได้โอกาสจึงพูดแสดงความรู้สึกอีกครั้ง

"ผมอยากมาทุกวันนะครับ"

อิสราคิดว่าคำพูดของเขาไม่ได้มีความล้อเล่นเจือปนอยู่ อยากให้รู้ว่าเขาพูดจริงและรู้สึกจริง คนตรงข้ามเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยโทนเสียงที่นิ่งคนเหมือนคุยกับคนแปลกหน้า

"มาได้ทุกวันที่อยากมาครับ"
"...ครับ" เป็นครั้งแรกที่อิสราเดาไม่ออกว่านรินทร์กำลังรู้สึกอย่างไร ปกติถ้าไม่หาเรื่องกลบเกลื่อนก็จะหัวเราะแล้วปฏิบัติกับเขาเช่นผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเด็กคนหนึ่งเท่านั้น แต่ครั้งนี้...นรินทร์เริ่มทำตัวแปลกๆ แปลกไปจากวันนั้นด้วย

อิสราเดินตามนรินทร์ไปยังโต๊ะทานอาหาร ช้อนและส้อมถูกจัดวางไว้อย่างถูกตำแหน่งสำหรับผู้พิการทางสายตา มือนั้นมีการพูดคุยสัพเพเหระเล็กน้อย น่าแปลกอีกที่คนเริ่มคุยกลายเป็นอิสรา ถึงแม้จะเริ่มด้วยประโยคสั้นๆ แต่นรินทร์ก็ให้ความร่วมมือในการพูดโต้ตอบ แต่มันช่งดูกระดากแข็งเสียเหลือเกิน

อิสรานั่งย่อยอาหารด้วยหวังจะยืดเวลาอยู่ด้วยอีกซักนิดก็จำต้องจากลา

"ดึกแล้ว กลับห้องนะครับ"
"...ครับ" คงอยากไล่เราเต็มทนแล้วสินะ...เด็กหนุ่มนึกในใจ แต่ก็ตอบรับอย่างว่างง่าย
"เอ่อ ผอ.ครับ"
"..." อีกฝ่ายไม่ได้ตอบรับ แต่ก็หยุดฟัง
"เวลาว่างผอ.ชอบทำอะไรเหรอครับ"

นรินทร์เลิกคิ้วให้กับคำถามพื้นๆ นี้ ปกติมักจะเป็นเขามากกว่าที่ชอบถามอะไรแบบนี้กับเด็กๆ เพื่อเป็นการชวนคุยและเก็บข้อมูล แต่วันนี้เป็นเขาเองที่กำลังโดนเก็บข้อมูล แต่นรินทร์ก็ยอมตอบไปตามตรง

"ผมชอบทำอาหารน่ะ ไม่ก็ ...นั่งอ่านหนังสือสูตรอาหารครับ"
"อ้อ..." อิสราค่อยๆ บันทึกข้อมูลลงในสมอง เป็นงานอดิเรกที่ดูเป็นพ่อบ้านยิ่งนัก ช่างแตกต่างจากเขาที่ไม่กล้าจะแตะกระทะเลย ถ้าได้อยู่ด้วยกันคงได้นั่งดมกลิ่นอาหารที่ผอ.ทำ ได้นั่งทานข้าวด้วยกัน อิสรานึกพลางค่อยๆ ยิ้ม แต่ก็ต้องรีบหุบยิ้มลง
"งั้นผมกลับแล้วนะครับ"
"คุณอิสรา!"
"ครับ?"

อิสราที่เพิ่งจะตื่นจากฝันของตัวเองเลิกคิ้วอย่างฉงนด้วยเสียงเรียกของอีกฝ่าย นรินทร์ที่ใจเต้นระส่ำไม่หยุดพลั้งปากออกไปอย่างไม่ตั้งใจ ชายหนุ่มอยากจะหยิกตัวเองที่หลุด 'ความเป็นผอ.' ให้ซักหลายครั้ง แต่ก็กระแอ่มเสียงตัวเอง พยายามกดเสียงให้เป็นปกติที่สุดโดยไม่รู้เลยว่ายิ่งทำแบบนั้นมันยิ่งไม่ปกติ

"ไม่มีอะไรครับ กลับห้องดีๆ นะ"
"...ครับ ลานะครับผอ. สวัสดีครับ"

อิสราหันหลังจากมา และหวังว่าจะมีแรงจับที่ข้อมือเช่นวันนั้นแต่ก็ไม่มี แถมวันนี้นรินทร์ยังดูอึมครึมกว่าปกติอีก นี่เขาคิดถูกรึเปล่านะ
.
.
.
.
.
เกือบทุกวันอิสราจะพยายามหาเรื่องไปหานรินทร์ในตอนเย็นให้ได้ และเขาก็ทำมันสม่ำเสมอ จนกลายเป็นสิ่งที่เพื่อนในกลุ่มเข้าใจไปในตัวว่า 'ประธานนักเรียนจะหายไปในตอนเย็นเกือบทุกวัน' บางวันอิสราก็บอกเพื่อนในกลุ่มว่าไปจะไปหาผอ. บางวันก็บอกไม่ว่าง ไม่รู้เจ้าตัวหายไปไหน ซึ่งเพื่อนๆ ก็ไม่ได้เอะใจมาก แต่รูมเมทเนี่ยสิ...

"พี่ไอน์ทำไมไปหาผอ.บ่อยจัง"

เธอสงสัยแต่เธอไม่กล้าถาม วันนี้ก็เป็นอีกวันที่อิสราแต่งเนื้อแต่งตัวหายไปจากห้องอีกแล้ว เธอคิดมาตลอดว่าอิสราติดจิณณ์กับแม็กเวล แต่ 3 ใน 4 ครั้งที่ออกไปตามหาที่ห้องของจิณณ์ เธอไม่เคยเจออิสราเลย

"ไอน์ไม่ได้มาห้องพี่นะ"
"อ้าว...เหรอคะ"
"มันไม่ได้บอกเหรอว่าจะไปไหน"
"ไม่เลยค่ะ"
"อ่อ... ไปหาผอ.มั้ง"
"อีกแล้ว?"
"อืมม...มั้งนะ"

ไอรีนก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ

นรินทร์ยืนประจันหน้ากับอิสราอีกครั้ง

"ผมมากวนผอ.อีกแล้ว" น้ำเสียงที่ฟังเผินๆ อาจจะเหมือนกับคนนิ่งๆ พูด แต่หลายวันมานี้นรินทร์รู้ว่าอิสรากำลังมีความสุขและกำลังร่าเริง

"ผอ.เป็นอะไรไปครับ..."
"คุณอิสรา"
"ครับ?"

นรินทร์มีท่าทีแน่นิ่งสวนทางกับสิ่งที่อยู่ในใจ

"คุณชอบผมจริงๆ เหรอ"
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Re: Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Sat 30 Jul 2016, 16:47
ตอนที่ 10

"คุณชอบผมจริงๆเหรอ"

นรินทร์ไม่ได้กดเสียงให้ต่ำ น้ำเสียงของเขาไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่ความนิ่งและคำถาม 1 ประโยคที่ต้องการความชัดเจน อิสรายืนนิ่งไม่ไหวติงเช่นเดียวกัน เขาไม่ทิ้งให้ฝ่ายอาวุโสกว่าต้องรอนานด้วยประโยคสั้นๆ แต่ชัดเจนด้วยน้ำเสียงและความจริงใจ

"ผมชอบคุณจริงๆ ครับ"
"..."

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ จากฝ่ายตรงข้าม อิสราเลือกใช้สรรพนามที่เปลี่ยนไปเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่า เขาไม่ได้สนใจที่ตำแหน่งหน้าที่ของนรินทร์ เขาอยากจะบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ในฐานะคนธรรมดาๆ คนหนึ่งที่มีความรู้สึกดีๆ ให้ สีหน้า แววตาที่สามารถสื่อออกมาได้ทั้งคู่อาจจะมองไม่เห็น มีเพียงคำพูดและการกระทำเท่านั้นที่จะทำให้อีกฝ่ายรับรู้ อิสรารวบรวมความกล้าอีกครั้ง วันนี้จะเป็นวันที่เขาพูดประโยคยาวๆ มากที่สุด

"อาจจะไม่ใช่แค่ชอบ ผมอาจจะตกหลุมรักคุณตั้งแต่วันนั้นเลยด้วยซ้ำ"
"วันนั้น..."
"วันที่คุณกอดผม วันที่คุณต้องการใครซักคน"

เสียงสูดหายใจดังขึ้นชัด อิสรายิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อ

"ผมอยากเป็นใครคนนั้นที่คุณต้องการ"
"คุณอิสรา นั่นมัน..."
"นั่นมันทำไมครับผอ."

นรินทร์คล้ายตั้งท่าจะปฏิเสธและอธิบายแก้ตัว อิสราจึงโต้ตอบทันควัน ปกติแล้วเด็กหนุ่มไม่ชอบที่จะเสียมารยาทต่อผู้ใหญ่ด้วยการขัดคำพูด แต่วันนี้คนตรงหน้าไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่ไหน แต่เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่เด็กหนุ่มอยากมอบความรักให้ และต้องการให้อีกฝ่ายบอกความรู้สึกของตัวเองตรงๆ สักครั้ง ไม่ใช่สวมหน้ากากเป็นผอ.ใจดี แล้วปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ จะปฏิเสธความรู้สึกของเขาก็ปฏิเสธมาตรงๆ ไม่ใช่อ้อมไปอ้อมมา แล้วยังวางท่าเป็น 'ผู้อำนวยการที่แสนดีของนักเรียน' แบบนี้อยู่เรื่อยๆ แม้แต่ตอนนี้ก็ตาม

อิสราก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าวก่อนจะถือวิสาสะคว้าข้อมืออีกฝ่ายไว้ อีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อยแต่ไม่ได้ปฏิเสธการจับมือถือแขนนั้น เขายังคงไว้ท่าทีด้วยความนิ่ง ไม่ได้โวยวายหรือปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ดึงเขาหา คราวนี้ถึงตาที่อิสราจะถามคำถามกับนรินทร์บ้าง

"แล้วคุณล่ะครับ จะปฏิเสธผมใช่มั้ย"
"..."
"คุณจะปฏิเสธความรู้สึกของผมใช่มั้ย" อิสราถามย้ำอีกครั้ง
"..."

แต่นรินทร์ไม่ตอบ สิ่งที่ตอบกลับมานั้นคือแรงกอด อิสรารู้สึกว่าใจตัวเองกำลังหล่นวูบไปที่ตาตุ่มแล้วก็โลดแล่นขึ้นมาอีกครั้ง แต่อ้อมกอดนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน

"ผ ผม...ไม่ใช่นะ คือนี่มัน..."
"คุณไม่ปฏิเสธ..."
"ไม่ คือว่า..."

เป็นครั้งแรกที่อิสราได้ยินน้ำเสียงและท่าทีอันสับสนของนรินทร์ นรินทร์ผละออกจากอิสราอย่างรวดเร็วพร้อมกับถอยห่างออกไป

"วันนี้ผมเหนื่อย คุณอิสรากลับไปก่อนนะครับ วันหน้าไว้มาใหม่นะ"
"ผมมาแล้วจะได้คำตอบมั้ยครับ"
"...กลับไปก่อนนะครับคุณอิสรา วันนี้ผมขอโทษจริงๆ" น้ำเสียงของนรินทร์นั้นอ่อนแรงลงจากครั้งแรกอย่างเห็นได้ชัด อิสราตอบรับเสียงเบาก่อนจะตัดใจเดินออกมาจากห้องด้วยตัวเอง สุดท้ายแล้วตัวนรินทร์ที่ไม่ได้อยู่ในมาดของผู้อำนวยการก็ไม่ได้ให้คำตอบกับเขา อิสราเริ่มเข้าใจว่าตราบใดที่นรินทร์ยังเป็น 'ผอ.' ของเขาอยู่ นรินทร์ไม่มีทางตอบรับความรู้สึกเขาแน่ๆ แต่ตอนนี้คำตอบของนรินทร์แม้จะอยู่ในโหมดของผอ.ก็ยังเลือนลาง ชายหนุ่มไม่เคยเอ่ยอย่างชัดเจนว่าไม่ให้มาพบหรือปฏิเสธความรู้สึกตามสถานะผู้อำนวยการเลยสักครั้ง เขายังคงความใจดีอยู่เสมอ ปล่อยให้อิสราทำอย่างที่อยากทำ อิสรายืนนิ่งอยู่หน้าประตูพลางคิด

ตัวตนของคุณ... ทำยังไงผมจะได้สัมผัสตัวตนของคุณ...
.
.
.
.
.
"จิณณ์"
"ไง"

ขณะที่กำลังนั่งปากระดาษเล่นในคาบว่างที่อาจารย์ไม่มาสอน อิสราที่เหม่อลอยตลอดวันก็เอ่ยถามเพื่อนเป็นครั้งแรก จิณณ์ไม่ได้ใส่ใจนักเพราะความเงียบถือเป็นเรื่องปกติของเพื่อนอยู่แล้วจึงยังคงปากระดาษใส่เพื่อนเล่นขณะที่ตาหันมามองอิสราเป็นระยะๆ

"นายพูดไรยังน่ะ?" จิณณ์กลัวตัวเองจะพลาดอะไรไปขณะที่สายตาหลุดออกจากหน้าเพื่อน
"คนเราจีบกันยังไง"
"หะ!!!!"

จิณณ์ตาโตมองหน้าเพื่อนที่ส่งคำถามแปลกๆ ออกมาจากปาก เขาหวังว่าตัวเองจะอ่านปากเพื่อนผิดจึงถามย้ำอีกครั้ง
"นายว่าอะไรนะตะกี้"
"ฉันอยากรู้ว่าฉันจะจีบคนที่ชอบยังไง"
"ก็...นายจริงจังมั้ยนิ"

จิณณ์ที่มักโดนแม็กเวลอำมุขตลอดเริ่มระแวงว่าอิสราจะเป็นไปอีกคนจึงถามย้ำ อิสราพยักหน้าหงึกหงักเป็นคำตอบให้ขณะที่ใบหน้ายังคงความเหม่อลอย จิณณ์เลิกปากระดาษกับเพื่อนร่วมห้องก่อนจะหันมาคุยเสียงเบากับอิสราอย่างจริงจังด้วยคน

"ไม่รู้แหะ ไม่เคยจีบ ก็คง...พูดด้วยดีๆ หวานๆ แสดงความจริงใจว่าเราชอบเขา ซื้อขนม ซื้อของไปฝาก คอยดูแล อะไรเทือกนั้นแหละมั้ง"
"อ่อ..."

ดูแล... พูดด้วยดีๆ งั้นเหรอ...

ถ้าเขาแสดงความจริงใจแล้วทำอย่างที่จิณณ์ว่า นรินทร์จะลดเกราะที่ชื่อว่าผู้อำนวยการลง แล้วตอบรับความรู้สึกของเขามั้ยนะ นรินทร์จะแสดงตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมามั้ยนะ...

วันนี้อิสราไม่ได้ไปหานรินทร์ และนอนคิดมาตลอดคืนว่าเขาจะทำอย่างไร พรุ่งนี้เป็นวันหยุด เขาตื่นสายได้ คืนนี้มีเวลาทั้งคืนให้คิด เด็กหนุ่มนอนคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อเข้าถึงตัวตนของนรินทร์ละทำให้ตัวของนรินทร์รับรักของเขาให้ได้จนพล่อยหลับไป

เกือบเที่ยงวันเสาร์ อิสราแต่งตัวแล้วทานข้าวเช้าบวกเที่ยงอย่างง่ายออกไปหานรินทร์ แต่เมื่อกดอินเตอร์โฟนครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ไม่มีใครตอบรับ... กรอกเสียงลงไปแล้ว คนข้างในก็ไม่ยอมตอบกลับมา อิสราจึงถอนหายใจอย่างปลงๆ หรือว่าเขาจะถูกปฏิเสธแล้วจริงๆ

ไม่เอาสิ..อย่ายอมแพ้ เขาต้องได้ฟังจากปากของผอ.เท่านั้น

อิสราก็ต้องรอเก้อจนถึงวันจันทร์ รอจนเกือบหมดกำลังใจ แต่ก็ใช้แรงอฮึดที่ว่า 'ไม่ได้ยินจากปากจะไม่ยอมแพ้' ก็ทำให้เด็กหนุ่มมายืนหยุดอยู่หน้าประตูห้องของนรินทร์จนได้

"ผอ.ครับ ผมอิสราครับ"
"คุณอิสรา...ซักครู่นะครับ"

อิสราใจชื้นขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงตอบกลับ เกือบสามวันแล้วที่ไม่ได้ยินเสียง เขาแทบจะขาดใจ
รู้สึกคิดถึงใครคนหนึ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อิสรายืนรอซักพักประตูก็เปิดออก เด็กหนุ่มก้าวเท้าเข้าห้องไปด้วยใจคิดถึง กลิ่นของนรินทร์อยู่ตรงหน้าเขานี่แล้ว... วันนี้เขาจะได้คำตอบมั้ย

"คุณ.../ผอ.!"

ทั้งคู่เอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน

"คุณอิสรามีอะไรเหรอครับ"
"แล้วผอ.จะถามอะไรครับ"
"ผมให้คุณพูดก่อน"
"..."

มีคำถามร้อยแปดพันเก้าที่อิสราอยากถามอยากคุย

"ทำไมวันสองวันก่อนคุณไม่ตอบอินเตอร์โฟนผม..." สรรพนามใช้เรียกเปลี่ยนไปอีกแล้ว
"เรียกผอ.เถอะครับ"
"..."
"ผมไม่อยู่น่ะ ขอโทษที่ไม่ได้บอกว่าจะไม่อยู่"
"...ครับ" ไหนบอกว่าเสาร์อาทิตย์ก็ไม่ได้ออกไปไหนไง? หรือว่าเขาจะรู้สึกเหงาจนต้องออกไปเที่ยวนะ อิสรานึกถึงความน่าจะเป็นต่างๆ ไปเรื่อย

นรินทร์รีบเปลี่ยนเรื่องด้วยการเชื้อเชิญให้อิสรานั่งเล่นที่โซฟา แล้วถามสัพเพเหระไปเรื่อย น้ำเสียงของเขาในวันนี้เป็นน้ำเสียงที่อ่อนโยนและฟังดูดีกว่าวันนั้นมาก มันคือน้ำเสียงที่เขาใช้เป็นประจำเมื่ออยู่กับบุคลลากรหรือนักเรียน เพราะตอนนี้เขาคือ 'ผู้อำนวยการนรินทร์'

"คุณโอเคดีนะครับ" วันนี้อิสราก็ยังไม่ยอมเรียกผอ. แม้จะรู้สึกแปลกๆ แต่เขาจะไม่ยอมเรียกว่าผอ.จนกว่าจะถูกปฏิเสธ
"ครับ ผมสบายดี"
"อยากทานขนมมั้ยครับ ที่ร้านเค้กวันนี้มีชีสเค้ก"
"น่าสนใจนะครับ"
"คุณไม่ได้ไม่สบายตรงไหนใช่มั้ย"
"ผมสบายดีครับคุณอิสรา"
"คุณหายไปไม่ตอบ ผมคิดถึงคุณนะ" อ่า...บอกความรู้สึกออกไปตรงๆ แล้ว จะบอกปฏิเสธก็รีบบอกเสียสิ
"เหรอครับ ผอ.ของคุณไม่ไปไหนหรอก"

นั่นไงเล่า มุขผอ.เอ็นดูเด็กก็มาจนได้

"ผอ.ครับ ตอนนี้ผมขออะไรอย่างได้มั้ย"
"ครับ??"
"เอาความรู้สึกของคุณจริงๆ คุณที่ไม่ใช่ในฐานะ 'ผอ.' ผมขอถามว่าคุณรู้ใช่มั้ยว่าผมรู้สึกยังไง"
"..."
"รู้ใช่มั้ยครับ"
"คุณชอบผอ.จริงๆ เหรอ" น้ำเสียงนรินทร์ถามกลับด้วยความสงบ
"ผมชอบ 'คุณ' จริงๆ"

ทำไมเขาต้องยกเอาคำว่า ผอ. ผอ. ขึ้นมาตลอด อิสราเม้มปากแน่น เขาอยากจะบวกอายุตัวเองอีกซัก 10 ปี จะได้ไม่โดนมองเป็นเด็กอมมือที่หลงใหลได้ปลื้ม 'ตำแหน่งผอ.คนเก่ง' เลยตกหลุมรัก มันไม่ใช่เลย เขานับถือความเป็นผอ.ที่อยู่คนเดียวได้ ทำอาหารได้ บริหารโรงเรียนได้ แต่นั่นไม่ใช่ความรัก ไม่ใช่ต้นเหตุของความห่วงใยที่เขามีให้ตอนนี้ นับถือผอ.ที่อยู่คนเดียวทำอาหาร แต่นั่นต้องแลกกับการที่ต้องอยู่ความเหงา เขาไม่อยากให้นรินทร์เหงา บริหารโรงเรียนได้ แต่ยามที่เหนื่อยล้าจากงาน จะมีใครคอยดูแล... เขาอยากเป็นคนที่อยู่ตรงนั้นได้ เขาพร้อมรับคำตอบที่ชัดเจนออกมาจาก 'ตัวของนรินทร์' เสมอ ไม่ว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธ แต่นรินทร์ก็ไม่เคยแสดงออกมาเลย มีเพียงเกราะของผอ.ที่แสนใจดีกั้นอยู่เท่านั้น... กั้นตัวของตัวเองออกไป...

"ผมชอบคุณจริงๆ นะครับ แม้คุณจะไม่ได้เป็นผอ."
"ตัวผมงั้นเหรอ..." นรินทร์เสียงสั่นเครือเล็กน้อย อิสราจับสังเกตได้ เด็กหนุ่มขยับเข้าไปใกล้
"ครับ คุณที่ไม่ใช่ผอ... ตอนนี้ผมชอบคุณในแบบคนธรรมดาๆ ไม่ใช่นักเรียนของคุณนะครับ แล้วคุณที่ไม่ใช่ผอ.ของผม เป็นแค่คนๆ นึง รู้สึกยังไง...กับความรู้สึกของผม"
"ตัวผม... ตัวผม..."
"..." อิสรารอคอยคำตอบด้วยใจระทึก

"ตัวผม... ควรจะรู้สึกยังไงเหรอ"




Nearmoki-2b
Nearmoki-2b
เทียบเท่ามัธยมศึกษาปีที่ 1
INFO.Narin
อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน

Star Piece0
CHIPS+65 M 413 K 676
Credit
Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Exp111100 / 100100 / 100Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Exp211

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Re: Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Mon 16 Jan 2017, 22:57
Message reputation : 100% (1 vote)
ตอนที่ 10.5 Narin's side

‘แกร๊ก’

เสียงประตูปิดลงก่อนที่ผมจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะไม่รู้จะทำยังไงจึงจำเป็นต้องขอให้
คุณอิสรากลับไปก่อน ผมให้คำตอบกับเขาไม่ได้ ไม่รู้ว่า’ผอ.’ควรปฏิบัติตัวยังไงในสถานการณ์
แบบนี้ ไม่สิ อันที่จริงในบทเรียนฝึกสอนการเป็นผู้อำนวยการได้ระบุไว้โดยคร่าวว่าควรทำอย่างไร

แต่ประเด็นคือเด็กคนนั้นบอกว่าไม่ได้กำลังพูดกับผู้อำนวยการ แต่กำลังสารภาพรักกับ ‘ผม’ นี่สิ
แล้วผมที่ว่านั่นคือใครล่ะ? หรือว่าหมายถึง บอร์น รอยด์? ตลอดเวลาที่อยู่ในโรงเรียนก็มักจะมี
คนจำเราผิดอยู่เรื่อยๆนี่นะ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนถึงได้รักนายฆาตกรนั่นหนักหนา....

เดี๋ยวสิ แต่คุณอิสรามองไม่เห็นนี่นา แล้วเสียงผมก็ไม่ได้คล้ายคุณรอยด์เลยด้วย หรือว่าจะเป็นกลิ่น?
ผมยกข้อมือขึ้นดมกลิ่นน้ำหอมกลิ่นประจำของคุณรอยด์ มันเป็นกลิ่นหอมสะอาดในแบบของผู้ใหญ่
กลิ่นที่ทำให้รู้สึกสงบใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่น้ำหอมสั่งทำหรือพิเศษไปกว่าปกติแต่อย่างไร
บนโลกนี้คงมีคนอีกมากมายที่ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้ เพราะฉะนั้นถ้าจะพูดว่าเขาสับสนผมกับคุณรอยด์
เพราะกลิ่นน้ำหอมก็คงไม่ใช่ แต่ถ้าไม่ใช่แล้วความจริงมันคืออะไรกันแน่?

'ผมชอบ 'คุณ' จริงๆ'

เสียงประโยคกลอซ้ำที่แล่นเข้าสมองกะทันหันทำให้หัวใจเต้นด้วยความเร็วที่มากขึ้น ผมรู้สึก
เจ็บหัวใจแปลกๆ เจ็บแบบไหนน่ะเหรอ? อืมม เจ็บแบบเดียวกับตอนที่ระลึกได้ว่าจริงๆแล้วเรเน่
ไม่ได้รักผมเลย ผมแค่ดันบังเอิญหน้าตาเหมือนคุณรอยด์ที่เธอรักก็แค่นั้น คุณอิสราเองก็เหมือนกัน
เขาจะไปชอบคนที่ไม่เคยเจอได้อย่างไรกัน?...

'ผมชอบคุณจริงๆ นะครับ แม้คุณจะไม่ได้เป็นผอ.'

ดูเหมือนว่าสมองผมจะมีระบบกลอเทปความทรงจำกลับอัตโนมัติ แถมยังยียวนด้วยการไม่มีรีโมตปิด
มาให้อีกด้วย ความทรงจำที่ย้อนกลับมาทำให้รู้สึกสับสน หัวใจเองก็เต้นด้วยความเร็วที่มากขึ้นเรื่อยๆ
ราวกับจะหลุดออกมาจากอก เมื่อเอามือกุมใบหน้าก็สัมผัสได้ถึงอุณภูมิที่ร้อนผ่าว เสียงลมหายใจ
เริ่มสั้นลงและดังถี่ขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ หายใจไม่สะดวกเอาซะเลย...

เสียงการสนทนายังคงดังในหัวอย่างต่อเนื่อง ผมปิดหูแน่นทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ได้ช่วยอะไร
เสียงการสนทนาเอย เสียงหายใจเอย ไหนจะเสียงหัวใจดังตีกันวุ่นวายไปหมด หนวกหู.. หนวกหูจังเลย..
ระหว่างเอามือปิดหูผมก็ใช้หลังพิงกับประตูและใช้แรงที่เหลืออยู่ในการทรุดตัวลงกับพื้น เสียงหายใจ
เริ่มดังขึ้นกลบเสียงอื่นๆ สัมผัสได้ว่าตัวเองกำลังหอบ คงเพราะจะหัวใจเต้นเร็วกว่าที่ควรหลายเท่าตัวนัก
แต่ผมรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่ได้เป็นโรคหัวใจ ผมแค่กำลังจะบ้าตายกับเสียงที่ดังตีกันวุ่นวายนี่

'ครับ คุณที่ไม่ใช่ผอ... ตอนนี้ผมชอบคุณในแบบคนธรรมดาๆ ไม่ใช่นักเรียนของคุณนะครับ
แล้วคุณที่ไม่ใช่ผอ.ของผม เป็นแค่คนๆ นึง รู้สึกยังไง...กับความรู้สึกของผม'
“พอสักที!! ‘ผม’ น่ะ มันไม่มีอยู่หรอก!! ‘ผม’ ไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น!!”

เงียบสิ... เงียบสิ เงียบสักที!! คุณรัตเคยทักอยู่หลายคราวว่าการอยู่ในห้องเงียบๆมันไม่ทำให้รู้สึก
เหงาบ้างเหรอ? ถึงจะหัวเราะตอบไปอย่างขอไปทีแต่จริงๆแล้วก็รู้ตัวดีว่าเสียงที่ดังตลอดเวลานั้น
ทำให้รู้สึกรำคาญ ไม่ว่าจะเป็นเสียงเพลงหรือเสียงอะไรก็ตาม นี่เป็นหนึ่งสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับ ‘ผม’
เอ๊ะ?... ว่าแต่คุณรอยด์เองก็เป็นเหมือนกันรึเปล่านะ หรือความจริงแล้วเขาอาจจะเป็นคนชอบ
เปิดเพลงคลอขณะที่นั่งอ่านหนังสืออย่างสบายใจก็ได้ ไม่ได้การ!! ถ้าผมไม่เหมือนคุณรอยด์ล่ะก็
เรเน่จะต้องไม่รักผมอีกแล้วแน่ๆ เธอจะต้องไม่พอใจ เผลอๆอาจจะไล่ผมออกจากโรงเรียนก็ได้
แต่ผมยังอยากอยู่กับเด็กๆอยู่

ไม่ได้การ แย่แล้ว แย่แล้ว แย่แล้ว!!

ความจริงมันเป็นยังไงกันแน่นะ? ชอบหรือไม่ชอบเปิดเพลงฟังกันแน่? ความร้อนใจทำให้ผมรีบลุกขึ้น
จากพื้นและวิ่งขึ้นบันไดด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดเท่าที่คนมองไม่เห็นจะสามารถทำได้ เสียงวิ่งอย่างทุลักทุเลนี้
ฟังดูไม่ไพเราะเอาเสียเลย ผมชอบฟังเสียงการเดินที่สงบเงียบเรียบร้อยอย่างการเดินของคุณอิสราเสียมากกว่า
ถ้าโดนไล่ออกตอนนี้ก็คงไม่ได้ฟังเสียงนั้นอีกแล้ว....

'ผมชอบ 'คุณ' จริงๆ'

รู้แล้ว แต่ช่วยเงียบแป็ปนึงเถอะนะ ผมลนลานจนอกจะแตกตายอยู่แล้ว ฆ่าคนแก่มันบาปนะรู้รึเปล่า?
ที่ผมกำลังรีบก็เพื่อที่จะทำ’หน้าที่’ในการเป็นคุณรอยด์ให้ดีก็เพื่อที่จะได้เจอหน้าคุณต่ออีกหน่อยยังไง....ล่ะ...

นี่เราคิดบ้าอะไรอยู่ เด็กคนนั้นไม่ได้ชอบเราสักหน่อย เขาชอบ ‘ผอ.’ ต่างหากล่ะ!! ผมหยุดฝีเท้าและยืนนิ่ง
อยู่บนชั้นสองซึ่งเป็นอาณาเขตห้องส่วนตัว ‘ผม’ ที่เขาถามหามันไม่ได้มีอยู่จริงสักหน่อย ถึงจะมีอยู่จริงก็ไม่ได้
มีความสำคัญและไม่ได้มีค่าพอให้ใครรักอยู่แล้วด้วย มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

เสียงหายใจแรงยังคงดังอยู่ไม่ได้หายไปไหน จับหน้าอกดูก็รู้สึกกลัวขึ้นมาว่าหัวใจจะหลุดออกมาจากอกจริงๆ
แถมสติสัมปชัญญะที่เคยมีก็เริ่มเลือนราง สติผมกำลังจะแตกเพราะถูกดึงออกนอกบทบาท ‘ผู้อำนวยการนักเรียน’
มายัง ‘ผม’ ที่ไม่มีอยู่จริงนั่นอย่างกะทันหัน คุณไม่เข้าใจที่ผมพูดเหรอ? ก็ลองนึกว่าคุณตื่นขึ้นมาแล้วจำไม่ได้ว่า
ตัวเองเป็นใครหรือนิสัยยังไงกันแน่ นั่นแหละคือสิ่งที่ผมกำลังรู้สึกอยู่ มันน่ากลัวมาก... น่ากลัวมากจริงๆ.....

.
.
.


ผมรีบจ้ำอ้าวเข้าไปยังห้องนอนและค้นหาแผ่นซีดีที่วางเรียงอยู่ในชั้นใต้ทีวี บนหน้าปกซีดีทุกแผ่น
มีภาษาเบรลล์ติดบอกเป็นอย่างดี ซีดีตรงหน้าเกือบทั้งหมดเป็นซีดีเก็บภาพความทรงจำสมัยคุณรอยด์
ยังใช้ชีวิตร่วมกับเรเน่ในบริษัทควิ้นท์ อันที่จริงแล้วช่วงแรกๆผมรู้สึกว่าการดูซีดีพวกนี้เป็นเรื่องน่าเบื่อ
แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆก็เริ่มสนุกกับการจดจำคำที่คุณรอยด์มักจะใช้ น้ำเสียงที่พูด และท่าทางที่มี
ต่อสถานการณ์ต่างๆ เมื่อไหร่ที่ผมพูดเลียนแบบคุณรอยด์ เรเน่มักจะบอกว่า ‘อ๊ะ เหมือนบรัชจะเคย
พูดแบบนี้เหมือนกัน’
แล้วก็หัวเราะอย่างสดใส ผมรู้สึกดีที่ทำให้เธอหัวเราะได้บ้าง

“อยู่ไหนเนี่ย?”

แต่ก็ไม่ได้ดูบ่อยขนาดที่จำทุกเหตุการณ์ในทุกๆแผ่นได้ จึงกำลังง่วนกับการหาแผ่นอยู่อย่างที่เห็น
ผมกำลังหาอะไรอยู่น่ะเหรอ? ผมกำลังหาแผ่นบันทึกเรื่องราวช่วงที่คุณรอยด์ทำงานอยู่ในห้อง
ผมอยากรู้ว่าเขาเปิดเพลงคลอเวลาทำงานหรือเปล่า? แล้วก็รู้สึกว่ามันน่าจะเป็นทางเดียวที่จะ
ทำให้ผมสงบลงได้ในตอนนี้ ผมใส่แผ่นลงเครื่องเล่นซีดีก่อนจะดันตัวขึ้นไปนั่งบนปลายเตียง
ระหว่างที่กำลังกดรีโมตผมก็พยายามปรับลมหายใจให้ช้าลง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยเท่าไหร่

‘ตุบ’

ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะจับรีโมต ผมก้มลงควานหารีโมตที่ตกอยู่ที่ไหนสักแห่งบนพื้น สัมผัสได้ว่า
มือกำลังสั่นอย่างรุนแรง

‘แว้กกกก’

เสียงโวยวายที่ดังขึ้นกะทันหันทำเอาสะดุ้งโหยง มันเป็นเสียงผมรู้จักดี

‘อ้าว อยู่ๆไฟก็ดับซะงั้น’

ส่วนอีกเสียงเป็นเสียงที่ผมไม่เคยมีโอกาสได้ยินในชีวิตจริงมาก่อน เพราะมือเผลอไปโดนรีโมตเข้า
จึงทำให้คลิปวีดีโอเริ่มฉายขึ้น อ๋อ.. จำได้แล้ว นี่เป็นคลิปตอนที่ฝนตกหนักจนไฟดับทั้งซอยบริษัท

‘ฮืออออ มืดไปหมดเลย บรัชรอเน่ก่อนน ทำไมมันถึงน่ากลัวแบบนี้เนี่ย?’

ถึงคุณจะไม่อยากเชื่อก็เถอะ แต่เมื่อก่อนเรเน่นั้นทั้งอ่อนแอและขี้กลัว ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
กับเธอในช่วงเวลาที่ผ่านมาเหมือนกัน ถึงได้นิสัยเปลี่ยนไปขนาดนี้

‘คนเราก็มักจะกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็นทั้งนั้นแหละ’
“คนเราก็มักจะกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็นทั้งนั้นแหละ”

ผมพูดตามคุณรอยด์ด้วยน้ำเสียงเดียวกัน คนเรามักจะกลัวสิ่งที่มองไม่เห็นงั้นเหรอ?
งั้นที่ตัวไม่หายสั่นสักทีนั่นเป็นเพราะผม ’กลัว’ รึเปล่า? แต่ผมกำลังกลัวอะไรอยู่ล่ะ?
ระหว่างที่คิดก็นั่งกำมือทั้งสองข้างไว้ด้วยกัน นอกจากมือแล้วปากยังเริ่มสั่นตามไปด้วย
สภาพผมตอนนี้เหมือนคนที่กำลังหนาวมากทั้งๆที่แอร์ในห้องอุณภูมิแค่ 25 องศา

จังหวะหัวใจดังรบกวนสมาธิ ผมพยายามตั้งสมาธิกับคลิปวีดีโอเบื้องหน้า ดูเหมือนว่าแม้
จะไฟดับแต่ชาวบริษัทควิ้นท์ก็ยังคงครื้นเครงกันเหมือนเคย บรรยากาศสนุกสนานทำให้
ปากอันสั่นเทามีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง การตั้งใจฟังคลิปไปเรื่อยๆทำให้ร่างกายสั่นน้อยลง
ทีละเล็กละน้อย ค่อยยังชั่วหน่อย... หวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นในเร็วๆนี้

‘ซ่า’

ถอนหายใจโล่งอกได้ไม่ทันจบ อยู่ๆเสียงสัญญาณขัดข้องก็ดังขึ้น ด้วยความลนลาน
ผมจึงรีบกดปุ่มนู้นปุ่มนี้บนรีโมตโดยที่ยังไม่ทันได้คลำดูให้ดีด้วยซ้ำว่ามันคือปุ่มอะไร
ติดสิ ติดสิ!! อุส่าห์ดีขึ้นบ้างแล้วแท้ๆ ถ้าไม่มีคลิปนี่ผมต้องฟุ้งซ่านอีกรอบแน่ๆ
ยังไม่ได้คำตอบเลยด้วยซ้ำว่าสรุปแล้วคุณรอยด์ชอบฟังเพลงหรือเปล่า

‘ซ่า’

เสียงที่น่ารำคาญยังดังเข้ามาในโซนประสาทราวกับตั้งใจกลั่นแกล้ง ผมรู้สึกร้อนที่ขอบตา
ทั้งตัวทั้งจิตใจพากันสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ได้โปรดติดสักทีสิ ผมพยายามกดปุ่มบนรีโมต
ด้วยแรงที่มากกว่าปกติ

‘ซ่า’

หยาดน้ำตาก่อรวมตัวกันบนหางตา จากที่พยายามกดให้คลิปเลื่อนไปข้างหน้าก็เปลี่ยนเป็น
การลดเสียงลงแทน หากทีวีกลับไม่ให้ความร่วมมือ ดูเหมือนว่ามันจะค้างไว้แล้ว ทิ้งไว้แต่
เสียงสัญญาณขัดข้องที่กำลังดังกัดกร่อนจิตใจ

“โธ่เอ้ย!!”
‘ปึก’

ผมปารีโมตลงเตียงก่อนจะชันขาขึ้นบนเตียงและนั่งก้มหน้าชนเข่า เอามือปิดหูไว้แน่น
ทั้งๆที่คิดว่าดีขึ้นแล้วแท้ๆ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ทำไม... ผมโยกตัวไปมาราวกับ
พยายามปลอบตัวเอง แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรปลอบผมได้นอกจากคลิปนั่น....

‘นี่.. รู้อะไรมั้ย?...’

เสียงในทีวีทำให้ผมเงยหน้าขึ้นด้วยความสนใจ มันเป็นเสียงของคุณรอยด์
น่าแปลกที่คราวนี้ไม่มีเสียงฝนตกหนักเป็นเสียงประกอบแล้ว วีดีโอคงกลอ
ไปข้างหน้าช่วงหนึ่งละมัง

‘ทำไมถึงไม่ลองพูดความจริงออกไปล่ะ? ความจริงในแบบที่มันเป็น’

ไม่เห็นจำคลิปนี้ได้เลยแฮะ... ประโยคที่ได้ยินทำให้รู้สึกสนใจอย่างบอกไม่ถูก
ความจริงเหรอ? จะให้บอกคุณอิสราไปได้ยังไงว่าตัวผมเป็น....

‘เพราะมัวแต่กลัวไปเองนี่แหละ สุดท้ายเลยไม่ได้อะไรสักอย่าง’
“คุณมันจะไปรู้อะไร? ก็คุณมันเป็นที่รักของทุกคนนี่ ถ้าผมเป็น ‘ผม’
ก็คงไม่มีใครสนใจอีกต่อไป...”
‘คิดไปเองทั้งนั้น’

คำตอบทำเอาสะดุ้งเฮือก อะไรจะพอดีเหมาะเจาะขนาดนี้

‘จำที่ผมเคยพูดได้รึเปล่า?’

คำไหนล่ะ? ถ้าล่าสุดก็....

“คนเราก็มักจะกลัวในสิ่งที่มองไม่เห็นทั้งนั้นแหละ”

ทันใดนั้นเองที่หัวใจกระตุกฮวบ ดูเหมือนผมจะเข้าใจบางอย่างขึ้นมากะทันหัน ที่ตัวสั่น
เป็นเจ้าเข้าแบบนี้ก็เพราะกำลัง ‘กลัว’ กลัวเพราะจำเรื่องเกี่ยวกับตัวเองไม่ค่อยได้
มองไม่เห็นตัวเอง ก็เลยกลัว ผมพอเข้าใจแล้ว...

‘ยอมรับความจริงหน่อยสิ ยอมรับ ลงมือทำ รับผลที่ตามมา นั่นคือวิถีแห่งความกล้าหาญ’

นั่นสินะ... ผมควรจะบอกให้คุณอิสรารับรู้ความจริงในสิ่งที่ผมเป็น แน่นอนว่าเขาต้องรับมัน
ไม่ได้อยู่แล้ว แต่เขาพูดตรงไปตรงมากับผม เด็กที่กล้าหาญและสมควรได้รับการปฏิบัติกลับ
อย่างตรงไปตรงมาเช่นเดียวกัน ถึงวินาทีที่ผมบอกความจริงกับเขาจะเป็นวินาทีที่เราต้อง
จากลากันก็เถอะ แต่มันก็เรื่องปกติละนะ ไม่มีใครรับ ‘ผม’ ได้อยู่แล้ว....

หลังจากนั้นเราก็จะกลับไปเป็นนักเรียนกับผู้อำนวยการกันดังเดิม เขาคงจะผิดหวังในตัวผมมาก
แต่เด็กผู้จริงใจคนนั้นสมควรได้รับรู้ความจริง การกักเขาไว้โดยที่ไม่ได้รับรู้อะไรมันก็ไม่ต่างกับ
ผมกำลังหลอกลวงเขา ผมจะเป็นคนจบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง....

เอ๊ะ? มือหยุดสั่นแล้วนี่นา ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? แถมเสียงลมหายใจก็กลับมาเป็นปกติแล้ว
มีเพียงแต่หัวใจที่ยังเจ็บอยู่ คงจะเป็นเพราะได้คำในคลิปช่วยเอาไว้ละมัง

คราวนี้ก็คงต้องขอบคุณคุณรอยด์ละนะ

.
.
.

นรินทร์เผยยิ้มน้อยๆให้กับทีวี โดยหารู้ไม่ว่าหน้าจอทีวีนั้นเป็นสีดำสนิท
หาได้แสดงภาพเคลื่อนไหวใดๆ...

Signature ------------------------------------------------>
Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Ckbaw
avatar
ผู้มาเยือน
ผู้มาเยือน

Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17] Empty Re: Love is Blind [update ตอนที่ 11 : 03/08/17]

Thu 03 Aug 2017, 15:57

ตอนที่ 11

"ตัวผม...ควรรู้สึกยังไงเหรอ"

กระแสเสียงอันเงียบงันของนรินทร์ทำให้อิสรานิ่งค้าง คำพูดที่เหมือนผู้ชายที่กำลังสับสนในตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองคือใครควรรู้จะรู้สึกอย่างไรค่อยๆ ไหลซึมเข้าไปในจิตใจของอิสรา น้ำเสียงแบบนี้... ทำให้เด็กหนุ่มอยากจะดึงผู้ชายตรงหน้าเข้ามากอด

อิสราคิดว่าตนควรจะพูดอะไรออกไปบ้าง แต่เมื่อกำลังจะอ้าปากเอื้อนเอ่ย เสียงที่สั่นไหวของนรินทร์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน

"กลับไปก่อนเถอะนะครับคุณอิสรา วันนี้ผมขอนะ"
"..."

อีกครั้งที่นรินทร์ทำให้อิสราสะอึก คำขอเว้าวอนบวกน้ำเสียงแบบนั้นที่คเคยได้ยินเมื่อครั้งก่อนทำให้อิสราจำใจถอยห่าง และยอมกลับห้องไปแต่โดยดี

ยังไม่ทันได้เดินห่างจากประตูมากนัก เสียงปิดประตูก็ดังขึ้นตรงหน้า ดูเหมือนเจ้าของห้องคงจะไม่ต้องการให้ใครมารบกวนจริงๆ หรืออาจจะแค่...ไม่อยากให้ใครมาเห็นตัวเองในสภาพแบบนี้ สภาพที่กำลังสับสน... กำลังอ่อนแอ

'ตัวผม... ควรรู้สึกยังไงเหรอ'

"ตัวคุณ..."

ในเนื้อเสียงไม่มีการประชดประชัน ไม่มีการหยอกล้อ อิสรารู้ดีว่าประโยคนั้นนรินทร์ไม่ได้พูดเล่นๆ และไม่ได้พูดในกรอบของผู้อำนวยการโรงเรียน แต่นั่นเป็นประโยคที่ออกมาจากตัวตนของนรินทร์จริงๆ ตัวตนของชายหนุ่มที่เขารอคอยจะฟังมาตลอด และมาวันนี้เขาก็ได้ฟังแล้ว

ถึงความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะจัดการอย่างไร

อิสรากลับมาที่ห้องพักด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก คล้อยบ่ายไอรีนที่กลับมาจากไปเล่นกับเพื่อนๆ ก็นั่งอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือ เด็กสาวเห็นเพื่อนร่วมห้องกลับมาด้วยใบหน้าเคร่งเครียดก็อดที่จะใส่ใจถามไม่ได้

"พี่ไอน์... ไปไหนมาคะ หน้าเครียดเชียว"
"....อืม"

อิสราไม่ตอบอะไรนักนอกจากเลี่ยงคำถามของไอรีนแล้วปลีกตัวไปที่เตียงนอน แล้วล้มตัวลงนอนเหมือนคนหมดแรง เด็กสาวรูมเมทจึงค่อนข้างจะเก้อไปกับการโดนเมินคำถาม แต่เห็นสีหน้าแบบนั้น ไม่ควรถามอะไรให้มากความคงจะดีกว่า ไอรีนจึงตัดสินใจว่าจะไม่รบกวน ก่อนจะนั่งอ่านนิยายเงียบๆ

"ไอรีน"
"คะ คะ!?"

จู่ๆ ห้องที่เงียบงัน ก็มีเสียงเอื่อยๆ ลอยมาจากทางด้านเตียงนอน แน่นอนว่าเจ้าของเสียงไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคืออิสราที่กำลังนอนคิดนู้นคิดนี่อยู่นั่นเอง ความที่จู่ๆ ก็ส่งเสียงเรียก เด็กสาวจึงสะดุ้งตัวโยนเพราะตกใจ

"พี่ทำเราตกใจรึเปล่า" อิสราขมวดคิ้วถาม ปกติเขาพยายามระมัดระวังไม่ทำอะไรให้ไอรีนตกใจ เพราะอาจจะมีผลต่อโรคหัวใจของเธอได้ เสียงตื่นๆ เมื่อครู่คงอาจจะทำให้น้องตกใจอยู่ไม่น้อย
"ป เปล่าค่ะ ไอรีนสะดุ้งเฉยๆ มีอะไรเหรอคะ"
"อืม..." คุยกะรุ่นน้องตอนนี้จะดีมั้ยนะ
"ไม่ไร เดี๋ยวพี่ไปแวะห้องจินตุงก่อนนะ"
"อ่อ ค่ะ"

อิสราแวะไปที่ห้องเพื่อนสนิทที่อยู่ข้างๆ แต่นอกเหนือจากเสียงของจิณณ์แล้ว อีกเสียงที่แทรกเข้ามาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนตัวป่วน แม็กเวลนั่นเอง

"นายไม่มีที่จะอยู่รึไง หมกอยู่แต่ห้องเพื่อนเนี่ย" อิสราอดจะเอ็ดเพื่อนไปนิดหน่อยไม่ได้
"อ้าวคุณประธานคนับ แล้วคุณประธานมาทำอะไรที่ห้องเพื่อนล่ะคนับ"

แม็กเวลถามด้วยน้ำเสียงยียวน อิสราไม่สนใจ เดินผ่านหน้าก่อนจะนั่งปุกลงบนโซฟาตัวเล็กกลางห้อง เสียงโทรทัศน์ที่กำลังฉายซีรี่ส์ฝรั่งดังหึ่งๆ มีกลิ่นขนมทอดกรอบอยู่ตรงหน้า พวกนี้คงกำลังจัดมินิปาร์ตี้ดูทีวีอยู่สินะ อิสรานึกในใจ

"อ่าวเห้ย ถามไม่ตอบ"
"ฉันก็แค่อยากแวะมา รู้สึก...เซ็งๆ"
"เป็นอะไรอีกล่ะ" จิณณ์ผู้เป็นเจ้าของห้องเอ่ยถามเสียงเรียบ ก่อนจะเบียดตัวลงนั่งตรงกลาง ในยามนี้โซฟาตัวเล็กๆ จึงอัดแน่นไปด้วยเด็กหนุ่มวัยกำลังโตเบียดเสียดกันอยู่ถึง 3 คน

"ก็..." อิสราเริ่มเปิดปากเล่า

ทั้งจิณณ์และแม็กเวลต่างก็ลุ้น โดยที่ปากยังคงเคี้ยวมันฝรั่งทอด ส่วนตาก็มองปากเพื่อนที่กำลังจะพูด

"...รู้สึกว่า อึนๆ มัน...หน่วงๆ"
"เห้ย ไปเจอไรมาเนี่ย" จิณณ์เอาไหล่กระทุ้งเพื่อน
"ฉันรู้สึกสงสาร ไม่สิ... จิณณ์ ถ้าเกิดนายกำลังรู้สึกสับสนไม่รู้จะทำไง นายจะทำยังไงต่อวะ"
"หะ...ถามอะไรเนี่ย"
"แล้วไม่ถามฉันเหรอเพื่อน" แม็กเวลแทรกขึ้นมา แต่อิสราหาได้สนใจไม่
"ว่าไง"
"ก็...อืม ถ้าสับสนมากๆ ก็คงจะหาที่ตั้งสติให้ได้ อยู่เงียบๆ ไม่ก็หาใครซักคนมาคุยด้วยล่ะมั้ง เผื่อเค้าจะช่วยดึงสติเราได้"

อืม..ผอ.ก็กำลังอยากอยู่คนเดียว ไล่เขาออกมาแบบนี้ คงจะสับสนมากสินะ แต่ว่า...ถ้าเขาเสนอตัวจะ'อยู่ข้างๆ แบบเงียบๆ' ล่ะ ผอ.จะผลักไสเขาอีกมั้ย อิสราไม่พูดอะไรต่อ นอกจากผินหน้าไปด้านที่เป็นโทรทัศน์และเลือกที่จะนั่งชมซีรี่ส์แทนการพูดคุย

"ขอนั่งดูด้วยคนนะ"
"โหยไอ้คุณประธาน แกนั่งเบียดพวกฉันมาสิบนาทีแล้ว เพิ่งจะมีสติมาขอเหรอ"
"เออน่า...จิณณ์มานั่งทีหลังฉันอีก"
"อ้าว โทษเจ้าของห้องอี๊ก" จิณณ์บ่นอุบอิบ

ในวันนั้นจนข้ามคืนเกือบรุ่งสาง สามหนุ่มก็พูดคุยนั่งดูซีรี่ส์กันจนหมดทุกซีซั่นที่มี แล้วแยกตัวกันกลับ วันอาทิตย์ทั้งวันอิสราก็ไม่ได้ออกไปไหนนอกจากนอนเล่นที่ห้อง พลางคิดไปว่าจะทำยังไงให้ได้อยู่ในตำแหน่ง 'คนที่คอยห่วงอยู่ข้างๆ' ของนรินทร์ คำพูดของเพื่อนวันก่อนที่บอกว่า ถ้าจะจีบใครให้ใส่ใจดูแล บอกเลยว่าตอนนี้เขาอยากใส่ใจดูแลมาก เพราะสิ่งที่เขาสัมผัสได้ในเมื่อวาน คือผู้ชายที่เหมือนพร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ เขาไม่อยากให้ผอ.ต้องอยู่ในห้องเพียงลำพัง

วันหยุดวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะปล่อยให้นริทร์อยู่คนเดียว ต่อไปปฏิบัติการหน้าด้านหน้าทนจะเริ่มขึ้น

เช้าวันจันทร์อิสราตื่นแต่เข้าอย่างกระปรี้กระเปร่า จนไอรีนอดจะแซวไม่ได้ว่าช่วงนี้อิสราคึกเป็นม้าศึก ขยันออกจากห้องทั้งๆ ที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี ห้องนอนคือเรือนตายของอิสรา แต่มาปีนี้ดันไม่ใช่

"ช่วงนี้เดี๋ยวตื่นเช้าเดี๋ยวตื่นปกติ แต่วันนี้ปกติแบบเหมือนจะออกรบเลยนะคะพี่ไอน์"
"จริงเหรอ พี่ดูเป็นแบบนั้นเหรอ"
"ค่ะ! แบบ...ดูทำอะไรเร็วๆ กว่าปกติ นี่ไอรีนยังแต่งตัวไม่เสร็จเลย พี่ไอน์ออกมารอแล้ว"
"ฮ่าๆ"

เขาจะทำตัวห่อเหี่ยวไม่ได้ เด็กหนุ่มเชื้อว่าถ้าเขาไม่สดใสแล้ว คงจะยืนอยู่เคียงข้าง ให้กำลังใจหรือดูแลผู้ชายที่คล้ายจะพังๆ คนนั้นไม่ได้แน่นอน ตอนนี้ 'ตัวคุณ' ยังไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไงไม่เป็นไร แค่ 'ตัวคุณ' ได้รู้ว่าผมรู้สึกยังไงก็เพียงพอแล้ว เสียดายที่เขาไม่ใช่คนช่างพูด ไม่งั้นอาจจะช่วยพูดอะไรให้นรินทร์รู้สึกดีขึ้นมากกว่านี้ก็ได้

ปราศรัยในช่วงเช้าจากผู้อำนวยการโรงเรียนยังคงเป็นปกติ ในน้ำเสียงี่นิ่งเรียบ คงไว้ซึ่งท่าทีที่อ่อนโยนนั้น ในวันนี้อิสรารู้สึกได้ทันทีว่า มันเป็นเพียงการแสดงตามบทบาทของผอ. ภายในหน้ากากผอ.นั้น... ตัวเขาเป็นเช่นไร อิสราจะค่อยๆ เข้าไปทำความรู้จักเอง

"วันนี้ผอ.พูดสั้นแหะ"
"แกคงรู้สึกไม่สบายมั้ง" อิสราเอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอย

ขณะที่กำลังแยกย้ายกันเข้าชั้นเรียน เสียงเรียกของคุณเลาฯ ก็ดังขึ้น

"สวัสดีครับคุณรัตติกาล"
"สวัสดีค่ะ พอดีผอ.มีเรื่องฝากมาบอกคุณอิสรา"
"ครับ?" แปลกใจอยู่ไม่น้อย นึกว่าผอ.จะเลือกหลบหน้าเขาเสียอีก เพราะจากวันนี้ที่ผอ.ขอร้องไม่ให้เขาเข้ามาใกล้ ทั้งยังใช้กำแพงของผอ.ค่อยๆ เว้นระยะห่างจากเขามากขึ้น อิสราไม่คิดว่าตนจะได้รับคำชักชวนจากผอ.นรินทร์เป็นการส่วนตัวอีก คิดแผนไปสารตะว่าจะหน้าด้านหน้าทนยังไงให้ได้เข้าใกล้ แต่วันนี้เจ้าตัวดังมีเรื่องฝากมาถึงตัวเขา 'โดยเฉพาะ' เสียนี่...

"เย็นนี้หลังเลิกเรียนมีเรื่องที่ผอ.อยากจะขอคำปรึกษา ยังไงไปพบท่านด้วยนะคะ"







ขึ้นไปข้างบน
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
2012 © Powered by QUAINT