ความฝัน..
คือโลกอีกใบที่เกิดขึ้นมายามที่หลับตา
ในโลกใบนั้นทุกสิ่งอาจเหมือนกันหรือต่างออกไป
อาจเป็นสิ่งที่ปรารถนาสุดหัวใจ หรือบางอย่างพยายามหลีกเลี่ยงแทบตาย
อาจเป็นเศษเสี้ยวของความทรงจำ หรือคำทำนายทายทักถึงอนาคต
อาจเป็นความสุขอันหอมหวาน หรือความสยองขวัญอันน่าหวาดหวั่น
บางความฝันยาวนานไร้ที่สิ้นสุด
บางความฝันแสนสั้นจนน่าใจหาย
บางความฝันช่างน่ายินดีเสียจนไม่อยากลืมตา
บางความฝันกลับโหดร้ายจนอยากรีบตื่นเสียที
แล้วฝันดีคืออะไรกันนะ?
บางคน.. อาจจะเป็นความฝันที่ได้โลดแล่นในโลกเหนือจินตนาการ
บางคน.. อาจจะเป็นความฝันที่ได้พบกับใครคนหนึ่งที่ไม่มีทางได้พบเจอ
หลาย ๆ ครั้งที่ความฝันนั้น.. คือสิ่งที่ไม่มีวันเป็นจริง
ความฝันที่เธอนึกฝัน และสงสัยมาตลอด
คือวันที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป
ใช่ หากเปลี่ยนอดีตได้จะดีสักแค่ไหนกัน
ไม่ใช่ครั้งแรกที่คิดเช่นนี้ และคงไม่มีทางเป็นครั้งสุดท้าย
ทุกครั้งที่ทำผิดพลาดจะนึกฝันถึงอนาคตที่เปลี่ยนไป
ถ้าย้อนอดีตไปได้ล่ะก็..
จะรีบทำสิ่งนั้น
จะไปพบคน ๆ นั้น
จะพูดแบบนี้
จะไม่ไปที่นั้น
เธอเคยฝันหรือเปล่านะ
จำไม่ได้หรอก
มันยากที่จะจดจำความฝัน
ยิ่งความทรงจำเธอเป็นเช่นนี้ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
แต่เธอคิดนะ
ว่าหากมันเป็นความปรารถนาเบื้องลึกของหัวใจ
เธออาจจะเคยฝันสักครั้ง
ฝันเรื่องอะไรน่ะหรือ?
ฝันถึงอนาคตที่แตกต่าง
หากวันนั้นรถยนต์ไม่เกิดอุบัติเหตุ วันพรุ่งนี้จะต่างออกไปสักแค่ไหน
คือสิ่งที่เธอเฝ้าคิดถึงเสมอมา
.
.
.
พอรู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่ตรงหน้าโรงเรียนเก่า
ความฝันนี่น่าประหลาดนัก ไม่รู้ตัวว่าจะเริ่มตอนนั้น แต่รู้เสมอว่ามันเกิดขึ้นแล้ว
มองไปรอบ ๆ อ่า บรรยากาศน่ากลัวอย่างกับหนังผีแน่ะ ไม่ชอบเลย!
อ่า ใช่แล้ว ใช่แล้ว จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ เคยฝันด้วยนี่นา ว่าโดนฆาตกรไล่ล่า ไปโผล่ตรงนู้นที่ตรงนี้ที
จำได้ว่ากลัวแทบตายน่ะ แต่พอตื่นมาก็รู้ว่าอาจจะดูหนังลึกลับที่พี่สาวซื้อมามากไปจนเก็บไปฝัน
หวังว่าคราวนี้จะไม่ใช่แบบเดิมอีกนะ..
‘อ่า แย่แฮะ’
เสียงนุ่มนวลที่ก้องไปมาอย่างประหลาดหนึ่งดังขึ้น พอหันไปตามต้นเสียงก็เห็นหญิงสาวในชุดสีขาวสะอาดตายืนอยู่ ใบหน้าดูเป็นกังวล
ครั้นอีกฝ่ายเห็นเธอก็เดินตรงเข้ามา..
... ไม่เอาน่า คงไม่ใช่หนังสยองขวัญอีกนะ
แต่ดูเหมือนเธอจะคาดผิดไปไกลโข เพราะหญิงสาวหาได้หยิบมีดขึ้นมาไล่ล่า หรือโชว์ใบหน้าบิดเบี้ยว พร้อมเลือดไหลเต็มตัวไม่
ที่จริงแล้ว ผู้หญิงคนนั้น..
‘หมับ’
กำลังกอดเธอซะแน่นเลยล่ะนะ
‘อ่า คิดถึงจังเลย’
‘เหมือนว่าก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดเรื่องประมาณนี้เหมือนกันหรือเปล่านะ’
‘ฮ่ะ ๆ จำไม่ได้แล้วสิ ก็เป็นซะแบบนี้ล่ะนะ’
‘แต่ว่าต้องเคยเกิดขึ้นแน่ ๆ เลย’
เธอเงยหน้ามองคนตรงหน้าที่กำลังพูดคนเดียวอย่างงุนงง .. หากแต่หญิงสาวคนนั้นเพียงแต่ยิ้มให้ก็เท่านั้น
‘หนูน้อย ช่วยพี่สาวหน่อยได้หรือเปล่า’ เธอยกมือขึ้นโชว์ข้อมือขาว
‘พี่สาวเพิ่งจะทำของสำคัญหายไปน่ะ ช่วยหาหน่อยสิ’
‘ถ้าช่วยหาจนเจอล่ะก็’
‘จะทำให้คำขอเป็นจริงหนึ่งอย่างล่ะ’
ว่าแล้วหญิงสาวก็ยิ้มกริ่ม
แม้จะไม่แน่ใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอก็เดินตามหญิงสาวคนนั้นไป พลางช่วยมองรอบ ๆ ไปด้วย
พอได้ลองดูดี ๆ จะว่าเป็นโรงเรียนเก่าก็คงพูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะดูเหมือนสถานที่หลาย ๆ อย่างที่เคยไปผสมกันเสียมากกว่า
มือเรียวของหญิงสาวข้าง ๆ เดินนำเข้าไปในตึกแห่งหนึ่งซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นอาคารวิทยาศาตร์ ครั้นเปิดประตูมีตัวเลขติดอยู่ด้านหน้าว่า ‘47’ ทั้งคู่ก็พบกับโถงกว้างแห่งหนึ่ง ซึ่งแอนน์จดจำได้ดีว่าเป็นโรงแสดงละครที่เธอเคยไปดูกับพี่สาวในวันเกิดปีที่ 10
‘เอ จำได้ว่าตอนนั้นเจอที่นี่หรือเปล่านะ’ หญิงสาวยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากราวกับกำลังครุ่นคิด ก่อนจะหันมาหาแอนน์
‘ที่พี่ตามหาเป็นสร้อยข้อมือสีเงิน ประดับด้วยพลอยสีม่วงรูปผีเสื้อน่ะ ขนาดประมาณนี้น่ะ’ มือขาวขยับเป็นรูปวงกลมขนาดไม่ใหญ่นัก
‘พี่ได้เป็นของขวัญจากคุณพ่อ เป็นของสำคัญมากเลยล่ะ’
หลังจากเดินหาอยู่รอบหนึ่ง ทั้งสองก็ตัดสินใจแยกกันหาตามที่นั่งผู้ชม หญิงสาวปริศนายังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ บางครั้งก็หันมาถามเรื่องของเธอบ้างเป็นระยะ ดูจะเป็นคนช่างพูดไม่น้อยทีเดียว
‘เธอน่ะ ยังเป็นนักเรียนอยู่สินะ’
‘ใช่ค่ะ’ แม้จะดูงุนงงกับรูปประโยคที่แปลประหลาดหากแต่แอนน์ก็พยักหน้ารับ
‘งั้นหรือ? หืม ชวนให้คิดถึงจังเลยนะ’ เจ้าของเรือนผมสีเฮเซล ก้มลองไปมองใต้เบาะที่หมายเลข 12 ‘ทุกคนจะยังสบายดีไหมนะ ถึงจะจำไม่ค่อยได้แล้วก็เถอะ’
เพราะเห็นว่าให้อีกฝ่ายชวนคุยเพียงคนเดียวคงไม่ดีนัก จึงเงยหน้าถามบ้าง ‘แล้ว.. คุณล่ะคะ’
‘หืม’
‘คุณทำอะไรอยู่งั้นเหรอคะ’
ถึงจะรู้ว่ามันเป็นแค่ความฝันก็เถอะนะ
แต่น่าประหลาดที่เธอรู้สึกคุ้นเคยกับผู้หญิงคนนี้ เหมือนกับว่าเคยเจอที่ไหนซักแห่งมาก่อน
‘ฉันเหรอ อืม’
‘ฉันเป็นนักดนตรีจ้ะ’ ก่อนเสียงนุ่มนวลนั้นจะหัวเราะอย่างแผ่วเบา ‘แต่แค่พาร์ทไทม์ล่ะนะ’
‘ปกติฉันทำงานเป็นล่ามให้คนรู้จักน่ะ ในวันหยุดหรือเวลาว่างถึงจะรับเล่นดนตรีตามสถานที่ต่าง ๆ น่ะ เช่น โบสถ์ หรือว่างานมงคลของคนรู้จัก’
‘สนุกดีนะ ได้ทำสิ่งที่ชอบ ได้เจอผู้คน ถึงบางครั้งการซ้อมจะลำบากบ้างก็เถอะ’
เธอเงยหน้าขึ้นมองเพดานก่อนจะยิ้ม
‘.. ที่จริงฉันกำลังจะแต่งงานน่ะ’
แอนน์เงยหน้าขึ้นจากเบาะขึ้นมองอีกฝ่ายที่บัดนี้หันมายิ้มให้เธอ
‘สาเหตุที่ฉันอยากให้เธอช่วยหา เพราะว่าฉันอยากจะใส่สร้อยข้อมือนั้นในวันแต่งงาน แต่ดันทำหายไปก่อนนี่ล่ะ แฮะ ๆ’ เธอเกาแก้มเล็ก ๆ
‘แล้วก็ฉันคิดว่าบางทีการที่ฉันได้พบเธออาจจะเป็น.. อะไรกันนะ โชคชะตาก็ได้ล่ะมั้ง’
‘เพราะว่าฉัน.. กำลังกลุ้มนิดหน่อยน่ะ’ เธอยิ้มบางพลางก้มหน้าหาของต่อ ‘ที่จะต้องแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จัก’
‘คนที่คุณไม่รู้จักเหรอคะ’ เด็กสาวเลิกคิ้วมอง คลุมถุงชนอะไรทำนองนั้นน่ะเหรอ
‘จะว่าไม่รู้จักก็เกินไปน้า เพราะทางทฤษฎีก็ถือว่าฉันรู้จักกับเขาล่ะ.. น่าจะเป็นแบบนั้น’
‘...’
‘ฉันน่ะไม่มีความทรงจำเลยล่ะ ไม่ว่าจะตอนที่เราพบกัน หรือว่าตอนที่ตกหลุมรัก
และช่วงเวลาหลังจากนั้น กระทั้งตอนที่ตอบตกลงยังจำไม่ได้เลยล่ะ
ช่วงเวลาที่ควรจะน่าประทับใจที่สุด น่าจดจำที่สุด..
กลับไม่มีอยู่ในหัวของฉันเลย มีเพียงความว่างเปล่า’
‘แม้จะมีรูปถ่าย บันทึก หรือคำบอกเล่าของคนรอบข้างก็ตาม แต่ก็นะ มันชวนให้รู้สึกกลัวเหมือนกัน’
‘ถ้าหากทุกอย่างเป็นเพียงของปลอมที่ถูกสร้างขึ้นมา ถ้าหากว่าจริง ๆ แล้วฉันถูกหลอกล่ะ’
‘พอคิดแบบนั้น ทุกอย่างก็ดูน่ากลัวขึ้นมา’
‘เหมือนกับว่าทุกคนดูไม่น่าเชื่อถือขึ้นมาเสียอย่างนั้น’
‘แต่ว่าพอเห็นเธอฉันก็รู้สึกเหมือนเข้าใจอะไรขึ้นมานิดหน่อยแล้วล่ะ’
‘เธอน่ะ มีคนที่รู้สึกว่าคือเพื่อน คือคนสำคัญอยู่เหมือนกันใช่ไหม’
‘…’
‘ตอนที่เธอพูดคุย จับมือ หรือว่ายิ้มให้’
‘แม้ว่าจะไม่สามารถ.. จดจำช่วงเวลาที่เคยมีร่วมกันได้ก็ตาม’
‘แต่ว่าเธอก็รู้สึกใช่ไหม ว่าคน ๆ นี้คือคนที่เธอวางใจได้ คือเพื่อนของเธอ’
‘ถึงจะจำไม่ได้ ถึงจะไม่แน่ใจ หรือมีช่วงที่สับสนบ้าง’
‘แต่เวลาที่ได้เห็นคน ๆ นั้นฉันก็แน่ใจแล้วล่ะ’
‘.. ว่านี่เป็นความรัก’
‘…’
ไม่นานนักหญิงสาวกันหันมายิ้มกว้างให้กับเธอ ก่อนจะชูสร้อยข้อมูลขึ้นมา พลอยสีม่วงส่องแสงประกายในความมืด ‘เจอแล้วล่ะ!’
พอเดินออกมาจากประตูก็กลับมาเจอบ้านของเธอ
อ่า โลกแห่งความฝันนี้น่าประหลาดจริง ๆ
‘เอาล่ะ เพื่อเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยหา
ฉันจะช่วยทำให้สิ่งที่เธอสงสัยมาตลอดเป็นจริงนะ!’
แต่ว่าฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ.. แม้จะนึกแย้งเบา ๆ ในใจเล็กน้อยก็ตาม แต่แอนน์ก็ไม่ได้ขัดอะไร อาจจะเพราะส่วนหนึ่งสงสัยว่าสิ่งที่คนตรงหน้าพูดหมายถึงอะไรเสียมากกว่า
‘ดูตรงนั้นสิ’ นิ้วเรียวชี้ไปด้านหลัง เด็กสาวหันไปมองตาม ที่พบคือประตูบ้าน
ไม่นานนักก็มีเสียงอึกทึกดังขึ้น เสียงพูดคุยเจี๊ยวจาวดังใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา ก่อนที่ประตูไม้สีน้ำเงินจะถูกเปิดออก พร้อมกับ..
ภาพของครอบครัว และตัวเธออีกคนที่ดูเหมือนเพิ่งจะกลับมาจากการแสดงละครเวที..
ในโลกอีกใบนี้มีตัวเธออีกคน
เธอคนนั้นไม่พิการ และรถที่นั่งกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ
มีวันหยุดสุดสัปดาห์อันแสนสนุก เข้าร่วมกิจกรรมตามปกติ
พอหมดวันหยุดคริสมาสต์ก็กลับมาเรียน คุยกับกลุ่มเพื่อนสนิทตามปกติ
จดจำทุกความทรงจำที่ผ่านเข้ามา..
โลกใบนั้นเธอไม่พิการ
โลกใบนั้น
โลกใบนั้นคุณพ่อกับคุณแม่ไม่แยกทางกัน
.. โลกใบนั้นชีวิตที่เคยมียังคงดำเนินไปอย่างปกติสุข
โลกที่เคยฝันหามาตลอด
‘แต่ว่านะ แบบนี้น่ะดีแล้วจริง ๆ งั้นหรือ’ เสียงนุ่มนวลของหญิงสาวไร้ชื่อดังขึ้นอีกครา
และในทันใดนั้นตัวเธอก็ถูกย้ายไปอยู่ในที่แห่งหนึ่ง
เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ที่เหมือนจะคุ้นเคย แต่แตกต่างตรงที่โครงสร้างดูบิดเบี้ยวผิดเพี้ยนไป
เธอพบ..
กับเด็กผู้หญิงมัดผมจุก พูดคุยกับเด็กหนุ่มที่ดูเหมือนกำลังเหม่อลอย และประธานนักเรียนผู้ร่าเริง
กับผู้อำนวยการที่เดินหลับตา ข้าง ๆ นั้นคือครูสอนอักษรเบลล์ผู้ใจดี กับคุณเลขาที่มีแขนเทียม
กับรุ่นพี่ผมเปียที่แสนร่าเริงกำลังหยอกล้อ กับรุ่นพี่ที่ปิดตาข้างหนึ่ง และเด็กสาวที่ใช้เครื่องแปลเสียง
เธอรู้จักพวกเขา ใช่แล้วล่ะ เธอจำพวกเขาได้
แต่พอจะร้องเรียกเสียงก็ไม่ออกมา
พร้อมกับที่จู่ ๆ ชื่อของพวกเขาเลือนหายไป
ถึงจะพยายามจะเข้าไปพูดคุยกับพวกเขา
แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครเห็นเธอเลย
ในตอนนั้นเองที่ความฝันที่เคยคิดว่าดีกลับกลายเป็นฝันร้าย
พอหันกลับไปมอง หญิงสาวคนนั้นที่เธอไม่รู้ว่าเป็นใครก็ยิ้มอ่อนโยนกลับมาให้
‘เธอรู้แล้วใช่ไหม’
หญิงสาวเดินมาหาเธอ พอรู้ตัวอีกทีทั้งคู่ก็มาอยู่ในลานโล่งสีขาวสะอาดตาเสียแล้ว
‘บางความฝันอาจจะดูดีตอนต้น
แต่ฝันนั้นอาจมีตอนจบอันโหดร้ายรออยู่’
‘บางความฝันอาจแลดูทุกข์ระทม
แต่ความสุขอันพึงปรารถนาอาจรอคอยอยู่ในบั้นปลาย’
‘แม้ว่าบางความฝันจะดีกว่าความเป็นจริง
... แต่หากไร้ซึ่งความจริงที่เคยผ่านบางความฝันอาจไม่เกิดขึ้นมา’
‘บางความฝัน.. อาจจะดีกว่าที่มันเป็นแค่ความฝัน’
หญิงสาวที่คุ้นเคยในความรู้สึกเดินเข้ามาใกล้ เธอกุมมือของเด็กสาวเอาไว้
‘ก่อนที่เราจะจากกันฉันอยากจะบอกอะไรกับเธอ’
‘ถึงสุดท้ายเราทั้งคู่อาจจะจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร’
‘แต่ว่านะ ฉันอยากจะส่งต่อข้อความนี้ที่ได้รับมาให้เธอ’
‘ถึงแม้ว่าตัวเธอจะไม่สามารถที่จะคาดการณ์อะไรได้
ถึงแม้บางครั้งจะพบเจอความผิดพลาดที่อยากจะแก้ไข
และถึงแม้ว่าวันพรุ่งนี้ที่เข้ามาจะไม่พึงปรารถนา’
‘.. แต่โปรดจำไว้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น
ใช่ แม้จะเป็นความผิดผลาดอันงี่เง่า
เรื่องน่าละอาย หรือสิ่งไร้สาระ
ทุกอย่างนั้นสร้างตัวเธอ ‘คนนี้’ ขึ้นมา’
‘ความสุขที่เธอมี..
อาจจะเกิดจากน้ำตาที่หลั่งรินในวันที่ผ่านมา
และช่วงเวลาที่ล้ำค่า
บางครั้งก็ต้องแลกด้วยความโหดร้าย’
‘ถ้าหากในวันนั้นอุบัติเหตุทุกอย่างไม่เกิดขึ้น
ในวันนี้เธออาจจะได้มีรอยยิ้มอยู่ในสถานที่ที่ต่างออกไปก็จริง’
‘แต่ว่าเธอ.. ก็ไม่ได้เกลียด.. ช่วงเวลาที่ได้รับจากสถานที่แห่งนี้ใช่หรือเปล่า?’
‘พระเจ้าไม่เคย.. เอาอะไรไปโดยไม่มอบสิ่งตอบแทนอีกอย่างกลับมาให้กับเรา ทุกสิ่งได้มาพร้อมกับการเสียไปของบางสิ่งเสมอ’
‘มันไม่ผิดหรอกที่จะนึกเสียใจบ้างในบางครั้ง’
‘แต่อย่าปล่อย.. ให้ความเสียใจนั้นทำให้เธอหลงลืม
ความสุขที่เธอมีอยู่ในปัจจุบันไปนะ’
ใบหน้าอ่อนโยนยิ้มบางก่อนจะลูบหัวคนตรงหน้า
‘เพราะเธอก็รู้ใช่ไหมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด
ไม่ใช่อดีตอาจจะเลือนหายไปตามกาลเวลา
หรืออนาคตที่เกินคาดเดา ’
‘แต่เป็นความรู้สึกในขณะนี้ของเธอ’
เธอมองหญิงสาวตรงหน้า คนที่เธอไม่รู้ชื่อ แต่คน ๆ นี้กลับรู้เรื่องของเธอดีราวกับเป็นตัวเธอเอง
คน ๆ นี้น่ะ.. คือใครกันแน่นะ
ไม่นานนักเธอก็รู้สึกถึงแรงสั่นไหวน้อย ๆ
ร่างสูงตรงหน้าก็ดูเหมือนจะรู้สึกเช่นกัน เธอหันมายิ้มให้
‘ต้องจากกันแล้วนะ’
‘เราจะได้เจอกันอีกหรือเปล่าคะ’ ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เธอถามคนตรงหน้า อาจเพราะเมื่อถึงยามต้องจากลาเข้าจริง ๆ ความผูกพันบางอย่างได้เกิดขึ้นมาในความรู้สึกเสียแล้ว
หญิงสาวยิ้มบาง ‘นั้นสินะ..’
‘นี่คือโลกแห่งความฝันนี่นาอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นใช่ไหมล่ะ’
พร้อม ๆ กับที่ภาพตรงหน้าเริ่มมืดลง เสียงนุ่มนวลนั้นก็เอ่ยขึ้น
‘เราจะได้พบกันแน่นอน แอนน์’
พอลืมตาขึ้นมาก็รู้ถึงบางสิ่งที่สั่นไหวน้อย ๆ ใต้หมอน
นาฬิกาปลุกบนมือถือบอกเวลา 6 นาฬิกา
เด็กสาวหันไปมองเพื่อนร่วมห้องที่ยังคงหลับอยู่ด้วยความรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด
เธอเดินเข้าไป เขย่าตัวปลุกดั่งที่ทำประจำ
“ตื่นได้แล้วนาคา สอน ต้องไปเรียนแล้ว’
เลิกเรียนวันนี้เด็กสาวยังไม่ออกจากห้องในทันที
เธอหยิบมือถือขึ้นดู และเข้าไปเช็คหน้าเฟสบุ๊คเล่น ๆ
ก่อนจะสังเกตเห็นโพสต์ ๆ หนึ่ง เป็นเพื่อนของคุณแม่ที่โพสต์รูปพร้อมกับแท็กแม่ของเธอไว้
บนโพสต์เขียนว่า ‘ดูสิว่าค้นเจออะไร {#}
SummerBallYr13{/#}’
ภาพของคุณแม่สมัยสาว ๆ เหรอ..?
เหมือนเคย.. เห็นภาพแบบนี้ที่ไหนกันนะ
“กำลังดูอะไรอยู่เหรอ” เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งชะโงกหน้าเข้ามาดูในมือถือ “สวยจัง พี่สาวของแอนน์เหรอ”
“ไม่ใช่หรอก คิดว่าเป็นคุณแม่สมัยเรียนน่ะ”
“คุณแม่แอนน์น่ารักจัง แอนน์โตขึ้นไปคงจะเหมือนคุณแม่เนอะ”
“.. อืม”
.
.
ร่างสูงโปร่งเดินไปตามทางเดิน ไม่นานนักก็มาถึงห้องที่มีป้ายกำกับว่า ‘ห้องเตรียมตัว’
เธอเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะส่งเสียงเรียก แต่รอเท่าไหร่ก็ไม่มีการตอบรับ จึงตัดสินใจเปิดประตู และชะโงกหน้าเข้าไป
“พร้อมหรือยัง ได้เวลาแล้วนะ”
“อืม” หญิงสาวด้านในยิ้มรับก่อนจะลุกขึ้น
“เฮ้อ เรียกตั้งนานไม่ตอบ เป็นห่วงแทบแย่แน่ะ นึกว่าเป็นอะไรไปซะอีก” อีกฝ่ายบ่นขณะเข้ามาช่วยตรวจความเรียบร้อยให้
“แฮะ ๆ คือว่าเผลอหลับนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“วันแบบนี้ยังหลับได้อีกน้า” ผู้เป็นพี่ถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นเดินนำไป “เอาล่ะ ไปกันได้แล้ว”
“ค่ะ ๆ” หญิงสาวยิ้มรับ ก่อนจะหยิบ ‘สร้อยข้อมือรูปผีเสื้อ’ ขึ้นมาสวม
เธอจดจ้องมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มบาง
“.. ไม่ใช่แค่พบเฉย ๆ หรอกนะ แต่จะได้เป็นต่างหากล่ะ”
ร่างในชุดเจ้าสาวสีขาวสะอาดตาเดินออกไปก่อนประตูจะปิดลง..