- EURChairman's Club
Elite Urban Royle
ผู้อำนวยการฝ่ายปกครอง
4690
+3,171 M 923 K
PASSPORT
:
(142575/181250)
:
[ Quest 32 ] : เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับฉัน
เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับฉัน
ระยะเวลาสิ้นสุดภารกิจ
SUNDAY, 02 APR 2023 ; 23.59 TH
เนื้อเรื่องภารกิจหลัก
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
วันนี้ในคาบวิชา "ภาษาไทย" ของอาจารย์ไทระได้มีการสอนเรื่องราวเกี่ยวกับวรรณคดีไทย ตัวละครแต่ละตัวก็มักมีเรื่องราวแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะตัวเอกหรือตัวร้ายก็มีเรื่องราวที่เป็นฝ่ายกระทำและถูกกระทำเฉกเช่นเดียวกัน เหมือนกับชีวิตของมนุษย์ทุกคน ที่มีมิติและมุมมองมากมาย อยู่ที่ว่าใครเป็นผู้นำเสนอเรื่องราวนั้น ก็มักจะนำเสนอในรูปแบบที่เข้าข้างตัวเองเป็นหลักเสมอ
ไทระได้มอบหมาย "การบ้าน" ให้กับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1 เป็นการเขียนบทความเล่าเรื่องราวพิเศษที่เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน โดยการผสมผสานระหว่างความจริงและจินตนาการเพิ่มเติมเพื่อให้บทความออกมาสนุกและมีสีสันน่าติดตามมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเคยชินและความผูกพันกับโรงเรียนและเพื่อนพ้องมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
หลังจากนั้นไทระได้นำ QR CODE ของเว็บไซต์ที่รวบรวมการบ้านที่นักเรียนทุกคนส่งมาแปะบนบอร์ดหน้าโรงเรียน ทำให้ทุกคนในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนระดับชั้นอื่น หรือแม้กระทั่ง อาจารย์ และ บุคลากรโรงเรียน จึงได้เห็นและแวะอ่านกันอย่างสนุกสนาน และเข้าร่วมส่งบทความกันอย่างล้นหลามจนเป็นกระแสไปทั่วโรงเรียนเลยทีเดียว
รายละเอียดภารกิจหลัก
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
[ ภารกิจเขียนบรรยาย ]
เขียนบทความเล่าเรื่องราวที่ "ตัวละคร" พบเจอเหตุการณ์เรื่องใดก็ได้ในโรงเรียนโดยสามารถเพิ่มจินตนาการที่ไม่มีอยู่จริงเพื่อความสนุกของเรื่องราวได้ มีเงื่อนไขครบถ้วน ดังนี้
1. เป็นเรื่องราวที่มีตัวเอกเป็น ตัวละครหลัก หรือ ตัวละครเสริม หรือ ทั้งคู่
2. เรื่องราวต้องเกิดขึ้นในบริเวณโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ ป้อมยาม จนถึง ทะเลหลังอาคารหอพัก
3. ต้องมีบุคคลที่สามซึ่งเป็นใครก็ได้ในโรงเรียนอยู่ในเรื่องราวด้วยอย่างน้อย 1 คน
ยกตัวอย่างเช่น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงที่จะนำมาเล่าเรื่อง :
ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดแล้วได้ยินเสียงแปลก ๆ
บทความที่แต่งออกมาในภารกิจโดยเพิ่มจินตนาการ :
ไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดแล้วเจอวิญญาณที่กำลังหนีปิศาจแม่มดผู้ชั่วร้าย เลยช่วยเหลือวิญญาณจากแม่มดผู้ชั่วร้ายและช่วยให้ไปสู่สุคติให้ได้
Bonus Collector
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
สะสมปัจจุบัน : 200 / 500
Bonus Collector ครบ 100%
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
- คลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียดรางวัล:
CASINO PROTECTION AWARD (5M)
รางวัลพิเศษที่จะติดโปรไฟล์ของผู้ได้รับที่หัวข้อ [ Award ] เป็นระยะเวลา 30 วัน โดยผู้ที่ได้รับรางวัลนี้จะได้รับการปกป้องทรัพย์สินที่จะสูญเสียไปในระบบ CASINO ทุกเกมภายในโรงเรียนเป็นจำนวนเงินรวมกันสูงสุดไม่เกิน 5,000,000 CHIPS เมื่อใช้วงเงินครบแล้วหรือหมดเวลาที่กำหนดไว้ รางวัลนี้จะหายไปโดยอัตโนมัติ+5 MAGIC SCROLL
ม้วนคัมภีร์ของผู้อำนวยการโรงเรียนที่จะมอบให้กับนักเรียนหรืออาจารย์ที่สูญเสียเครดิต (CREDIT) ไป เมื่อใช้งานแล้วจะทำให้ค่าเครดิตเพิ่มขึ้นจากเดิม จำนวน +1 Credit ทันที+10 STAR PIECE
ชิ้นส่วนดวงดาวที่ใช้สะสมรวมกันในขวดโหล สามารถนำไปแลกเป็นของรางวัลพิเศษมากมายกับทางโรงเรียนได้+3,000,000 CHIPS
เหรียญตราที่ใช้ในการชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดภายในโรงเรียนหรือการร่วมกิจกรรมพิเศษที่ทางโรงเรียนและบริษัทสปอนเซอร์จัดขึ้น
ผู้ส่งภารกิจทุกคน
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
QUAINT QUEST STAMP
ตราประทับที่มอบให้สำหรับผู้ที่ปฎิบัติภารกิจหลักได้ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อเป็นเกียรติยศแสดงถึงความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมายอย่างสำเร็จลุล่วง เมื่อถูกประทับแล้วจะทำให้ได้ค่าประสบการณ์ +100 Grade Exp. โดยอัตโนมัติ
+10 STAR PIECE
ชิ้นส่วนดวงดาวที่ใช้สะสมรวมกันในขวดโหล สามารถนำไปแลกเป็นของรางวัลพิเศษมากมายกับทางโรงเรียนได้
+1,000,000 CHIPS
เหรียญตราที่ใช้ในการชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดภายในโรงเรียนหรือการร่วมกิจกรรมพิเศษที่ทางโรงเรียนและบริษัทสปอนเซอร์จัดขึ้น
Date of broadcast :
01 MAR 2023 ; 11.00 TH
- pangkawjoaประธานนักเรียน
Taira Payakaroon
อาจารย์ภาษาไทย
3255
+576 M 722 K 265
PASSPORT
:
(2380/21000)
:
Re: [ Quest 32 ] : เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับฉัน
- ฺ...B...:
แป๊ก~!
เสียงลูกแม็กตัวสุดท้ายถูกกดลงบนบอร์ดเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวยึดกระดาษที่มีคิวอาร์โค้ดอยู่ เมื่อสแกนคิวอาร์โค้ดนี้ ทุกคนจะสามารถอ่าน ‘เรื่องเล่าพิเศษ’ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งได้
ดูท่าทางนักเรียนจะชอบการบ้านที่ให้เขียนเรื่องเล่าพิเศษแฮะ แต่ละคนเขียนกันมาได้สุดยอดมาก ผมเลยคิดว่ามาติดคิวอาร์โค้ดที่บอร์ดประจำโรงเรียนไว้ดีกว่า เพื่อทุกคนจะได้อ่านเรื่องราวสนุกๆ
ฉึบๆ~
เหมือนมีใครมาสะกิดด้านหลัง พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็น ‘คุณเอลีท’ ผู้หาตัวจับได้ยากยืนอยู่
“สวัสดีครับ คุณไทระ” คุณเอลีทกล่าวทักทายผมก่อน
“สวัสดีครับ~” ผมทักทายกลับ
คุณเอลีทมองไปทางคิวอาร์โค้ดบนบอร์ด ก่อนจะหันมาถามผม “ที่ติดอยู่บนบอร์ดนั่น…”
ผมเลยเล่าเรื่องการบ้านเรื่องเล่าพิเศษให้ฟัง คุณเอลีทพยักหน้ารับก่อนที่จะทำหน้าฉงน…จริงๆ หน้าแกนิ่งจนดูอารมณ์ไม่ค่อยออก แต่เพราะผมสายตาค่อยข้างดีกับสังเกตสีหน้าเก่งโคตรๆ นั่นแหละ เลยพอจะรู้บ้างว่าคนตรงหน้ารู้สึกยังไงน่ะนะ
“เอ๋…มีเรื่องที่แยกมาติดพิเศษด้วยเหรอครับ”
“เอ๊ะ?” ผมชะงักพลางเลิ่กคิ้วสงสัย แล้วคุณเอลีทก็ชี้ไปที่มุมบอร์ดซึ่งมีกระดาษใบหนึ่งติดอยู่
ที่จริงมันคงไม่สะดุดตาพวกผมนักหรอก ถ้าบนกระดาษนั่นไม่ได้มีข้อความขนาดใหญ่เขียนไว้ว่า…
‘เรื่องเล่าพิเศษ : อธิพันธ์แห่งหฤหัย’
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งสามารถใช้คำที่ลึกซึ้งได้ขนาดแล้วเหรอ ไหนขอดูชื่อหน่อยสิ…
‘...ผู้เขียน B.’
พอเห็นชื่อผู้เขียนแล้ว ผมถึงกับขมวดคิ้วมุ่น คนนี้เป็นใครกัน…
ฉึบๆ~
คุณเอลีทสะกิดผมอีกรอบก่อนจะขยับปากเพื่อให้ผมอ่านปากได้ถนัด “คำนั้นแปลว่าอะไรเหรอครับ?”
ดูท่าคุณเอลีทคงสงสัยมาก แต่ก็ไม่แปลก เพราะถ้าไม่ใช่ครูภาษาไทยหรือคนที่รู้ความหมายอยู่แล้ว ก็เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกแบบนี้ ก็คำมันค่อนข้างยากนี่นะ
“อธิพันธ์แปลว่าความผูกพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ครับ” ผมตอบ “ส่วนหฤทัย…”
“แปลว่าหัวใจ?” คุณเอลีทลองตอบ
“ถูกต้องครับ” ผมยิ้มให้ “เพราะงั้นคำนี้เลยแปลว่า ‘ความผูกพันธ์ที่ยิ่งใหญ่แห่งหัวใจ’ ”
ผมตอบต่อพลางมองกระดาษนั่นอีกรอบ นอกจากคำที่เขียนอยู่นั้นก็ไม่เห็นว่าจะเขียนเรื่องเล่าอะไรต่ออีก จะมีก็แต่คิวอาร์โค้ดสีม่วงอันเล็กๆ ที่ถูกติดไว้
หรือเรื่องราวจะอยู่ในคิวอาร์โค้ดนั่น?
“ลองสแกนดูดีไหมนะ…ว่าแต่ เมื่อกี้มันมีกระดาษอันนี้อยู่ด้วยเหรอ…” ผมขยับปากมุบมิบราวกับคุยกับตัวเอง
ถ้าจำไม่ผิด ตอนผมติดกระดาษคิวอาร์โค้ดของเด็กๆ ก็ยังไม่มีกระดาษปริศนานี่มาติดนะ หรือผมจำผิด?
“เราลองสแกนกันดูดีไหมครับ” คุณเอลีทสะกิดบอก ท่าทางจะสงสัยจริงๆ แฮะ
ผมตอบรับแล้วหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาพร้อมๆ กับที่คุณเอลีทก็หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาเช่นกัน พวกเราสแกนไปที่คิวอาร์โค้ดสีม่วงบนกระดาษปริศนานั่น
…Now Loading…
มือถือของพวกเราปรากฎข้อความนี้ ไม่กี่วินาทีนาทีต่อมาก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมาที่มือถือทั้งสองเครื่อง
แวบบบ~!
มันเป็นแสงที่สว่างจ้ามาก มากถึงมากที่สุดจนผมไม่อาจจะฝืนลืมตาได้ ผมได้แต่หลับตาแน่นจนกระทั่งรู้สึกว่าแสงนั่นจางหายไปแล้ว ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง และผมรู้สึกว่าต้นไม้นี้อยู่ภายในโรงเรียนควิ้นท์แน่ๆ
“เออใช่! คุณเอลีทล่ะ!?” ผมหันซ้ายหันขวาหาคนที่นึกถึง แล้วก็หันไปเห็นคุณเอลีทยืนนิ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ผมกะจะรีบเดินเข้าไปหาแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนยืนอยู่กับคุณเอลีท
เหมือนสองคนนั้นกำลังคุยอะไรกันอยู่เลยแฮะ ระยะเท่านี้น่าจะพอยืนอ่านปากได้อยู่มั้ง?
บุคคลปริศนาที่ยืนอยู่หน้าคุณเอลีทเป็นผู้ชายผมสีม่วง ซึ่งผมสีม่วงนั่นปรกลงมาปิดหน้าไปเกือบครึ่ง แต่ก็ยังเห็นริมฝีปากอยู่ เขายิ้มบางๆ ก่อนจะขยับปากช้าๆ รวมกับตั้งใจให้ผมอ่านปากไปด้วยอย่างไรอย่างนั้น…
“ใช้ชีวิต…ดี…เก่ง…”
ระยะเท่านี้ก็ยังอ่านปากลำบากเหมือนกันแฮะ แต่จะเข้าไปใกล้เกินก็ไม่ได้ด้วยสิ…
“...”
“...มี…สุขให้มากๆ แทน…ด้วย” ผู้ชายผมม่วงยังขยับปากต่อไป แล้วเพราะคุณเอลีทยืนหลังให้ผมอยู่ ผมเลยไม่สามารถอ่านปากได้ว่าคุณเอลีทตอบอะไร
“...”
“รัก…และ…ใยเสมอ” พอขยับปากพูดคำนี้จบ ผู้ชายผมม่วงก็ขยับเข้าไปใกล้คุณเอลีทก่อนที่จะ…
…สวมกอด…
ขนาดผมอยู่ตรงนี้ยังสัมผัสได้เลยว่าเป็นอ้อมกอดที่ทั้งเศร้าสร้อยแต่ก็อบอุ่นไปพร้อมกัน และเมื่อชายผมม่วงผละอ้อมกอดออกไป เขาก็หันมาทางผมก่อนจะขยับปากอีกครั้ง
“ฝากด้วยนะ ขอบใจมาก” คราวนี้ผมดันอ่านปากเขาได้อย่างชัดเจนมาก ว่าแต่…
ฝาก? ฝากอะไร? แล้วขอบใจอะไรกัน?
แต่ยังไม่ทันที่จะได้ถามอะไร ชายหนุ่มผมม่วงก็หันไปทางคุณเอลีทอีกครั้งก่อนที่จะสลายจางหายไป ชั่ววินาทีนั้นคุณเอลีทยื่นมือออกไปราวกับจะไขว่คว้าเขาได้ แต่สิ่งที่คว้าไว้ได้มีเพียงสายลมเท่านั้น
ผมชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่จะรีบเดินเข้าไปหาคุณเอลีท แล้วก็ต้องยิ่งผงะเมื่อเห็นว่ามีน้ำใสๆ เอ่อล้นออกมาจากดวงตาของคุณเอลีท
“...พี่…”
…นั่นเป็นคำที่ผมได้อ่านปากของคุณเอลีทในช่วงเวลานี้…
ฉึบๆ~
เหมือนมีใครมาสะกิดด้านหลัง พอหันไปมองก็เห็นว่าเป็น ‘คุณเอลีท’ ผู้หาตัวจับได้ยากยืนอยู่
“สวัสดีครับ คุณไทระ” คุณเอลีทกล่าวทักทาย
โอ๊ะ! พูดเหมือนที่ผมแอบคิด ‘เรื่องเล่าพิเศษในแบบฉบับของตัวเอง’ เมื่อกี้เลย!
ผมก็แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่อยู่ๆ ก็นึกเรื่องเล่าแบบนั้นได้ อย่างกับมีใครเข้ามาแทรกแซงความนึกคิดเลย…
“สวัสดีครับ” ผมกล่าวทักทายกลับด้วยรอยยิ้ม นั่นทำให้ผมหลุดจากภวังค์ ก่อนที่คุณเอลีทจะชี้ไปที่บอร์ด
“ที่ติดอยู่บนบอร์ดนั่น…” คุณเอลีทชี้ไปทางบอร์ด ผมที่กำลังจะบอกเรื่องการบ้านเป็นอันต้องชะงักกึก เมื่อเห็นว่าสิ่งที่คุณเอลีทชี้ ไม่ใช่กระดาษคิวอาร์โค้ดเรื่องเล่าพิเศษของเด็กๆ นักเรียน
แต่เป็นกระดาษที่มีกระดาษคิวอาร์โค้ดสีม่วงติดอยู่…...‘เรื่องเล่าพิเศษ : อธิพันธ์แห่งหฤหัย’
...ผู้เขียน B.’...
Signature ------------------------------------------------>
初めまして、どうぞよろしくお願いします。
- bluebearz
Bonita Blanchett
นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5
1283
+123 M 935 K 310
PASSPORT
:
(450/2125)
:
Re: [ Quest 32 ] : เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับฉัน
- REWOPREPUS:
- ชื่อเรื่อง : REWOPREPUS
ผู้เขียน : คุณหมีหิวข้าว
ถ้าหากวันหนึ่ง…
ถ้าหากวันหนึ่งเราทุกคนเกิดมี พลังวิเศษ ขึ้นมา
มันจะเป็นยังไงกันนะ
.
.
.
หลังจากที่เมื่อวานมีข่าวลือหนาหูแพร่สะบัดไปทั่วโรงเรียน เกี่ยวกับเรื่องรุ่นพี่มอหกคนหนึ่งที่ค้นพบพลังวิเศษในการควบคุมมวลน้ำในระหว่างที่กำลังเข้าห้องน้ำโดยบังเอิญ จนกลายเป็นว่าข่าวลือที่เล่ากันปากต่อปากนี้ทำให้นักเรียนทุกชั้นปีเริ่มจับเข่าคุยกันตั้งแต่หัววัน จนถูกยกขึ้นเป็น Topic ยอดฮิตติดเทรนด์ประจำโรงเรียนไปแล้ว
แม้ในวันนี้ทุกคนจะเอาแต่ให้ความสนใจอยู่กับหัวข้อทอล์คออฟเดอะควิ้นท์มากเพียงใด แทว่ากิจวัตรประจำวันอย่างการเรียนหนังสือก็ยังคงต้องทำไม่ต่างจากวันอื่น ๆ
ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น…แม้ในใจจะอยากฟังข่าวลือนั้นจากเพื่อนมากขนาดไหน แต่ฉันก็ยังคงต้องตื่นเช้า อาบน้ำแปรงฟัน กินข้าวและเดินทางมาเรียนอยู่ดี
' ว่ากันว่าทุกคนล้วนมีพลังวิเศษอยู่ในตัวเอง ซึ่งพลังวิเศษที่แฝงอยู่ในตัวของแต่ละคนนั้นจะออกมาเป็นรูปแบบไหน ขึ้นอยู่กับจิตใต้สำนึกของคนคนนั้นว่าลึก ๆ เขากำลังปรารถนาสิ่งใด '
ในระหว่างที่เดินไปเรียนด้วยกันกับคุณรูมเมท ฉันก็อ่าน Blog ที่ถูกเขียนขึ้นโดยนักเรียนคนหนึ่งจากภายในหน้าจอมือถือไปด้วย
พลังวิเศษจะขึ้นอยู่กับความต้องการในส่วนลึกของจิตใต้สำนึกเหรอ…จะว่าไปแล้วคุณรูมเมทเคยบอกว่าเธออยากที่จะเข้าใจความรู้สึกและอารมณ์ของคนอื่นได้ดีขึ้น และเมื่อตอนเช้าเธอก็เพิ่งค้นพบพลังวิเศษของตัวเองด้วยนี่นา...
พลังวิเศษของคุณรูมเมทคือ พลังในการอ่านความคิดของคนอื่น (Telepathy) ซึ่งเพราะด้วยพลังนี้ทำให้เธอมองเห็นความคิดและความรู้สึกภายในหัวของฉันออกมาเป็นตัวอักษรเสียหมดเปลือก เป็นพลังที่สุดยอดไปเลย
ดูเหมือนว่านอกจากคุณรูมเมทแล้ว เพื่อนร่วมห้องส่วนใหญ่เองก็เริ่มค้นพบพลังวิเศษของตัวเองด้วยความบังเอิญไปตาม ๆ กัน เพราะทันทีที่ฉันเดินเข้าไปในห้องเรียน ก็เห็นเพื่อนหลายคนกำลังอวดแสดงถึงพลังความสามารถที่ตนได้รับมากันเสียยกใหญ่
[อรุณสวัสดิ์ ลูกหมี]
เสียงพูดที่ดังออกมาจากโปรแกรมสังเคราะห์ทำให้ฉันต้องหันขวับไปมอง เป็นคุณรินทร์เพื่อนร่วมห้องนั่นเองที่เข้ามาทักทายหลังจากที่เห็นฉันเดินเข้าห้องเรียนมา
เพราะไม่ค่อยคุยกันเท่าไรฉันเลยได้แต่พยักหน้าตอบรับอีกฝ่ายด้วยท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ แม้ในใจนึกอยากทักทายอีกฝ่ายกลับไปบ้างก็ตาม
[ได้ยินข่าวลือไหม เรื่องพลังวิเศษน่ะ]
ฉันพยักหน้ารับหงึกหงักอีกรอบ
[เหมือนในห้องตอนนี้จะมีแค่รินทร์คนเดียวแล้วล่ะที่ยังไม่เจอพลังวิเศษของตัวเอง]
แม้จะเป็นเพียงเสียงพูดจากโปรแกรมสังเคราะห์ที่สร้างขึ้นมาที่ไม่ใช่เสียงจริง ๆ ของคุณรินทร์ แต่คนฟังอย่างฉันก็สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกน้อยอกน้อยใจที่ถูกกลั่นกรองออกมา
และเพราะไม่อยากให้คุณรินทร์ต้องคิดมาก ฉันจึงรีบโพล่งสวนกลับเธอไปในทันที
"ม-ไม่จริงหรอกค่ะ! ล-ลูกหมีก็ยังไม่เจอพลังนั่นเหมือนกัน!"
ได้ผล…คุณรินทร์ดูแปลกใจกับคำพูดของฉันมากกว่าที่คิด เธอกระพริบตามองฉัน ก่อนจะก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความลงบนไอแพดสีส้มเครื่องโปรดในมือของเธออีกครั้ง
[ลูกหมีก็ด้วยเหรอ เท่ากับว่าตอนนี้มีเราสองคนสินะ]
เธอส่งยิ้มบางให้กับฉัน มันเป็นรอยยิ้มพิมพ์ใจที่แสดงความเป็นมิตรและราวกับจะบอกฉันว่าพวกเราเป็นพวกเดียวกัน เพราะงั้นมาอยู่ด้วยกันเถอะนะ…อะไรประมาณนั้นเลย
ถึงแม้ฉันจะบอกกับเธอออกไปว่ายังไม่ค้นพบพลังวิเศษเหมือนกัน แต่ภายในใจกลับเอาแต่นึกสงสัยและวิตกกังวลไม่หยุด ว่าถ้าหากฉันได้เจอและมีพลังวิเศษเป็นของตัวเองบ้าง มันจะเป็นความรู้สึกอย่างไร หรือมีหนทางใดบ้างที่จะทำให้ตัวเองได้ค้นพบพลังวิเศษนั่นเร็ว ๆ
นางสาวสมรศรี : พลังย้อนเวลาของฉันมันวิเศษมากจริง ๆ
ทารกน้อยแบเบาะ : ฉันฝันมาตลอดเลยว่าอยากมีพลังวิเศษ! ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ฝันของฉันเป็นจริง!
ซันชายน์ : อยู่ ๆ พระเจ้าก็อัพแพทซ์เหรอ!? นี่มันสุดยอดไปเลย!
สาวน้อยเบบี้เกิร์ล : ถึงจะไม่รู้ว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ฉันชอบพลังเดจาวูของตัวเองนะ *หัวเราะ*
ไม่ว่างแม่เรียกไปซักผ้า : เพื่อนฉันได้รับพลังลอยตัวในอากาศ ฉันเองก็อยากลอยได้แบบนั้นบ้าง
เจ้าวาฬน้อย : เสียดายที่อยากได้พลังเทเลพอร์ต แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ใช้พลังย้ายของที่อยู่ไกลให้เข้ามาใกล้ได้โดยไม่ต้องเดิน!
"ทุกคนเจอพลังของตัวเองกันหมดแล้วเหรอ…ดีจังเลย"
ในระหว่างที่รอเรียนคาบเช้า ฉันก็นั่งอ่านคอนเมนต์ของชาวเน็ตในสื่อโซเชียลออนไลน์บนมือถือเล่นเป็นการฆ่าเวลา ก่อนที่ฉันจะเผลอพึมพำกับตัวเองออกมาโดยไม่รู้ตัว
แน่นอนว่าแม้กระทั่งในสื่ออย่างเฟสบุ๊คหรือทวิตเตอร์ ทุกคนในโรงเรียนต่างก็หยิบยกหัวข้อเกี่ยวกับพลังวิเศษนี้ขึ้นมาพูดคุยถกเถียงกัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นไปในทางด้านที่ดี
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฉันเผลอพึมพำเสียงดังมากเกินไปหน่อยหรือเปล่า หรือเป็นเพราะเห็นจากหน้าจอมือถือของฉันกันแน่ คุณรินทร์ที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ ถึงได้เอ่ยทักฉันอีกครั้ง
[ถ้าลูกหมีได้เจอพลังวิเศษ ลูกหมีคิดว่าจะเป็นพลังแบบไหนเหรอ]
ฉันได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับต้องลดโทรศัพท์ในมือลง ก่อนจะกรอกตาขึ้นมองเพดานห้องเรียนด้วยท่าทางครุ่นคิด "อืม…ล-ลูกหมีก็ไม่รู้"
[เหรอ]
"ล-แล้วค-คุณรินทร์ล่ะ"
[รินทร์เหรอ รินทร์คงอยากได้พลังที่ทำให้ตัวเองสื่อสารกับคนอื่นได้เร็วและง่ายกว่านี้ล่ะมั้ง] เสียงโปรแกรมสังเคราะห์เอ่ยตอบกับฉัน [เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ว่าแต่ลูกหมีอยากไปห้องน้ำด้วยกันไหม]
"อ-อือ"
ถึงแม้จะขานตอบตกลงออกไปแบบนั้น แต่ฉันก็ไม่ได้อยากถ่ายเบาหรือถ่ายหนักแต่อย่างใด ฉันมาห้องน้ำเพราะแค่อยากมาเป็นเพื่อนคุณรินทร์เฉย ๆ ตอนนี้เลยทำเพียงยืนรอเธอทำธุระอยู่ที่หน้าอ่างล้างมือ
ก่อนที่ไม่นานเสียงกดชักโครกจะดังขึ้นบ่งบอกว่าทำธุระเสร็จสิ้นแล้ว ตามมาด้วยเสียงเปิดประตูและเสียงก้าวเท้าย่ำน้ำดังเฉอะแฉะไปทั่วอาณาบริเวณ
ฉันเหลียวไปมองก็เห็นคุณรินทร์กำลังตบไปบนเสื้อผ้าของตัวเอง พร้อมกับสอดส่ายสายตาคล้ายกำลังมองหาอะไรบางอย่าง
"ห-หาอะไร-ร-เหรอคะ"
"อืม...รินทร์เหมือนจะลืมหยิบไอแพดมาด้วย"
"อ-เอ๊ะ" ฉันได้ฟังคำตอบก็ถึงกับเบิกตากว้าง...เพราะเสียงที่ตอบกลับมาทั้งที่ควรจะเป็นเสียงโปรแกรมสังเคราะห์จากไอแพดอย่างที่ได้ยินจากคุณรินทร์แบบทุกที แต่ทว่าในตอนนี้กลับเป็นเสียงพูดที่ออกมาจากริมฝีปากของคุณรินทร์เอง
"ค-คุณรินทร์พูดได้แล้ว?"
ดูเหมือนว่าคุณรินทร์เองก็เริ่มจะรู้สึกตัวแล้ว...
"เอ๋ จ…จริงด้วย นี่มันไม่จริงใช่ไหม…รินทร์ฝันไปหรือเปล่า"
คุณรินทร์มองหน้าฉันราวกับจะยืนยันให้แน่ใจ ฉันส่ายหัวเป็นคำตอบ ก่อนที่เธอจะยืนนิ่งคล้ายประมวลผลกับตัวเองอยู่สักพัก แล้วจึงเข้ามาสวมกอดฉันด้วยความดีใจทำเอาฉันประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก
นี่น่ะเหรอพลังวิเศษที่คุณรินทร์ปรารถนามาโดยตลอด...
ถึงแม้อาจจะดูเป็นพลังที่ไม่ได้โดดเด่นมากไปกว่าพลังหายตัว (Invisible) พลังอ่านความคิดคนอื่นหรือพลังการท่องเวลา (Time Traveller) แต่สำหรับคุณรินทร์ที่มักใช้ไอแพดเป็นตัวแทนในการสื่อสารกับคนอื่นมาตลอดทั้งชีวิตแล้ว มันคงเป็นเหมือนของขวัญสุดพิเศษที่ได้รับจากพระผู้เป็นเจ้าเลยอย่างไรอย่างนั้น
เหลือแค่ฉันแล้วงั้นเหรอ…
ถึงแม้จะแอบรู้สึกนอยด์ ๆ ที่ต้องเหลือตัวคนเดียว แต่ฉันก็ะลอยดีใจกับคุณรินทร์ที่เธอหาพลังวิเศษของตัวเองเจอแล้ว
"กลับห้องเรียนกัน รินทร์อยากลองไปพูดกับเพื่อน ๆ จะแย่แล้ว"
คุณรินทร์คลายอ้อมกอดลงและเอ่ยพูดกับฉันด้วยเสียงของตัวเอง นี่คงเป็นครั้งแรกของคุณรินทร์และฉันเลยหรือเปล่านะ ที่ได้ยินเสียงที่แท้จริงของเธอ
ฉันพยักหน้าตอบรับเบา ๆ ก่อนจะเดิมตามคุณรินทร์ออกจากห้องน้ำไป แต่ทว่าเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว หางตาก็เผลอชำเลืองไปเห็นเงาสะท้อนของตัวเองบนกระจกบานใหญ่เข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
มันคือเงาสะท้อนของฉันเอง
และเงาสะท้อนนั้นกำลังยิ้มให้ฉันอยู่
"มีอะไรเหรอลูกหมี"
เสียงของคุณรินทร์ที่ดังขึ้นจากหน้าทางเข้าห้องน้ำช่วยเรียกสติของฉัน เมื่อฉันกระพริบตาและมองไปที่บานกระจกตรงหน้าอีกครั้งก็พบว่าเงาสะท้อนนั้นไม่ได้กำลังยิ้มแต่อย่างใด สีหน้าทุกอย่างยังคงเหมือนกับตัวฉันที่ยืนอยู่หน้ากระจกในตอนนี้
ฉันส่ายหัวเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร ก่อนจะรีบเดินตามคุณรินทร์ออกไป โดยที่ภายในใจยังคงสงสัยกับสิ่งที่เห็นเมื่อครู่นี้ หรือบางทีฉันอาจจะแค่ตาฝาด?
ฉันสังเกตุเห็นว่าตลอดคาบเรียนเพื่อนร่วมห้องต่างเริ่มพากันหันมาใช้พลังวิเศษในการทำให้การเรียนของตัวเองเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น
อย่างในวิชาพละก็มีเพื่อนชายคนหนึ่งใช้พลังความเร็ว (Speed) ในการวิ่งมาราธอนวนรอบสนามได้เป็นสิบ ๆ กว่ารอบภายในเพียงไม่กี่นาที จนได้คะแนนสูงสุดของห้อง
หรือจะเป็นเพื่อนอีกคนที่ใช้พลังตาทิพย์ (Clairvoyance) ที่สามารถมองเห็นคำตอบบนโจทย์เลขคณิตยาก ๆ ที่ไม่มีใครในห้องสามารถตอบได้ จนได้รับคำชมและรางวัลจากอาจารย์
ดีจังเลยพลังวิเศษ
พลังของฉันจะออกมาตอนไหน และจะเป็นพลังแบบไหนกันนะ…
"ลูกหยีกำลังคิดว่าอยากมีพลังอยู่ล่ะสิ"
"อ-หวา!"
ฉันถึงกับสะดุ้งโหยงทันทีที่คุณน้ำขิงซึ่งเป็นรูมเมทของฉันเดินเข้ามาทักที่โต๊ะเรียน หลังจากที่อาจารย์ปล่อยให้พักเบรกสิบนาที ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าคุณน้ำขิงแอบใช้พลังอ่านความคิดของฉันอีกแล้ว
"ล-ลูกหมีแค่อยากได้พลังวิเศษทำให้ตัวเองเก่งขึ้นบ้าง"
"เดี๋ยวในไม่ช้าลูกหยีก็คงได้เจอพลังของตัวเองนั่นแหละ"
"ว-หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น…"
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!!"
ทันใดนั้นเองจู่ ๆ เสียงกรีดร้องสูงแหลมของเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งภในห้องก็ดังขึ้น เรียกความสนใจของฉันและคุณรูมเมทให้หันไปมองตามเสียง แล้วก็เป็นต้องเบิกตาโพลงด้วยตกใจเมื่อเห็นว่าที่หน้าชั้นเรียนมีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งกำลังถูกแช่แข็งทั้งตัวด้วยพลังน้ำแข็ง (Ice Making) จากฝ่ามือของตัวเอง
"นี่มันอะไรกัน! ช-ช่วยด้วย!!!!"
ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือของเพื่อนผู้หญิงอีกคน เธอเป็นเด็กสาวถักผมเปียยาวที่มีพลังในการหายตัว (Invisibility) ตอนนี้ก็กลับกลายเป็นว่าร่างกายของเธอกำลังค่อย ๆ จางหายไป โดยที่ไม่สามารถเรียกคืนร่างของตัวเองให้กลับมาได้อีก จนร่างกายของเธอเลือนหายไปหมดสิ้น เหลือเพียงชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนและแว่นทรงกลมที่ลอยอยู่กลางอากาศ
"ว-เหวอ!!!"
มิวายเพื่อนผู้ชายอีกคนที่มีพลังในการย่อร่างกาย (Minimize) เองก็กำลังประสบกับปัญหาร่างกายถูกย่อเล็กลงเรื่อย ๆ อย่างไร้สาเหตุ จนเขากลายเป็นเหมือนโมเลกุลขนาดเล็กที่หากไม่เอาแว่นขยายมาส่องก็คงแทบจะมองไม่เห็นร่างของเพื่อนคนนั้นอีกเลย
เพื่อนในห้องอีกมากมายต่างก็เริ่มเจอปัญหาเดียวกัน เมื่อพลังวิเศษที่ได้รับมา จากที่เคยใช้มอบความสะดวกสบายให้กับตัวเอง กลับตาลปัตรกลายเป็นว่าสร้างความเดือดร้อนให้เสียอย่างนั้น
ทั้งห้องเรียนตกอยู่ในความชุลมุนอย่างกะทันหัน จนฉันได้แต่นั่งนิ่งงันอยู่ที่โต๊ะเรียนของตัวเองไปด้วยความไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา...
"ไม่!! หยุดนะ!!!"
เสียงกรีดร้องที่ฉันได้ยินดังมากที่สุดเป็นเสียงจากคุณรูมเมทของฉันเอง เมื่อหันไปมองก็พบว่าเธอกำลังกุมหัวของตัวเอง และเอาแต่ร้องออกมาว่า หยุดพูด ฉันไม่แน่ใจว่าเธอกำลังเจอกับอะไรแต่คิดว่าพลังในการอ่านความคิดของคนอื่นก็คงกำลัง ย้อนกลับ มาทำร้ายตัวของเธอไม่ต่างจากเพื่อนคนอื่น ๆ
"ค-คุณน้ำขิง…"
"ลูกหมี หนีไป!"
เสียงตะโกนของคุณรินทร์ดังขึ้นจากด้านหลังของฉัน เธอทิ้งตัวลงหมดเรี่ยวแรงกับพื้น ปากเผยอพรั่งพรูคำพูดที่ฟังไม่ได้ศัพท์ออกมามากมายโดยไม่มีแม้สักวินาทีที่จะหยุดพูด จนทำให้เธอเริ่มแสดงท่าทีเหนื่อยออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เดาว่าที่คุณรินทร์อยากให้ฉันหนีไป คงเพราะเห็นว่าฉันเป็นคนเดียวในห้องที่ยังไม่เจอพลังวิเศษเลยอยากให้รีบออกไปจากตรงนี้ ไม่อยากให้มาเห็นภาพอะไรแบบนี้
ถึงแม้ใจจริงจะยังสบสนและอยากช่วยทุกคน แต่ฉันกลับทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง…มันรู้สึกแย่และเจ็บใจ สุดท้ายฉันก็ทำเพียงรีบวิ่งหนีออกมาจากความโกลาหลนั้น
ฉันวิ่งมาหลบที่ห้องน้ำหญิงที่อยู่สุดทางเดิน แม้ที่นี่จะอยู่ห่างไกลจากห้องเรียนของนักเรียนปีหนึ่ง แต่ทว่าหากยังคงได้ยินเสียงกรีดร้องทุรนทุรายดังมาจากที่นั่นและทั่วทุกหนแห่งภายในอาคารเรียน
ด้วยความกลัว ฉันรีบเข้าไปนั่งชันเข่าอยู่ใต้อ่างล้างมือแล้วกอดตัวเองแน่น ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่...ไม่มีใครรู้เลยว่าพลังวิเศษนี้ได้มาอย่างไร...และไม่มีใครรู้เลยว่าทำไมมันถึงย้อนกลับมาทำร้ายผู้ที่ครอบครอง...
ฉันหวังว่านี่จะเป็นแค่ความฝัน เมื่อลืมตามันต้องหายไป
"ทำอะไรไม่ได้ก็เลยหนีมาซ่อนตัวเหรอ เป็นคนที่แย่จังนะ"
นั่นมัน…เสียงของฉัน?
ฉันเงยหน้าขึ้นจากเข่าของตัวเอง คิดว่าคงจะหูแว่วไปไม่ก็คิดไปเอง แต่ทว่าเสียงนั้นเอ่ยทักขึ้นอีกครั้งราวกับเป็นการตอกย้ำว่าเสียงนั้นมีอยู่จริง หาใช่อาการหลอน
เสียงนั้นมันคล้ายกับเสียงของฉันมาก ทั้งที่ความหวาดกลัวยังคงครอบงำเกาะกุมจิตใจทว่าความสงสัยก็มีมากไม่ต่างกัน ฉันค่อย ๆ คลานออกมาจากที่ซ่อนตัว ลุกขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ มองไปที่กระจกห้องน้ำก่อนจะพบกับเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่บนนั้น
เงาของฉันกำลังยิ้มให้ฉันอยู่…เพียงแต่มันต่างจากรอยยิ้มในครั้งแรกที่ฉันเห็น รอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่พยายามเป็นมิตรด้วย แต่ทว่ารอยยิ้มในตอนนี้นั้นกลับกลายเป็นรอยยิ้มที่เหมือนกำลังเย้ยหยันในความอ่อนแอของฉัน
"พลังในการจำแลงร่างปลอม (Double Team) หืม…ที่แท้เธอก็ปรารถนาอยากจะเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ที่ดีกว่านี้สินะ นี่ไง ลูกหมีอยู่ตรงนี้แล้ว คงพอใจเธอแล้วใช่ไหม"
ร่างที่สะท้อนบนกระจกตรงหน้ามีลักษณะทางกายภาพเหมือนฉันราวกับถอดแบบกันมาก็จริง แต่ถ้อยคำของเธอที่พูดออกมากลับต่างจากฉันโดยสิ้นเชิง มันแฝงไปด้วยความมั่นใจและความทะนงตนที่ฉันไม่มี หรือนี่เป็นตัวตนจากพลังวิเศษที่ฉันต้องการมาตลอดเลยเหรอ
ฉันได้แต่ยืนนิ่งด้วยความสับสนอยู่อย่างนั้น จนไม่ทันสังเกตุเลยว่าเงาที่สะท้อนอยู่ตรงหน้านั้นค่อย ๆ ดันตัวเองออกมาจากบานกระจกจนออกมาเป็นร่างคนเป็น ๆ ได้ประมาณครึ่งลำตัว ก่อนที่เธอจะคว้าหมับเข้าที่ไหล่ทั้งสองของฉันจนฉันสะดุ้ง หลุดออกจากห้วงความคิดของตัวเอง
ดวงตาสีน้ำทะเลครามที่มีเพียงข้างเดียวจ้องมองฉันด้วยแววตาที่ฉายชัดความแข็งกร้าว มันเป็นสายตาที่ดุดันและน่ากลัวทำเอาฉันไม่กล้าแม้แต่จะพ่นหายใจออกมา นี่ไม่ใช่ตัวของฉัน…
"มาสิ มาเปลี่ยนตัวกัน ลูกหมีจะเป็นลูกหมีคนใหม่ให้เอง"
เธอคนนั้นพยายามดึงฉันเข้าไปในกระจก ในขณะเดียวกันฉันก็พยายามยื้อตัวเองไว้สุดแรง พร้อมกับส่ายหัวไปมาและหลับตาปี๋
เรายื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นาน จนทันใดนั้นเองฉันก็รู้สึกได้ว่าสัมผัสมือที่จับแน่นบนไหล่มันกลับหายไปแล้ว เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่ามีเพียงแค่ฉันคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงนั้น เงาบนกระจกก็เป็นตัวของฉันเองที่มีลักษณะท่าทางและสีหน้าเดียวกัน รวมถึงเสียงกรีดร้องด้านนอกก็เงียบไปแล้ว...
ฉันที่ยังงุนงงเดินกลับมาที่ห้องเรียน เพื่อนร่วมห้องทุกคนที่เคยอยู่ในความโกลาหลเมื่อครู่ต่างก็กลับมามีสภาพปกติ ราวว่ามันไม่เคยเกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้น พวกเขาต่างกระพริบตาปริบ ๆ มองหน้ากันว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่...
"ลูกหยี! หายไปไหนมา ขิงเป็นห่วงแทบแย่" คุณน้ำขิงพอเห็นฉันก็รีบวิ่งเข้ามาหาและจับมือทั้งสองของฉันแน่น ฉันทำเพียงส่ายหัวตอบ ก่อนที่เธอจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา
"ลูกหยีไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ แต่แอบเสียดายเลยที่อ่านใจลูกหยีไม่ออกแล้วว่ากำลังโกหกขิงอยู่หรือเปล่า"
"เอ๊ะ อ-อ่านใจไม่ได้แล้ว?"
"อืม เหมือนอยู่ ๆ พลังมันก็หายวับไป ของทุกคนก็เหมือนกัน"
"แล้วคุณรินทร์…"
[ของรินทร์ก็ด้วย]
อา…คุณรินทร์กลับมาใช้ไอแพดในการสื่อสารเหมือนเดิมแล้ว
"บางทีพระเจ้าคงอัพแพทซ์ แต่ลืมแก้บัคแบบที่ในเน็ตเขาว่ากันล่ะมั้ง" คุณรูมเมทพูดขึ้นแบบติดตลก "ทุกคนไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไหน ๆ ก็เลิกเรียนแล้วเราไปซื้อขนมกินกันไหม"
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจว่าทั้งที่เพิ่เจอเหตุการณ์น่าตกใจไปหมาด ๆ แต่ทำไมคุณรูมเมทถึงยังมีอารมณ์สุนทรีย์อย่างการไปซื้อขนมกินได้ แต่ฉันก็พยักหน้าตอบตกลงและชวนคุณรินทร์ไปด้วยกัน
สุดท้ายเรื่องราวของฉันในวันนี้ก็จบลงตรงที่เราสามคนไปหาอะไรกินแก้ท้องร้องด้วยกัน ทุกอย่างกลับมาเป็นธรรมดาปกติ ไม่มีใครใช้พลังวิเศษอะไรนั่นอีกแล้ว
ให้ทุกวันเป็นวันธรรมดาแบบนี้ต่อไปคงจะดีกว่าสินะEND
.
.
.
"นี่มัน...ไม่เว่อร์วังสังขยาเกินไปหน่อยเหรอ"
น้ำขิงถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอมือถือของตัวเองแล้วขมวดคิ้วมองเด็กสาวผู้เป็นรูมเมทของเธอ หลังจากที่ถูกเจ้าตัวคะยั้นคะยอให้ลองแสกนคิวอาร์โค้ด และอ่านบทความที่เจ้าตัวบอกว่าใช้เวลาเรียบเรียงเขียนอยู่นาน
"เอ๊ะ ก-ก็เขาให้เขียนจินตนาการถึงสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง พลังวิเศษก-ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงนี่คะ ม-ไม่ได้เหรอ..."
เด็กสาวผมบลอนด์มัดแกละที่หน้าตาคล้ายกันอย่างกับแฝด พอได้ฟังก็เป็นต้องชักสีหน้าเจื่อนออกมา เธอนึกว่ารูมเมทจะชอบมันเหมือนกับที่เธอชอบเสียอีก
"แต่มันไม่แฟนตาซีเกินไปหน่อยเหรอ ถ้าเอาไปสร้างเป็นหนังขิงว่าน่าจะเวิร์คกว่า"
"ล-ลูกหมีก็แค่คิดว่าแต่ละวันของพวกเรามันดูธรรมดามากเลยนี่นา ถ้าวันนึงทุกคนมีพลังวิเศษมันจะออกมาเป็นยังไง พอคิดแล้วก็เลยอยากลองเขียน…"
"แต่ยังไงขิงก็ว่ามันดูเว่อร์ไปอยู่ดี จะมีคนอ่านหรือเปล่าก็ไม่รู้"
"ต-ต้องมีสิคะ" เด็กสาวยู่ปาก "คุณน้ำขิงก็กำลังอ่านอยู่นี่ไง"
"ร-ร้ายกาจ! ที่ตื๊อให้ขิงอ่านอยู่ตั้งนานเพราะแบบนี้เองสินะ! งั้นลูกหยีต้องมาอ่านของขิงบ้างเลย!"
"ล-แล้วคุณน้ำขิงเขียนเกี่ยวกับอะไรเหรอ"
"ไม่บอก ลูกหยีต้องอ่านเอาเอง"
"ม-ไม่เอา ถ้าเป็นเรื่องผีลูกหมีไม่อ่าน ʕ; •`ᴥ•´ʔ"
"ไม่ได้! แลกกันอ่านแบบแฟร์ ๆ สิ! มานี่เลย ห้ามหนีนะ!"
ว่าแล้วเด็กสาวทั้งสองก็เริ่มเล่นวิ่งไล่จับกันอยู่บริเวณหน้าบอร์ดของโรงเรียนกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ตลอดในช่วงเวลาหลังเลิกเรียน
|
|