- pangkawjoaประธานนักเรียน
Taira Payakaroon
อาจารย์ภาษาไทย
3212
+586 M 322 K 265
PASSPORT
:
(2280/21000)
:
100 CENTIMETER [ ฌิสุธา & ไทระ ]
Sat 14 Apr 2018, 23:14
100 CENTIMETER [ ฌิสุธา & ไทระ ]
เนื้อเรื่องในนี้จะเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไทระกับฌิสุธาครับ
ว่าทั้งสองคนเริ่มเจอกันอย่างไร สนิทกันอย่างไร และเจอเหตุการณ์อะไรบ้าง
จะมีทั้งเนื้อเรื่องตอนที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ เรื่อระหว่างไทระเรียนมหาวิทยาลัย ( ช่วงนี้จะเป็นเนื้อเรื่องพิเศษ ) และเรื่องตอนที่ไทระกับฌิสุธาทำงานที่ควิ้นท์ครับ
ปล.1 แอบเอาการจัดวางฟอร์มของม๊าจิณณ์จากเรื่อง MONKEY & TREE เป็นตัวอย่างครับ
ปล.2 ประวัติฌิสุธา >>คลิกที่นี่<<
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เริ่มต้นด้วยระยะห่างที่แสนไกล
แต่ใจอยากเข้าใกล้ แม้ลดได้เพียงเซนก็ยังดี
ความในใจที่มี ค่อยๆ แสดงมันออกไป
ให้ระยะห่างระหว่างเราเหลือเพียงศูนย์เซนติเมตร
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Contents
ว่าทั้งสองคนเริ่มเจอกันอย่างไร สนิทกันอย่างไร และเจอเหตุการณ์อะไรบ้าง
จะมีทั้งเนื้อเรื่องตอนที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ เรื่อระหว่างไทระเรียนมหาวิทยาลัย ( ช่วงนี้จะเป็นเนื้อเรื่องพิเศษ ) และเรื่องตอนที่ไทระกับฌิสุธาทำงานที่ควิ้นท์ครับ
ปล.1 แอบเอาการจัดวางฟอร์มของม๊าจิณณ์จากเรื่อง MONKEY & TREE เป็นตัวอย่างครับ
ปล.2 ประวัติฌิสุธา >>คลิกที่นี่<<
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เริ่มต้นด้วยระยะห่างที่แสนไกล
แต่ใจอยากเข้าใกล้ แม้ลดได้เพียงเซนก็ยังดี
ความในใจที่มี ค่อยๆ แสดงมันออกไป
ให้ระยะห่างระหว่างเราเหลือเพียงศูนย์เซนติเมตร
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Contents
Signature ------------------------------------------------>
初めまして、どうぞよろしくお願いします。
- pangkawjoaประธานนักเรียน
Taira Payakaroon
อาจารย์ภาษาไทย
3212
+586 M 322 K 265
PASSPORT
:
(2280/21000)
:
Re: 100 CENTIMETER [ ฌิสุธา & ไทระ ]
Sat 14 Apr 2018, 23:25
100 CENTIMETER [ ฌิสุธา & ไทระ ]
- [ 1 ] 100 CM.:
“รบกวนด้วยฮะ”
“อืม ได้สิจ๊ะ”
ผมส่งซองจดหมายลายคิตตี้สีชมพูซึ่งข้างในก็บรรจุจดหมายลายเดียวกันไปให้คุณหมอแผนกจิตเวช คุณหมอรับจดหมายแล้วพลิกดูซองไปมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มกรุ้มกริ่ม
“ลายน่ารักเชียวน้า~”
เอ่อ...คุณหมอแซวใช่ไหมนะ?
ผมเลยได้แต่เกาแก้มแก้เขิน “คนรับเขาชอบอ่ะฮะ ผมเลย...”
“จ้าๆ งั้นหมอจะเอาไปให้ฌิสุธาเหมือนเดิมนะ”
“ขอบคุณนะฮะ แล้วก็...”
“อย่าบอกว่าไทระให้?”
“แหะๆ”
คุณหมอพูดอย่างรู้ทัน ผมเลยได้เกาแก้มแก้เขินอีกรอบ ผมกับคุณหมอคุยกันอีกนิดหน่อย คุณหมอก็ขอตัวไปทำงานต่อ
คุณหมอท่านนี้เป็นหมอประจำแผนกจิตเวชและเป็นหมอประจำตัวของ ‘ฌิสุธา’ ด้วย เมื่อตอนช่วงมัธยมห้า ผมบังเอิญเห็นฌิสุธาในห้องพักคนไข้ แล้วก็เกิดรู้สึกสนใจเธอขึ้นมา เธอน่าจะเข้ามาเรียนช่วงๆ นั้นด้วยมั้งนะ
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงสนใจนัก รู้แค่ว่าอยากทำความรู้จัก คงเพราะรู้สึกว่าเธอมีเสน่ห์ลึกลับที่น่าค้นหามั้ง จากนั้นผมก็รู้ว่าเธอไม่คอยถูกโรคกับผู้ชายเท่าไหร่แต่ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรเธอถึงมาเรียนที่ควิ้นท์ และด้วยความอยากรู้จักเธอ ( ก็คนมันสนใจอ่ะ ) เลยลองเขียนจดหมายหา แล้วส่งผ่านคุณหมอประจำตัวของเธอ
ผมไม่ได้เขียนหรอกว่าตัวเองเป็นใคร เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ส่วนใหญ่ผมก็เขียนทักทาย คุยแลกเปลี่ยนความชอบกัน คราวที่แล้วผมเลยรู้ว่าเธอชอบสีชมพู ชอบคิตตี้ เลยเลือกกระดาษจดหมายแบบนั้นไง
ผมเขียนหาเธอมานานพอควรจนตอนนี้ใกล้จะเรียนจบแล้ว ทั้งที่ใกล้จะจบแล้วแท้ๆ แต่ผมยังไม่ได้สนิทกับฌิสุธาเท่าไหร่เลย รอบนี้ผมเลยเขียนถามไปว่าจบแล้วจะไปเรียนที่ไหน
ถ้าเรียนจบแล้วจะได้เจอกันอีกไหมนะ เฮ้อ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สามวันต่อมา ณ ห้องเรียนชั้นมัธยมหก
‘...เราคงเรียนหรือไม่ก็ฝึกงานที่ควิ้นท์ต่อจ้ะ...’
ฌิสุธาเขียนตอบผมมาแบบนี้ อืม...ถ้าเธอเรียนต่อที่ควิ้นท์ก็ดีสิ ผมจะได้แอบมาหา ( แอบมอง ) ได้บ่อยๆ อย่างน้อยยังไงผมก็ต้องกลับมาหาม๊าจิณณ์กับป๊าแม็กเวลอยู่แล้ว แล้วก็คงถือโอกาสมาเจอฌิสุธาด้วยเลย
“คงได้เจอกันอีกสินะ”
ขวับ!
“ได้เจอใครเหรอครับ”
“เฮ้ย!”
พลั่ก!
ไม่รู้เหมือนกันว่าผมร้องเสียงดังไหมแต่ก็ทำให้เพื่อนหันมามองได้พอสมควร แค่ส่งเสียงไม่พอ ผมยังเผลอผลักหน้าภูมิออกไปด้วย อยู่ๆ ภูมิก็ชะโงกหน้ามาตรงหน้า เป็นใครจะไม่ตกใจบ้างอ่ะ ยิ่งผมที่ไม่ได้ยินเสียงยิ่งตกใจเวลาเห็นอะไรกะทันหัน
“ไทระแรงดีจังเลยครับ ฮ่ะๆ” แต่ภูมิก็ยังหัวเราะร่าพลางลูบหน้าตัวเองไปด้วย
“ขอโทษๆ ฮะภูมิ ผมตกใจอ่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่ไทระอยากเจอใครเหรอ?”
“เอ่อ...”
“เห็นนั่งเหม่อตั้งนาน หรือว่าคิดถึงใคร...!” พูดยังไม่ทันจบประโยคดี ภูมิก็แสดงสีหน้าตกใจแถมยิ่งจ้องผมเขม็ง “ไทระหน้าแดงๆ นะครับ”
“เอ๊ะ?”
“หรือจะเกี่ยวกับคนที่คิดถึง...”
“...”
“...”
ไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากผมและภูมิเองก็ไม่ได้ขยับปากสักนิด แต่ตอนนี้ภูมิกำลังทำหน้ามีเลศนัยอยู่ก่อนที่จะยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ชิสุ?” แล้วนี่เป็นคำที่หลุดออกมาคำแรก
‘ชิสุ’ คือชื่อเล่นที่ผมตั้งให้ฌิสุธา ก็เธอดูบอบบาง ขี้กลัว ขี้ตกใจ แต่ก็น่าปกป้องเหมือนหมาน้อยชิสุนี่นา น่ารักจะตายไป ผมเคยเผลอเรียกตอนที่อยู่กับภูมิ ภูมิเลยเรียกตามผม
ผมไม่ได้ตอบอะไรแต่คงหน้าแดงมากแน่ๆ ภูมิถึงเอาแต่ยิ้มไม่เลิกแต่ก็ไม่ได้แซวอะไรอีก เขาคงคิดแหละว่าตัวเองเดาถูกต้อง
ภูมิก็ไม่ได้เดาผิดอะไรสักหน่อยนี่...
“ว่าแต่ไทระคิดหรือยังฮะว่าจะเรียนต่อที่ไหน” ภูมิเลิกแซวแล้วเริ่มถามเรื่องอนาคต
“นั่นสิฮะ ผมคงเรียนคณะครุศาสตร์มั้ง”
“อยากเป็นครูเหรอครับ”
“ก็...ฮะ”
ผมอยากเป็นครูแล้วกลับมาสอนที่ควิ้นท์ อยากให้ความรู้ อยากชี้นำทางเด็กๆ ที่ไม่ปกติบ้าง เหมือนอย่างที่ผมได้รับการชี้แนะจากม๊าจิณณ์ ป๊าแม็ก ครูไอน์ ผู้อำนวยการ หรือแม้กระทั่งคุณเอลีท หรือจากใครๆ อีกหลายคน ถ้าหากผมช่วยได้สักนิดก็คงดี
พอพูดถึงเรื่องนี้แล้วผมก็นึกถึงในจดหมายที่ชิสุเขียนมาในฉบับล่าสุดว่า....
‘...คงทำงานเป็นนักบัญชีที่ควิ้นท์...’
คงเป็นนักบัญชีที่สวยมากแน่ๆ แบบนั้นจะมีครูหนุ่มๆ มาจีบไหมนะ ไม่สิ! ไม่เอาอ่ะ
“ไทระเป็นอะไรครับ”
“หือ?”
“เมื่อกี้ยิ้ม อีกแป๊บก็ทำหน้าเครียด”
สีหน้าผมเปลี่ยนเร็วจนภูมิสังเกตได้เลยแฮะ ผมเลยแถด้วยการฉีกยิ้มไปให้แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร อืม...ครูหนุ่มๆ เหรอ คิดแล้วหงุดหงิดบอกไม่ถูกแฮะ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เวลาผ่านวนไปเรื่อยๆ จนพวกผมใกล้จะเรียนจบแล้ว แต่ระยะห่างระหว่างผมกับชิสุก็ยังไม่ลดลงเท่าไหร่เลย จะมีแต่ตอนงานเลี้ยงโครงการควิ้นท์ชาริตี้นั่นแหละมั้ง ที่ผมได้เต้นรำกับชิสุ ถึงจะยืนห่างกันเป็นเมตรแถมเต้นผ่านตุ๊กตามือด้วยก็เถอะ
ฟิ้ววว~ ปั้ก!
ระหว่างกำลังคิดเรื่องชิสุ ลูกบาสก็ลอยมาทางนี้ ผมรับลูกบาสได้เหมาะมือก่อนจะเลี้ยงหลบหลีกทีมตรงข้ามแล้วส่งลูกไปให้ยูชู้ตลงห่วง
ขวับ!
ลูกบาสลงห่วงอย่างกับจับวาง
ผมกับยูยกกำปั้นขึ้นมาชกกันเบาๆ สื่อความหมายว่า ‘เยี่ยมมาก’
ตอนนี้อยู่ในชั่วโมงบาสเก็ตบอลแล้วครูก็ให้แบ่งทีมแข่งกัน เริ่มแรกผู้ชายจะแข่งก่อน ส่วนผู้หญิงก็นั่งเชียร์ ผมไม่รู้หรอกว่าใครส่งเสียงเชียร์บ้าง แต่ที่รู้คือผมแอบเหลือบมองชิสุเป็นพักๆ ก็เห็นเธอดูการแข่งอยู่ห่างๆ คงไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายสินะ
ถึงผมจะไม่ได้ยินเสียง แต่ก็อยากให้ชิสุเชียร์จัง คงมีกำลังใจมากพอดู
พอการแข่งของผู้ชายจบลงก็ต่อด้วยการแข่งของผู้หญิง ผู้ชายก็มาเชียร์บ้าง ผมเพิ่งรู้ว่าชิสุวิ่งเร็วมาก แบบเร็วเวอร์อ่ะ เร็วกว่าผมอีกมั้ง หรือเธอจะถนัดเล่นกีฬานะ
ผมเห็นเพื่อนๆ ขยับปากกันรัว สงสัยจะส่งเสียงเชียร์กันสนุกแน่ ผมก็อยากเชียร์ชิสุนะ แต่กลัวจะส่งเสียงดังเกินไปน่ะสิ แบบนั้นมีเขินแน่ๆ
“พยายามเข้านะ”
ที่ทำได้เลยมีแค่ขยับปากส่งเสียงออกมาในระดับที่คิดว่าปกติ ทั้งที่เป็นอย่างนั้นแต่ชิสุกลับหันขวับมาทางนี้ เธอได้ยินเหรอ!? หรือใจสื่อถึงกัน!?
เราสองคนมองกันอยู่สามวินาทีได้ก่อนที่ชิสุเหมือนจะขยับถอยไปครึ่งก้าวแล้วเธอก็หันขวับไปเล่นบาสต่อ ให้ตายสิ! แค่โดนมอง ผมก็เขินขนาดนี้แล้วเหรอ!
“เฮ้อ!!!” ผมถอนหายใจแรงพลางทิ้งตัวลงนั่งยองๆ ฟุบหน้าลงกับเข่าตัวเอง แย่...แย่แล้ว แย่มากๆ หัวใจผมเต้นแรงเกินไปแล้ว
เพราะไม่ได้แข่งกันเต็มเวลาจริงๆ ของบาสเก็ตบอล พอผู้หญิงแข่งเสร็จเลยยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อย ครูเขาเลยปล่อยให้เราเล่นกันไปเองจนหมดคาบ ผมอยากนั่งดูชิสุ ( อย่าไปบอกเธอนะ ) เลยไม่ได้ไปเล่นกับเพื่อนๆ
เวลาชิสุเล่นกับพวกผู้หญิงดูสนุกสนานมาก เธอยิ้มตลอดเลย ถ้าเธอยิ้มแบบนั้นให้ผมบ้างก็คงดี
ผมดูชิสุเล่นแล้วเพลินจริงๆ นะ จนกระทั่งชิสุวิ่งมาอยู่ใกล้ๆ ที่ผมยืนอยู่ ผมที่กำลังเคลิ้มๆ ( กับการส่องเธอ ) นี่สะดุ้งขึ้นมาทันที โชคดีที่ผมยืนอยู่ในที่ที่พอจะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้ชายที่เล่นบาสอยู่แป้นอีกฝั่ง เหมือนจะเปลี่ยนไปเล่นดอดจ์บอลกันเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วเพื่อนคนหนึ่งก็ขว้างลูกแรงเกินไป มันแรงจนลอยมาทางชิสุน่ะสิ!
“เฮ้ย!!!”
ร่างกายเร็วกว่าความคิด ขาผมขยับไปแล้ว ผมรีบวิ่งไปบังชิสุไว้แล้วเอาหัวรับลูกบาส...
พลั่กกก!!!
...โดนหัวเต็มๆ เลยครับ อู๊ย...เจ็บชะมัด แต่ที่สำคัญคือ...
“เป็นอะไรไหม!!!” ผมเป็นห่วงชิสุมากกว่า
ชิสุท่าทางตกใจมาก เธอตั้งการ์ดเตรียมป้องกันตัวเต็มที่ โชคดีที่ผมแค่เอาตัวมาบังลูกบาสแต่ไม่ได้โดนตัวเธอ พอตั้งสติได้ผมเลยรีบถอยห่างจากเธอ
“ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม” ผมถามอีกรอบเมื่อเห็นว่าเธอยังตกใจอยู่
เพื่อนๆ เริ่มเข้ามาดูอาการผมแล้ว โดยเฉพาะภูมิที่เตรียมจะยกผมขึ้นขี่หลังแล้ววิ่งพาไปห้องพยาบาล ภูมิ...ภูมิใจเย็นๆ นะฮะ ผมไม่เป็นไรฮะ...
เพื่อนที่ขว้างลูกบาสก็รีบมาขอโทษทั้งผมทั้งชิสุ ผมต้องบอกว่าไม่เป็นไรแทบตายเขาถึงจะยอมเชื่อว่าผมไม่เป็นไรจริงๆ พอเพื่อนๆ เห็นว่าผมปกติดี เลยค่อยๆ หายตกใจกัน พอหลุดจากวงเพื่อนมาได้แล้ว ผมก็มานั่งพักคนเดียว ไม่คิดว่าลูกบาสจะหนักหน่วงขนาดนี้ ลองไปให้ครูพยาบาลเช็คดูหน่อยก็ดีแฮะ เผื่อสมองได้รับการกระทบกระเทือนอะไร ผมยิ่งฉลาดๆ อยู่ เดี๋ยวจะยิ่งฉลาดขึ้นไปอีก... ( ประชดนะฮะ )
ขวับ~
กำลังนั่งคลำหัวตัวเองป้อยๆ ก็เห็นพลาสเตอร์ลายคิตตี้แผ่นหนึ่งยื่นมา พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นชิสุกำลังยื่นพลาสเตอร์มาให้ แต่มือเธอนี่แอบสั่นเหมือนกันนะ พอผมเงยหน้าขึ้น ชิสุก็ถอยหลังไปโดยอัตโนมัติแต่เธอก็บังคับตัวเองให้ยืนอยู่ตรงหน้าผมได้ โชคดีที่เซย์มาเป็นเพื่อนด้วย เลยไม่ทำให้ชิสุกลัวเท่าไหร่...มั้งนะ
“ให้เราเหรอ?” ผมชี้ที่พลาสเตอร์ก่อนจะชี้ที่ตัวเอง แล้วชิสุก็พยักหน้ารับ “ขอบคุณนะ”
ผมรับพลาสเตอร์มาจากชิสุ ถึงพลาสเตอร์มันจะแผ่นเล็กนิดเดียวแต่มันกลับทำให้หัวใจผมพองโตมากมาย ผมยิ้มให้กับพลาสเตอร์ลายคิดตตี้สีชมพูน่ารัก ก่อนจะเงยหน้ามองชิสุอีกครั้ง
“ขอบคุณมากฮะ”
ผมยิ้มกว้างจนตาหยีแล้วเหมือนชิสุจะแก้มแดงหน่อยๆ ( มั้ง? ) เธอพยักหน้าแล้วหันหลังจะเดินไป แต่เดินไปได้แค่ก้าวสองก้าว ชิสุก็หันมาแล้วขยับริมฝีปาก
“ขะ...ขอบคุณนะ”
“...”
พูดแค่นั้นแล้วชิสุก็เดินไปพร้อมกับเซย์ ให้ตายสิ...คำพูดสั้นๆ แต่ทำให้ผมดีใจและเขินได้ขนาดนี้เลยเหรอ...[ To be continued ]
Signature ------------------------------------------------>
初めまして、どうぞよろしくお願いします。
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
|
|